ถนนเจี้ยนเซ่อเป็ถนนคนเดินที่ใหญ่เป็อันดับสองของเมือง A สิ่งที่แตกต่างจากถนนคนเดินในใจกลางเมืองก็คือที่นี่มีร้านกาแฟและร้านค้าเล็กๆ อยู่รายล้อมให้บรรยากาศผ่อนคลายมากกว่าที่นี่มีศูนย์การค้าใหญ่ๆ อยู่แค่ไม่กี่ตึกและที่มีมากกว่าร้านเสื้อผ้าสินค้าแบรนด์เนมก็คือ ร้านอาหารจากทั่วทุกสารทิศจนถนนแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ‘มาถนนเจี่ยนเซ่อ ชิมอาหารได้ค่อนโลก’
ูเี่อันชอบมาที่นี่มากแต่ก่อนว่างเมื่อไรเธอก็มักจะมากับลั่วเสี่ยวซีเป็ประจำพวกเธอเดินเล่นที่นี่กันได้เป็วันๆ
“พวกเราไปที่ว่านหงทาวเวอร์กัน”เธอบอกกับ ‘คนขับ’
ว่านหงเป็อาคารที่สูงที่สุดของถนนสายนี้ที่ชั้นสี่ มีซูเปอร์มาร์เกตสินค้านำเข้าซึ่งูเี่อันมักจะมาซื้อของใช้เป็ประจำ
ลู่เป่าเหยียนเคยมาที่นี่อยู่บ้างเขาขับรถเขาไปจอดข้างในห้าง ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปกับูเี่อัน
เมื่อประตูลิฟต์แก้วใสเปิดออกด้านหน้าก็เป็เคาน์เตอร์ของซูเปอร์มาร์เก็ตพอดีูเี่อันเดินไปหยิบรถเข็นมาและวางกระเป๋าสะพายสีดำของตนลงในนั้นอย่างคล่องแคล่วก่อนจะถามลู่เป่าเหยียน
“นายอยากซื้ออะไรหรือเปล่า”
“ครีมโกนหนวดฉันใกล้หมดแล้ว”ลู่เป่าเหยียนตอบ “เธอช่วยฉันเลือกสักขวดสิ”
“ได้สิ”ูเี่อันตอบน้ำเสียงสบายๆ “สี่ห้าปีมานี้ฉันเป็คนซื้อครีมโกนหนวดให้พี่อยู่แล้วเชื่อมือฉันได้เลย”
เธอคุ้นเคยกับซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้มากจึงเดินนำลู่เป่าเหยียนเข้าไปยังโซนของใช้ประจำวันที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมและหยุดลงหน้าชั้นวางสินค้าประเภทครีมโกนหนวด
มีสินค้าใหม่ออกวางขายหลายตัวเธอหยิบพวกมันมาเปรียบเทียบกัน
“เปลี่ยนจากของเดิมมาใช้อันนี้เถอะฉันว่ามันเหมาะกับนายมากกว่า”
ลู่เป่าเหยียนใช้ครีมโกนหนวดยี่ห้อของฝรั่งเศสมานานจนชินแล้วก็เหมือนเสื้อผ้าที่เขามักจะใส่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่นานหลายปีเขาเป็พวกถ้าใช้อะไรจนชินแล้วมักจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปใช้ของใหม่เพราะฉะนั้นจึงไม่เห็นความจำเป็ว่าจะเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นทำไม
แตู่เี่อันอุตส่าห์เลือกให้เขาทั้งที...
“ได้”เขารับครีมโกนหนวดจากมือเธอก่อนจะวางลงไปในรถเข็น “ฉันเชื่อเธอ”
ูเี่อันรู้สึกแปลกใจถึงเธอจะไม่ได้เข้าใจเขาไปหมดทุกเื่แต่ความเคยชินหรือนิสัยบางอย่างของลู่เป่าเหยียนกับเธอนั้นคล้ายกันพวกเธอเป็ถูกใจอะไรยาก และถ้าถูกใจอะไรแล้วก็มักจะไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ
เพื่อที่จะเลือกของที่เหมาะกับพี่ชายมากที่สุดเธอลงทุนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับของใช้ส่วนตัวของผู้ชายอยู่นาน แต่ตอนนี้ดูท่า...เธอคงต้องศึกษามันอีกครั้งไม่อย่างนั้นคงรับมือกับลู่เป่าเหยียนไม่ไหวเพราะเขาเื่มากยิ่งกว่าพี่ชายเธอเสียอีก
เมื่อซื้อของที่ลู่เป่าเหยียนและซูอี้เฉิง้าครบเรียบร้อยแล้วูเี่อันกับลู่เป่าเหยียนก็เข็นรถเข็นไปยังโซนของใช้สตรี
รถเข็นของที่นี่ขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อทั้งสองคนเข็นพร้อมกันความใกล้ชิดจึงบังเกิดูเี่อันหันไปมองลู่เป่าเหยียนพลางยิ้มบ้างเป็ครั้งคราว ดูอย่างไรทั้งสองก็เหมือนสามีภรรยาทั่วไปคู่หนึ่ง
ลู่เป่าเหยียนเองกำลังเพลิดเพลินกับความใกล้ชิดที่เธอให้เขาอยู่เงียบๆ
โซนของใช้สตรีใหญ่กว่าโซนของใช้บุรุษมากสินค้ามากมายหลากหลายชนิดวางเรียงกันสีสันสดใสูเี่อันหยิบของชิ้นนู้นชิ้นนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบอย่างตั้งอกตั้งใจสีหน้าของเธอในตอนนี้ดูน่าหลงใหล
สายตาของเธอกำลังจดจ้องกับของตรงหน้าส่วนลู่เป่าเหยียนนั้นมองเธอไม่วางตา
ไม่ช้ารถเข็นของพวกเขาก็เต็มไปด้วยสิ่งของนานาชนิดซึ่งล้วนแต่เป็ของูเี่อันทั้งนั้นของกระจุกกระจิกของพวกผู้หญิงที่มีสีสันราวลูกกวาดแต่ก่อนลู่เป่าเหยียนมักคิดว่าของพวกนี้ช่างรกสายตา แต่ทำไมตอนนี้มองไปมองมากลับดูน่ารักเสียอย่างนั้นโดยเฉพาะเมื่อมันมากองอยู่รวมกันกับของใช้ของเขาแบบนี้ด้วยแล้ว
ขนาดแถวชั้นวางสินค้าตรงหน้าลู่เป่าเหยียนยังรู้สึกว่าสวยงามน่ามองไปหมด
เมื่อซื้อของใช้เสร็จูเี่อันก็ไม่รู้จะซื้ออะไรอีก แต่พอคิดดูดีๆ นานๆ ทีลู่เป่าเหยียนจะออกมาซื้อของแบบนี้ถ้าไม่พาเขาเดินให้รอบคงจะน่าเสียดาย
เธอชี้ไปยังโซนอาหารสดที่อยู่เยื้องๆกันก่อนเอ่ยปากชวน
“พวกเราไปดูของตรงนั้นกันไหม”
ลู่เป่าเหยียนเข็นรถตรงไปยังโซนดังกล่าวพร้อมกับเธอที่นั่นมีกุ้งเครย์ฟิชที่เพิ่งถูกนำเข้ามาสดๆ
กุ้งเครย์ฟิชตัวน้อยเดินทางมาไกลขนาดนี้ยังอุตส่าห์มีชีวิตดิ้นไปดิ้นมาอยู่ได้ ูเี่อันเห็นแล้วตาเป็ประกายลู่เป่าเหยียนไม่ต้องมองหน้าเธอก็รู้ว่าูเี่อันคงกำลังจินตการภาพกุ้งพวกนี้ตอนสุกอยู่บนจานแล้วแน่ๆ
“ให้พวกเขาไปเอาไปส่งที่บ้านไหม”
สายตาของูเี่อันยังคงจับจ้องกุ้งน้อยที่น่าสงสาร
“ทำไมพวกเราไม่ซื้อล่ะ”
ลู่เป่าเหยียนอ่อนใจกำลังความซื่อบื้อของคนตรงหน้า
“กว่าพวกเราจะกลับถึงบ้านก็ไม่รู้กี่โมงถ้าให้คนไปส่งที่บ้านรับรองว่าก่อนที่จะลงหม้อพวกมันยังไม่ตายแน่ๆอีกอย่างคำว่าให้คนไปส่งที่บ้าน มีความหมายเดียวกับคำว่าซื้อ”
ูเี่อันเข้าใจในทันทีเธอมองหน้าลู่เป่าเหยียนอย่างดีใจก่อนจะพยักหน้างึกงักเธอดีใจจนเกือบจะโดดจุ๊บเขาสักทีแล้วไหมล่ะ
ผู้จัดการซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เดินเข้ามาราวกับได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกันอย่างไรอย่างนั้น
“คุณลู่้าเท่าไรครับ”
“พอสำหรับสองคนทาน”ลู่เป่าเหยียนตอบ
“ได้ครับ”ูเี่อันพยักหน้า “เดี๋ยวกระผมจะจัดส่งไปให้ที่บ้านนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”ูเี่อันเอ่ยคำขอบคุณอย่างดีใจ ก่อนจะเข็นรถเข็นไปอีกทาง
“วันนี้พวกเราโชคดีนะเนี่ยเมื่อก่อนฉันมากับเสี่ยวซีตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ขายหมดแล้วก็ไม่มีเข้ามา นี่ๆพวกเราซื้อของอย่างอื่นไปด้วยเถอะเดี๋ยววันนี้ฉันจะลงมือทำมื้อเย็นแสนอร่อยให้นายกินเอง!”
ลู่เป่าเหยียนยิ้มมุมปากแต้จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็ชะงักลง ูเี่อันเห็นสีหน้าของเขาแปลกไปจึงเอ่ยถาม
“มีอะไรเหรอ?”
“พวกนักข่าว”ลู่เป่าเหยียนตอบ “ที่สิบเอ็ดนาฬิกา”
ูเี่อันไม่ได้มองตามที่เขาบอก
“พวกเขาตามถ่ายภาพพวกเรางั้นเหรอถ่ายสิ ฉันจะได้ััความเป็ดาราบ้าง”
ลู่เป่าเหยียนนึกไม่ถึงว่าูเี่อันจะมีปฏิกิริยาตอบรับแบบนี้
“เธอโอเค?”
“มีอะไรให้ไม่โอเคเมื่อวานฉันถูกถ่ายรูปจนชินแล้ว”
ูเี่อันยังพูดไม่ทันจบลู่เป่าเหยียนก็ยกมือโอบเอวเธอทันที เธอร้องประท้วงเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจในแผนการของลู่เป่าเหยียน จึงเอ่ยให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง
“ฉันโอเค!”
ลู่เป่าเหยียนแย้มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์ขายเนื้อสดที่มีเนื้อวัววางเรียงราย เขาก็ถามูเี่อัน
“ทำอาหารฝรั่งเป็หรือเปล่า”
“ฉันจะบอกความลับอะไรให้ตอนอยู่อเมริกาฉันเคยเรียนกับเชฟคนหนึ่ง ได้เคล็ดลับการทำอาหารฝรั่งมาเยอะเลยล่ะ”
“งั้นคืนนี้กินสเต็ก”ลู่เป่าเหยียนเรียกให้คนนำเนื้อวัวไปส่งที่บ้านพร้อมกับกุ้งเครย์ฟิช
ูเี่อันลากลู่เป่าเหยียนไปเลือกผักและผลไม้เธอซื้อพวกหน่อไม้ฝรั่งและเห็ดหอมเป็จำนวนมากจากนั้นก็เลือกผลไม้ตัวเองชอบอีกหลายอย่างไม่นานของในรถเข็นก็เยอะจนกองเป็ูเาย่อมๆ
“เอาอะไรอีกหรือเปล่า”ลู่เป่าเหยียนถาม
“เอาสิ”
โซนขนมขบเคี้ยวเป็โซนที่ถ้าูเี่อันมาซูเปอร์มาร์เก็ตทีไร ถ้าไม่เฉียดใกล้เลยก็ใช้เวลากับที่นี่นานที่สุด ลู่เป่าเหยียนมองเธอวางถุงขนมลงในรถเข็นทีละห่อๆ ด้วยท่าทางตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเห็นกุ้งเครย์ฟิชเสียอีกเขาไม่ได้ห้ามแต่แค่ถามว่า
“เธอกินหมดงั้นเหรอ”
“ฉันจะเอาไปกินที่ทำงาน”ูเี่อันตอบ “หลังแต่งงานกับนายเกิดเื่เยอะแยะมากมายฉันไม่ได้ซื้อของพวกนี้มานานแล้วเนี่ย”
“คราวหลังบอกให้คนส่งไปที่บ้านก็ได้”ลู่เป่าเหยียนกล่าว
“ไม่เอานะ”ูเี่อันปฏิเสธทันควัน “ฉันชอบเดินซูเปอร์ฯไม่ก็พวกตลาดสด!”
คนทั่วไปอาจจะไม่ชอบเดินตลาดสดเพราะอาจรู้สึกว่ามันสกปรกวุ่นวายแต่สำหรับเธอแล้วที่นั่นมีแต่ของกินน่าอร่อยเต็มไปหมด...
“นี่ๆ”เธอเขย่าแขนลู่เป่าเหยียนก่อนจะชี้ไปยังชั้นวางที่อยู่บนสุด“นายหยิบผลไม้อบแห้งห่อสีเหลืองๆ ให้ฉันหน่อยสิ หยิบมาสักสองสามห่อนะเพื่อนร่วมงานฉันชอบกินมาก”
ลู่เป่าเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย“มีคนชอบกินของแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ทำไมจะไม่มี?” ูเี่อันตอบอย่างลืมตัว“เจียงเส้าข่ายชอบกินมากเลยนะ!”
ลู่เป่าเหยียนมองห่อขนมที่มีภาษาไทยเขียนอยู่มือหนึ่งเข็นรถเข็นออกไป อีกมือโอบเอวของูเี่อันให้เดินตามเขามา
“อย่าซื้อเลย”
ูเี่อันงง“แต่ฉันก็ชอบกินนี่...”
“ของอย่างอื่นที่เธอชอบก็มี”
ลู่เป่าเหยียนพูดโดยไม่แม้แต่จะให้โอกาสูเี่อันได้หันหน้ากลับไปมองขนมอย่างอาลัยอาวรณ์ด้วยซ้ำูเี่อันบ่นพึมพำต่อว่าเขาว่าเผด็จการ ก่อนจะบอกให้เขาช่วยหยิบถั่วให้เธอ
ลู่เป่าเหยียนยื่นมือไปจับกระป๋องถั่วตรงหน้าก่อนจะเก็บมือกลับมา
“จุ๊บฉันก่อนขอร้องฉัน”
ูเี่อันทำหน้าเอือม“ให้นายช่วยแค่นี้ ทำไมยุ่งยากแบบนี้เนี่ย”
“แค่นี้เรียกยุ่งยาก?” ลู่เป่าเหยียนแค่นยิ้ม“เวลาคนอื่นอยากจะมาขอให้ฉันช่วยอะไร สิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายมากกว่านี้เยอะดีไม่ดีสุดท้ายอาจจะไม่ได้เจอฉันด้วยซ้ำ”
“...”
เธอไม่ใช่คนไร้ศักดิ์ศรีแบบนั้นว่าแล้วูเี่อันจึงลองะโดู แต่ทำอย่างไรก็เอื้อมหยิบไม่ถึง เธอจึงหันไปมองลู่เป่าเหยียนอย่างเคืองๆ
“ที่รักคะหยิบให้หน่อยสิคะ...”
ลู่เป่าเหยียนยิ้มมุมปาก
“ยังไม่ได้จุ๊บฉันเลย”
ูเี่อันเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเขาไปหนึ่งทีอย่างช่วยไม่ได้
“ตาบ้าโรคจิตจอมฉวยโอกาส!หยิบให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ! คราวหน้าไม่มากับนายแล้ว ฉันจะมากับเสี่ยวซี!”
ลู่เป่าเหยียนหยิบถั่วมาวางลงบนรถเข็น
“ลั่วเสี่ยวซีใกล้จะได้เข้าวงการแล้วอาจจะไม่มีเวลาให้เธอ”
“งั้นฉันใส่ส้นสูงมาก็ได้!”ูเี่อันบ่น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ พวกนักข่าว...ไปกันหรือยัง”
“ยัง” ลู่เป่าเหยียนตอบ“ตามอยู่ข้างหลังพวกเราตลอด”
ูเี่อันแทบจะกระอักเื“ลู่เป่าเหยียน เมื่อกี้นายจงใจใช่ไหม!”
ลู่เป่าเหยียนยิ้มก่อนจะลูบศีรษะเธอเบาๆ
“มีอะไรอยากจะซื้ออีกไหมถ้าไม่มีจะได้ไปคิดเงิน”
“รูดบัตรนายนะ!”
ูเี่อันหยิบขนมใส่รถเข็นเพิ่มอย่างหงุดหงิดลู่เป่าเหยียนเองก็ช่วยเธอหยิบด้วยอีกแรง ราวกับไม่สนใจเศษเงินอันน้อยนิดพวกนีู้เี่อันเห็นดังนั้นก็ยิ่งเคือง เธอเข็นรถเข็นไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินอย่างโกรธๆ
วันหยุดแบบนี้คนมาซื้อของกันเยอะที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงินจึงมีคนกำลังต่อแถวอยู่จำนวนหนึ่งผู้จัดการเดินมาถามลู่เป่าเหยียนว่าเขารีบหรือเปล่า แต่ลู่เป่าเหยียนบอกว่าไม่เป็ไรผู้จัดการจึงเดินจากไป
ที่จริงเขาเกลียดการรอคอยเป็ที่สุดเขาไม่ได้ต่อคิวรออะไรมานานหลายปีแล้ว แต่การได้อยู่ท่ามกลางผู้คนพร้อมๆ กับูเี่อันแบบนี้เขากลับรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด
ถ้าไม่ใชู่เี่อันเขาคงไม่มีโอกาสทำเื่ธรรมดาสามัญที่คนทั่วไปทำกันเป็ประจำแบบนี้
“หล่อจังเลย”
ทันใดนั้นเสียงเพ้อฝันของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้น
“หล่อเกินไปแล้วไปขอเบอร์ดีไหมนะ...”
ูเี่อันชักสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อมองไปยังต้นเสียงก็เห็นกลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังมองลู่เป่าเหยียนั์ตาของแต่ละคนเต็มไปหัวใจสีชมพูวิ้งๆ
เธอคล้องแขนเขาในทันที
“ช้าจังทำไมเมื่อกี้นายไม่ให้ผู้จัดการช่วยคิดเงินให้เราล่ะ”
ทีแบบนี้เขาดันมีความอดทนขึ้นมาซะงั้น
“รออีกเดี๋ยวอีกแค่คนเดียวก็จะถึงคิวพวกเราแล้ว”
ูเี่อันเบะปากเล็กน้อยก่อนจะหยิบของในรถเข็นขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ สองนาทีให้หลังก็ถึงคิวพวกเธอเธอให้พนักงานแบ่งของใส่ถุงสามถุง สำหรับขนมขบเคี้ยว ผักผลไม้และของใช้
หลังจากพนักงานนำสินค้าทุกอย่างใส่ถุงแล้วเรียบร้อยูเี่อันก็เอื้อมมือจะไปหยิบ แต่ลู่เป่าเหยียนกลับหิ้วถุงขึ้นมาแล้วสองถุงเหลือเพียงถุงของใช้ใหู้เี่อัน
ูเี่อันยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหิ้วมันขึ้นมาอย่างสบายๆ
“คราวหน้าพานายมาดีกว่าแรงดีมีบัตรเครดิตแบบนี้ คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
ยัยนี่...ลู่เป่าเหยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ
“กลับไปเมื่อไรฉันจัดการเธอแน่”
ูเี่อันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาไปหนึ่งทีก่อนจะวิ่งไปกดลิฟต์อย่างรวดเร็ว
