คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน เยี่ยจื่ออวิ๋นกับเนี่ยหลีเดินอยู่รั้งท้ายกลุ่ม
“เ้ารู้จักเฉินหลินเจี้ยนั้แ่เมื่อไหร่?” เยี่ยจื่ออวิ๋นเอ่ยถาม มองๆ เนี่ยหลี ราวกับ้ามองเนี่ยหลีให้ทะลุเข้าไป
“ข้าไม่ได้สนิทกับเขา เคยคุยกับเขาในห้องสมุดครั้งเดียว” เนี่ยหลียักไหล่
“แล้วเขาก็ยอมให้เ้าเข้าร่วมคณะอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยจื่ออวิ๋นประหลาดใจ นางกับเฉินหลินเจี้ยนก็นับว่ารู้จักกันมาั้แ่เด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองไม่นับว่าสนิทสนม แต่ก็ถือว่ารู้จักกันอยู่ เฉินหลินเจี้ยนมีความทะนงตัวและถือตัวยิ่งนัก ไม่ค่อยเห็นเพื่อนวัยเดียวกันอยู่ในสายตา อันที่จริงเฉินหลินเจี้ยนมิใช่พวกน่ารำคาญ มิเช่นนั้นเยี่ยจื่ออวิ๋นก็คงคร้านเกินกว่าจะติดต่อด้วย
คิดๆ ถึงความน่าอัศจรรย์ทั้งหมดของเนี่ยหลีแล้ว เยี่ยจื่ออวิ๋นก็เข้าใจทั้งหมด ไม่รู้ว่าเนี่ยหลีใช้วิธีการอะไรโน้มน้าวเฉินหลินเจี้ยน เนี่ยหลีเป็คนเ้าปัญญา เื่ยากลำบากอะไรก็ไม่อาจล้มเนี่ยหลีได้
เห็นเยี่ยจื่ออวิ๋นกับเนี่ยหลีกำลังสนทนา มีคุยมีหัวเราะกัน ระหว่างที่ยิ้มแย้ม แลดูน่ารักจับใจ เสิ่นเยวี่ยแทบบ้าคลั่ง
ในความคิดของเขา เยี่ยจื่ออวิ๋นควรยิ้มให้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!
เนี่ยหลีแย่งตำแหน่งที่ควรจะเป็ของเขาไป!
เนี่ยหลีแกต้องตาย! สีหน้าของเสิ่นเยวี่ยดูโเี้ หลังจากเข้าป่าไปแล้ว เ้าเนี่ยหลีเลิกคิดได้เลยว่าจะได้กลับเมืองกวงฮุย แต่เื่นี้ไม่อาจให้คนนอกล่วงรู้ โดยเฉพาะเยี่ยจื่ออวิ๋น เสิ่นเยวี่ยเริ่มครุ่นคิดถึงวิธีการจัดการเนี่ยหลีแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งเดินออกจากเมืองกวงฮุย ก้าวลงบนเส้นทางขรุขระสู่เทือกเขาเซิ่งจู่
ต้องใช้เวลาราวห้าหกวันกว่าจะถึงซากเมืองโบราณกู่หลัน เส้นทางนี้พอจะตั้งกระโจมพักผ่อนได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะพบเข้ากับสัตว์อสูรและถูกโจมตีได้
ทว่าเนี่ยหลีมีสัญชาติญาณหยั่งรู้และความรู้สึกฉับไวต่ออันตรายต่างๆ อย่างแม่นยำ บวกกับประสบการณ์จากชีวิตในหนก่อน ต่อให้เวลานี้ยังไม่ถึงระดับทองแดงหนึ่งดาว สัตว์อสูรทั่วไปก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น เส้นทางที่พวกเขาใช้ ยังเป็เส้นทางที่ค่อนข้างปลอดภัยกว่าเส้นทางอื่น
ทั้งสามสิบเจ็ดคนนี้ พลังนับว่าใช้ได้ มีหกคนอยู่ในระดับเงิน ส่วนใหญ่ที่เหลือก็อยู่เหนือระดับทองแดงสามดาวแล้ว
แม้กระทั่งเยี่ยจื่ออวิ๋นเองก็เลื่อนขึ้นสู่ระดับทองแดงหนึ่งดาวแล้ว ในหมู่พวกเขา พลังของเนี่ยหลีและเสิ่นเยวี่ยจึงถือว่าแย่ที่สุด
อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เยี่ยจื่ออวิ๋นเลื่อนขั้นถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวแล้วยังไม่เป็ที่เปิดเผยให้ผู้ใดรู้นัก ดังนั้นคนอื่นจึงยังไม่ทราบเกี่ยวกับเื่นี้
หลังจากเดินทางอยู่กว่าสิบชั่วโมง เดินผ่านถนนขรุขระเส้นหนึ่ง ใกล้ค่ำแล้ว ทุกคนเดินมาถึงบริเวณที่ราบแห่งหนึ่ง เฉินหลินเจี้ยนกวาดตามองรอบด้าน ต้นไม้ยืนต้นสูงตระหง่าน บริเวณนี้จึงค่อนข้างมิดชิด เขาพูดว่า “วันนี้พวกเราตั้งค่ายพักที่นี่ก่อน!”
เสิ่นเยวี่ยเดินตรงไปข้างกายเยี่ยจื่ออวิ๋นและพูดว่า “จื่ออวิ๋น เหตุใดพวกเราไม่ตั้งกระโจมอยู่ด้วยกัน ข้าจะได้คอยปกป้องเ้า”
“ไม่ต้องหรอก” ใบหน้าขาวผ่องของเยี่ยจื่ออวิ๋นแสดงสีหน้าอึดอัด นางไม่อยากตั้งกระโจมพักใกล้กับเสิ่นเยวี่ย ั้แ่เหตุการณ์หนก่อน ภาพลักษณ์ของเสิ่นเยวี่ยในใจนางนับว่าเลวร้ายลงไปหลายจุดทีเดียว
เยี่ยจื่ออวิ๋นเลือกบริเวณหนึ่งตั้งกระโจมกับเด็กผู้หญิงหลายคน อันที่จริงเนี่ยหลีก็อยากตั้งกระโจมอยู่ใกล้ๆ เยี่ยจื่ออวิ๋นเช่นกัน แต่เขาไม่อยากถูกปฏิเสธเช่นเสิ่นเยวี่ย ดังนั้นเนี่ยหลีจึงพบบริเวณหนึ่งที่อยู่ห่างจากกลางค่ายพักออกมาเล็กน้อย ตั้งกระโจมอยู่ใต้ร่มไม้ต้นหนึ่ง
เริ่มดึกแล้ว เสียงแมลงต่างๆ ร้องระงมไปทั่วผืนป่า
เนี่ยหลีจมอยู่ในห้วงความคิด เขานึกถึงชีวิตในหนก่อน ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวของตนเป็จะอย่างไรบ้าง แม้เขาอยากจะกลับไปเยี่ยมบิดามารดาและลุงป้าน้าอาทั้งหลาย แต่ก็ยังต้องฝืนทน โรงเรียนเซิ่งหลันเป็โรงเรียนประจำ นอกจากนักเรียนจากครอบครัวหลักและครอบครัวชนชั้นสูงบางคนแล้ว นักเรียนทั่วไปหากแอบกลับบ้านจะต้องถูกลงโทษ ยิ่งไปกว่านั้น หากทางบ้านรู้ว่าเขาแอบหนีเรียน พวกท่านก็คงทำโทษเขาเช่นกัน
อีกสองเดือน เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้นลงจึงจะสามารถกลับไปเยี่ยมบ้านได้ราวๆ เดือนหนึ่ง
เมืองกวงฮุยในขณะที่ยังไม่ถูกทำลาย แม้ครอบครัวของเนี่ยหลีจะมีสภาพการเงินค่อนข้างตึงมือและลำบากอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ยังพอผ่านไปได้ในแต่ละวัน
เมื่อคิดถึงภาพเมืองกวงฮุยล่มสลาย เนี่ยหลีกำหมัดแน่น หลังจากนี้อีกสองสามปี เมืองกวงฮุยจะต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของสัตว์อสูรที่ชั่วร้าย เขาจะต้องกลายเป็คนที่แข็งแกร่งให้ได้ อย่างน้อยต้องถึงระดับทองดำหรือแม้กระทั่งระดับตำนาน จึงพอจะสามารถช่วยเมืองกวงฮุยให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้
ดังนั้นเวลาจึงนับว่าเร็วยิ่งนัก เขาต้องทำตามแผนการของตน พัฒนาฝีมือไปทีละก้าวๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้
ก้าวต่อไปที่ต้องกระทำก็คือการคว้าตะเกียงิญญามาให้ได้! เพราะตะเกียงิญญานั้นมีความสำคัญกับการฝึกยุทธ์ในอนาคตของเขาอย่างยิ่ง!
เนี่ยหลีนั่งอยู่ใต้เงาไม้และโคจรพลังิญญา ดูเหมือนจะมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในอาณาเขติญญาของตนซึ่งทำให้เนี่ยหลีสงสัยอย่างยิ่ง ในชีวิตหนก่อนไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่ด้วยความสามารถของเนี่ยหลีในขณะนี้ เขายังไม่อาจตรวจสอบลึกลงไปในอาณาเขติญญาของตนได้
อาณาเขติญญานั้นเดิมทีมีลักษณะคลุมเครือ ปราศจากรูปร่างใดๆ ด้วยการบำรุงพลังิญญาของเนี่ยหลี อาณาเขติญญาเริ่มทอแสงสีฟ้าบางตาขึ้นมา และค่อยๆ กลายเป็รูปทรงกลม
ยิ่งโคจรพลังปราณมากขึ้น พลังิญญาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น รูปร่างของอาณาเขติญญาเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างตามเส้นทางของเคล็ดวิชาเทียนเต้า
ค่ำคืนอันเงียบสนิท
ณ ตระกูลอี้หลงในเมืองกวงฮุย
เวลานี้เซียวหนิงเอ๋อร์นั่งเหม่อมองหน้าต่างอยู่เงียบๆ เมื่อบ่ายนี้นางได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากเนี่ยหลีแจ้งว่าเขาจะไม่อยู่สักพักหนึ่ง สั่งนางรักษาตัวอยู่ที่บ้านให้ดี และมอบใบสั่งยาให้นางใบหนึ่ง หลังจากได้รับการนวดรักษาจากเนี่ยหลีไปแล้วสองครั้งและฝึกเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุ อาการป่วยของนางก็ดีขึ้นเป็อันมาก ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอันใดในขณะนี้
ต่อมา เซียวหนิงเอ๋อร์จึงได้รู้ว่าเนี่ยหลีออกเดินทางไปผจญภัยกับคณะของเฉินหลินเจี้ยน เยี่ยจื่ออวิ๋นก็ร่วมเดินทางไปด้วย ในใจนางจึงอดรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหตุใดเนี่ยหลีจึงไม่ยอมพานางไปด้วย?
“คุณหนู ท่านประมุขเชิญท่านไปที่ห้องโถงใหญ่เ้าค่ะ!” บ่าวรับใช้คนหนึ่งกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามารายงาน
เซียวหนิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ว่าบิดามีเื่อันใด นางลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่
ห้องโถงใหญ่ตระกูลปีกัอี้หลง
ประมุขแห่งตระกูลอี้หลง เซียวอวิ๋นเฟิง กำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประมุขในห้องโถงใหญ่ เก้าอี้สองฟากซ้ายขวามีชายวัยกลางคนนั่งอยู่หกคน พวกเขาล้วนเป็ญาติพี่น้องของเซียวอวิ๋นเฟิง และเป็ผู้าุโประจำตระกูลอี้หลง
“ท่านพ่อ เรียกหาข้าไม่ทราบว่ามีธุระอันใดหรือเ้าคะ?” เซียวหนิงเอ๋อร์โค้งกายลงเล็กน้อย คำนับเซียวอวิ๋นเฟิง ชำเลืองมองไปทางผู้าุโทั้งหกด้านข้างและเอ่ยถาม
“ที่เรียกเ้ามาเพราะข้ามีคำถามบางอย่างอยากจะสอบถามเ้า” บนใบหน้าของเซียวอวิ๋นเฟิงยังเหลือแววไม่สุขใจอยู่บ้าง เซียวหนิงเอ๋อร์เข้าใจแล้วว่าต้องเป็เพราะพวกท่านอาเหล่านี้แน่ๆ ั้แ่ขึ้นเป็ประมุขแห่งตระกูลอี้หลง มีผู้าุโสามท่านในตระกูลที่มักมีความขัดแย้งกับเซียวอวิ๋นเฟิง
ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็คือผู้าุโเซียวอี้ เขายิ้มบางๆ พูดขึ้นว่า “หลานหนิงเอ๋อร์ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้เ้าจ่ายเงินซื้อหญ้าจื่อหลันเอาไว้เป็จำนวนมาก เวลานี้ราคาของหญ้าจื่อหลันเพิ่มสูงขึ้นหลายร้อยเท่า หญ้าพวกนั้นคงมีมูลค่าร่วมร้อยล้านเหรียญจิตอสูรแล้ว มีเงินเหรียญจิตอสูรมากมายขนาดนี้ ตระกูลอี้หลงของพวกเราคงพลิกฟื้นกลับมาได้ในไม่ช้า หลานหนิงเอ๋อร์สร้างผลงานใหญ่หลวงให้แก่ครอบครัว ช่างเป็ดาวนำโชคของตระกูลอี้หลงของเราโดยแท้!”
ได้ยินคำพูดของเซียวอี้ เซียวหนิงเอ๋อร์พลันเข้าใจ เซียวอี้ไม่ทราบว่าได้ข่าวมาจากที่ใด ฟังว่านางซื้อหญ้าจื่อหลันมาเป็จำนวนมาก ดังนั้นจึงมากดดันบิดาของนาง คิดขอแบ่งปันหญ้าจื่อหลันไปสักส่วนสองส่วนกระมัง
เกี่ยวกับเื่นี้เซียวอวิ๋นเฟิงย่อมไม่ชอบใจ ไม่ว่าเซียวหนิงเอ๋อร์จะซื้อหญ้าจื่อหลันมาเท่าไหร่ เื่นี้ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัว นี่เป็เื่ส่วนตัวของเซียวหนิงเอ๋อร์! จะจัดการกับหญ้าจื่อหลันอย่างไร ล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางครอบครัว!
แต่เซียวอี้ไม่สนใจ ้าให้เซียวหนิงเอ๋อร์อธิบายออกมา
เซียวหนิงเอ๋อร์ยืนมั่นคงเด็ดเดี่ยว สีหน้ามั่นใจและพูดว่า “ผู้าุโเซียวอี้ ข้าควักเงินตนเองซื้อหญ้าจื่อหลัน เื่อย่างนี้ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวหรือไม่? หากผู้าุโเซียวอี้ใช้เงินส่วนตัวซื้อยาวิเศษกับชุดเกราะ จะต้องส่งมอบให้กับครอบครัวหรือไม่?”
“เ้า...” เซียวอี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซียวหนิงเอ๋อร์ที่ปกติมักสุภาพเรียบร้อยนั้นจะปฏิเสธเขาอย่างดุเดือดปานนี้
สิ่งหนึ่งที่เซียวอี้ไม่ทราบก็คือภาพลักษณ์ของเซียวหนิงเอ๋อร์ต่อครอบครัวมักมีความอ่อนน้อม ทว่าั้แ่ได้รู้จักเนี่ยหลี จิตใจของเซียวหนิงเอ๋อร์ก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนี่ยหลีทำให้นางได้เข้าใจสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ เมื่อใดที่เ้าพบกับเื่ราวที่ไม่ยุติธรรม เ้าต้องลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้!
เมื่อเขาได้ยินคำตอบของเซียวหนิงเอ๋อร์ เซียวอวิ๋นเฟิงชอบใจอยู่หลายส่วน เขาหันไปมองเซียวอี้และพูดว่า “เซียวอี้ สิ่งที่หนิงเอ๋อร์พูดนับว่าเป็ความจริง ข้าเชื่อว่าเื่นี้ไม่ใช่หน้าที่ที่คนใดคนหนึ่งในครอบครัวจะต้องมาเสียสละ!”
เซียวอี้ไม่ยอมแพ้และกล่าวต่อว่า “เื่นี้ไม่อาจเปรียบกับเื่อื่นๆ ทั่วไปได้ หญ้าจื่อหลัน พวกมันมีมูลค่านับร้อยล้านพันล้านเหรียญจิตอสูร สามารถบรรเทาภาวะวิกฤตที่ครอบครัวของพวกเรากำลังประสบอยู่ได้ และพวกเราก็จะไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเสินเซิ่งอีก” เซียวอี้หันไปมองเซียวหนิงเอ๋อร์ พูดจาหว่านล้อม “หากหลานหนิงเอ๋อร์ยอมมอบหญ้าจื่อหลันเหล่านี้ออกมาให้กับครอบครัว หลานหนิงเอ๋อร์ก็ไม่ต้องแต่งงานกับเสิ่นเฟยอีก!”
ความจริงเซียวอี้ไม่ได้คิดเช่นนี้ เขาคิดปดเซียวหนิงเอ๋อร์ก่อนเพื่อให้นางยอมส่งมอบหญ้าจื่อหลันออกมา ส่วนที่ว่าจะแต่งงานหรือไม่แต่งงานกับเสิ่นเฟยนั้น แม้พวกเขาจะพูดอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับตระกูลเสินเซิ่ง
ผู้าุโอีกห้าคนเห็นด้วยกับเซียวอี้ หากหญ้าจื่อหลันอยู่ในมือของเซียวหนิงเอ๋อร์ พวกเขาย่อมไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยได้ แต่หากถูกส่งมอบให้กับครอบครัว เช่นนั้นทั้งบ้านก็จะได้รับประโยชน์ แม้กระทั่งผู้าุโสองคนที่มักจะอยู่ข้างเซียวอวิ๋นเฟิง เวลานี้ก็ยังเห็นชอบด้วย
เซียวอวิ๋นเฟิงที่เห็นเหตุการณ์จึงชำเลืองมองไปทางเซียวหนิงเอ๋อร์ มองแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง
ในใจของเซียวหนิงเอ๋อร์รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เหตุใดนางจึงต้องเป็ฝ่ายเสียสละทุกครั้งที่ครอบครัวมีปัญหาเล่า? แล้วพวกเขาทำอะไรกันบ้าง? โชคดีเนี่ยหลีรับหญ้าจื่อหลันไปหมดแล้ว เซียวหนิงเอ๋อร์พูดอย่างดื้อดึงและเชื่อมั่น “หญ้าจื่อหลันเ่าั้ เป็ของเพื่อนข้า เขาขอให้ข้าช่วยออกหน้าซื้อให้ ั้แ่ก่อนที่หญ้าจื่อหลันจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นเสียอีก ข้าก็ส่งมอบหญ้าจื่อหลันทั้งหมดให้เขาไปแล้ว และเขาก็คืนเงินค่าซื้อหญ้าจื่อหลันพวกนั้นให้ข้าครบหมดแล้ว ดังนั้นหญ้าจื่อหลันจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าแต่อย่างใด!”
“อะไรนะ?” สีหน้าของเซียวอี้น่าเกลียดน่ากลัวแล้ว
เซียวอวิ๋นเฟิงมองๆ เซียวหนิงเอ๋อร์และถามว่า “หนิงเอ๋อร์ เป็ความจริงหรือ?”
“อืม” เซียวหนิงเอ๋อร์พยักหน้าตอบอย่างสงบ “เป็ความจริงทั้งหมดท่านพ่อ หญ้าจื่อหลันไม่ได้อยู่ในมือของข้าอีกแล้ว!”
เซียวอี้สีหน้าหม่นหมองและพูดว่า “เพื่อนเ้าผู้นั้นชื่ออะไร? มีที่มาที่ไปอย่างไร?”
“ข้าสัญญากับเขาไว้ว่าจะเก็บเื่นี้เป็ความลับ!” เซียวหนิงเอ๋อร์กล่าวเสียงเคร่งขรึมจริงจัง นางจะไม่ยอมเปิดเผยชื่อของเนี่ยหลีให้ผู้อื่นรู้เป็อันขาด นางตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะต้องทนรับแรงกดดันมากเท่าไหร่ นางจะต้องรักษาความลับของเนี่ยหลีเอาไว้ให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้