เซวียนอี้ไม่สนใจการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของพี่น้องตระกูลหยาง ขอแค่ไม่ทำร้ายลูกผู้น้องที่เขารักก็พอ ในตอนนี้ คนที่เขาเป็กังวลมากที่สุด เห็นจะเป็คนที่ลูกผู้น้องร้องไห้ให้ด้วยความตื่นเต้น
เซวียนอี้เอ่ยกับหยุนจ่านเผิงด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "ในเมื่อเป็เพื่อนเก่า งั้นเราควรไปทักทายดีไหม?"
"ลูกผู้พี่ เมื่อครู่ข้าตื่นเต้นเกินไป ก็ควรไปทักทาย เดิมทีข้าคิดว่าเขาไม่อยู่แล้ว บัดนี้พอเห็นเขาปลอดภัยไม่ประสบปัญหาใดๆ ข้าดีใจเหลือเกิน" หยุนจ่านเผิงพูดกับเซวียนอี้ด้วยรอยยิ้ม ขณะที่พูดน้ำตายังคงไหลริน
"ลูกผู้น้อง ข้าเข้าใจความรู้สึกของเ้าที่สูญเสียและได้กลับคืนมา แต่ทว่า เ้าต้องเข้าใจความรู้สึกของข้าเช่นกัน เฝ้าดูเ้าร้องไห้ให้ผู้อื่นเช่นนี้ หัวใจของข้าราวกับถูกปิดกั้น" เซวียนอี้เช็ดน้ำตาให้หยุนจ่านเผิงไปพลาง พูดอย่างขมขื่นไปพลาง
ไม่ว่าะหยุนจ่านเผิงจะโง่เขลาเพียงใด ก็ฟังออกแล้วว่าเซวียนอี้หึงหวง "ลูกผู้พี่ ท่านไม่จำเป็ต้องเช็ดน้ำตาให้ข้าแล้ว ข้าก็ไม่อยากร้องไห้ เพียงแต่ข้าอดไม่ได้ สักพักคงเข้มแข็งขึ้น" หยุนจ่านเผิงพูดพลางจับแขนของเซวียนอี้ที่เช็ดน้ำตาให้เขา หยุดอยู่ครู่หนึ่ง หยุนจ่านเผิงก็พูดด้วยเสียงเขินอายหน่อยๆ ว่า "ลูกผู้พี่ ท่านหึงหวงหรือ?"
ถึงแม้ว่าเสียงของหยุนจ่านเผิงจะแ่เบามาก ทว่าเซวียนอี้ก็ได้ยิน เซวียนอี้พูดอย่างมีความสุขว่า "ลูกผู้น้อง เ้ามองออกแล้วหรือว่าข้าหึงหวง งั้นเ้าก็รู้สิว่าข้าชอบเ้า"
เซวียนอี้พูดจบก็จ้องหยุนจ่านเผิงอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรัก ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูตื่นเต้น เห็นเซวียนอี้เช่นนี้ หยุนจ่านเผิงก็พูดคำว่า "ไม่รู้" ไม่ออก หยุนจ่านเผิงคิดในใจ ลูกผู้พี่ชอบเขามาสามปีแล้ว เขาคิดว่าลูกผู้พี่จะรู้สึกแค่ชั่วเวลาหนึ่ง พอนานวันก็คงลืมเขา ทว่าสามปีผ่านไป เขาเห็นว่าความรู้สึกของลูกผู้พี่ที่มีต่อเขาลึกซึ้งขึ้นทุกวัน ลูกผู้พี่มิได้แสดงให้เห็นชัดเจน เขาจึงเขาแสร้งทำเป็ไม่รู้ได้ แต่ทว่า ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกผู้พี่ ถึงกล้าแสดงออกอย่างชัดเจน
หากแปรเปลี่ยนการกระทำเมื่อครู่นี้ เขาต้องแสร้งพูดว่าไม่รู้แน่ แต่ทว่า บัดนี้พบหานรุ่ยแล้ว ูเาที่ทับหัวใจของเขาหายไป เขาคิดในใจ เวลานี้ เขาคงยอมรับความรู้สึกของลูกผู้พี่ได้แล้ว
เขามองเข้าไปในดวงตาของเซวียนอี้ ยิ้มและพูดกับเซวียนอี้ว่า "ลูกผู้พี่ ข้ามีใจให้ท่าน ท่านยินดีแต่งงานกับข้าไหม?"
เซวียนอี้ตกตะลึงกับคำพูดของหยุนจ่านเผิง จากนั้น แปรเปลี่ยนจากความใเป็ความตื่นเต้น เป็เวลานานกว่าเขาจะสงบนิ่งได้ เขาเคยคิดคำตอบต่างๆ ที่หยุนจ่านเผิงจะตอบ แม้กระทั่งคำตอบปฏิเสธของหยุนจ่านเผิงก็ยังคิด
แต่ทว่า เขาคิดไม่ถึงว่าหยุนจ่านเผิง ไม่เพียงสารภาพรักกับเขา แต่ยังขอเขาแต่งงาน คิดถึงตรงนี้ เซวียนอี้โกรธตัวเอง ขมวดคิ้วพลางคิดในใจ เขาจะให้คนรักขอเขาแต่งงานได้อย่างไร เขาควรเป็ฝ่ายขอลูกผู้น้องแต่งงานถึงจะถูก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชายชาตรีควรจะทำ
หยุนจ่านเผิงเริ่มแรกมีความมั่นใจมาก ทว่าเมื่อเห็นเซวียนอี้ขมวดคิ้ว ความมั่นใจของหยุนจ่านเผิงกลายเป็ความหวาดระแวง คิดในใจ อย่าบอกนะว่าเขาเข้าใจผิด? แท้จริงแล้ว ลูกผู้พี่มิได้ชอบเขา ทุกสิ่งทุกอย่างคือเขาคิดไปเอง
เมื่อเห็นหยุนจ่านเผิงเป็ฝ่ายขอเซวียนอี้แต่งงาน ใบหน้าของหยางเซียนเอ๋อร์ก็บิดเบี้ยว คิดในใจ หยุนจ่านเผิงหน้าไม่อายเสียจริง ถึงขั้นเป็ฝ่ายขอเซวียนอี้แต่งงาน โชคดีที่เซวียนอี้มิได้ตอบรับอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ได้เห็นเซวียนอี้ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ดูเหมือนว่าเซวียนอี้จะไม่ได้ชอบหยุนจ่านเผิง ก่อนหน้านี้ เธอคงเข้าใจผิดไปเอง คิดถึงตรงนี้ เธอก็พอใจอยู่บ้าง
เมื่อเห็นเซวียนอี้เงียบงันไม่เอื้อนเอ่ยอะไร หัวใจของหยุนจ่านเผิงก็ดำดิ่งลงอย่างถึงที่สุด คิดในใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจลูกผู้พี่ผิดไป ลูกผู้พี่มิได้ชอบเขาเลย ครั้งนี้ เป็ความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว เื่อัปยศถือเป็เื่เล็ก เื่ใหญ่ก็คือลูกผู้พี่ไม่ชอบเขา คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของหยุนจ่านเผิงก็มืดมัว
แต่ทว่า หยุนจ่านเผิงมิใช่คนที่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ เขาอยากจะต่อสู้สักหน่อย เขาปลุกพลังในใจ เอ่ยขึ้นว่า "ลูกผู้พี่ ข้ามีใจให้ท่าน ท่านอยากแต่งงานกับท่าน ท่านยินดีแต่งงานกับข้าไหม?"
เซวียนอี้ดึงสติกลับมา เขาเห็นดวงตามืดมัวของหยุนจ่านเผิงเช่นกัน เขาจึงรู้ว่าลูกผู้น้องของเขาเข้าใจผิดไป ทันทีที่เขาอยากจะอธิบาย เขาได้ยินการขอแต่งงานของหยุนจ่านเผิงอีกครั้ง
เวลานี้ เซวียนอี้ยิ่งหงุดหงิด เขากล้าให้ลูกผู้น้องขอเขาแต่งงานถึงสองครั้งเลยหรือ ตอนนี้เขาไม่กล้าคิดฟุ้งซ่านแล้ว เพราะเกรงว่าหยุนจ่านเผิงจะเข้าใจเขาผิดอีก
เช่นนั้น เขาเชื่อว่าหยุนจ่านเผิงจะไม่ขอเขาแต่งงานเป็ครั้งที่สามแน่ หยุนจ่านเผิงเป็คนทะนงตน การที่จะขอเขาแต่งงานได้ เห็นทีหยุนจ่านเผิงคงรักเขามากเช่นกัน
"ข้ายินดี ข้ายินดี ข้ายินดีแน่นอน" หยุนจ่านเผิงพูดจบ เซวียนอี้ก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว
ฟังคำตอบของเซวียนอี้ หยุนจ่านเผิงขมวดคิ้วพลางถามอย่างหงุดหงิดว่า “ในเมื่อลูกผู้พี่ยินดีแต่งงานกับข้า เหตุใดเมื่อครู่นี้ท่านถึงขมวดคิ้วล่ะ ทั้งยังแสดงออกว่าไม่พอใจ และไม่ตอบรับข้า"
"เมื่อครู่นี้ ข้าโกรธตัวเอง ที่ข้ากล้าให้เ้าขอข้าแต่งงาน ข้าควรเป็ฝ่ายขอเ้าแต่งงานมากกว่า" เซวียนอี้อธิบายให้หยุนจ่านเผิงเข้าใจ คิดในใจ ข้ามันโง่ ทำพลาดไปจริงๆ โชคดีที่เขาไม่ได้เก็บไว้ในใจอีก เขาชอบนิสัยที่ตรงไปตรงมาของหยุนจ่านเผิงมาตลอด การอยู่กับหยุนจ่านเผิงทำให้เขาสบายใจยิ่งนัก
หยุนจ่านเผิงซบลงบนไหล่ของเซวียนอี้ พูดด้วยเสียงเคืองๆ ว่า "ลูกผู้พี่ใส่ใจกับเื่นี้นี่เอง ข้ายังคิดว่าลูกผู้พี่ไม่ชอบข้าเสียอีก"
"ได้ยังไงล่ะ เ้าดีขนาดนี้ ข้าไม่ชอบเ้าแล้วข้าจะไปชอบใครได้" เซวียนอี้เอ่ยพลางลูบผมของหยุนจ่านเผิง คิดในใจ ผมของลูกผู้น้องช่างนุ่มเสียจริง ร่างกายก็นุ่มนิ่ม ได้โอบกอดร่างกายที่อ่อนนุ่มของหยุนจ่านเผิง เซวียนอี้รู้สึกว่าในที่สุดเขาชีวิตเขาก็สมบูรณ์แล้ว เขาถอนหายใจอย่างพอใจ ในที่สุดก็สมดังใจปรารถนา
เมื่อเห็นเซวียนอี้และหยุนจ่านเผิงโอบกอดกัน สายตาอิจฉาของหยางเซียนเอ๋อร์แดงก่ำ ใบหน้าอันงดงามที่มีอยู่เดิมเพื่อรวมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยว กลับกลายเป็น่าเกลียด หยุนจ่านเผิงที่ซบบนไหล่ของเซวียนอี้ เห็นสีหน้าของหยางเซียนเอ๋อร์ในดวงตาของเขา เขารู้ว่าหยางเซียนเอ๋อร์ชอบลูกผู้พี่ของเขา ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าเขาคงไม่ได้ครองรักกับลูกผู้พี่ ดังนั้นเขาจึงปล่อยดอกท้อเน่าๆ นี้ไว้ แต่ทว่า บัดนี้ลูกผู้พี่เป็ของเขาแล้ว ใครก็ตามที่แอบมองลูกผู้พี่ ล้วนเป็ศัตรูหัวใจของเขา เขารู้ว่าหยางเซียนเอ๋อร์ต้องอิจฉาอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้แน่ และต้องด่าว่าเขาอยู่ในใจ ดังนั้น เขาจึงยิ้มหวานให้หยางเซียนเอ๋อร์ รอยยิ้มนี้แฝงทั้งความหวาน ความภาคภูมิใจ และโอ้อวด
หยางเซียนเอ๋อร์หงุดหงิดกับรอยยิ้มของหยุนจ่านเผิงนัก เธอสบถด้วยความโกรธว่า "หยุนจ่านเผิง เ้าคนเลว ข้าจะฆ่าเ้าให้ตาย งื้ออออ......." หยางเซียนเอ๋อร์พูดไม่ทันจบ ก็ถูกหยางจิ่งไท่เอามือปิดปาก
หยางเซียนเอ๋อร์ที่ถูกปิดปาก ทำได้แค่จ้องหยุนจ่านเผิงอย่างโกรธแค้นด้วยเสียงงื้อๆ ดวงตาที่ราวกับมีไฟปะทุยิงไปทางหยุนจ่านเผิง ราวกับจะยิงหยุนจ่านเผิงให้ตาย
เซวียนอี้ฟังคำของหยางเซียนเอ๋อร์ ดวงตาแวบวับที่ดุร้าย เขามองหยางเซียนเอ๋อร์ พลางเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่เ็าว่า "เ้าจะฆ่าใครนะ? ใครให้เ้ากล้ามาต่อว่าคนรักของข้าว่าคนเลว ข้าว่าเ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะมั้ง"
หยางจิ่งไท่จนปัญญา เขาพยายามได้ถึงตรงนี้ น้องสาวคนดีของเขากลับปลุกิญญาชั่วร้ายต่อหน้าเขา เวลานี้ยังต้องให้เขาเก็บกวาดให้นางอีก ใครให้หยางเซียนเอ๋อร์เป็น้องสาวของเขานะ เขาเหลืออดกับนางจริงๆ
"อาอี้ โปรดเห็นแก่หน้าข้าเป็ครั้งสุดท้ายเถอะ จากนี้ไป ข้าจะไม่ให้น้องหญิงข้าปรากฏตัวต่อหน้าเ้าอีก รอให้ถึงเกาะหลานชิงทเราสองพี่น้องก็จะขอตัวลา หลายปีมานี้ลำบากเ้าต้องดูแลเราสองพี่น้องแล้ว ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกลา เราสองพี่น้องรบกวนเ้ามาหลายปี คงถึงเวลาต้องไป" หยางจิ่งไท่พูดกับเซวียนอี้ คิดในใจ น้องหญิงอ่า น้องหญิง เ้าทำข้าลำบากจริงๆ
ฟังคำของหยางจิ่งไท่ หยางเซียนเอ๋อร์ไได้ทว่าส่ายหัว เธอยังไม่ได้แต่งงานกับเซวียนอี้เลย เธอจะจากไปได้อย่างไร กระทั่งถึงตอนนี้ หยางเซียนเอ๋อร์ก็ยังไม่ยอมรับความจริง
"ถือเป็ครั้งสุดท้าย" เซวียนอี้พูดกับหยางจิ่งไท่อย่างไร้ความรู้สึก
"ขอบคุณมาก คุณชายเซวียน" หยางจิ่งไท่พูดอย่างสุภาพ ยามนี้เขาไม่เรียกชื่อเซวียนอี้ตรงๆ ได้เพิ่มคำสุภาพ เขารับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซวียนอี้ถูกหยางเซียนเอ๋อร์ทำลายแล้วในที่สุด
ต้องขนาดนี้เลยหรือ? หยูเหิงกล่าว เขาเป็หนึ่งในกลุ่มคนทั้งห้าที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้พูดอะไร
ที่นั่งตรงนี้ นอกจากหยางเซียนเอ๋อร์แล้ว ล้วนเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา หยางจิ่งไท่พูดอย่างจนใจว่า "นางคือน้องสาวข้า ข้าไม่สนใจนางไม่ได้" หยางจิ่งไท่เอ่ยประโยคนี้อย่างหมดเรี่ยวแรง
"ยินดีด้วย อาเผิง สมดังใจปรารถนาแล้ว!" หานรุ่ยพูดกับหยุนจ่านเผิงยิ้มๆ เขาอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว ทว่าหยุนจ่านเผินหันหลังให้เขา จึงไม่เห็นเขา จนบัดนี้เขาถึงมีโอกาสพูดแทรก
“ขอบคุณเ้านะ อารุ่ย” หยุนจ่านเผิงกล่าวขอบคุณ จากนั้นฏ้ผละจากอ้อมกอดของเซวียนอี้ ลุกยืนขึ้นแล้วอ้าแขนทั้งสองเข้าสวมกอดหานรุ่ย พูดอย่างมีความสุขว่า “อารุ่ย ดีใจจริงๆ ที่ได้พบเ้า”
“ข้าก็เช่นกัน วันนี้ข้ามีความสุขมาก” หานรุ่ยกอดหยุนจ่านเผิงพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม พูดจบก็หยุดชั่วครู่หนึ่ง พูดกับหยุนจ่านเผิงว่า
“ไม่ได้พบกันหลายปี อาเผิงก็กล้าขอคนอื่นแต่งงานแล้ว เห็นทีข้าจะพลาดอะไรไปหลายอย่าง อาเผิงต้องรักคนๆ นี้มากแน่ๆ” พูดจบก็ทำปากแซวไปทางเซวียนอี้
“ไม่ได้พบกันหลายปี อารุ่ยก็เริ้มพูดหยอกล้อแล้ว ไม่รู้ว่าใครกันนะเปลี่ยนเ้า” หยุนจ่านเผิงพูดแซวๆ
หยุนจ่านเผิงพูดจบ ทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กัน ใช่แล้ว พวกเขาต่างก็เปลี่ยนไป ทว่าสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังคงเหมือนก่อน
เห็นหานรุ่ยและหยุนจ่านเผิงโอบกอดกัน จุนห่าวและเซวียนอี้ไม่มีความสุขแล้ว ทั้งคู่สบตากัน และต่างคว้ามือออกมาเงียบๆ เพื่อดึงคนรักของตนเองกลับคืน
เห็นจุนห่าวและเซวียนอี้เช่นนี้ หานรุ่ยและหยุนจ่านเผิงหัวเราะออกมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะมีคนรักที่ขี้หึงหวงยิ่งนัก แต่ทว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเพื่อนของเขาได้พบรักแท้แล้ว พวกเขาต่างยินดีให้กันและกัน
คนกลุ่มนั้นก็ต่างแนะนำกัน ในที่สุดเซวียนอี้และหยุนจ่านเผิงไปนั่งโต๊ะของจุนห่าวและหานรุ่ย เห็นจุนหนานและจุนตง หยุนจ่านเผิงก็เอ็นดูนัก ส่วนเซวียนอี้ก็อิจฉาจุนห่าว
หานรุ่ยและหยุนจ่านเผิงพูดคุยเื่ั้แ่จากกันเมื่อสามปีก่อน จุนห่าวและเซวียนอี้ก็คุยกันถูกคอนัก ทั้งสองคนรู้ว่าคนรักของพวกเขาเป็เพื่อนรักกัน จากนี้ไปต้องไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งแน่ ดังนั้น ทั้งคู่จึงลองยอมรับอีกฝ่าย แม้ว่าจะไม่ได้เป็เพื่อนกัน ทว่าคำว่าเพื่อนก็คงอยู่ไม่ไกล
คนที่เงียบที่สุดบนโต๊ะนี้ก็คือจุนตงและจุนหนาน ทั้งคู่ไม่สนใจเื่ระหว่างผู้ใหญ่ ก้มศีรษะกินอย่างเดียว จุนหนานมองดูจุนตงที่ทานอย่างมีความสุข คิดในใจ ท่านพี่ช่างเป็พวกปากไม่ตรงกับใจ
