พิมมาดาเฝ้ามองดูแผนที่จากโปรแกรมในโทรศัพท์พร้อม มองข้างทางอย่างใจจดใจจ่อกับเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ตอนนี้ที่หน้าจอกำลังแสดงผลว่าอีกแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น
เธอก็จะถึงจุดหมายปลายทางที่ปักไว้ เมื่อ่บ่ายเธอได้รับข้อความจากบุคคลปริศนาบอกให้ไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอคงไม่ให้ความสนใจมากขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เห็นภาพของสามีตนที่กำลังจับมือถือแขนหญิงสาวรุ่นลูกคนหนึ่งอยู่
จากในภาพท่าทางของสามีเธอดูอาลัยอาวรณ์ผิดปกติ ดูผิวเผินความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นอาจจะบานปลาย เธอถอนหายใจอย่างสิ้นหวังก่อนจะบอกให้คนขับจอดรถที่หน้าร้าน kawaii bistro
ซึ่งเวลานี้คนในร้านยังดูบางตาเพราะเพิ่งจะเปิดร้านไม่ถึงชั่วโมง พิมมาดาจ่ายเงินให้คนขับก่อนจะก้าวลงจากรถลงมา เธอหยุดและยืนมองอยู่ที่หน้าร้านอย่างชั่งใจ
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน่นี้ประเดประดังเข้ามาทำให้เธอเห็นถึงความผิดปกติของสามี เขาดูกระสับกระส่ายและมีลับลมคมในบางอย่าง ซึ่งเธอไม่ได้คาดหมายเลยว่าจะเป็เื่ชู้สาว อยู่กินกันมาจนอายุขนาดนี้ ใจก็หวังจะฝากผีฝากไข้ให้ดูแลซึ่งกันและกันยามแก่เฒ่า แต่สามีของเธอก็ทำท่าจะมาดีแตกเอาตอนอายุปูนนี้เสียได้ เธอคิดว่ายังไงเสียวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เื่
“วันนี้กูขอเป็เ้าภาพเลี้ยงมื้อเย็นให้เอง แต่ขอกูเลือกร้านนะ” วินอาสาพร้อมกับขับรถให้ทั้งสองคนนั่ง ซึ่งเพื่อนของเขาและหนุ่มรุ่นน้องก็ไม่ได้นึกแปลกใจอะไร วินอยากทานร้านไหนพวกเขาก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้วเพราะไม่อยากจะขัดใจเ้าภาพ จนกระทั่งรถของวินเลี้ยวเข้ามาจอดที่ร้าน kawaii bistro นนท์เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างชอบมาพากล
“วิน พาพวกกูมาร้านนี้ทำไมเนี่ย” นนท์ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบกดรับสายทันที
“ครับพี่กวี ว่าไงนะ ผมอยู่หน้าร้านเนี่ย” นนท์ตอบกลับด้วยความใ
“พี่พิมอาละวาดใหญ่แล้ว รีบไปเร็ว ฝีมือมึงใช่ไหม…ไอ้วิน” นนท์พูดอย่างคาดโทษ คนสร้างเื่ไม่ปฏิเสธ เขารีบตามเพื่อนลงไปทันที เตชินทร์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก มองไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง แต่ก็ก้าวตามหลังรุ่นพี่ทั้งสองเข้าไปที่หลังร้าน
ที่ซึ่งตอนนี้ปกรณ์กำลังจับแขนของภรรยาไว้ทั้งสองข้าง หวังให้เธอสงบสติอารมณ์แต่ยิ่งเหมือนไปเติมเชื้อไฟให้กับเธอ ราวกับว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ปากของเธอยังคงะโด่าทอหญิงสาวตรงหน้าไม่หยุด
“นังกาลกิณี…ฉันก็นึกว่าคุณจะเป็เฒ่าหัวงูตอนแก่ ที่แท้ก็มาคลุกอยู่กับอีเด็กนี่เองเหรอ มันคือตัวซวยนะ คุณลืมไปแล้วเหรอ มันคือคนที่ทำให้คณิณต้องตาย ลูกของเราต้องตายเพราะมัน ทำไมคุณถึงยังไปยุ่งกับมันอีก” เธอก่นด่าด้วยความโมโหพร้อมส่งสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแค้นเคือง แพรได้แต่ยืนร้องไห้ เธอส่ายหน้าไปมาเพราะไม่อยากรื้อฟื้นเื่ราวในอดีตขึ้นมาอีก
“คุณพิม ใจเย็นๆ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับหนูแพร กลับบ้านกับผม” ปกรณ์พยายามอธิบายให้ภรรยาฟัง พร้อมกับลากเธอให้ออกไปนอกร้านเพื่อกลับบ้านด้วยกัน
“ไม่ มันคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกของเราต้องตาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณปกรณ์” พิมมาดาไม่ยอมฟังพร้อมพูดประโยคเดิมซ้ำๆ ยิ่งตอกย้ำให้แพรร้องไห้หนักกว่าเดิม
สามหนุ่มที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ถึงกับยืนอึ้งไปตามๆ กัน วินดูตระหนกกว่าใครเพื่อน เขาถึงกับหน้าซีดเผือด ยิ่งเห็นหญิงสาวตรงหน้าร้องไห้อย่างหนัก เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด
วินคิดแค่ว่าอยากจะหาทางช่วยเหลือเธอให้พ้นจากปกรณ์ แต่พอได้รู้ความจริงว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด มิหนำซ้ำกลับพาพิมมาดาเข้ามาทำร้ายเธอซ้ำอีก ชายหนุ่มก็ยิ่งเป็ห่วงเธอมากขึ้น
“ว้าย...แพร” เสียงร้องของกวีทำให้วินหลุดจากภวังค์ หญิงสาวร้องไห้สะอื้นจนหมดแรง เธอถึงกับเป็ลมหมดสติไป วินรีบเดินปรี่เข้าไปประชิดหวังจะช่วย แต่โดนกวีเอาตัวขวางไว้
“นวล…พาแพรไปพัก ถ้าฟื้นเมื่อไรก็พาไปส่งที่พักและอยู่เป็เพื่อนแพรด้วยนะ วันนี้พี่ให้เธอสองคนกลับบ้านได้เลย”
กวีะโเรียกเด็กในร้านที่สนิทกับหญิงสาวให้เข้ามาช่วยประคอง แต่นวลซึ่งเป็หญิงสาวร่างเล็กพอๆ กันกับแพร จึงทำให้เธอไม่มีแรงมากพอที่จะช่วยประคองแพรให้ไปด้วยกันกับเธอได้ วินทนเห็นไม่ได้จึงฉวยโอกาสอุ้มหญิงสาวที่หมดสติขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเขาโดยทันที
“จะให้คุณแพรไปพักที่ไหนครับ เดี๋ยวผมพาไปส่งเอง” วินอุ้มหญิงสาวไว้แนบอกพร้อมกับมองเธอด้วยความเป็ห่วง ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ทำไมชีวิตเธอถึงต้องเผชิญกับเื่ราวร้ายแรงขนาดนี้ด้วย เขาได้แต่สงสาร