แม่นมลู่พาชิงซุยเอาหีบสัมภาระกลับมาจัดในเรือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ของขวัญที่ให้ทุกคนก็เอาออกมาเตรียมไว้แล้ว หลังจากจางจ้าวฉือที่อุ้มสวี่ไป่ พาสวี่ตี้กับสวี่จือกลับมาแล้ว แม่นมลู่ก็รีบเข้ามารับสวี่ไป่ “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเถิด”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ข้าควรจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยไปหาฮูหยินผู้เฒ่า”
แม่นมลู่เอ่ย “ต่อไปหลังจากกลับมาจากด้านนอก จะรีบร้อนอย่างไรก็ต้องกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำแล้วค่อยไปหาฮูหยินผู้เฒ่านะ”
แม่นมวางสวี่ไป่ลงบนตั่งริมหน้าต่างในห้องของจางจ้าวฉือกับสวี่เหรา ก่อนจะเอ่ย “พวกเราจะอยู่ที่นี่จนถึงปีหน้า เ้าลองพิจารณาดูว่าจะวางแผนอย่างไรถึงจะดี?”
จางจ้าวฉือเอ่ย “คนใช้ที่ทางจวนให้มาข้าจะยังไม่รับเ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะไปเรือนสกุลจาง ให้พ่อบ้านสกุลจางหาคนมาให้พวกเรา พวกเรากลับมาครั้งนี้ประเด็นสำคัญก็คืออยู่เป็เพื่อนตี้เกอเพื่อเรียนกับสอบ มิได้มาเพื่อเื่อื่น พวกงานเลี้ยงชมบุปผางานเลี้ยงเขียนกลอนอันใดเทือกนั้นข้าเองก็ไม่อยากเข้าร่วม จือเอ๋อร์ของพวกเราก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะดูตัว จะต้องเก็บตัวให้มากออกจวนให้น้อยเ้าค่ะ”
แม่นมลู่พยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เื่ที่องค์ชายหลายพระองค์ทำเอาไว้ไม่สำเร็จที่เหอซี ผู้ใดจะรู้ว่าจะเอาความโกรธมาลงที่พวกเราหรือไม่? พวกเราจะต้องควบคุมคนในจวนของพวกเราเอาไว้ ยุ่งเื่ของคนอื่นให้น้อย อย่าไปหาเื่ใคร”
วันต่อมา จางจ้าวฉือทานอาหารเช้าเสร็จก็เรียกรถม้ามา รถม้าก็ยังเป็คันที่ตนเองเอามาจากเหอซี แต่ว่าคนขับรถม้าเป็คนในจวน จางจ้าวฉือพาสวี่จือ สวี่ตี้แล้วก็สวี่ไป่ไปที่เรือนสกุลจาง
บ้านเดิมของสกุลจางได้จัดการเอาไว้แล้ว อีกทั้งพี่ชายคนโตของจางจ้าวฉือก็มาดำเนินการเื่ด้วยตนเอง หลายปีมานี้สกุลจางนอกจากจะทำการค้าขายสมุนไพรแล้วก็ยังทำการค้าส่งของจากทะเล ไม่เพียงแค่หลายเมืองทางใต้ แม้แต่เมืองหลวงก็เปิดร้านเอาไว้
พี่ใหญ่สกุลจางรู้อยู่แล้วว่าจางจ้าวฉือจะมาหาในวันนี้ จึงได้มารออยู่ในเรือนเก่าสกุลจางอยู่ก่อนแล้ว พอจางจ้าวฉือมาถึงแล้วพี่ใหญ่สกุลจางก็เข้ามาทักทายจางจ้าวฉือ แล้วรับสวี่ไป่ที่อยู่ในอ้อมกอดจางจ้าวฉือมาโดยไม่ได้สนใจผู้อื่น
วันนี้สวี่ไป่แต่งตัวด้วยชุดผ้าฝ้ายสีแดง ขับให้เป็เด็กตัวอ้วนผิวขาว เจอใครก็แย้มยิ้มให้ เผยฟันเล็กๆ มองคนอื่นอย่างอารมณ์ดี ทำเอาผู้คนหลงเสน่ห์กันไปหมด
พี่ใหญ่สกุลจางอุ้มสวี่ไป่ที่มองซ้ายมองขวา จางจ้าวฉือพาสวี่ตี้กับสวี่จือตามไปด้วย เดินไปทางประตูซุ้มดอกไม้ทางด้านเรือนหน้า ผ่านประตูดอกไม้ไปก็เป็เรือนหลังของสกุลจาง
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “ข้าไม่ได้กลับมาที่นี่หลายสิบปีแล้ว ที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด”
พี่ใหญ่สกุลจางเอ่ย “ตอนนั้นที่พวกเราไป ได้ขอร้องให้สหายเก่าซื้อเอาไว้ พวกเราให้คนใช้หลายครอบครัวอยู่ที่นี่ เพื่อสามารถรักษาจวนหลังนี้เอาไว้ ที่นี่คือรากฐานของสกุลจาง พวกเราไปทางทางใต้แค่แผนสำรอง ต้องมีวันหนึ่งที่ได้กลับมา เฮ้อ โชคดีที่ในที่สุดพวกเราก็รอจนถึงวันนี้”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เช่นนั้นต่อไปท่านพ่อกับท่านแม่จะกลับมาใช่หรือไม่เ้าคะ?”
พี่ใหญ่จางส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ได้ คนที่ทะเลาะกันในปีนั้นตอนนี้ยังอยู่ ท่านพ่อท่านแม่ไม่สามารถกลับมาในตอนนี้ได้ มีก็แค่ข้าที่กลับมา แล้วก็ไม่กล้าที่จะใช้ตัวตนของสกุลจางเดินทางออกไปด้านนอก ล้วนใช้ฐานะเถ้าแก่ออกรับหน้า”
จางจ้าวฉือพยักหน้าแล้วพูดถึงเหตุผลที่มา แน่นอนว่าพี่ใหญ่จางเมื่อรู้ว่าน้องสาวที่แท้ก็อยู่ในจวนสวี่อย่างไม่สบายสักเท่าไหร่ โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าคอยดูแลอยู่ถึงได้ผ่านมาได้ แต่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว สกุลจางตอนนี้ก็ช่วยสวี่เหราเต็มกำลัง คาดหวังว่าสวี่เหราสามารถยืนขึ้นมาได้ ไม่ให้คนในจวนรังแกได้อีก
พี่ใหญ่สกุลจางขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด “เรือนของเ้าทางนั้นสามารถจัดคนได้หรือไม่? ทางด้านตี้เกอข้าได้เตรียมเพื่อนเรียนหนังสือไว้ให้สองคน คนติดตามสองคน แล้วก็ส่งคนที่อายุมากมาช่วยดูแล ตอนนี้ตี้เกอกลับมาเรียนหนังสือเตรียมสอบราชการ ความมุ่งมั่นจะเอาไปวางไว้ที่การเรียนหนังสือ นี่เป็เื่ปกติที่ต้องมีคนไปจัดการให้”
สวี่ตี้ฟังแล้วก็ยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านลุง ที่ท่านพูดมามีเหตุผลมากขอรับ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ท่านหาคนอายุมากสักคนไปที่เรือนของข้า ที่ดีที่สุดต้องมาช่วยดูแลเื่ของท่านแม่ได้ เช่นนี้จะดีมากเลยขอรับ”
พี่ใหญ่สกุลจางพยักหน้า “ข้าเองก็หมายความเช่นนี้ พวกเ้าสตรีทั้งหลายใช้ชีวิตอยู่ในเรือน แต่ว่าด้านนอกจะต้องมีคนคอยดูแล พวกเราเองก็ไม่สามารถพาคนไปจำนวนมากได้ เอาเช่นนี้แล้วกัน ในเรือนข้าให้สาวใช้พวกเ้าสี่คน ป้าแม่บ้านที่คอยดูแลเื่ต่างๆ สี่คน มีแม่นมลู่อยู่ข้าก็ยังวางใจ ส่วนสวี่ตี้ ต่อไปจะต้องอยู่คนเดียวด้านนอก เื่อะไรก็ต้องระวังให้หมด ข้าจะหาสาวใช้ที่มีความสามารถด้านการต่อสู้มาให้เ้าหนึ่งคน”
จางจ้าวฉือมองพี่ใหญ่วางแผนให้ตัวเองละเอียดขนาดนี้ ก็ยิ้มแล้วเอ่ย “พี่ใหญ่ เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านแล้ว ข้ายังคิดไม่ถึงเื่มากมายขนาดนี้เลยเ้าค่ะ”
พี่ใหญ่สกุลจางเอ่ย “ความคิดของเ้าไม่ได้อยู่กับเื่พวกนี้ ั้แ่เด็กก็ชอบเรียนวิชาแพทย์ ตอนนี้ลูกโตขนาดนี้แล้วก็ยังคิดถึงแค่วิชาการแพทย์”
จางจ้าวฉือเอ่ย “พี่ใหญ่ นี่คือความชอบของข้า ยิ่งเป็งานอดิเรกของข้า ข้าจะหยุดทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิตได้อย่างไรกันล่ะเ้าคะ”
พี่ใหญ่สกุลจางโบกมือ “ต่อให้ข้ามีเื่ ก็จะไม่ปรึกษาเ้าแล้ว ข้าจะไปหาแม่นมลู่ ไม่ก็ไปหาตี้เกอ พูดกับเ้าไปเ้าก็ไม่เข้าใจ เฮ้อ รอตี้เกอของพวกเราแต่งงานก็จะดีเอง”
แม่นมลู่หัวเราะ “คุณชาย ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเ้าค่ะ รอสะใภ้ตี้เกอเข้าเรือนก็พอแล้ว”
พี่ใหญ่สกุลจางพูดถึงตรงนี้ก็เอ่ยปากถาม “เื่หมั้นของตี้เกอ คนในจวนรู้กันแล้วหรือยัง?”
จางจ้าวฉือเอ่ย “พวกเราเพิ่งจะกลับมา ยังไม่แน่ใจว่ารู้กันหมดแล้วหรือไม่ อย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้แล้ว ส่วนโหวเย่ข้าไม่รู้ว่าเขารู้หรือไม่”
พี่ใหญ่เอ่ย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็เอาเื่นี้ไปพูดกับโหวเย่เสีย ตี้เกอคือคุณชายในจวน เื่แต่งงานในสายตาของโหวเย่จะไม่ชัดเจนไม่ได้ หากเขาไม่พอใจแม่นางของสกุลหลี่ พวกเ้าจะต้องคิดหาวิธีมารับมือนะ”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เื่นี้มันง่ายมาก ฮูหยินผู้เฒ่าตกลงแล้วโหวเย่จะยังคอแข็งไม่ยอมเห็นด้วยได้หรือ? เช่นนั้นเขาก็อกตัญญูแล้ว เื่นี้ข้าไม่กลัว”
พี่ใหญ่เอ่ย “จ้าวฉือ เ้าก็อายุสามสิบกว่าแล้ว คิดถึงปัญหาอย่าคิดให้มันง่ายและหยาบกระด้างขนาดนี้ได้หรือไม่ พวกเราสามารถใช้วิธีที่นุ่มนวลมาจัดการกับปัญหาได้ ไม่จำเป็จะต้องไปมีเื่กับใคร เ้าจะต้องคิดว่าจะพูดอย่างไรถึงจะถูก”
พวกนางเดินผ่านซุ้มประตูดอกไม้ไปแล้ว มาถึงเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ตรงเรือนหลังดูแล้วโอ่อ่ากว้างขวาง
ทิวทัศน์ในเรือนไม่เลวเลย สวี่ไป่ฟังผู้ใหญ่พูดกันไป ก็มองทิวทัศน์รอบๆ ไปด้วย ทุกมุมของเรือนต่างถูกออกแบบมาอย่างดี ทุกที่ปลูกพืชที่มองแล้วดูงดงามมากเอาไว้ สวี่ไป่จำได้ว่าหลายชนิดเป็สมุนไพร บ้านสกุลจางนั้นขายยา คาดว่าในเรือนหลังนี้จะมีปลูกเอาไว้ทุกชนิด
จางจ้าวฉือยืนอยู่ด้านหน้าเรือน มองประตูเรือนที่เก่าอยู่เล็กน้อย ้าเรือนเดิมทีมีป้ายแขวนเอาไว้ แต่ตอนนั้นได้ถูกถอดลงมาแล้ว
พี่ใหญ่อุ้มสวี่ไป่เดินตามจางจ้าวฉือมายืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนั้นท่านปู่สอนเ้าในเรือนหลังนี้ พวกเราหลายคนก็เรียนรู้วิชาจากในเรือนหลังนี้กับท่านปู่ น่าเสียดายที่พวกเราพี่น้อง มีแค่เ้าที่สืบทอดวิชามาจากท่านปู่”
จางจ้าวฉือพูดอย่างออดอ้อน “ข้าเป็หลานที่ท่านปู่ชอบมากที่สุด ท่านปู่มักจะพูดกับข้าเสมอ ว่าอย่าคิดว่าเพราะตนเองเป็สตรีแล้วจะไม่สามารถสืบทอดวิชาแพทย์ได้ ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ของแค่สามารถสืบทอดวิชาแพทย์ไปได้ ก็เป็ลูกหลานที่ดีของสกุลจาง รอพวกท่านกลับมากันหมดแล้ว ดูว่ารุ่นเด็กๆ ในครอบครัวพวกเรายินดีที่จะเรียนวิชาแพทย์หรือไม่ หากมีก็ส่งมาหาข้า ข้ารับประกันว่าจะสอนให้ดี”
พี่ใหญ่หัวเราะ “เช่นนั้นก็ดี สกุลจางของพวกเราต่างมีวิชาแพทย์ที่ดี แต่ว่าเื่เรียนหมอนั้น ไม่ใช่อ่านหนังสือไม่กี่เล่มก็จะเรียนได้ดี ยังต้องมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยชี้แนะด้วยถึงจะดี”
จางจ้าวฉือพูดอย่างภูมิใจ “แน่นอนสิ ข้ากล้าพูดได้เลยว่าตอนนี้ข้าเป็หมอที่ดีที่สุดในต้าเหลียงของพวกเรา ข้ายังเป็แพทย์ทหารที่โดดเด่นที่สุดในต้าเหลียงอีกด้วย”
พี่ใหญ่เอ่ย “พูดเื่อื่นกับเ้าไม่เห็นจะสนใจ พอพูดเื่นี้กับเ้า เ้าก็สามารถตอบโต้กับคนได้”
จางจ้าวฉือเอ่ย “ข้าเองก็ไม่ได้สนใจอย่างอื่นนี่เ้าคะ เอาล่ะพี่ใหญ่ พวกเราอย่าพูดถึงเื่นี้กันอีกเลย ข้าจะไปเรือนที่เคยอาศัยดูก่อน ต้นกุ้ยฮวาในเรือนยังอยู่ดีหรือไม่? ข้าไม่ได้เห็นต้นไม้นั้นมานานหลายปีแล้ว บางครั้งยังฝันเห็นมันอยู่เลย”
พี่ใหญ่หัวเราะแล้วเอ่ย “แน่นอนว่ายังอยู่ ในเรือนของพวกเรากำหนดวันทำความสะอาดเอาไว้ ของในเรือนนั้นของเ้ายังวางเอาไว้เหมือนเดิม พวกเราไปดูกันเถิด”
เรือนที่จางจ้าวฉือเคยอาศัยอยู่ห่างจากสวนดอกไม้ในจวนไม่ไกลมาก เรือนหลังนั้นเป็แบบสองชั้น ชั้นหนึ่งเป็สถานที่ที่จางจ้าวฉือเรียนวิชากับหลอมยา ชั้นสองเป็สถานที่ที่จางจ้าวฉือใช้นอน ต้นกุ้ยฮวาที่นางพูดถึงปลูกเอาไว้ตรงหน้าเรือน หลายปีมานี้มันเติบโตขึ้นอย่างเงียบๆ กิ่งก้านแข็งแรง ต้นใหญ่กว่าชั้นสองแล้ว
ดอกกุ้ยฮวาบานออกมาแล้ว จางจ้าวฉือมองต้นไม้ใหญ่โตแข็งแรงพลางเอ่ย “ต้นไม้นี้ตอนนั้นยังเป็ท่านปู่กับข้าปลูกด้วยกันอยู่เลย ตอนนั้นข้าเพิ่งจะอายุไม่กี่ปี ตอนนี้สามสิบกว่าแล้ว บางครั้งมาคิดๆ ดูพวกเรายังสู้ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ได้เลย ต้นไม้ต้นนี้ก็ตั้งอยู่ตรงนี้ ลมพัดแดดส่อง นอกจากจะดูแข็งแรงแล้ว ก็มองไม่ออกแล้วว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่คนกลับไม่ได้เป็เช่นนั้น โตแล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนมาแก่ จากนั้นก็กลับมาเป็ธุลี”
สวี่ตี้ดึงแขนเสื้อจางจ้าวฉือ “ท่านแม่ ท่านเป็อันใดไป เหตุใดถึงได้พูดปลงตกเช่นนี้? ท่านพูดเช่นนี้ทำให้ข้าที่เพิ่งจะเริ่มใช้ชีวิตของตนเองในใจรู้สึกไม่มั่นคงนะขอรับ”
จางจ้าวถอนหายใจ ยิ้มแล้วเอ่ย “ไม่มีอะไร เพียงแค่คิดถึงท่านปู่ที่จากไปเท่านั้น เอาล่ะ พวกเราขึ้นไปชั้นบนกันเถิด”
แต่สวี่จือกลับให้ความสนใจมาก ั้แ่เด็กนางไม่เคยออกมานอกเรือนมาก่อน นี่เป็ครั้งแรกที่มาเรือนผู้อื่น อย่าว่าแต่สวี่จือเลย แม้แต่สวี่ตี้ก็เพิ่งจะมาเป็ครั้งแรก ทั้งสองคนสนใจเป็อย่างมาก หลังจากคนใช้เปิดประตูให้ พวกเขาก็วิ่งขึ้นไปชั้นสองในทันที
เดินวนอยู่บ้านสกุลจางหนึ่งวัน เมื่อเห็นว่าเย็นแล้วก็นั่งรถม้ากลับไปที่จวนหย่งหนิงโหว
ชีวิตในจวนความจริงแล้วก็ไม่ได้ดีจนมีอะไรพูดออกมาได้ จางจ้าวฉือพาสวี่จือกับสวี่ไป่ไปพักเรือนหลัง สวี่ตี้นั้นกลับไปพักอยู่เรือนหน้า คนของสกุลจางถูกส่งมาให้เร็วมาก สวี่ตี้ฟังอยู่ในเรือนสามห้องที่อยู่ด้านหน้า พอเข้าไปในเรือน นอกจากจะมีห้องหลักสามห้องแล้ว ยังมีเรือนตะวันออกอยู่อีกด้วย
เรือนหน้าจัดสาวใช้ที่ดูแลชีวิตประจำวัน เพื่อนเรียนหนังสือสองคน แล้วก็พ่อบ้านมาให้ เรือนหลังมีสาวใช้สี่คน สาวใช้วัยกลางคนที่ทำงานจิปาถะสี่คน ตอนนี้เรือนของจางจ้าวฉือใหญ่ขึ้นมาก จึงจัดให้สวี่จืออยู่เรือนหลัง แล้วส่งสาวใช้ไปให้สองคน แม่นมลู่ก็อยู่ในเรือนตะวันออกของเรือนหน้า เรือนตะวันตกต่อมาถูกจางจ้าวฉือเปลี่ยนมาเป็โรงครัวเล็กๆ หลังจากกลับมา โรงครัวเล็กก็ถูกจัดการ ปกติแล้วจะเอาไว้ทำอาหารง่ายๆ
ยุ่งกันอยู่ครึ่งเดือน รอจนทั้งหมดจัดการเรียบร้อยแล้วก็เปลี่ยนเสื้อคลุมผ้าฝ้าย จางจ้าวฉือปกติแล้วนอกจากพาเด็กทั้งสองคนเขียนหนังสือ พาไปทักทายฮูหยินผู้เฒ่า ทางด้านโหวฮูหยินก็ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่ ส่วนอนุจู้ จางจ้าวฉือไม่เคยไปมาก่อน นางไม่ชอบอนุจู้ที่ทำท่าทางอยากจะตายเช่นนั้น ตอนที่เพิ่งจะแต่งงานก็ไปหาอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีก
ปกติแล้วจะหมกตัวอยู่เรือนหลัง แม้แต่สวี่ไป่เองก็ไม่ได้ร่าเริง เด็กคนนี้ตอนอยู่ที่เหอซีชอบถูกคนอุ้มไปเดินเล่นบนถนนมากที่สุด หลังจากกลับมาที่จวนโหว วันๆ ก็ไปแค่ไม่กี่ที่ สวี่ไป่เหี่ยวเฉาอยู่นิดหน่อย มีใจอยากจะบอกท่านแม่ของตนเองว่าไม่ชอบที่นี่ อยากกลับไปที่เหอซี แต่ว่าตอนนี้ยังพูดไม่ได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของสวี่ไป่ก็ยิ่งน้อยลง
ตอนนี้สวี่จือมักจะถูกเหล่าพี่ๆ คุณหนูในจวนเรียกให้ไปเรียนด้วยกัน อาจารย์หญิงที่เชิญมาสอนให้กับเด็กหญิงในจวน สอนเย็บปักถักร้อย ดีดฉิน วาดภาพ แล้วก็ทำเครื่องหอม ส่วนหนังสือทั้งสี่คัมภีร์ทั้งห้าก็สอนแบบง่ายๆ เด็กหญิงไม่จำเป็ต้องสอบราชการ ไม่จำเป็จะต้องเรียนให้ลึกซึ้งถึงเพียงนั้น เด็กๆ ของสกุลสวี่ต่างถูกสั่งสอนตามมาตรฐานภรรยาเ้าสกุล ไม่ว่าจะเป็ลูกสาวคนโตของภรรยาหลวงหรือลูกสาวคนเล็ก เื่นี้ต่อไปฮูหยินผู้เฒ่าจะปรึกษากับหย่งหนิงโหวเย่ก่อนถึงจะตัดสินใจ แม่นางน้อยที่รุ่นเดียวกับสวี่จือ นอกจากสวี่เกาบุตรสาวคนโตของซื่อจื่อ จนถึงสวี่จือที่อายุน้อยที่สุดมีทั้งหมดเก้าคน อายุั้แ่สิบหกจนถึงสิบแปด สวี่เกาอายุสิบหกปีได้หมั้นหมายเอาไว้แล้ว เป็ซื่อจื่อของจวนชิงผิงป๋อ งานแต่งงานกำหนดเอาไว้เดือนสี่ปีหน้า จางจ้าวฉือกลับมานอกจากอยู่เป็เพื่อนสวี่ตี้สอบแล้ว ก็เข้าร่วมงานแต่งของสวี่เกาด้วย นี่ก็เป็เหตุผลที่สำคัญมาก งานแต่งงานของเด็กคนแรกในรุ่นของสวี่จือแต่งงาน ก็เป็สิ่งที่ควรจะให้ความสำคัญ
สวี่เกาไม่มาเรียนแล้ว ตอนนี้นางต้องเก็บตัวเย็บชุดแต่งงาน สวี่เถาลูกสาวคนโตของสวี่เฉวียนอายุสิบห้าปีก็ได้หมั้นหมายเอาไว้แล้วเช่นกัน นางหมั้นกับบุตรชายคนโตของสกุลเฟิ่งที่เป็รองหัวหน้ากระทรวงขุนนาง ถึงแม้ไม่ใช่สกุลที่มีชื่อเสียง แต่ว่าก็เป็ครอบครัวนักปราชญ์ อีกทั้งได้ยินสามีในอนาคตของสวี่เถานั้นได้ฐานะขุนนางั้แ่อายุยังน้อย เพราะว่าอายุน้อย เฟิ่งซื่อหลางจึงไม่ได้สอบต่อ ให้ออกไปเดินทางเรียนรู้ดูโลกภายนอก กลับมาค่อยสอบอีกครั้ง
เื่แต่งงานของสวี่เถา เป็เหยาจี้จิ่วยายของสวี่เถาช่วยออกหน้าให้ เฟิ่งซื่อหลางเป็ลูกศิษย์ของเหยาจี้จิ่ว เื่การแต่งงานของสวี่เถาจึงถูกเหยาจี้จิ่วช่วยหมั้นหมายให้ั้แ่เด็ก ตอนนั้นรองหัวหน้าเฟิ่งยังไม่ได้เป็รองหัวหน้าเฟิ่ง เป็เพียงถงจือขุนนางขั้นหกที่อยู่ด้านนอก เหยาจี้จิ่วเห็นความสำคัญของความสามารถในการทำงานและการพิจารณาระยะยาวของรองหัวหน้าเฟิ่ง พอดีกับที่บุตรชายคนโตของรองหัวหน้าเฟิ่งอายุเท่ากับสวี่เถา เหยาจี้จิ่วก็รู้สึกว่าสวี่เฉวียนลูกเขยของตนเองถึงแม้จะเป็บุตรชายของโหวเย่ในสกุลโหว แต่ว่าก็เป็เพียงบุตรชายคนรองเท่านั้น ต่อไปไม่สามารถสืบทอดบรรดาศักดิ์ได้ ทำได้แค่แบ่งสมบัติเท่านั้น หาครอบครัวสามีของบุตรสาวที่มีอำนาจมากหน่อย สำหรับสวี่เฉวียนแล้วมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย
หลายปีมานี้ รองหัวหน้าเฟิ่งทำงานไต่ระดับมาั้แ่ถงจือขุนนางขั้นหก ใช้เวลาสิบกว่าปีเป็รองหัวหน้ากระทรวงขุนนาง ในตอนนี้เสมียนของกระทรวงขุนนางก็อายุมากแล้ว เขาใกล้จะเกษียณออกมาแล้ว ตอนนี้เื่เล็กเื่ใหญ่ก็ล้วนเป็รองหัวหน้าเฟิ่งคอยจัดการดูแล หากไม่มีเื่ไม่คาดฝัน รองหัวหน้าเฟิ่งต่อไปจะได้เป็หัวหน้ากระทรวงขุนนาง คนหลายต่างบอกว่าเหยาจี้จิ่วตามีแววมองคนเป็ สวี่เถาถือว่ามีคนหมั้นหมายจะแต่งงานด้วยแล้ว การคุยเื่แต่งงานของทั้งสองครอบครัวได้ดำเนินการมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เหยาซื่อกับฮูหยินรองหัวหน้าเฟิ่งได้ปรึกษากันแล้ว หลังจากสวี่เกาแต่งงานออกไปแล้ว ทั้งสองครอบครัวก็จะกำหนดวันแต่งงานกัน ทั้งสองครอบครัวล้วนมีผู้าุโ อีกทั้งยังเป็ผู้าุโที่อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจากไป ถึงตอนนั้นจริงๆ เื่แต่งงานของเด็กๆ ก็จะช้าไปอีกสามปี เด็กก็อายุสิบห้าสิบหกแล้วจะช้าไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้