สายลมในฤดูใบไม้ผลิแต่งแต้มสีเขียวขจีดอกท้อออกดอกสีแดงสะพรั่งรับฤดูกาลพริบตาเดียวก็ผ่านพ้นไปหนึ่งเดือน
ซินเยว่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกำลังใช้ความคิดอยู่เงียบๆ คนเดียว ที่นี่เป็เรือนเก่าท้ายจวนติดกำแพงด้านหลัง องครักษ์ที่คอยเดินตรวจตราก็ไม่เคยเดินมาถึงตรงนี้ แบบนี้ยิ่งสะดวกสำหรับนางคงต้องหาทางออกไปสำรวจด้านนอกดูสักหน่อย หาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนเผื่ออนาคต
"คุณหนู คุณหนูเ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงมองคุณหนูของนางที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นนางจึงแตะไปที่แขนของซินเยว่เบาๆ เพื่อเรียกสติให้กลับมา
"หืม มีอะไรหรือ"
ซินเยว่หันไปมองคนฮุ่ยหลิงที่ย่นหัวคิ้วมองนางอย่างไม่สบายใจ
"คุณหนูเป็อะไรหรือเ้าคะบ่าวเห็นนั่งเหม่ออยู่ตั้งนานหรือว่าท่านคิดถึงเื่การหมั้นหมายของท่านกับองค์ชายสาม"
ซินเยว่ส่ายหน้า
"ไม่ใช่องค์ชายสามอะไรนั่นข้าไม่เคยสนใจอยู่แล้ว ข้าก็แค่เบื่ออยากออกไปข้างนอกบ้าง"
ซินเยว่จ้องบ่าวตัวน้อยของนางอย่างชั่งใจ ั้แ่มาอยู่ในร่างนี้ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้วนางถูกหยางหลันฮวาคอยตามหาเื่ไม่เว้นวันนางช่างไม่รู้จักเบื่อเสียบ้างเลย ดีที่ซินเยว่ไม่ค่อยออกนอกเรือนหยาง หลันฮวาเลยหาเื่นางได้ไม่ถนัดนัก
ซินเยว่คิดว่านางคงจะต้องวางแผนหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นได้อดตายแน่ๆ ตัวนางตอนนี้ผอมแห้งเหลือเกินแรงจะเดินแทบไม่มี "ฮุ่ยหลิงเ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะไม่ต้องเฝ้าข้าหรอกข้าขอนอนพักสักเดี๋ยว"
ซินเยว่มีเื่ที่ต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่นางจะลงมือทำอะไรบางอย่าง "เ้าค่ะ"
ฮุ่ยหลิงรับคำแล้วจึงเดินปิดประตูออกไปเงียบๆ ซินเยว่ล้มตัวลงนอนคิดเื่ที่จะเอาตัวรอดในวันพรุ่งนี้
ตอนเย็นหลังจากที่เซวี่ยฟังเฟยกลับมาจากการทำงานที่ร้านขายผ้าตระกูลหยาง
"ท่านแม่ท่านรักแม่ทัพหยางหรือไม่"
ซินเยว่ถามนางออกไปตรงๆ หลังจากที่นั่งเผชิญหน้ากับมารดา นางไม่เคยเรียกหยางจิ่งเทียนว่าท่านพ่อเพราะนางไม่ชอบใจที่บุรุษเห็นแก่ตัวผู้นั้นกระทำกับเซวี่ยฟังเฟยและหยางซินเยว่เเบบนี้ ถึงหยางซินเยว่จะไม่มีพลังปราณแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็เืเนื้อเชื้อไขของเขา
แต่หยางจิ่งเทียนไม่เคยมาดูดำดูดีสองแม่ลูกทั้งๆ ที่แต่งเซวี่ยฟังเฟยมาเป็ฮูหยินเอก โลกเก่านางกำพร้าั้แ่ยังจำความไม่ได้ แต่โลกนี้นางมีมารดาที่รักและทำทุกอย่างเพื่อนางซินเยว่ไม่อยากให้ท่านแม่ที่นางพึ่งได้มาต้องเสียใจไปมากกว่านี้
"แม่ไม่รู้สึกอะไรกับเขาั้แ่เราสองแม่ลูกต้องมาอยู่ที่เรือนท้ายจวนแล้วล่ะ ในตอนนี้ทั้งชีวิตของแม่มีเพียงเยว่เอ๋อคนเดียว"
เซวี่ยฟังเฟยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ดวงตากลมโตคลอหน่วยไปด้วยน้ำใสกลิ้งไปมาใกล้หยาดหยดเต็มที นางไม่อยากให้ซินเยว่เห็นนางร้องไห้จึงยืนหันหลังให้บุตรสาว ใบหน้าหวานหม่นหมองอมทุกข์น่าเวทนายิ่ง
"ท่านแม่คิดอย่างไรถ้าหากข้าบอกว่าข้าอยากออกไปจากจวนตระกูลหยาง ออกไปจากที่นี่ไปอยู่ในที่ที่มีแค่เราแม่ลูกข้าจะดูแลท่านแม่เองเ้าค่ะ"
เซวี่ยฟังเฟยหันกลับมามองบุตรสาวของนางอย่างเต็มตา นางลูบหัวบุตรสาวคนเดียวของนางอย่างแสนรักใคร่ "ไม่ว่าเื่ใดแม่ก็ตามใจเยว่เอ๋อทั้งนั้น ตัวแม่สามารถอยู่ได้ทุกที่ต่อให้ลำบากมากกว่านี้แม่ก็ทนได้ขอให้มีลูกอยู่ด้วย"
เซวี่ยฟังเฟยกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนกับซินเยว่
"ไม่ได้นะเ้าคะถ้าฮูหยินกับคุณหนูจะออกไปจากที่นี่จะขาดบ่าวไปได้อย่างไร ฮูหยินกับคุณหนูไปที่ใดบ่าวก็จะตามไปด้วย"
ฮุ่ยหลิงวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องหลังจากได้ยินสองแม่ลูกคุยกัน ซินเยว่ได้แต่ส่ายหัวให้กับความโผงผางของนาง
"ใช่จะขาดเ้าไปได้อย่างไรขนาดข้าคุยกับท่านแม่ยังต้องมีเ้าเข้ามาร่วมวงด้วย"
พูดจบซินเยว่ก็หัวเราะน้อยๆ ั้แ่นางมาที่นี่ก็มีฮุ่ยหลิงคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายนางตลอด ซินเยว่มองนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่งไม่เคยเห็นนางเป็บ่าวเลยสักครั้ง
"คุณหนูท่านแกล้งข้า"
ฮุ่ยหลิงส่งค้อนให้ซินเยว่หนึ่งวง ท่าทางกระเง้ากระงอดของนางช่างดูน่ารักเรียกเสียงหัวเราะของสองแม่ลูกได้ป็นอย่างดี
"เอาล่ะๆ ไหนๆ เราก็ตกลงว่าจะไปจากที่นี่ลูกคิดว่าเราจะออกไปได้อย่างไร เราต้องวางแผนกันก่อนเพราะตอนนี้เราไม่มีเงินสักนิดเดียว สินเดิมที่ติดตัวแม่มาก็นำออกมาขายหมดแล้ว เหลือแค่แหวนหยกที่เป็ของที่ท่านปู่ของลูกให้แม่เก็บเอาไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป แม่ไม่ได้ขายเพราะรู้สึกเสียดาย"
เซวี่ยฟังเฟยล้วงแหวนหยกออกมาจากอกเสื้อเเล้วยื่นให้ซินเยว่ดู 'เอ๊ะนี่มันแหวนที่ติดตัวเรามาตอนที่ถูกทิ้งไว้ที่บ้านเด็กกำพร้านี่นา' ซินเยว่หมุนแหวนในมือไปมามีตัวอักษรคำว่า'หยาง'สลักอยู่ด้านใน
"เื่นี้ข้าวางแผนไว้แล้วท่านแม่อย่าได้เป็ห่วงท่านแค่ทำตัวตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน ข้าจะทำให้พวกเขาปฏิเสธไม่ให้เราออกจากตระกูลหยางไม่ได้เอง"
นางบอกมารดาแล้วหันมาหาบ่าวตัวน้อยที่นั่งทำตาแป๋วรอรับคำสั่งจากนาง
"ฮุ่ยหลิงเ้ารู้วิธีออกไปด้านนอกจวนที่ไม่มีใครเห็นหรือไม่"
ซินเยว่กลับมาเข้าสู่โหมดจริงจัง ทุกการทำงานของนางจะต้องมีการวางแผนเอาไว้ก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะหาเงินนางจะต้องหาทางหนีทีไล่เอาไว้เผื่อคนทั้งสามก่อน
"รู้เ้าค่ะคุณหนูบ่าวใช้ทางนั้นออกไปนอกจวนประจำตอนที่บ่าวแอบไปทำงานที่เหลาอาหารในเมือง"
ฮุ่ยหลิงยืดอกตอบอย่างภูมิใจ
"ดี เช่นนั้นคืนนี้เ้าบอกทางให้ข้าเราจะออกไปหาเงินกัน"
ซินเยว่จัดแจงวางแผนกับฮุ่ยหลิงหลังจากเซวี่ยฟังเฟยออกไปจากห้องแล้วนางไม่อยากให้มารดารู้ในสิ่งที่นางกับสาวใช้ตัวน้อยกำลังจะทำ ถ้าเซวี่ยฟังเฟยรู้คงต้องห้ามนางทั้งสองเป็แน่
ยามจื่อ (23.00-24.59) ซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดดำที่นางให้ฮุ่ยหลิงไปหามา นางรวบผมหางม้าขึ้นผูกด้วยผ้าสีดำจากนั้นนำหลัววั่งจื่อ (มะขาม) ที่ฮุ่ยหลิงแอบไปเอามาจากครัวใหญ่เมื่อตอนเย็นผสมน้ำแล้วคั้นเอาแต่เนื้อมาทาหน้าทาแขนจนเป็สีกระดำกระด่างรอให้แห้งแล้ว จากนั้นจึงย่องไปที่กำแพงด้านหลังจวน ที่นางได้ดูลาดเลาไว้แล้วเมื่อตอนเย็น บริเวณมุมกำแพงด้านหลังมีเถาวัลย์และต้นไม้ขึ้นหนาทึบเพราะไม่ได้รับการดูแลเป็เวลานาน ซินเยว่และฮุ่ยหลิงแหวกเถาวัลย์แล้วมุดลอดรอยแตกของกำแพงออกไปด้านนอกได้อย่างง่ายดาย
บริเวณด้านหลังจวนแม่ทัพหยางมีต้นไม้ขึ้นประปราย เลยออกไปเป็ูเาลูกเล็กๆ มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น คืนนี้เป็คืนพระจันทร์เต็มดวงทำให้มองเห็นบริเวณโดยรอบได้อย่างชัดเจนเสียงหรีดหริงเรไรดังระงมมีลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้รู้สึกวังเวงอย่างไรชอบกล
ทั้งสองขนลุกซู่ขึ้นมาพร้อมกันได้แต่มองหน้ากันไปมา
"คุณหนูจะทำแบบนี้จริงๆ หรือเ้าคะบ่าวว่ามันน่ากลัวเกินไป"
ฮุ่ยหลิงพูดจบก็ขยับตัวเข้ามาจับแขนซินเยว่เอาไว้เเน่นแล้วกลอกตามองไปรอบๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ
"วันนี่แหละดีอย่าขี้ขลาดนักเลยนำทางข้าไปที่โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของที่นี่"
ซินเยว่ดันหลังฮุ่ยหลิงให้ออกเดิน นางสองคนเดินลัดเลาะกำแพงด้านหลังจวนออกมาสักพักก็เจอกับถนนเส้นเล็กๆ ที่เป็ทางลัดเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีคนใช้เพราะเส้นทางเปลี่ยวและมีบรรดาขอทานมากมายที่จับจองใช้เป็ที่หลับนอน คล้ายๆ กับสลัมในเมืองหลวงของบางประเทศ ที่นางเคยเดินทางไปเมื่อต้องทำงานตามคำสั่งของสองสามีภรรยาเกา ด้านข้างมีเพิงที่มุงด้วยหญ้าแห้งประปรายตามรายทาง
เมืองหลวงเเคว้นฉิงดูรุ่งเรืองเฟื่องฟูสิ่งปลูกสร้างทำด้วยไม้เป็ส่วนใหญ่ แต่ดูแข็งแรงทนทานคล้ายเมืองจีนโบราณที่เคยดูในหนังหรือ ซีรีส์ย้อนยุค รอบด้านเงียบสงัดเพราะดึกมากแล้วได้ยินเพียงแว่วเสียงคนเดินยามขานบอกเวลา ซินเยว่ในชุดสีดำดูทะมัดทะแมงเดินตามถนนในเมืองหลวงอย่างไม่รีบร้อนท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายอารมณ์ยิ่ง ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ (15นาที) ก็มาถึงโรงเตี๊ยมที่หมายตา
"ถึงแล้วเ้าค่ะคุณหนูที่นี่แหละโรงเตี๊ยม 'เทียนหลง' โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง"
ฮุ่ยหลิงกระซิบเบาๆ ทั้งสองคนยืนหลบอยู่ในมุมมืด
"สมเป็โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งเ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าไปเดี๋ยวเดียว อย่าให้ใครเห็นเล่าหลบให้ดี"
ซินเยว่มองไปรอบๆ หาทางหนีทีไล่ไว้เผื่อโดนจับได้เพราะที่นี่ไม่เหมือนที่ที่นางจากมา ด้านหน้าทางเข้ามียามเฝ้าอยู่สองคน ซินเยว่เดินลัดเลาะเข้าตรอกเล็กๆ ด้านข้างโรงเตี๊ยมจนถึงด้านหลัง มีกำแพงสูงล้อมรอบด้านแต่ไม่เป็ปัญหาสำหรับซินเยว่เพราะนางถูกฝึกมาทุกรูปแบบั้แ่ห้าขวบ เพื่อให้เป็นักโจรกรรมฝีมือดีและดูเหมือนนางจะมีพร์ในด้านนี้
ตรงหัวมุมกำแพงมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นด้านข้างซินเยว่ปีนขึ้นต้นไม้แล้วะโเกาะกำแพง ปีนเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย นางมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครจึงแอบเข้าไปด้านหลังปีนขึ้นชั้นสองที่มีระเบียงยื่นออกมา ตามคำบอกเล่าของฮุ่ยหลิง โรงเตี๊ยมเทียนหลงมีสี่ชั้นนางคิดว่าชั้นบนสุดเป็ห้องพิเศษที่คหบดีคนมีเงินเข้าพักหรือพวกองค์ชายองค์หญิง ขุนนางตระกูลใหญ่ส่วนมากจะนัดเจอกันที่นี่ ซินเยว่ใช้ทักษะที่เรียนรู้มาจากโลกเก่าอย่างชำนาญ
ถึงแม้ว่าร่างกายของหยางซินเยว่จะไม่เเข็งเเรงเท่าร่างเก่าของนางแต่ก็เล็กกะทัดรัด ทำให้การปีนป่ายไม่ใช่เื่ที่เป็ปัญหา เมื่อถึงระเบียงชั้นสี่ซินเยว่จุดกำยานยาสลบ ที่นางทำขึ้นเองจากสมุนไพรง่ายๆ ที่ให้ฮุ่ยหลิงไปซื้อมาจากร้านขายสมุนไพร
นับเป็ความโชคดีของซินเยว่ที่นางชอบอ่านตำราสมุนไพรและสนใจการปรุงยา เพราะนางชอบออกปฏิบัติงานคนเดียวจึงต้องมีอะไรไว้ทุ่นแรงสักหน่อยไม่เพียงยาสลบที่นางสามารถปรุงขึ้นมาได้ยังมียาอีกหลายตัวที่นางสามารถทำได้ขอเพียงมีวัตถุดิบเท่านั้น
นี่ต้องขอบคุณสองสามีภรรยาแซ่เกาที่เคี่ยวเข็ญซินเยว่ั้แ่ยังเล็ก พึ่งผู้อื่นหรือจะเท่าพึ่งพาตนเองเพื่อไม่ให้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ทั้งยาและอุปกณ์อาวุธซินเยว่เป็ผู้ที่ทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง หลังจากที่รอสักพักนางก็เปิดประตูอย่างแ่เบาเข้าไปสำรวจทีละห้องอย่าเงียบเชียบสมเป็นักโจรกรรมมือฉกาจ
นางกวาดทรัพย์ผู้เข้าพักลงในห่อผ้าที่นางเย็บเองลักษณะคล้ายย่ามในโลกเก่า หลังจากดูทุกห้องแล้วเดินมาถึงห้องสุดท้ายนางค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกเล็กน้อยให้เเสงจันทร์ลอดเข้ามาข้างในแล้วจุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปในห้องรอสักพักนางจึงเดินเข้าไปด้านใน
ซินเยว่สังเกตว่าห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยของประดับที่ดูราคาแพง ส่วนของห้องนอนแยกจากห้องรับเเขกมีห้องอาบน้ำแยกไปอีกด้านซินเยว่สอดส่ายสายตามองหาของมีค่าที่นางน่าจะหยิบฉวยไปได้
เดินเข้าไปด้านในสุดเป็เตียงนอน ด้านข้างมีตู้สี่เหลี่ยมไม่สูงนักไว้เก็บของนางค่อยๆ เปิดออกข้างในไม่มีอะไรเลย
"ทำไมรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ นะ"
ซินเยว่พึมพำกับตัวเองเบาๆ และอยู่ๆ นางก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบกำลังจะหันกลับไปมอง พลันมีกระบีสีเงินวาววับพาดมาที่คอของนางซินเยว่สะดุ้งเฮือกหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
'เเย่แล้วโดนจับได้ตายแน่ๆ'
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้