บทที่ 27 ยาวิเศษราคาสูงเสียดฟ้า
“ปีหนึ่งตระกูลลู่ต้องมีรายรับเท่าไรกัน แต่นายน้อยของตระกูลกลับมาใช้จ่ายมือเติบเช่นนี้ ไม่เสียแรงที่เป็จอมเสเพลเ้าสำราญอันดับหนึ่งในเทียนตูจริงๆ”
“ผลิญญาหยกเขียวเป็ยาวิเศษที่ล้ำค่าเช่นนี้ หากนายน้อยตระกูลลู่ซื้อมันไป ย่อมเป็เื่น่าเสียดายและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ”
“ดูเหมือนว่าผลวิเศษนี้หากไม่ตกเป็ของเขาหนิงชุยเฟิง ก็ต้องตกเป็ของตระกูลเมิ่งและตระกูลลู่สองตระกูลนี้เท่านั้น”
เวลานี้สำนักและตระกูลอื่นๆ ที่มีคนปรุงโอสถขั้นสูงได้ยอมแพ้กันไปแล้ว เพราะราคาในตอนนี้ต่อให้พวกเขาประมูลได้ก็คงมีแต่เสียเปรียบไม่น่าได้กำไรกลับคืนมา แต่พวกเขากลับกำลังคิดไม่ตก เหตุใดตระกูลลู่ถึงได้ยอมตามใจพฤติกรรมอันโง่เขลาเช่นนี้ของลู่อวี่ได้ แต่ไม่ว่าใครก็ไม่เชื่อว่าประมุขของตระกูลอย่างลู่เหว่ยจุนจะยอมให้ลูกชายใช้เซียนหยกจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อยาวิเศษอันไร้ประโยชน์มา เพียงเพราะรักและตามใจลูกชายเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงเป็ผลให้ทุกสำนักและตระกูลใหญ่ๆ พากันคาดเดาถึงสาเหตุที่ซ่อนอยู่กันไปต่างๆ นานา
“หกสิบล้านเม็ด!” เซินหยวนชิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเสนอเพิ่มราคา ทุกคนที่อยู่ในงานประมูล ต่างฟังน้ำเสียงที่โกรธเคืองของเขาออกกันทั้งนั้น อีกเหตุผลหนึ่งคือเซียนหยกที่เขาพกมาแทบจะไม่เพียงพอแล้ว เดิมทีหากไม่มีลู่อวี่เข้าร่วมวงประมูล เพียงบารมีและอิทธิพลของเขาหนิงชุยเฟิง รวมถึงกำลังด้านการปรุงยา ก็คงคว้าผลิญญาหยกเขียวมาไว้ในกระเป๋าได้ง่ายๆ แล้ว แต่ตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร?
ลู่อวี่เองก็รู้เช่นเดียวกันว่าครั้งนี้ทำให้เขาหนิงชุยเฟิงขุ่นเคืองใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ในโลกบำเพ็ญเพียรของเทียนตู ความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เ้าดีต่อเขาแล้วเขาจะดีต่อเ้าเสมอไป เมื่อได้ยินเซินหยวนชิงเพิ่มราคาอีกครั้ง จึงะโออกไปอย่างไม่เกรงใจทันทีว่า “เจ็ดสิบล้านเม็ด!”
บรรยากาศในห้องประมูลพลันตึงเครียดขึ้นมาเช่นกัน เดิมทีผียายแก่แห่งตระกูลเมิ่ง คิดจะหาเื่กับตระกูลลู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว นางนำเซียนหยกมาไม่พอหรือต่อให้พอนางก็ไม่กล้าที่จะเข้าร่วมประมูลต่อ มิเช่นนั้นคงเป็การทำร้ายตนเองเกินไป แต่ผู้อื่นได้ผลประโยชน์กลับไปแทน?
ในห้องลับของบุคคลสำคัญเวลานี้ลู่เหว่ยิมีสีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและกังวล เซียนหยกจำนวนเจ็ดสิบล้านเม็ด ด้วยจำนวนมหาศาลเช่นนี้สถานะอย่างเขายังไม่เคยแตะต้องมันมาก่อน แต่เมื่อเห็นว่านายน้อยไม่กะพริบตาและะโออกมาอย่างเฉยเมย ในใจก็ไม่รู้ว่าควรจะเตือนสติหรือห้ามปรามดีกันแน่
ลู่อวี่ยกชาวิเศษบนโต๊ะขึ้นมาพลันยกยิ้มตาหยี พร้อมกับปรายตามองลู่เหว่ยิที่กำลังทำหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า “ท่านลุงเหว่ยิไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าจะเป็ตระกูลใหญ่หน้าไหนหรือเขาหนิงชุยเฟิง หากประมูลผลิญญาหยกเขียวไปด้วยราคานี้ อย่างมากก็แค่ไม่ได้กำไรแต่ไม่ถือว่าขาดทุน แต่หากตกมาอยู่ในมือของข้า มูลค่าอาจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ในภายภาคหน้าท่านลุงก็จะรู้เอง เพราะหากพูดให้ฟังในตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจ”
เมื่อลู่เหว่ยิเห็นท่าทีที่มั่นอกมั่นใจของนายน้อยแล้ว ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ก็ยังพูดด้วยความลังเลใจว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่าของสิ่งนี้ถึงแม้จะล้ำค่า แต่มันจะทำให้เขาหนิงชุยเฟิงขุ่นเคืองใจ เพียงแต่กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อตระกูลลู่ไม่น้อย ความกดดันของประมุขและนายน้อย…”
ลู่อวี่ยกยิ้มพลันส่ายหน้า แต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม มียาวิเศษอยู่ในมือมากเพียงนี้แล้ว เขาย่อมมีวิธีรับมือกับทุกอุปสรรค ดังนั้นจึงพูดว่า “อย่ากังวลไป ข้ารู้ดีว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่!”
ในห้องลับของบุคคลสำคัญอีกห้อง เซินหยวนชิงกำลังทำเสียงประชดประชันและเปล่งเสียงออกมาว่า “เจ็ดสิบล้านห้าแสนเม็ด! ลู่อวี่ เ้าคิดจะทำให้ตระกูลลู่และเขาหนิงชุยเฟิงเป็ศัตรูกันหรือ? เ้าต้องคิดให้ดี!”
ถ้อยคำข่มขู่เช่นนี้ ในชาติก่อนลู่อวี่ก็เคยได้ยินประโยคนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว จึงไม่นับว่ามีความหมายใดต่อชีวิต ดังนั้นถึงได้ตอบกลับไปเบาๆ ว่า: “แปดสิบล้าน! ท่านกำลังขู่ข้าหรือ? นั่นช่างไร้ความหมาย เื่นี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของแต่ละฝ่าย!”
“ดี เ้าเด็กบ้า มิน่าเล่าถึงได้ถูกขับไล่ออกจากเขาหนิงชุยเฟิง ในเมื่อเป็เช่นนี้ เ้าก็เอาผลิญญาหยกเขียวนี้ไปเถอะ? ข้าจะรอดูว่าตระกูลลู่ของเ้าได้สิ่งนี้ไปแล้ว จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ แต่หากนำไปเก็บไว้ขึ้นราในห้องเก็บของ ตำแหน่งประมุขของลู่เหว่ยจุนคงนั่งอยู่ได้อีกไม่นานหรอก! ฮ่าๆ!” เซินหยวนชิง รู้สึกอัดอั้นตันใจยิ่งนัก เมื่อพูดมาถึงประโยคสุดท้ายก็พลันโกรธจนหัวเราะดังออกมา
ไม่ใช่ว่าเซินหยวนชิงไม่มีเซียนหยกมากพอที่จะประมูลผลิญญาหยกเขียว แต่ราคาเมื่อครู่นี้เป็ราคาที่อยู่ในขอบเขตจำกัดที่ทางเขาหนิงชุยเฟิงสามารถรับได้แล้ว หากใช้มากไปกว่านี้ ต่อให้ประมูลมาได้ เขาหนิงชุยเฟิงก็จะไม่มีกำไรใดๆ บางทีอาจเข้าเนื้อก็เป็ได้ ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของเขาหนิงชุยเฟิง ตราบใดที่ไม่ได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ก็เป็ที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะได้เป็ผู้นำคนต่อไปของเขาหนิงชุยเฟิง ดังนั้นไม่จำเป็ต้องทำเพื่อของหายากเพียงอย่างเดียวหรือไม่จำเป็ต้องไปเสี่ยงกับอันตรายที่ไม่จำเป็ เพื่อให้มันส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของเขา
“ท่านควรสนใจตัวเองให้มาก เื่ที่ไม่เกี่ยวข้องก็อย่ายื่นมือเข้าไปยุ่งจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องฉวยโอกาสแต่กลับไม่สำเร็จเช่นนี้ แล้วยังต้องมาขาดทุนอีก เป็เพียงคนขายโอสถคนหนึ่งแต่กล้าพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ แปลกคนจริงเชียว!” ลู่อวี่ตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน แต่ในใจกลับคิดว่าโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรในเทียนตู ช่างเป็์ของคนปรุงโอสถเสียจริง เป็เพียงคนในสำนักปรุงโอสถคนหนึ่งเท่านั้น กลับคิดว่าตนเองเป็คนสำคัญจริงๆ
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกมาผู้คนภายในงานก็ลุกฮือขึ้นมาทันที เพราะคิดว่านายน้อยของตระกูลลู่บ้าไปแล้ว ถึงได้กล้าทำให้สำนักหนิงชุยเฟิงขุ่นเคืองใจเช่นนี้! และคนของเขาหนิงชุยเฟิงต่างเต็มไปด้วยความโกรธที่กลั้นไว้อยู่เต็มอกแต่กลับไม่สามารถแสดงออกไปได้ เมื่ออับอายก็จากไปในทันที! แต่จินตนาการภาพออกเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลลู่และเขาหนิงชุยเฟิงจะแย่ลงกว่าเดิมแน่ มันจะสั่นะเืและส่งผลกระทบอย่างมากต่อโลกบำเพ็ญเพียรของเทียนตู ในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
แต่ลู่อวี่กลับไม่สนใจเื่นี้ แม้ว่าจะมีของล้ำค่ามากมายให้ประมูลอีกหลังจากนั้นแต่กลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากเขาได้อีก หลังจากได้รับกล่องหยกที่บรรจุผลิญญาหยกเขียวและของล้ำค่าอื่นๆ ที่เขาประมูลมาได้และตรวจสอบดูแล้ว ก็กลับที่พักของตระกูลลู่ก่อนเวลาทันที ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เหลือแต่เพียงลมตะวันออกและความยุ่งยากในอีกชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ครึ่งวันต่อมา ข่าวที่ว่าลู่อวี่ประมูลซื้อผลิญญาหยกเขียวสามผลด้วยราคาเซียนหยกขั้นต่ำแปดสิบล้านเม็ดในงานประมูลเทียนตูก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว และข่าวที่ทำให้คนจากเขาหนิงชุยเฟิงต้องขุ่นเคืองใจจนมองหน้ากันไม่ติดก็แพร่กระจายไปทั่วเช่นกัน ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่ความคิดเห็นของผู้คนโดยมากยังคงเชื่อว่านายน้อยของตระกูลลู่โง่เขลาและไม่ฉลาดอย่างยิ่ง
ถึงแม้ลู่อวี่จะได้ชื่อว่าจอมเสเพลมาโดยตลอด แต่กลับเป็เพียงการพูดถึงกันในวงศ์ตระกูลชั้นสูงเท่านั้น อย่างไรเสียเขาก็เป็เพียงมดตัวหนึ่งที่เข้ามาฝึกบำเพ็ญเพียร และทุกคนต่างก็มองว่ามันเป็เื่น่าขำขันหลังมื้ออาหารเท่านั้น ตอนนี้ลู่อวี่ไม่เพียงแต่มีพลังยุทธ์ถึง่ปลายขั้นพลังจิตเท่านั้น ทว่ายังกล้าประมูลผลิญญาหยกเขียวสามเม็ดมาในราคาเซียนหยกแปดสิบล้านเม็ดด้วย ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกสำนักและทุกตระกูลที่มีอำนาจตกตะลึงแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไร แต่ต้องมีการทยอยเข้ามาสืบเสาะหาข้อมูลต่ออย่างแน่นอน
มีคนน้อยนักที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตระกูลลู่ และคงมีเพียงคนที่รู้ข้อมูลเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุใดนายน้อยของตระกูลลู่จึงกล้าทำเช่นนี้ แต่พวกเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับเื่นี้เช่นกัน ดังนั้นใน่เวลาระยะอันสั้นนี้จึงยังไม่ค่อยมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปมากนัก
เื่เหล่านี้ลู่อวี่ไม่เก็บเอามาใส่ใจ หลังจากกลับมาถึงที่พัก ก็เริ่มฝึกบำเพ็ญเพียรและไม่รีบเร่งปรุงยา เพราะยาชะล้างอวี้จิง ยังมีส่วนผสมหลักหลายอย่างที่ขาดหายไป เื่นี้คงต้องอาศัยตู้เสวียนเฉิงหาสิ่งนั้นมาด้วยตนเองเท่านั้น และการใช้ผลิญญาหยกเขียวมาปรุงโอสถนั้น เขายังต้องเตรียมของบางสิ่งไว้รอเพราะที่เมืองเทียนตูเซียนแห่งนี้ไม่เหมาะสม
เพื่อระดมทุนทรัพย์เข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ตระกูลลู่ได้มอบทุนทรัพย์เกือบทั้งหมดให้เขาไว้ใช้ ดังนั้นก่อนที่ลู่อวี่จะเข้าสู่วิถีฝึกฝนบำเพ็ญเพียร จึงได้หยิบยาวิเศษออกมาเจ็ดถึงแปดขวดทิ้งไว้ให้ลู่เหว่ยินำไปขาย และในเวลาเดียวกันยังมอบสำเนายาและใบแสดงรายละเอียดการรับซื้อของยาเหล่านี้ให้เขาด้วย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้ตระกูลลู่ต้องสูญเสียสิ่งใดมากเกินไปจากเื่ของเขาเอง เมื่อมียาเ่าั้ เขาเชื่อว่ามันจะยังพอช่วยได้ไม่มากก็น้อย
ลู่อวี่เมื่อชาติก่อนไม่เคยใส่ใจกับเื่นี้ แต่ลู่อวี่ในตอนนี้กลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับขวดยาสองสามขวดเหล่านี้เลย คิดคร่าวๆ แค่ว่าหากขายโอสถเหล่านี้ได้ก็น่าจะเพียงพอให้อุดช่องว่างทางทุนทรัพย์ให้กับร้านค้าของตระกูลลู่ที่อยู่ที่นี่ได้
เวลานี้ อีกฝั่งของที่พักของตระกูลลู่ ผู้ดูแลของหลายตระกูลที่ถูกส่งตัวมาที่นี่กำลังเดินไปทางห้องของลู่เหว่ยิ และหนึ่งในพวกเขามีชายวัยกลางคนใบหน้าอ้วนกลมเล็กน้อยวัยสี่สิบปีที่มีสีหน้าเป็กังวล ขณะที่เดินไปนั้นก็พูดไปด้วยว่า “ตอนนี้ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเทียนตูเซียนแล้วว่านายน้อยพูดจาเยาะเย้ยถากถางคนจากสำนักหนิงชุยเฟิงว่าเป็คนขายโอสถต่อหน้าธารกำนัลในงานประมูล ทั้งยังพยายามด้อยค่าพวกเขา ก็ไม่รู้ว่าเป็เื่ดีหรือแย่กันแน่ เฮ้อ!”
“เื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ท่านประมุขและผู้เฒ่าจะตัดสินใจเอง เื่ที่เร่งด่วนตอนนี้คือการขาดสภาพคล่องของทุนทรัพย์ สิ่งนี้ย่อมส่งผลกระทบไม่น้อยต่อเรา” ชายชราผอมแห้งอีกคนในวัยหกสิบเศษพูดด้วยความโกรธ
“ได้ยินว่าทางเขาหนิงชุยเฟิงได้ออกประกาศแล้วว่าจะลดจำนวนการขายโอสถั้แ่ขั้นเจ็ดขึ้นไปในปีนี้ เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ตระกูลลู่ของเรา ตอนนี้มีตระกูลและกิจการทั้งขนาดเล็กขนาดกลางจำนวนไม่น้อยเริ่มตีตัวออกหากจากเราอย่างชัดเจน เพราะกลัวว่าจะโดนหางเลขไปกับเราด้วย”
ทุกคนพูดคุยกันมาจนถึงหน้าประตูจวนของลู่เหว่ยิด้วยใบหน้าเป็กังวล แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เหว่ยิ จะเดินออกมาต้อนรับทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานั้แ่แรกเห็น สิ่งนี้ทำให้หลายคนที่จิตใจกระสับกระส่ายอยู่แล้วพลันรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากทักทายกันง่ายๆ ตามมารยาทแล้ว ก็ตรงเข้าประเด็นหลักทันที แต่เมื่อทุกคนหยิบยกปัญหาทางการเงินและความน่ากังวลเกี่ยวกับเขาหนิงชุยเฟิง ลู่เหว่ยิก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับโดยไม่แสดงอาการกังวลใดๆ หลังจากอ่านม้วนตำราหยกที่นายน้อยมอบให้และทำความเข้าใจถึงสรรพคุณของยาหลายขวดที่เขามอบให้ นับว่าเขาต้องเก็บอาการอย่างถึงที่สุดแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น หากเป็ผู้อื่นได้รับของเหล่านี้มา แปดในสิบส่วนคงจะกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในที่ลับสักแห่ง
“เื่ราวเป็เช่นนี้ท่านลู่เหว่ยิ เนื่องจากนายน้อยได้ระดมทุนทรัพย์ทั้งหมดไปใช้ในการประมูลแล้ว เช่นนั้นแล้วย่อมต้องมีมาตรการหาทุนทรัพย์มาชดเชยกัน มิฉะนั้นต่อให้ทุ่มทั้งชีวิตหรือต่อให้มีใจจะทำแต่คงไม่มีความสามารถมากพอที่จะลงมือทำได้!”
เมื่อคนอื่นๆ เห็นลู่เหว่ยินั่งยิ้มทำเป็ทองไม่รู้ร้อนอยู่ที่นั่น จึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้น แต่เื่นี้นับว่าสำคัญไม่น้อย ในเมื่อมีคนออกหน้าแล้ว พวกเขาก็ต้องคล้อยตามเป็เื่ปกติ
พลังยุทธ์ของลู่เหว่ยิอยู่ขั้นฟันฝ่าแล้ว อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในเมืองเทียนตูเซียนมานานกว่าสิบปี จะว่าไปก็เป็ผู้ที่มีประสบการณ์และผ่านโลกมานักต่อนักแล้ว แต่ยาสองสามขวดที่นายน้อยลู่อวี่มอบให้เขาในวันนี้ ย่อมทำให้เขายากที่จะทำใจให้สงบนิ่งได้ อีกทั้งยังคงใและตกอยู่ในสภาพมึนงง จนกระทั่งถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกในเวลานี้ ถึงได้ฟื้นคืนสติกลับมาได้อีกครั้ง
เมื่อเห็นแววตาที่น่าสงสารของผู้ดูแลกิจการที่มองเขาตาปริบๆ ในใจของเขาก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ ถอนหายใจออกเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เอาละ เื่ที่พวกเ้าเป็กังวลข้าเข้าใจ นายน้อยวางแผนหาทุนทรัพย์มาชดเชยไว้ให้ก่อนหน้าแล้ว รับรองว่าพวกเ้าต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน!”
หากเป็ไปได้ ลู่เหว่ยิไม่คิดที่จะนำยาสองสามขวดในมือออกมาขายเลยจริงๆ แม้ว่ายาพวกนี้จะไม่สามารถบรรลุขั้นพลังยุทธ์ขึ้นได้ แต่กลับมีคุณค่ามากกว่ายาอายุวัฒนะที่ช่วยให้บรรลุขั้นพลังยุทธ์ขึ้นพวกนั้นหลายสิบหลายร้อยเท่า แต่เมื่อเห็นท่าทีนายน้อยที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ และไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว คิดว่าในสายตาของนายน้อยแล้ว ยาวิเศษเหล่านี้คงมีคุณค่าไม่เพียงพอที่จะหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวหยิบขวดยาสองสามขวดที่ลู่อวี่มอบให้ออกมาจากแหวนลับแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ