เสิ่นเยี่ยนเห็นว่ากู้เจิงตื่นแล้ว เขาเห็นภรรยากำลังยิ้มท่ามกลางแสงเทียนสีส้ม มุมปากของนางยกขึ้นและดวงตาเจือด้วยรอยยิ้ม
“ตื่นแล้วหรือ ข้าจะไปเอาโจ๊กมาให้”
กู้เจิงส่งเสียงอืมเบาๆ นางมองสามีลุกขึ้นเดินออกไป ฝีเท้าของเขามั่นคงมาตลอด ทว่าตอนนี้กลับดูรีบร้อนผิดวิสัยของเขาไปหน่อย หรือว่าเขาจะเป็ห่วงกลัวว่านางจะหิวกันนะ ชายคนนี้มักจะแสดงความเป็ห่วงออกมาก็ต่อเมื่อเวลาที่นางเกิดเื่ขึ้น
กู้เจิงยังปวดศีรษะจนไม่อยากจะขยับร่างกาย นางนึกถึงความฝันที่ยังรู้สึกติดอยู่ในใจ แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก นางรู้แค่เพียงว่ามันเป็ความฝันที่ทำให้นางหดหู่และอึดอัดมาก จะจำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ
เสิ่นเยี่ยนยกโจ๊กเข้ามาพอดี กู้เจิงเมื่อได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
เสิ่นเยี่ยนหยิบหมอนมาหนุนหลังให้กู้เจิง ก่อนจะหยิบโจ๊กมาป้อนให้นาง “นี่คือโจ๊กนกพิราบที่ท่านพ่อท่านแม่ทำขึ้น เนื้อนกพิราบจะช่วยบำรุงกำลัง ท่านป้าใหญ่ตั้งใจเอามาให้เ้าโดยเฉพาะ”
หลังจากกินเข้าไปเต็มคำแล้ว กู้เจิงถึงได้มีแรงพูด “พวกท่านป้ารู้แล้วหรือเ้าคะ?”
“เื่แบบนี้ไม่อาจปิดบังได้ ข้าถูกทุกคนรุมต่อว่าไปหนึ่งยก”
“แม้ท่านจะถูกต่อว่า แต่ข้ากลับรู้สึกดีที่ทุกคนดูจะเป็ห่วงข้าเ้าค่ะ”
“เ้าปฏิบัติต่อทุกคนอย่างดี พวกเขาย่อมใส่ใจเ้าเช่นกัน กินช้าๆ หน่อย” เสิ่นเยี่ยนเห็นกู้เจิงยังไม่ทันเคี้ยวก็กลืนลงไป จึงเอ่ยเตือน
“ยังมีอีกไหมเ้าคะ? ข้าอยากกินอีก”
“มี แต่ตอนนี้เ้ากินมากไม่ได้ หมอหลวงได้บอกเอาไว้ว่า ร่างกายของเ้ายังอยู่ใน่ฟื้นตัว การกินมากเกินไปจะทำให้ร่างกายทำงานหนัก”
“ก็ได้เ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนประคองให้กู้เจิงนอนลง
“จริงสิ วันนั้นเหมือนข้าจะไม่เห็นพระชายารองเลยเ้าค่ะ” กู้เจิงนึกขึ้นได้
“นางสิ้นแล้ว”
กู้เจิงตะลึงงัน “หรือว่านางถูกคนร้ายฆ่า?”
เสิ่นเยี่ยนส่ายหน้า “เป็ราชโองการลับของฮองเฮาที่สั่งให้สังหารพระชายารอง”เสิ่นเยี่ยนเล่าต่อด้วยเสียงเรียบว่า “พระชายารองเป็คนขององค์ชายสาม นางเสี้ยมสอนบุตรชายขององค์ชายสี่เยี่ยนอ๋องให้มานั่งที่รถม้าของนาง เพื่อให้เยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนขึ้นเขาไปช่วยบุตรชาย”
“พระชายารองเป็คนของเสี่ยนอ๋องได้ยังไงเ้าคะ?” กู้เจิงไม่เข้าใจ
“ข้า องค์รัชทายาท และตวนอ๋องก็แปลกใจเช่นกัน ก่อนหน้านั้นองค์ชายสามเคยให้ร้ายองค์รัชทายาท แต่องค์ชายรองได้ช่วยองค์รัชทายาทเอาไว้ ทำให้ตัวเขาโดนใส่ความไปด้วย จนสุดท้ายเขาก็ไม่อาจแก้ต่างให้กับตัวเองได้เลย เขาจึงถูกฮ่องเต้กักตัวไว้ที่สุสานหลวง ดังนั้นองค์รัชทายาทกับตวนอ๋องจึงต้องมาคอยดูแลพระชายารองเป็พิเศษ”
“งั้นนางก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้สิเ้าคะ” กู้เจิงมีความประทับใจที่ดีต่อพระชายารองมาก
“ตอนที่องค์ชายรองได้ถูกกักบริเวณ เขาได้พาหญิงรับใช้คนหนึ่งไปด้วย เมื่อหนึ่งปีก่อน หญิงรับใช้คนนั้นได้คลอดบุตรชายออกมาคนหนึ่ง พระชายารองถึงได้รู้ว่าที่แท้องค์ชายรองไม่เคยรักนางเลย คนที่เขารักก็คือสาวใช้ที่เขาพาไปด้วย องค์ชายสามเสี่ยนอ๋องได้รับปากพระชายารองไว้ว่า ขอเพียงนางล่อเยี่ยนอ๋องขึ้นเขาก็จะช่วยนางกำจัดหญิงรับใช้และบุตรชายคนนั้นให้”
“โง่จริงๆ” กู้เจิงเห็นใจพระชายารองมาก
“ใช่”
กู้เจิงกลับมาคิดทบทวน นางรู้เื่ในวังหลวงน้อยเหลือเกิน เื่ขององค์ชายรองก็ไม่ใช่ความลับอะไร แต่นางก็เพิ่งจะมารู้เอาวันนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็วันที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส
กู้เจิงตื่นเช้ามาก็ได้กินโจ๊กร้อนๆ เข้าไปชามหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆ ชุนหงก็วิ่งเข้ามาบอกด้วยความดีใจว่า “คุณหนู ซู่เหนียงมาเ้าค่ะ” ทันทีที่นางพูดจบ ประตูห้องก็เปิดออก เป็หวังซู่เหนียงวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
ยังไม่ทันที่กู้เจิงจะได้เอ่ยทักทาย นางก็ถูกอีกฝ่ายดึงเข้าสู่อ้อมอก
กู้เจิงใช้สองมือดันตัวจากอ้อมกอดของซู่เหนียง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซู่เหนียง ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ”
หวังซู่เหนียงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก “เ้าผอมลงมากขนาดนี้เชียวหรือ” ว่าแล้วนางจ้องเขม็งไปยังเสิ่นเยี่ยน
“เป็เพราะข้าดูแลอาเจิงไม่ดีเองขอรับ” เสิ่นเยี่ยนยอมรับผิด
“หากไม่ใช่เพราะเ้าได้ขึ้นเป็ขุนนางขั้นสอง ป่านนี้ข้าคงด่าเ้าสักยกไปแล้ว” น้ำเสียงของหวังซู่เหนียงไหนเลยจะมีเจตนาด่าทอ เห็นชัดๆ ว่านางปลื้มใจมาก นางนั่งลงข้างเตียงและมองกู้เจิงอย่างตื่นเต้น “อาเจิง ตอนนี้เ้าได้เป็ฮูหยินขั้นสองแล้วนะ”
เื่นี้ กู้เจิงก็ดีใจเช่นกัน แต่ทว่า “ซู่เหนียง มีแค่ท่านมาเยี่ยมข้าคนเดียวหรือเ้าคะ?”
“ไม่ใช่ นายหญิงกับนายท่าน และคุณชายรองก็มาด้วย เวลานี้พวกเขากำลังคุยกับพ่อแม่สามีเ้าอยู่ด้านนอก”
กู้เจิงรีบบอกกับชุนหง “ทำไมเ้าไม่บอกแต่แรก รีบมาหวีผมให้ข้าเร็ว”
“เ้ายังป่วยอยู่เลย นอนพักไปเถอะ” หวังซู่เหนียงไม่ยอมให้ลูกสาวลุกขึ้นแต่งตัว
“ข้าไม่เป็ไรแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงแค่เวียนหัวเล็กน้อย
“ข้าจะออกไปคุยกับพ่อตาแม่ยายก่อนนะ” เสิ่นเยี่ยนรีบออกไป
แสงแดดสาดส่องเรือนเล็กของบ้านตระกูลเสิ่น ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศจึงไม่ได้หนาวมากเหมือน่ต้นปีอีกแล้ว
เมื่อกู้เจิงแต่งตัวเสร็จแล้ว นางก็เดินออกจากห้อง เมื่อร่างกายได้ถูกแสงอาทิตย์โอบล้อม นางก็รู้สึกว่าอาการปวดหัวเหมือนจะดีขึ้น ที่ลานบ้านนางเห็นบิดานายหญิงและน้องรองกำลังนั่งดื่มชาอยู่ โดยมีครอบครัวเสิ่นนั่งคุยอยู่ด้วย
“เจิงเอ๋อร์” กู้หงหย่งทักขึ้นเมื่อเห็นกู้เจิง
“พี่ใหญ่” กู้เจิ้งชินทักทาย
“เ้าร่างกายยังไม่แข็งแรงจะรีบลุกจากเตียงทำไม? ข้ายังคิดอยู่ว่าคุยกับพ่อแม่สามีเ้าเสร็จก็จะเข้าไปดูเ้าที่ห้องสักหน่อย” นายหญิงเว่ยซื่อเอ่ยขึ้น นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า บุตรสาวของอนุคนนี้จะมาช่วยลูกของนางโดยไม่สนอันตรายใดๆ นางได้แต่เข้ามากุมมือกู้เจิงเอาไว้โดยไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
“ลูกคารวะท่านแม่ท่านพ่อเ้าค่ะ” กู้เจิงคำนับก่อนที่ชุนหงจะทำตาม เดิมทีนางไม่อยากให้ชุนหงช่วยพยุงไว้ แต่ซู่เหนียงกลับไม่ยอม นางจึงต้องให้ชุนหงช่วยประคองนางไว้ มิเช่นนั้นซู่เหนียงคงไม่ให้นางออกมา
“ป่วยอยู่ ยังจะคำนับอะไรอีกเล่า” เว่ยซื่อช่วยพยุงนางขึ้นมาด้วยตัวเอง
“รีบนั่งเถอะ” กู้หงหย่งยกเก้าอี้มาให้กู้เจิง
“ข้าไม่เป็ไรแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องเป็ห่วง”
“ไม่เป็ไรอะไรกัน ข้ายังเห็นเ้าเอามือกุมหัวแล้วบอกว่าปวดหัวอยู่เลย” หวังซู่เหนียงขัดบุตรสาว
กู้เจิง “...” นางไปบอกว่าปวดหัวตอนไหนกัน?
เสิ่นเยี่ยน “...”
แม่เฒ่าฉินกล่าวขึ้นบ้าง “คุณหนูใหญ่ นายหญิงนำยาสมุนไพรล้ำค่ามากมายมาให้คุณหนูด้วยเ้าค่ะ และพระสนมซูก็ทรงมอบของล้ำค่าสำหรับบำรุงร่างกายมาให้อีกด้วย คุณหนูใหญ่ดีต่อคุณหนูสามและคุณหนูสี่ นายหญิงกับนายท่านล้วนจดจำไว้ในใจแล้วเ้าค่ะ”
“เจิงเอ๋อร์ ครั้งนี้เจิ้งชิน อิ๋งเอ๋อร์ และเหยาเอ๋อร์ช่างโชคดีจริงๆ ที่มีเ้า มิเช่นนั้น ครอบครัวของเราคงได้แตกแยกกันไปแล้ว” กู้หงหย่งพูดขึ้นอย่างขัดเขิน
“เจิ้งชินขอขอบคุณพี่ใหญ่ที่ช่วยชีวิตไว้ขอรับ” กู้เจิ้งชินโค้งคำนับให้กู้เจิง
กู้เจิงรีบพยุงน้องรองขึ้นมา นางมองท่านพ่อท่านแม่พร้อมเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “คำพูดนี้ของท่านพ่อช่างดูเป็คนอื่นคนไกลนัก ข้าเป็พี่ใหญ่ของพวกเขา เป็บุตรสาวคนโตของตระกูลกู้ ข้าย่อมต้องช่วยเหลือดูแลน้องชายและน้องสาว อีกอย่างที่ข้าทำก็ไม่นับว่าเป็อะไร หากไม่ใช่เพราะท่านพี่กับตวนอ๋องและคนอื่นๆ มาถึงทันเวลา เกรงว่า...”
สีหน้าของทุกคนเคร่มขรึมขึ้น
โดยเฉพาะกู้เจิ้งชินเขาเป็ถึงบุรุษ แต่กลับต้องให้พี่สาวคอยปกป้อง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ถีบเขาลงจากรถม้า ผลที่ตามมาคงยากที่จะคาดเดา และสิ่งที่ทำให้เขารับไม่ได้ก็คือ เขาในตอนนั้นในใจเต็มไปด้วยความกลัว แม้แต่สักวิธีการก็ยังคิดไม่ออก
“น้องสามกับน้องสี่สบายดีไหมเ้าคะ?” กู้เจิงเห็นท่าทางเคร่งเครียดของทุกคน นางจึงรีบเปลี่ยนเื่