ตอนที่ 4
ความทุกข์ที่ถาโถม
ข้าวทิพย์เธอยอมเขาเอง เธอรักเขา หญิงสาวกลับมานอนที่ห้องและบอกตัวเองซ้ำ ๆ ตลอดเวลา สิ่งที่เกิดขึ้นเธอรู้อยู่เต็มอกว่า มันไม่ได้เกิดจากความรักของเขา แต่เธอรักเขาไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังแย่ หญิงสาวจึงทั้งรัก ทั้งสงสาร โดยที่ลืมสงสารตัวเอง
การที่เรารักคนที่เขาไม่ได้รักเรา มันเ็ปแค่ไหน หญิงสาวเข้าใจดี เพราะเธอก็รักคราม โดยที่เขาไม่เคยหันชายตามาสนในเธอ กลับยังมารังแกย่ำยีทั้งหัวใจและร่างกาย
ข้าวทิพย์ก็ยังให้อภัย และไม่มีวันไหนที่เธอจะรู้สึกไม่รักเขาเลย เธอจึงเข้าใจความรู้สึกดีว่า ครามเองก็คงยังรักแพรรำภา ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักเขาจากหัวใจจริง ๆ ก็ตาม
วันเวลาผ่านล่วงเลยไป ครามเริ่มทำใจได้ เขายังคงแอบนึกถึงแพรรำภาบ้าง เวลาที่ต้องอยู่คนเดียว
แต่ทุกครั้งที่เขารู้สึกเหงา ข้าวทิพย์คือผู้หญิงที่เขาคิดถึง ห้องนอนของเธอข้างล่างก็ถูกใช้เป็ที่สำหรับทั้งสองคน
“ตอนนี้บริษัทเรากำลังแย่มากเลยใช่ไหมครับ” ครามถามผู้เป็พ่อบนโต๊ะอาหาร เพราะตัวเขาเองมีหน้าที่ดูแลฝ่ายบุคคลเลยไม่ค่อยรู้เื่เงินสำรองของบริษัท
“ใช่ พ่อมองว่า ไม่ใช่เพราะเราทำงานแย่ แต่ตอนนี้โลกมันหมุนไปไว เราอาจต้องเปิดธุรกิจตัวใหม่ที่ เราสามารถใช้พนักงานชุดเดิม พนักงายของเราชุดนี้มีประสบการณ์ทำได้อยู่แล้ว เพื่อบริษัทจะได้ลดต้นทุน ลดความเสี่ยง และไม่ต้องให้พนักงานออก เพราะว่าพวกเขาอยู่กับเรามานาน”
“ผมมองธุรกิจไว้หลายตัวอยู่เหมือนกัน แต่มันต้องใช้เงินทุนอย่างน้อยก็สักล้านสองล้าน”
ครามเขามองธุรกิจใหม่เอาไว้ แต่เขายังไม่กล้าทำ เพราะกลัวว่าพ่อของเขาอาจจะไม่ไว้ใจ และยิ่งเป็่เศรษฐกิจแบบนี้ด้วย
“เอาเป็ว่าลูกไปศึกษามาก็แล้วกัน เื่เงินเดี๋ยวพ่อจะหามาให้” อเนกไว้ใจลูกชายมากขึ้น หลังจากที่ครามสามารถฟื้นตัวจากการอกหักมาได้ เขาดูเป็ผู้ใหญ่มากขึ้น
บทสนทนาของสองพ่อลูก ในความคิดของข้าวทิพย์ เธออยู่ที่นี่ในฐานะของคนในบ้านหลังนี้ด้วย เธอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เงินของแม่ที่ได้รับจากบริษัทที่แม่เธอทำงานให้ไว้ เมื่อครั้งแม่เธอเสียชีวิต และยังมีเงินที่เธอได้แบ่งจากการปิดคดี รวมกันตอนนี้เป็เงินสองกว่าบาท
เธอจึงตัดสินใจที่จะให้กับคุณท่าน เพื่อให้คุณอเนกเอาไปให้ครามอีกที
“ข้าวทิพย์หนูแน่ใจแล้วนะ เพราะนี่คือเงินก้อนสุดท้ายของหนูเลยนะ และฉันก็ไม่รู้ว่า ธุรกิจที่เ้าครามจะลงทุน มันจะไปได้ดีหรือเปล่า หนูยังยืนยันที่จะให้เงินก้อนนี้กับครามอยู่ใช่ไหม” อเนกไม่อยากรับเงินของหญิงสาว แต่ทางเลือกเขาก็มีน้อยเหลือเกิน เพราะเขาไม่อยากเอาเงินของบริษัทออกมา มันจะยิ่งทำให้บริษัทเสี่ยงที่จะล้มได้
“ค่ะ” เธอพยักหน้าด้วยดวงตาแน่วแน่
“บุญคุณของคุณท่าน มีมากกว่าเงินพวกนี้ ถ้าวันนี้ท่านไม่รับทิพย์เข้ามาดูแล ส่งเสียให้เรียน ป่านนี้ทิพย์เองอาจจะกำลังหลงระเริงกับเงินที่ได้ หลงผิด และคงไม่มีชีวิตแบบนี้ คุณท่านรับเงินก้อนนี้ไว้เถอะค่ะ”
ข้าวทิพย์ยืนยันหนักแน่นจนอเนกก็ยอมรับเงินจากเธอ และนำไปให้ครามลงทุนทำธุรกิจที่เขาคิดไว้ โดยที่หญิงสาวขอร้องไม่ให้อเนกบอกครามว่า เงินก้อนนี้เป็เงินของเธอ เพราะข้าวทิพย์รู้ ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับไว้แน่ ๆ
หนึ่งเดือนต่อมา
“คุณครามคะ คุณท่านล้มที่บริษัท ตอนนี้ท่านอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ” เลขาฯ ของอเนกโทร.มาหาคราม เพราะอยู่ดี ๆ บิดาของเขาได้ล้มอยู่ในห้องทำงาน และหมดสติไป
ครามใมาก แต่เขาก็ตั้งสติได้ รีบมาที่โรงพยาบาลที่คุณพ่อของเขารักษาตัวอยู่
ชายหนุ่มมาถึงโรงพยาบาลในเวลาที่ใกล้เคียงกับข้าวทิพย์ ทั้งคู่รีบเดินตรงเข้าไปหาคุณหมอที่ออกมาจากห้องฉุกเฉินทันที
“คุณพ่อของผมเป็อย่างไรบ้างครับ”
คุณหมอบอกว่า คนไข้มีอาการของเส้นเืในสมองตีบ ซึ่งสามารถรักษาได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่คนไข้เป็จะส่งผลให้คนไข้มีอาการเดินไม่ปกติ เพราะชาไปข้างหนึ่ง ลิ้นแข็ง ท่านนจะพูดฟังไม่ชัด กลืนอาหารลำบาก คงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักพัก และเมื่อกลับไปบ้านคงต้องให้หยุดงานที่ทำ และพักผ่อนให้มาก ๆ อย่าทำตัวให้เครียด ควบคุมความดันให้ปกติ ถ้าไม่อย่างนั้น คุณอเนกมีโอกาสที่จะเป็อัมพาตได้
ชายหนุ่มอึ้งไปเลย ตอนี้ครามมองไม่เห็นใครเลย นอกจากข้าวทิพย์ เธอคือคนเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยว
คู่หมั้นบอกเลิก ธุรกิจกำลังแย่ พ่อมาล้มป่วย ครามสับสนไปหมด
“คุณครามคะ ทุกอย่างมันมีทางออกค่ะ เพียงแต่มันต้องใช้เวลา” เธอบีบมือให้กำลัง
“ส่วนเื่ของคุณท่าน ทิพย์อาสาที่จะเฝ้าเองค่ะ”
ข้าวทิพย์คิด เธอขาดเรียนสักสองวันคงไม่เป็ไร เพราะเดี๋ยวก็เสาร์อาทิตย์แล้ว
“คุณต้องไปทำหน้าที่ดูแลบริษัทแทนคุณท่านนะคะ”
ครามพยักหน้าเหมือนเด็กที่ว่านอนสอนง่าย หลังจากที่เขาจัดการเื่ห้องพัก แนวทางการรักษาพ่อของเขากับทางโรงพยาบาลเสร็จ ครามรู้สึกดีที่มีข้าวทิพย์อยู่ข้าง ๆ
ครามก็ลงมือเข้าบริษัทของบิดาเพื่อเริ่มเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด เพราะต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้พ่อของเขาต้องมาทำงานเครียด ๆ แบบนี้อีกแล้ว
โชคยังดี อเนกทำประกันสุขภาพไว้ เขาถึงได้รักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่ราคาแพงที่สุด นอนห้องพิเศษสุดหรู แถมมีค่าชดเชยรายได้ให้ ทำให้ทั้งคนป่วยและคนเฝ้าสบายใจขึ้นเยอะ
หลังจากออกจากโรงพยาบาลคนป่วยมีอาการดีขึ้น พูดรู้เื่แต่ยังคิดได้ช้า และยังต้องกินอาหารอ่อน เพราะยังมีอาการสำลักอยู่บ่อย ๆ
ข้าวทิพย์กลับไปเรียนเพราะเป็่ใกล้สอบ ่กลางวันจะมีแม่บ้านที่มาทำความสะอาดคอยดูแลคนป่วยแทน เพราะอเนกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แค่ยังเดินได้ช้า และคิดไม่ค่อยทันเหมือนแต่ก่อนเท่านั้นเอง
สถานการณ์ของบริษัทเริ่มแย่ลง มีพนักงานหลายคนพากันลาออก เพราะรู้ว่าอีกไม่นานบริษัทอาจต้องปิดตัวลง
ครามเครียดมากเขาไม่อยากกลับไปนั่งดื่มเบียร์ที่บ้านเพราะกลัวจะทำให้พ่อไม่สบายใจ จึงเลือกที่จะฟังเพลงเบา ๆ นั่งดื่มเบียร์คลายเครียดคนเดียวที่ร้าน เพื่อให้จิตใจของเขาผ่อนคลายก่อนที่จะกลับบ้าน
ภาพผู้หญิงที่เดินเกาะแขนชายหนุ่มรูปร่างใหญ่โต ผิวสีเข้มเดินผ่านหน้าเขาไป ทำให้ชายหนุ่มใจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ผู้หญิงคนนั้นคือแพรรำภา เธอเดินควงแขนมากับสามีของเธอ
ครามยกแก้วดื่มจนนับไม่ถูกว่ากี่แก้ว ก่อนที่จะตัดใจออกจากตรงนั้นเพราะทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว
“ทำไมกลับดึกจังคะ คุณท่านให้ทิพย์โทราคุณ คุณก็ไม่รับสาย กว่าท่านจะยอมนอนได้ โตแล้วทำตัวเป็เด็กไปได้ ทำให้คุณพ่อเป็ห่วง” ด้วยความโมโหและเป็ห่วง หญิงสาวจึงบ่นครามทันทีที่เห็นหน้า โดยที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกลับมาด้วยอารมณ์ไหน
“ใช่ ฉันมันไม่โต ชีวิตครอบครัวของฉัน มันถึงได้เป็แบบนี้ไง”
ชายหนุ่มวิ่งขึ้นมาที่บันไดเขย่าตัวข้าวทิพย์อย่างแรง หญิงสาวพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือของเขา แต่สุดท้ายเธอกลับพลาดกลิ้งตกบันไดลงไปจนถึงชั้นล่างแล้ว
“เื คุณครามเื” ข้าวทิพย์ก้มดูที่ขาของตัวเอง มีเืไหลออกมาทั้งที่เธอไม่มีแผลจากการาเ็เลย
“เกิดอะไรขึ้น” อเนกออกมาดู
“ทิพย์ตกบันไดค่ะ แล้วมันมีเืไหลออกมา แต่มันไม่มีแผล” หญิงสาวพูดไปร้องไห้ไปด้วยความกลัว เธอกลัวว่าเธอจะเป็อะไรมากเพราะเืมันไหลมาจากข้างในตัวเธอ
“ครามพาน้องไปโรงพยาบาลเถอะไป รีบไป ไม่ต้องเป็ห่วงพ่อ พ่ออยู่คนเดียวได้”
ชายหนุ่มได้ยินที่บิดาพูดจึงหมดห่วงและรีบพาข้าวทิพย์ไปโรงพยาบาลทันที
