เสียงพูดงึมงำราวกับตกอยู่ในความฝันของบุตรชายดังขึ้น ทำให้นางได้สติกลับมาและมีสติกระจ่างแจ้งอีกครั้ง
มือทั้งคู่ดันหน้าอกของเขาเอาไว้และผลักเขาออก เฟิ่งเฉี่ยนพูดทั้งหน้าตาแดงก่ำและไม่สบอารมณ์นัก “ท่านอย่าได้คืบเอาศอก! ข้ายังไม่ได้ให้อภัยท่านนะ ท่านอย่าได้คิดจะผ่านด่านไปได้ง่ายๆ!”
นางคว้าแขนของเขาได้ก็ลากตัวเขาไปถึงข้างประตูแล้วชี้ไปด้านนอกประตู “ท่าน รีบออกไปจากห้องนอนของข้าเดี๋ยวนี้!”
“เฉียนเฉี่ยน...” เซวียนหยวนเช่อจนปัญญา
“เซินเซิน[1]ก็ไม่มีประโยชน์!” เฟิ่งเฉี่ยนตัดสินใจลงมือเองทั้งผลักทั้งดันเขาออกไปนอกประตูจากนั้นปิดประตู พูดกับคนที่อยู่ด้านนอกประตูว่า “ไป! ตอนนี้ข้าไม่อยากพบหน้าท่าน!”
มองประตูที่ปิดสนิท เซวียนหยวนเช่อทอดถอนใจอย่างจนปัญญา หัวใจของสตรีนางนี้ไฉนจึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้? นาทีก่อนหน้านี้ยังกระตือรือร้นราวกับไฟ นาทีถัดมากลับเืเย็นแล้งน้ำใจ ช่างทำให้คนยากจะคาดเดา!
เขาจ้องบานประตูครู่หนึ่งแล้วหมุนกายจากไปเงียบๆ
นอกประตู ลั่วหยิ่งและเฟิงหยิ่งทั้งสองคนเพิ่งจะดีใจกันยกใหญ่ ฝ่าาและฮองเอาคืนดีกันเหมือนเดิม พลันเห็นฝ่าาถูกฮองเฮาส่งออกมานอกประตู ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน
เห็นฮ่องเต้เดินเข้ามใกล้ ลั่วหยิ่งรีบเข้าไปขอขมา “ฝ่าา กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว กระหม่อมไม่สมควรเสนอความคิดบ้าบอเ่าั้ กระหม่อม...”
เสียงทุ้มหนักแน่นเด็ดขาดนั้นตัดบทเขา “ครั้งนี้เ้าสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ เจิ้นจะให้รางวัลเ้าอย่างงาม!”
ลั่วหยิ่งตะลึงงันอยู่เนิ่นนานจึงได้สติ อะไรนะ? สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ ให้รางวัลอย่างงาม?
เขาไม่ได้ฟังผิดกระมัง?
เงยหน้าขึ้นอีกครั้งพบว่าฝ่าาเดินไปไกลแล้ว แผ่นหลังของฝ่าาเหยียดตรงราวกับูเาอันยิ่งใหญ่ ไหนเลยจะมีท่าทีสลดหดหู่เหมือนคนที่ถูกไล่ออกมาจากห้อง?
เขาถอนหายใจเบาๆ เฮ้อ จิตใจกษัตริย์ยากจะหยั่งถึงจริงๆ!
ได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไปไกล เฟิ่งเฉี่ยนลูบแก้มร้อนซู่ทั้งสองข้างของตนเอง บนใบหน้าของนางยังคงมีความอบอุ่นที่เหลือทิ้งไว้จากจุมพิตร้อนแรงนั้น เมื่อสักครู่ไม่รู้เป็อะไร อยู่ดีๆ ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
ไม่ได้!
นางจะต้องควบคุมสติ! ควบคุมสติให้ใจเย็นกว่านี้!
ผลัดอาภรณ์เป็ชุดแห้งสะอาดแล้วนางก็ปักเหอเปาต่อ ทว่ากลับใจลอยอยู่เรื่อย
...
เช้าวันรุ่งขึ้น ไท่จื่อน้อยขยี้ตาหลังจากตื่นนอน เห็นเฟิ่งเฉี่ยนฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ
เขาะโลงจากเตียงด้วยตัวเองแล้วลากขาเล็กๆ เข้าไปใกล้ เห็นบนโต๊ะมีเหอเปาใบหนึ่งที่ปักเสร็จแล้ว เขาหยิบขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวา คิ้วพลันขมวดเป็ไส้เดือน
เฟิ่งเฉี่ยนตื่นขึ้นมาเห็นเหอเปาในมือของเขาจึงพูดขึ้นอย่างยินดีและทวงความชอบ “อย่างไรเล่า งดงามหรือไม่?”
“อืม” ไท่จื่อน้อยตอบส่งๆ มาคำหนึ่งแล้ววางเหอเปาลง เขาเงยหน้าขึ้นถาม “เสด็จแม่ เหอเปาของข้าเล่า?”
เฟิ่งเฉี่ยนตวัดสายตามองไป “หืม มิใช่อยู่ในมือของเ้าหรอกหรือ?”
สีหน้าของไท่จื่อน้อยแทบจะเรียกได้หัวใจสลาย “เสด็จแม่ ท่านแน่ใจว่าที่ท่านปักน่ะเป็เหอเปา มิใช่กระเป๋าหนังสือ?”
เฟิ่งเฉี่ยนมองไปยังเหอเปาที่ลูกใหญ่สักหน่อยปราดหนึ่ง มุมปากกระตุก เมื่อคืนนางคิดจะปักเหอเปาใบใหญ่สักหน่อย เพื่อให้บุตรชายนำไปใช้ต่อหน้าสหายน้อย ทว่าทำไปแล้วกลับแก้ไขไม่ได้ จากเหอเปากลายเป็กระเป๋าหนังสือ!
“แค่กๆ เ้าไม่คิดว่าใบนี้ดีหรือ? สามารถใช้เป็เหอเปาได้และใช้เป็กระเป๋าหนังสือได้ด้วย กระเป๋าหนึ่งใบใช้งานได้สองแบบ คุ้มค่าขนาดไหนกัน! ซิงกู่และลั่วเฟิงจะต้องไม่มีกระเป๋าสารพัดประโยชน์เช่นนี้แน่!”
ไท่จื่อน้อยไม่แสดงออกทางสีหน้าอันใด เขาเพียงแต่ชี้ไปที่ภาพปักบนกระเป๋าแล้วถามว่า “แมวตัวนี้ไฉนจึงขี้ริ้วเช่นนี้?”
เฟิ่งเฉี่ยนเหงื่อตก “ลูกเอ๋ย นี่คือเสือ!”
หยุดชะงักไปสามวินาที ไท่จื่อน้อยหันหน้าแล้ววิ่งออกไป “เสด็จแม่ เวลาไม่เช้าแล้ว ลูกต้องไปเรียน!”
เฟิ่งเฉี่ยนเอื้อมมือออกไปคว้าเ้าตัวน้อยกลับมาได้ “นี่เป็ผลงานที่เสด็จแม่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งคืน วันนี้เ้าต้องเอามันไปด้วย!”
ดวงหน้าเล็กๆ ของไท่จื่อน้อยยู่เป็ก้อนกลมๆ
บนทางเดินเล็กๆ ของอุทยานหลวง ไท่จื่อน้อยเดินก้มหน้าก้มตาอย่างสลดหดหู่ เขาก้มลงมองเหอเปาขนาดมหึมาน่าตกตะลึงที่แขวนอยู่ที่เอวของตนเป็พักๆ และถอนใจเฮ้อ
เดิมทีเขาคิดจะให้เสด็จแม่ปักเหอเปาให้เขาสักใบ จะได้นำไปอวดสหายสองคนนั้น ตอนนี้มีเหอเปาแล้ว ความคิดอยากจะโอ้อวดนั้นกลับไม่เหลือแม้แต่น้อย
เงาร่างสูงใหญ่ในชุดสีเหลืองสว่างที่เดินสวนมานั้นทำให้ดวงตาของเขาทอประกายเจิดจ้า เขารีบสาวเท้าวิ่งเข้าไปหา
“เสด็จพ่อ!” เขาเรียกเสียงออดอ้อน
“อืม” เซวียนหยวนเช่อกวาดตามองเขาเรียบๆ สายตากลับตกอยู่บนสิ่งของที่ไม่ค่อยเหมาะสมนักบริเวณเอวของเขา
ไท่จื่อน้อยมองตามสายตาของเขา แล้วรีบปลด “เหอเปา” ลงมาทันที เขาประคองมันไว้ด้วยมือทั้งคู่พร้อมกับยิ้มจนดวงตาโค้งลง “เสด็จพ่อ นี่เป็เหอเปาที่เสด็จแม่ทำให้ท่านพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อพูดอย่างลังเลอยู่บ้าง “นี่คือ...เหอเปา?”
ไท่จื่อน้อยมองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย “เสด็จพ่อ ท่านรังเกียจงานฝีมือของเสด็จแม่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เซวียนหยวนเช่อกำมือเป็หมัดป้องปาก “แค่กก ดูดีๆ ก็พอใช้ได้อยู่นะ!”
ไท่จื่อน้อยพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เสด็จพ่อ เหอเปานั่นมอบให้ท่านแล้ว ลูกไปเรียนก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อ “ไปเถิด!”
“ลูกทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยถวายบังคมแล้วแสร้งทำเป็เดินอย่างมีระเบียบ หลังจากนั้นก็ออกวิ่งทันที
ลั่วหยิ่งพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “เหตุใดไท่จื่อต้องวิ่งเร็วเช่นนี้?”
ความสนใจของเซวียนหยวนเช่อกลับอยู่ที่ “เหอเปา” เขาหยิบมันขึ้นมาดม บนนั้นยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของนางติดอยู่ด้วย ทำให้เขารู้สึกเมามายอยู่บ้าง
“ฮองเฮามอบเหอเปาให้เจิ้น เจิ้นมิใช่ควรมอบอะไรตอบแทนกลับให้ฮองเฮาสักหน่อยหรือ?”
ลั่วหยิ่งเสนอความเห็นทันที “ฮองเฮาเหนียงเหนียงชอบเงินที่สุดพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าาประทานเงินให้เหนียงเหนียง เหนียงเหนียงจะต้องดีใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แน่นอนว่าหากเป็ทองคำเหนียงเหนียงจะยิ่งดีใจพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อครุ่นคิดอึดใจหนึ่งจึงพูดออกมาเพียงสองคำ “พื้นๆ!”
ได้ยินเช่นนั้นลั่วหยิ่งกลับหัวเราะ เพราะเขาเห็นมุมปากของฝ่าาโค้งขึ้นเล็กน้อย ชัดเจนยิ่งนักว่าฝ่าาเห็นด้วยกับความคิดของเขา
ตำหนักยีหลัน
ซือคงจวินเย่และซือคงเซิ่งเจี๋ยมาเยี่ยมองค์หญิงหลานซิน องค์หญิงหลานซินนอนอยู่บนเตียง เมื่อคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นในตำหนักชิวหวาเมื่อวานนี้ นางอับอายเหลือเกิน
“เสด็จพี่ ท่านเห็นแล้วกระมัง? เมื่อแรกเป็ความคิดของท่านที่ให้ข้าแต่งมาแคว้นเป่ยเยียน ตอนนี้ข้าถูกคนรังแกจนถึงขั้นนี้ ท่านจะต้องคืนความยุติธรรมแก่ข้า หาไม่แล้วแค้นนี้ข้ากลืนไม่ลง!”
ซือคงจวินเย่นั่งลงริมเตียง คิ้วกระบี่นั้นขมวดมุ่น “ข้าคิดไม่ถึงเช่นกันว่า เซวียนหยวนเช่อจะถึงกับไม่ให้เกียรติแคว้นหนานเยียนของพวกเราถึงเพียงนี้ ที่ข้าคิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาถึงกับเอนเอียงไปอยู่ข้างฮองเฮาคนนั้นของเขาเช่นนี้”
องค์หญิงหลานซินกระบอกตาแดงก่ำ นางพูดด้วยโทสะ “เสด็จพี่ ท่านรู้นิสัยของข้าดี! ข้าซือคงหลานซินเป็ถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหนานเยียน เป็สตรีที่มีความหยิ่งทนงในตนเอง ไม่มีทางยินยอมกินน้ำใต้ศอกผู้อื่นไปเป็อนุหรือชายา! ท่านจะต้องช่วยข้าคิดหาวิธีโค่นล้มฮองเฮาและช่วยให้ข้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮา!”
“เ้าอย่าเพิ่งใจร้อน!” ซือคงจวินเย่ปลอบประโลม “ก่อนหน้าที่เสด็จพี่ไม่รู้สถานการณ์ คิดว่าฮองเฮาเป็เพียงแค่คนโง่เขลา ต่อกรกับนางง่ายยิ่งกว่ายกฝ่ามือ เป็เสด็จพี่ที่ประเมินศัตรูต่ำไป ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป พวกเราจำเป็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ เ้าวางใจ แม้นางจะเป็ฮองเฮา แต่ในตำหนักในแห่งนี้ นางโดดเดี่ยวเดียวดาย พวกเรามีนักรบเดนตายอยู่ในมือมากมาย คิดจะสังหารนางเป็เื่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ!”
ได้ยินเช่นนั้น ซือคงเซิ่งเจี๋ยที่กำลังชมทัศนียภาพอยู่มองมาทางพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงถากถาง “นอกจากคิดแผนชั่วแล้ว พวกเ้าไม่คิดจะสนทนาเื่อื่นบ้างหรือ? ช่างไร้สาระน่าเบื่อที่สุด!”
องค์หญิงหลานซินหน้าดำทะมึน นางพูดอย่างไม่พอใจ “พี่สาม ข้าจึงจะเป็น้องสาวแท้ๆ ของท่าน ในงานเลี้ยงของวังหลวง ท่านไม่ช่วยข้าก็แล้วไปเถิด ยังจะเอนเอียงไปทางฮองเฮา ท่านหมายความอย่างไรกันแน่?”
[1] เซิน หมายความว่า ลึก (ตรงข้ามกับ เฉี่ยน ที่หมายถึงบาง จาง ตื้น)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้