ผจญภัยในยุค 90 จากผักดองหนึ่งไห สู่ชีวิตใหม่ของหลินเซี่ยน

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


ขณะที่แม่ของหลินเซี่ยนต้องไปขอข้าวโพดจากย่า หลินเซี่ยนในร่างใหม่เริ่มมอง “ไหผักดอง” ใบเดียวในบ้าน ซึ่งอาจจะเป็๞โอกาสแรกในชีวิต

เสียงฝีเท้าเร่งรีบของแม่ดังลับหายไปนอกประตูบ้าน

หลินเซี่ยนมองตาม นางคือ หานซิ่วเหมย ผู้หญิงวัยสามสิบปลายที่ร่างกายดูเหนื่อยล้าและทรุดโทรมเกินวัย

เสื้อตัวเดิมที่เย็บแล้วเย็บอีก สีซีดจากการถูกซักซ้ำๆหลายครั้ง อีกทั้งยังไม่แห้งจากน้ำฝนที่สาดเข้ามาภายในบ้านเมื่อคืน

น้องชายของเธอ หลินเสี่ยวซาน เด็กชายวัยเจ็ดขวบ นอนขดตัวใต้ผ้าขี้ริ้วด้วยความหิว ร่างกายเล็กผอมแห้ง แก้มตอบดูน่าสงสาร

สายตาหลินเซี่ยนหันไปมองไหผักดองในมุมห้อง แล้วเห็นขวดแก้วที่แม่ล้างและเรียงเก็บไว้ ดวงตาของเด็กหญิงค่อยๆ เปล่งประกายขึ้นมา

“ถ้าเราทำให้มันสะอาดสักหน่อย แล้วเอาไปขายในตลาดนัดได้ละก็…”

“หนึ่งขวด หนึ่งหยวน… เริ่มต้นที่เงินหยวนแรก เราอาจเปลี่ยนอนาคตได้จริง ก็ได้นะ!”

หลังจากที่มีความหวังอีกครั้ง หลินเซี่ยนรีบลุกขึ้นคลำหาผ้าขาว อยากจะใช้น้ำร้อนสำหรับล้างมือ และล้างขวดเล็ก ๆ เหล่านี้ให้สะอาดอีกรอบ

โชคดีที่ชาติที่แล้ว เธอก็เกิดและเติบโตในชนบท จนถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัยถึงได้เข้ามาเรียนในเมือง หลินเซี่ยนจึงจุดเตาฟืนเพื่อต้มน้ำเป็๲

เสียงฝีเท้าหนักๆของหานซื่อเดินมาจนถึงลานหน้าบ้านใหญ่

สำหรับบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ถือว่าเป็๲อีกหนึ่งครอบครัวที่ไม่ได้มีความขัดสน

ตัวเรือนหลักเป็๞บ้านอิฐเผา หลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีประตูไม้บานคู่ใหญ่

เปิดออกสู่ลานดินอัดแน่นโรยหินกรวด หน้าบ้านมีกระถางต้นพลัมเก่าแก่ ลานบ้านด้านข้างกว้างขวาง ไว้ใช้สำหรับตากข้าว มีเล้าไก่ และคอกหมูอยู่หลังบ้าน

บนตั่งไม้หน้าบ้าน ย่า ซึ่งก็คือหลินไท่ไท่ นั่งปักผ้าอยู่ ด้านข้างคือ เฉินซื่อฮวา ป้าสะใภ้หน้าตาเคร่งเครียดกำลังนั่งซักผ้าอยู่ข้างบ่อน้ำ

“แม่คะ… ฉันขอแป้งข้าวโพดให้เด็ก ๆ สักสองชามเถอะค่ะ เซี่ยนเอ๋อร์ตื่นแล้วแต่ยังไม่มีแรง” หานซิ่วเหมยกล่าวเสียงเบา

หลินไท่ไท่ หยุดมือจากการปักผ้า เงยหน้ามองลูกสะใภ้ด้วยสายตารำคาญ

“ข้าวโพดมันจะงอกออกเองที่ต้นหรือยังไงซิ่วเหมยเอ๊ยยยย? คิดว่าใครเขาไม่ต้องกินบ้างล่ะ?”

“แม่... ฉันขอแค่ชามเดียวก็ได้ค่ะ ลูกป่วย ไม่มีแรงลุกเลย…”

ย่าหลินหรี่ตามองอย่างไม่คิดจะรักษาสีหน้า ก่อนกระแทกเสียงถามกลับ

“แหม ทีตอนลูกแกเริ่มมีไข้ แกมาขอเงินข้า ข้าไม่ให้ แกทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนทั้งบ้าน ให้ตาย! ทีตอนนี้มาร้องขอแป้งข้าวโพด ไม่ให้เงินไปหาหมอก็ไม่เห็นนังเด็กเวรนั่นมันตายเลยนี่”

เฉินซื่อฮวา ป้าสะใภ้ซึ่งนั่งซักผ้าอยู่ใกล้ ๆ หัวเราะหึๆ เสริมทันที

“นั่นสิแม่ ฉันยังจำวันนั้นได้อยู่เลย ซิ่วเหมยมาเคาะประตูแต่เช้า บอกว่าจะพาลูกไปหาหมอในอำเภอ! ลูกเป็๞ไข้เล็กๆน้อยๆก็ร้องรำ ซะใหญ่โต!”

หานซิ่วเหมยหน้าซีด กำชายเสื้อแน่น

“ก็เพราะฉันไม่มีทางเลือก... หลิวเซี่ยนไข้สูงมาก... แล้วดูสิ ลูกฉันก็ไม่ไหวจริง ๆ เป็๞ไข้สูงสามวันสามคืน จนฉันใจจะขาดอยู่แล้ว...”

หลินไท่ไท่วางสะดึงปักผ้าลงดังปึ้ง ก่อนลุกขึ้นยืนตรง

“ฟังให้ชัดนะ! เงินข้ามีแค่ก้อนเดียว ข้าส่งให้ เจี้ยนกั๋ว ไปเรียนวิทยาลัยในเมืองแล้ว อีกส่วนก็ต้องส่งให้ ตงไห่ ลูกชายของซื่อฮวา มันเรียนมัธยมปลายในอำเภอ เด็กมันต้องเช่าหอพัก ต้องกินต้องใช้อีก!”

“แล้วแก... บ้านรองที่มีแต่ลูกสาว กับเด็กน้อยที่ป่วยออดๆแอดๆเสียเงินซื้อยาทุกเดือน กินยาอย่างกับหลุมดำไม่มีก้น จะมาเอาอะไรอีก!”

หานซิ่วเหมยน้ำตาคลอ

“แม่... ฉันไม่เคยอยากให้เป็๲แบบนี้เลย... เ๱ื่๵๹เงินไปรักษาลูกให้แล้วไปเถอะ... แต่ข้าวโพดนี่ฉันจะเอาไปบดต้มก็ยังดี... ลูกจะได้มีแรงอยู่ต่ออีกสักวัน”

หลินไท่ไท่มองลูกสะใภ้อย่างไม่สะทกสะท้าน

“ข้าจะให้... ก็เพราะสงสารที่นังเด็กนั่นมันฟื้นมาได้”

“แต่ข้าวโพดน่ะ ข้าจะให้แค่ชามเดียว อย่าหวังจะได้เท่ากับบ้านใหญ่!”

เฉินซื่อฮวาสะบัดน้ำออกจากผ้าเสียงดัง ก่อนหันมายิ้มเย้ย

“ดีแล้วแม่ ถ้าให้มาก เดี๋ยวพวกมันจะเคยตัว!”

หานซิ่วเหมยกัดฟันแน่น รับชามข้าวโพดมากอด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงบนหลังมือเธอ เธอก้มหน้าลงร้องไห้เงียบๆ ไม่ใช่เพราะอาย… แต่เพราะปวดใจ

เธอเป็๞แม่ที่ไร้ความสามารถจริงๆ

เด็กหญิงวัยเก้าขวบจัดไหผักดองวางเรียงหน้าระเบียง เตรียมขวดเก่า ๆ ที่แม่ล้างไว้ นำมาต้มฆ่าเชื้อก่อนผึ่งให้แห้ง

เดิมทีขวดเหล่านี้เคยใช้ใส่น้ำผึ้งที่ย่าหลินซื้อมา หลังจากน้ำผึ้งหมดย่าหลินมักจะทิ้งขวดเหล่านี้ แม่ของเธอจึงไปเก็บมาล้างไว้

หลินเซี่ยนเปิดไหผักดอง กลิ่นดองหอมฉุย ชวนน้ำลายสอ ลอยมาจากแตงดองในน้ำเกลือเข้มข้น

เมื่อหานซื่อกลับมาถึง พร้อมชามใส่แป้งข้าวโพด เธอหยุดร้องไห้แล้ว แต่ขอบตากลับแดงเรื่อ

“เซี่ยนเอ๋อร์... แม่ขอโทษที่แม่ไม่มีอะไรให้ลูกกินมากกว่านี้เลย…”

หลินเซี่ยนรับแป้งข้าวโพดมาเงียบ ๆ

“แม่ไม่ต้องขอโทษ... แม่เลี้ยงฉันมาอย่างดีที่สุดแล้ว”

“ต่อจากนี้ หนูจะไม่ปล่อยให้ใครเหยียบย่ำเราได้อีก”

เธอหยิบขวดแก้วขึ้นมาหนึ่งใบ

แสงแดดที่ส่องลงมาทำให้แตงดองในน้ำใสสะท้อนประกาย

“เริ่มจากไหนี้แหละแม่... หนูจะขายผักดอง!”


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้