ภายหลังผ่านไปได้สองวันเสี่ยวหลานก็รีบเข้ามารายงาน จากภารกิจที่นางได้รับมอบหมาย ขณะที่ซินเยว่กำลังร่างแผนงานอยู่ในบ้านหลังใหม่
“คุณหนูเ้าคะ วันนี้นางจะไปที่ร้านขายผ้าในยามซื่อเ้าค่ะ”
“งั้นหรือ รอสักประเดี๋ยวข้าขอไปแต่งตัวก่อน” เมื่อแต่งตัวเสร็จเสี่ยวหลานก็นั่งมองเ้านายตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
“พี่เสี่ยวหลาน ข้าใส่ชุดนี้แล้วดูเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ”
“คุณหนูของบ่าวใส่ชุดสวย ๆ เช่นนี้ดูเหมาะสมกับวัยของท่านมากเลยเ้าค่ะ แม้ว่าในความจริงตัวท่านจะดูเ้าเล่ห์ ทั้งฉลาดและแอบขี้โกงไปสักหน่อย แต่รวม ๆ แล้วคุณหนูก็น่ารักที่สุดเ้าค่ะ”
‘เฮ้ออออออ ไม่น่าถามคำถามนี้กับนางเลยจริง ๆ แล้วทำไมข้าไม่ไปถามกับท่านแม่นะ’
“พวกเรารีบไปที่ร้านขายผ้ากันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์” ซินเยว่รีบชวนเสี่ยวหลานออกจากบ้าน ก่อนจะมีคำชมแปลก ๆ ออกมาอีก
ณ ร้านขายผ้าขนาดใหญ่กลางเมืองเหลียงซาน
“คารวะฮูหยินเชิญท่านเข้าเลือกดูผ้าลวดลายต่าง ๆ ด้านในก่อนเถิดขอรับ” หลงจู๊ร้านผ้าเอ่ยต้อนรับสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอย่างสุภาพน้อบน้อม
“หลงจู๊วันนี้ร้านของท่านมีผ้าลวดลายใหม่มาบ้างหรือไม่ ข้าขอเป็ผ้าไหมที่ดีที่สุดนะหลงจู๊” น้ำเสียงของฮูหยินผู้นี้ทั้งไพเราะอ่อนโยนดูเป็คนจิตใจดี
หลงจู๊ถึงกับรีบวิ่งมาต้อนรับลูกค้าประจำของร้าน “วันนี้มีผ้าไหมลายใหม่มาส่งที่ร้านพอดี ฮูหยินโปรดนั่งรอสักประเดี๋ยวข้าจะไปเอาผ้ามาให้ท่านได้เลือกขอรับ”
ฮูหยินผู้นี้ยิ้มรับและรู้สึกว่ามีคนแอบมองนางอยู่ จึงหันมาด้านขวามือของตนเอง ปรากฏว่าเป็เด็กหญิงวัยสิบหนาวหน้าตาน่ารักน่าชัง ส่วนอีกคนน่าจะเป็สาวใช้ที่ติดตามมาดูแล นางรู้สึกแปลกใจว่าทำไมหนูน้อยคนนี้ถึงจ้องมองนางด้วยเล่า
“เด็กน้อยข้าเห็นเ้าแอบมองข้าอยู่นาน มีอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่” นางรู้สึกเอ็นดูเด็กหญิงคนนี้ขึ้นมาทันใด เพราะนางเองมีเพียงบุตรชายที่เอาแต่ทำงาน ไม่มีนิสัยออดอ้อนเช่นบุตรสาว
“ที่ข้ามองเพราะท่านป้างดงามเ้าค่ะ จึงเผลอมองท่านนานไปหน่อยเป็ข้าเสียมารยาทแล้ว ขอท่านป้าโปรดให้อภัยเด็กน้อยเช่นข้าด้วยเ้าค่ะ” ฮูหยินท่านนี้อายุน่าจะประมาณสี่สิบต้น ๆ แต่ใบหน้ายังดูเหมือนอายุสามสิบกลาง ๆ รูปร่างก็อวบนิดหน่อยเป็เื่ปกติของสตรี ที่เคยคลอดบุตรและเริ่มมีอายุมากขึ้น
“เด็กน้อยตัวเ้าก็แค่นี้เหตุใดช่างพูดช่างเจรจายิ่งนัก” หลัวฮูหยินชอบใจที่ได้ยินเด็กสาวตรงหน้ากล่าวชมตนเอง
“ถ้าข้าจะขอพูดอะไรสักเล็กน้อยจะได้หรือไม่เ้าคะท่านป้า”
ฮูหยินอมยิ้มเล็กน้อยก่อนอนุญาต ให้เด็กสาวที่เอ่ยชมตนเองพูด “เ้าพูดได้สิทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ ข้าก็อยากรู้ว่าเ้าจะพูดอันใด”
“คือเื่ที่ท่านป้างามย่อมเป็เื่จริงแน่นอน เพียงแต่ว่าถ้าท่านป้าได้รับการแต่งหน้า ที่สามารถดึงจุดเด่นบนใบหน้าของท่านออกมาได้ด้วยล่ะก็ นั่นจะยิ่งทำให้ท่านป้างดงามมากกว่านี้อีกหลายเท่าเลยเ้าค่ะ” เพราะฮูหยินท่านนี้เป็คนที่มีดวงตางดงามและมีเสน่ห์
“เช่นนั้นเ้าคิดว่าข้าต้องแต่งหน้าอย่างไร ถึงจะดึงจุดเด่นบนใบหน้าออกมาได้เช่นนั้นหรือ” นางไม่คิดว่าเด็กน้อยตรงหน้าของตน จะน่าสนใจไม่น้อยเข้าเสียแล้ว
“เพียงแต่เื่นี้ข้าเองก็ไม่ชำนาญเท่าใดนัก แต่มารดาของข้านางเป็ช่างแต่งหน้าที่เก่งมากเ้าค่ะ เพราะข้ามักติดตามท่านแม่ไปทำงานด้วยเสมอ จึงได้เรียนรู้เื่นี้มาบ้างเล็กน้อย ที่สำคัญก่อนที่ท่านแม่จะทำการแต่งหน้าให้ลูกค้า นางจะมีการนวดผ่อนคลายก่อนทุกครั้งเ้าค่ะ ข้าจึงคิดว่าถ้าท่านแม่ช่วยแต่งหน้าให้ท่านป้า คงจะดึงเอาความงดงามของท่านที่มีอยู่เดิมให้ดูดีมากขึ้นได้แน่เ้าค่ะ”
“เมื่อกี้เ้าบอกว่าแม่ของเ้าทำงานเป็ช่างแต่งหน้างั้นรึ” เพราะเมืองเหลียงซานหาช่างแต่งหน้าที่ฝีมือดียากมาก ที่มีอยู่ก็ฝีมือดาษดื่นทั่วไป
“ใช่เ้าค่ะ ท่านป้าต้องลองดูสักครั้งนะเ้าคะ ข้ารับรองท่านต้องถูกใจมากแน่ ๆ” ซินเยว่ทั้งพูดทั้งทำท่าทางมั่นใจในฝีมือของมารดา
“หากเป็จริงอย่างที่เ้าว่ามา อีกสามวันข้างหน้าข้าจะต้องไปงานเลี้ยงน้ำชา เอาเป็วันพรุ่งนี้ให้แม่ของเ้าลองมาแต่งหน้าให้ข้าที่จวน หากนางมีฝีมืออย่างที่เ้าว่ามาละก็ ข้าจะตกรางวัลให้อย่างงามเชียวล่ะ”
“ขอบคุณท่านป้ามากเ้าค่ะที่ให้โอกาสนี้กับท่านแม่ของข้า อืมม บอกท่านป้าตามตรงข้ากับท่านแม่และสาวใช้ เพิ่งย้ายมาจากเมืองหลวงและอยู่ที่นี่ได้หลายวันแล้ว แต่ท่านแม่ของข้ายังหางานไม่ได้ ถ้าท่านแม่รู้เื่ที่จะได้แต่งหน้าให้ท่านป้านางคงจะดีใจมากเป็แน่ แล้วท่านแม่จะไปหาท่านป้าได้ที่ใดเ้าคะ” ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าสตรีตรงหน้าอยู่ที่จวนใด แต่ซินเยว่ก็ยังแสร้งถามคล้ายคนไม่รู้
“อ้อ บอกให้แม่ของเ้าไปพบข้าที่จวนเ้าเมืองเหลียงซานนะ”
“จวนท่านเ้าเมืองหรือเ้าคะ! หรือว่าท่านป้าคือฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวของท่านเ้าเมืองเหลียงซาน” ซินเยว่แสร้งทำท่าทางใ
“ใช่แล้ว ข้าคือฮูหยินเพียงคนเดียวของท่านเ้าเมือง” หลัวฮูหยินกล่าวด้วยรอยยิ้มให้กับซินเยว่
“ขออภัยฮูหยินด้วยเ้าค่ะ ที่ข้าเสียมารยาทกับท่าน” ซินเยว่ก้มตัวคำนับอีกฝ่ายไปหลายที
“ไม่เป็ไร ๆ เ้าเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เป็เื่ธรรมดาที่จะไม่รู้จักข้า วันพรุ่งนี้อย่าลืมให้แม่ของเ้าไปหาข้าที่จวนเล่า” ฮูหยินเอ่ยเตือนซินเยว่เื่มารดาของนางอีกครั้ง
“ได้เ้าค่ะ ข้าไม่มีทางลืมเื่นี้แน่นอนเ้าค่ะ ขอบพระคุณฮูหยินที่ให้โอกาสท่านแม่ของข้านะเ้าค่ะ ถ้างั้นข้าขอตัวไปบอกข่าวดีกับท่านแม่ก่อนนะเ้าคะ” ซินเยว่ทำความเคารพหลัวฮูหยิน จากนั้นก็รีบเดินออกมาเมื่อนางพยักหน้าอนุญาต
ระหว่างทางที่ซินเยว่กำลังกลับไปหามารดาที่โรงเตี๊ยม ก็มีคำชมแปลก ๆ ของเสี่ยวหลานลอยมาอีกครั้ง
“คุณหนูของบ่าวท่านเล่นงิ้วได้เก่งมาก ๆ เลยเ้าค่ะ นี่ถ้าบ่าวไม่รู้มาก่อนว่าเป็การวางแผนของท่านแล้วละก็ บ่าวคงเชื่อหมดใจว่าที่คุณหนูทำให้ฮูหยินผู้นั้นได้เห็น เป็เื่ของความบังเอิญจริง ๆ” ช่างสมกับเป็คำชมของเสี่ยวหลานที่ไม่เหมือนผู้ใดอย่างแท้จริง
เมื่อซินเยว่กับเสี่ยวหลานกลับมาถึงบ้าน ก็รีบเข้าไปพบมารดาและเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นให้มารดาฟังทันที
“เยว่เอ๋อร์แม่จะทำสิ่งที่พูดได้จริง ๆ หรือ แม่แค่เคยแต่งหน้าให้กับตัวเองเพียงงู ๆ ปลา ๆ เท่านั้น แต่ถ้าจะให้ไปแต่งหน้าคนอื่นแม่กลัวจะทำไม่ได้และเ้าก็จะเสียหน้าไปด้วยน่ะสิ” ลี่หลินแม้จะดีใจที่มีงานมาให้ทำแต่นางยังคงไม่ค่อยมีความมั่นเท่าใดนัก
“ท่านแม่ท่านทำได้แน่นอนเ้าค่ะ ข้าย่อมมั่นใจในฝีมือของท่านและท่านเองก็ต้องมั่นใจในตนเองด้วย ที่ผ่านมาหลังจากที่ข้าสอนท่านแม่ให้แต่งหน้าแบบต่าง ๆ ท่านแม่ก็พยายามฝึกฝนและพัฒนาฝีมือมาตลอด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะทำไม่ได้” ซินเยว่ให้กำลังใจและสร้างความมั่นใจให้มารดา เพราะฝีมือที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยการจับตัวเสี่ยวหลานมาเป็หุ่นทดลอง จากที่แต่งหน้าออกมาคล้ายคนบ้าก็เปลี่ยนไปทีละนิด จนเข้าขั้นเป็การแต่งหน้าคนธรรมดาให้กลายเป็สาวงามได้
‘นั่นสินะ เพื่อเยว่เอ๋อร์ต่อให้เป็เื่ยากเพียงใดข้าย่อมลงมือให้สำเร็จให้จงได้ ข้าจะไม่ทำให้เยว่เอ๋อร์ต้องผิดหวัง ที่อุตส่าห์เชื่อมั่นในตัวข้าอย่างแน่นอน’
“ได้สิลูก!! เพื่อเ้าแม่ต้องทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ลี่หลินกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมให้กับความสามารถของตน
