ช่างยากที่จินตนาการเหลือเกินว่าคำพูดที่มีตรรกะเหตุผลเช่นนี้จะออกมาจากปากของซินหรูได้ไม่เพียงหลินชิงเวยเท่านั้นที่คาดไม่ถึงแม้กระทั่งจ้าวเฟยก็ตกตะลึงพรึงเพริดเช่นกัน
สีหน้าของจ้าวเฟยภายใต้แสงจากคบไฟนั้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามีสีสันเพียงใดนางเพียงแค่้ามาโอ้อวดและประกาศศักดาเท่านั้น มิได้มาหาเื่ใส่ตัว
แต่นางคนชั้นต่ำนางนี้ ช่างทำให้คนโทสะเดือดดาลนัก คืนนี้ไม่สั่งสอนนางเกรงว่าจ้าวเฟยกลับไปถึงตำหนักก็มิอาจนอนหลับได้
นางประสานสายตากับคนทั้งสองที่ยืนอยู่ในแปลงสมุนไพรราวกับกำลังประเมินผลได้และผลเสียจากนั้นจึงหัวเราะเสียงแหลมออกมา นางยื่นคบไฟให้กับนางกำนัลข้างกาย“เ้าท้วงเตือนเปิ่นกง เปิ่นกงมิอาจเผาแปลงสมุนไพรเหล่านี้จริงๆ เปิ่นกงย่อมปรารถนาให้อาการประชวรของฝ่าาหายเป็ปกติโดยไวเช่นกันทว่า” น้ำเสียงของจ้าวเฟยพลันเปลี่ยนไป“บ่าวไพร่ชั้นต่ำเช่นเ้าที่กำเริบเสิบสานเช่นนี้ เปิ่นกงยังมีอำนาจที่จะจัดการได้เด็กๆ ยังไม่รีบไปลากตัวนางคนชั้นต่ำออกมาให้เปิ่นกงอีก”
ดังนั้นนางกำนัลสองนางจึงก้าวขึ้นหน้าเหยียบย่ำลงบนสมุนไพรที่พวกนางเพิ่งจะรดน้ำใส่ปุ๋ยอย่างไร้ปราณี มุ่งหน้ามาทางซินหรูแต่ยังเดินไม่ถึงสองก้าว พลันมีเสียงฟู่ๆ ดังขึ้นจากบนพื้นดินนางกำนัลทั้งสองก้มหน้าลง ราวกับมีสิ่งของอะไรตวัดผ่านเท้าของตน
นางกำนัลสองนางนั้นยังมิทันได้ดูให้ชัดเจน ทว่ากลับถูกเสียงฟู่ๆนั้นทำให้ตื่นตระหนก จึงรีบถอยหนีทันที จ้าวเฟยยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามก็ได้ยินเสียงของนางกำนัลร้องขึ้นด้วยความใว่า “งู มีงู”
นางกำนัลคุ้มกันจ้าวเฟยให้ถอยหลังใบหน้าของจ้าวกุ้ยเฟยซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
ภายใต้แสงไฟนั้นเห็นเพียงงูสีเขียวราวกับหยกตัวหนึ่งกำลังเลื้อยออกมาจากต้นหญ้ากำลังเลื้อยมาทางจ้าวเฟย บนร่างของมันเป็สีดำและมีลวดลายสีเหลืองดูไปแล้วน่าเกลียดและน่ากลัวยิ่ง มันส่งเสียงสื่อสารของงูเสียงนั้นทำให้จ้าวเฟยตื่นตระหนกเสียจนขนลุกเกรียวทั้งร่าง
จ้าวเฟยหน้าเปลี่ยนสี “ไฉนที่นี่จึงมีงูได้เล่า ยังไม่ยังไม่รีบจับงูออกไปอีก”
ทันทีที่สิ้นเสียง งูสีเหลืองตัวนั้นกลับยืดตัวขึ้นพันรอบข้อเท้าของจ้าวเฟย มันพันรัดอย่างแ่า จ้าวเฟยใเสียจนกระตุกทั้งร่างไร้ซึ่งท่าทีหยิ่งผยองเช่นเมื่อแรกมาถึง งูสีเหลืองตัวนั้นอ้าปากยังไม่ได้เตรียมจะกัดลงไป จ้าวเฟยก็ถูกทำให้ใจนสิ้นสติไปเสียก่อนต่อมางูลายเหลืองตัวนั้นยังคงกัดลงบนขาของนางครั้งหนึ่งอย่างเสียไม่ได้
ในเมื่อมาเป็เหยื่อแล้ว หากไม่กัดสักคำจะได้หรือ นี่มิใช่นิสัยของงู
เดิมทีซินหรูคิดจะเรียกอาหวงกลับมา แต่นางเพิ่งคิดจะเอ่ยปากขันทีทางนั้นได้ใช้กิ่งไม้ปลายแหลมเขี่ยอาหวงออกมาเมื่อทำไม่สำเร็จจึงใช้ไม้ปลายแหลมนั้นแทงเข้าไปในร่างของอาหวงอาหวงได้รับความเ็ป จึงผ่อนแรงลงทันที เลื้อยผละออกจากขาของจ้าวเฟยมาบนพื้น
ต่อมาขันทีไม่รู้ไปหยิบดาบมาจากที่ใด ฟาดฟันลงบนร่างของอาหวงจังๆ
ซินหรูเบิกตาโต ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำในชั่วพริบตา นางคิดจะวิ่งเข้าไปทว่าถูกหลินชิงเวยรั้งเอาไว้ ได้แต่มองอาหวงเ็ปจนขดร่างเป็ก้อนกลมๆอยู่บนพื้นตาปริบๆ
ขันทียังไม่ยอมเลิกรา ยังคิดจะฟันอีกสองครั้งหลินชิงเวยจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจว่า “หากยังมัวเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเหนียงเหนียงของพวกเ้าน่าจะตกอยู่ในอันตรายแล้ว พวกเ้าทั้งหมด้าถูกฝังร่วมไปกับเ้านายใช่หรือไม่?”
ขันทีตกตะลึง พลันคิดถึงจ้าวเฟยขึ้นมา จึงไม่มีเวลาสนใจงูอีกรีบประคองจ้าวเฟยจากไปอย่างรวดเร็ว
รอกกระทั่งคนทั้งหมดจากไปแล้ว คบไฟที่ตกอยู่บนพื้นเกิดสะเก็ดประกายไฟภายในเรือนพลันบังเกิดความเงียบงัน ซินหรูรีบวิ่งเข้าไปอุ้มอาหวงขึ้นมาน้ำตาของนางไหลพรากในชั่วขณะ
“พี่สาว ข้าไม่ควรให้อาหวงออกมาเลย...”
หลินชิงเวยกล่าวเนิบๆ ว่า “เ้าจะร้องไห้อะไรกันไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา”
ซินหรูช้อนตาขึ้นมอง เห็นเพียงหลินชิงเวยหันกายเดินเข้าไปในเรือนภายในเรือนได้จุดโคมไฟสีเหลืองนวลเอาไว้ เสียงดังมาจากข้างในว่า“ยังไม่นำมันเข้ามาอีก”
ซินหรูประคองอาหวงที่ขาดเป็สองท่อนเข้าไปหลินชิงเวยได้เตรียมเข็มและด้ายไว้พร้อมแล้ว นางกล่าวอีกว่า“การมีชีวิตรอดของงูนั้นแข็งแกร่งยิ่ง เส้นประสาทของมันพัฒนาไปมาก มีพี่สาวอยู่ เ้ายังกลัวว่ามันจะตายหรือไร?หืม?”
ท่าทีชำนาญคล่องแคล่วของหลินชิงเวยภายใต้แสงของตะเกียงแม้ร่างของอาหวงจะไถลไปไถลมาในมือของนางราวกับเป็สบู่ทว่านางยังคงเย็บแผลให้อาหวงราวกับเย็บเสื้อผ้าอย่าไงรอย่างนั้น“ไปเก็บหญ้าสมุนไพรในแปลงสมุนไพรมาสองใบ”
“อ้อ”
หลินชิงเวยนำใบไม้นั้นมาขยี้ให้ละเอียดจนกลายเป็น้ำสีเขียวแล้วนำน้ำสีเขียวนั้นมาหยดลงบนาแของอาหวง “ซินหรูเมื่อสักครู่เ้ากล้าหาญยิ่งนัก”
ซินหรูน้ำตาเอ่อคลอดวงตาขึ้นมาอีกครั้ง “ที่จริงที่จริงข้ากลัวมากเลยเ้าค่ะ มือของข้าสั่นเทิ้ม ทั้งเกรงกลัวว่าจะมีจุดจบเช่นเดียวกับอาหวงในเวลานี้”
“อาหวงยังเป็เพียงงูเด็กตัวหนึ่ง ง่ายดายยิ่งนักที่จะสั่งสอนมันต่อไปหากเ้าไม่เพียงแต่จะสามารถสอนให้มันฟังคำสั่งของเ้ารู้เื่อีกทั้งยังสอนให้มันเข้าใจภาษามือของเ้าเมื่อข่มขู่ให้คนใแล้วก็ต้องรีบถอยอย่างทันท่วงที ก็จะไม่มีเหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นอีก”หลินชิงเวยกล่าว “คนต่ำช้าที่รู้จักเสแสร้งในตำหนักในมีมากมายหากเ้าข่มขู่ให้พวกนางหวาดกลัวได้ครั้งต่อไปพวกนางจะไม่กล้ามาสร้างความยุ่งยากให้เ้า”
ยังดีที่เ้างูลายเหลืองตัวนี้ได้ถูกหลินชิงเวยรีดต่อมพิษเรียบร้อยแล้วหาไม่แล้ววันนี้จะต้องเกิดเื่ใหญ่ด้วยมีคนตายเป็แน่
วันรุ่งขึ้น ซินหรูจดจ่อเฝ้าแต่ดูแลอาหวงของนางหลินชิงเวยต้องไปถวายการรักษาฮ่องเต้ยังตำหนักซวี่หยาง ก่อนที่นางจะออกไปพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว แสงแดดที่ส่องสว่างทำให้คนเกียจคร้านนักเห็นซินหรูประเดี๋ยวอุ้มอาหวงไปตากแดงงที่ขอบหน้าต่างอีกประเดี๋ยวอุ้มมันไปไว้ใต้ชายคาเรือน หลินชิงเวยจึงเอ่ยเตือนอย่างอดไม่ได้ว่า“ซินหรูเอ๋ย มันยังเป็ผู้ป่วย เ้าย้ายไปย้ายมาเช่นนี้ าแของมันยังไม่หายดีก็ถูกเ้าเล่นจนตายแล้ว เ้านำมันไปทิ้งไว้ในมุมที่อับชื้นสักหน่อย ให้มันค่อยๆสมานแผลด้วยตัวของมันเองก็พอ”
รอกระทั่งหลินชิงเวยไปถึงตำหนักซวี่หยาง เซียวเยี่ยนอยู่ที่นั่นด้วยเซียวจิ่นดูเหมือนรอนางอยู่สักพักแล้ว
ทันทีที่เข้าประตูไป เซียวจิ่นก็เอ่ยปากถามทันที “หลินเจาอี๋วันนี้จะฝังเข็มหรือไม่?”
หลินชิงเวยกล่าว“การฝังเข็มเมื่อวานนี้ทำให้ฝ่าาสบายเนื้อสบายตัวใช่หรือไม่เพคะ?”
เซียวจิ่นกระแอมกระไอในคอ “พอใช้ได้”
หลินชิงเวยหันไปมองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง“สีหน้าท่าทางของฝ่าาดีขึ้นมากเพคะ อาเจียนโลหิตที่เป็พิษวันละคำ รอกระทั่งอาเจียนหมดแล้วก็ไม่ต้องให้หม่อมฉันมาฝังเข็มแล้วเพคะ”
เซียวจิ่นเป็คนช่างสังเกตสีหน้าท่าทางคนยิ่งยวดเป็คนมีอุปนิสัยดียิ่ง เขามองหลินชิงเวยแล้วกล่าวว่า “เจิ้นทำให้เ้าไม่พอใจ?”
เ้าเด็กคนนี้ทำไมจึงอ่อนไหวขนาดนี้ หลินชิงเวยกล่าวสัพยอกว่า“หากฝ่าายอมขึ้นเงินเดือนให้หม่อมฉันแล้วละก็หม่อมฉันจะเบิกบานใจขึ้นเล็กน้อยเพคะ”
เซียวจิ่นกล่าว “เงินเดือนของเ้าไม่เปลี่ยนเพียงแต่ถูกลดตำแหน่งเท่านั้นเมื่อวานเจิ้นออกพระราชโองการได้แจ้งไปกับผู้ดูแลแล้ว” เอ๊ะเด็กคนนี้ช่างรอบคอบถี่ถ้วนดีแท้
เซียวเยี่ยนที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างส่งเสียงขึ้นในเวลานี้ “ลดตำแหน่งแล้วเงินเดือนกลับไม่ลด นี่ไม่เหมาะสมกับกฎเกณฑ์ของตำหนักใน ฝ่าาทำเช่นนี้จะทำให้ผู้อื่นไม่พอใจเอาได้”
หลินชิงเวยกระพริบตาปริบๆ “ทุกคนต่างมิได้อาศัยอยู่ในตำหนักเดียวกันไม่มีใครรู้ว่าทุกเดือนหม่อมฉันรับเงินเดือนเป็เงินเท่าใดหม่อมฉันว่าผู้ที่ไม่พอใจน่าจะเป็เสด็จอากระมัง เสด็จอา ถูกต้องหรือไม่เพคะ?”
เซียวเยี่ยนมองนางด้วยสายตาเงียบขรึมแวบหนึ่ง ทว่ามิเอ่ยวาจาใดๆ
หลินชิงเวยกล่าวขึ้นอย่างยินดีว่า“อีกทั้งหม่อมฉันมิได้รับเงินเดือนเปล่าๆ ปลี้ๆ นอกจากกินดื่มในแต่ละวันแล้วหม่อมฉันยังถวายการรักษาให้กับฝ่าาด้วยผู้อื่นไม่อาจแต่งตัวงดงามแล้วออกมาเดินเฉิดฉายเช่นคนอื่นๆ ต่อให้ไม่มีความดีความชอบก็ทำงานอย่างหนักเพคะ”