“กำลังประมวลผลของคำตอบ...ร้อยละเก้าสิบคล้ายคลึงกับคำตอบของท่านผู้สร้าง เป็คำตอบที่ถูกต้อง!” เสียงพูดคล้ายเครื่องจักรดังขึ้นพร้อมกับแผ่นป้ายหินศิลาที่ค่อยๆ มุดหายลงไปใต้พื้นเบื้องล่าง จากนั้นแผ่นป้ายศิลาแผ่นต่อไปค่อยๆ ปรากฏโผล่ขึ้นมา
เย่ชิงหานไม่ได้หันไปมอง แต่ล้มตัวลงนอนบนพื้นแล้วก็หลับไป
.................................
เย่ชิงหานนอนหลับอยู่อย่างสงบภายในูเาสุสานทวยเทพ แต่ทว่าด้านนอกูเาสุสานทวยเทพนั้นกลับคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมาเป็อย่างมาก
ทุ่งราบกว้างด้านหน้าูเาสุสานทวยเทพในตอนนี้ถูกกระโจมและผู้คนจำนวนมหาศาลนับไม่ถ้วนไว้จนหมดสิ้น
นับถอยหลังจากเวลาที่เส้นทาง์จะเปิดออกยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน หนึ่งนคร หนึ่งเกาะ สามเขตปกครอง ขุมกำลังมากมายนับไม่ถ้วนที่มีเหล่ายอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วนต่างล้วนมาถึงยังภายนอกูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้ั้แ่หลายวันก่อนเพื่อรอคอยการเปิดออกของเส้นทาง์
ขุมกำลังทั้งสี่กลุ่มใหญ่ต่างตั้งกระโจมแยกกันอยู่ห่างๆ สร้างขึ้นเป็เขตแดนของใครของมัน แต่ล้วนอยู่กันอย่างเป็ระเบียบไม่ได้โกลาหลวุ่นวายสับสน ไม่ได้ไปมาหาสู่และแน่นอนว่าไม่ได้เกิดการปะทะกันขึ้น
สาบานเืที่นครแห่งเทพและทั้งสามเขตปกครองทำขึ้นมานั้นบอกไว้อย่างชัดเจนว่าด้านนอกูเาสุสานทวยเทพนั้นห้ามมิให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น แต่เมื่อเข้าไปยังภายในูเาสุสานทวยเทพแล้วสามารถสังหารได้ตามอำเภอใจ ใครดีใครได้อยู่ที่ความสามารถ เมื่อออกมาจากูเาสุสานทวยเทพแล้วหากยังฆ่าไม่หยุดอีกก็จะถูกทั้งสามเขตปกครองร่วมกันรุมสังหาร
กฎกติกาเช่นนี้ความจริงแล้วเป็สิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะภายในูเาสุสานทวยเทพสมบัติของวิเศษล้ำค่าต่างๆ ร่วงหล่นลอยมาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะภูมิประเทศแปลกประหลาดลึกลับมหัศจรรย์ ฆ่าคนชิงสมบัตินั้นเป็เื่ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก จนสุดท้ายกลายเป็การสู้รบตะลุมบอนกันเกิดขึ้น ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรที่จะทำให้ยุติธรรมมากที่สุดซึ่งก็คือการอนุญาตให้ฆ่า ในเมื่อกล้าเข้ามาเสาะหาสมบัติก็จงเตรียมใจไว้ว่าจะถูกคนฆ่าเพื่อชิงสมบัติ ของดีย่อมต้องคู่กับคนมีฝีมือ มีของดีแต่ไม่มีฝีมือติดตัวก็ไม่ต่างจากคนที่ไร้ความผิด แต่ผิดที่ถือครองของมีค่าเอาไว้
ดังนั้นเย่รั่วสุ่ยและเหล่าหัวหน้าตระกูลเฟิง ตระกูลฮวา และตระกูลเยว่ต่างสั่งห้ามเย่ชิงอวี่ เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่า และเยว่ชิงเฉิงมิให้เข้าไปภายในด่านทดสอบของูเาสุสานทวยเทพเป็อันขาด อย่างมากที่สุดก็แค่เดินเที่ยวชมอยู่ภายในเส้นทาง์เพียงเท่านั้น
ตอนนี้ภายในกระโจมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของเขตปกครองเทพา
ภายในมีผู้คนอยู่ไม่น้อย ้าสุดจะเป็พวกตาแก่ทั้งหลายของแต่ละตระกูล ตระกูลเย่ส่งมาสองคนคือเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน ตระกูลเฟิงส่งผู้าุโสูงสุดมาคนหนึ่งเฟิงสีสี ตระกูลฮวาส่งผู้าุโสูงสุดมาคนหนึ่งเช่นเดียวกันฮวาเซียง ตระกูลเยว่ส่งคนคุ้นเคยมาคือเยว่จี ส่วนเมืองัส่งผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์มาสองคน
ผู้าุโสูงสุดเจ็ดท่าน ขบวนรบแข็งแกร่งถึงเพียงนี้นับว่าเป็การเคลื่อนพลที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มาเสาะหาสมบัติของวิเศษล้ำค่า และต่อให้พวกเขาอยากที่จะเข้าไปภายในเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เมื่อเส้นทาง์เปิดออกผู้ที่มีพลังฝีมือสูงกว่าระดับขอบเขตาาจักรพรรดิล้วนไม่สามารถเข้าไปภายในได้ พวกเขามาเพียงแค่นั่งรักษาการณ์เพียงเท่านั้น น่าแปลกที่ครั้งนี้ตระกูลเสว่กลับไม่ส่งคนมาเข้าร่วมเลย คงอาจจะเป็ไปได้ว่าเนื่องจากเหตุการณ์ที่เสว่อู๋เหินก่อขึ้นในครั้งนั้นทำให้พวกเขาสูญเสียยอดฝีมือระดับสูงสุดไปถึงสองคนและเสียหายอย่างหนัก คงคิดที่จะเก็บตัวบำรุงกำลังอยู่สักพักเลยไม่ขอเข้าร่วมเสี่ยงโชคในครั้งนี้
ครั้งนี้ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ออกปากเองว่าสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดจะปรากฏออกมา แม้ทั้งสามเขตปกครองจะทำข้อตกลงกันแล้ว แต่ถ้าหากคนของเขตปกครองเทพาได้รับสมบัติชิ้นนั้นขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าถ้าพวกเขาไม่อยู่อาจจะถูกคนของต่างเผ่า คนของนครแห่งเทพ หรือคนของเกาะเร้นลับทำการลงมือโเี้อำมหิตเพื่อแย่งชิงเอาไป ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็จะต้องมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลเย่ส่งคนมามากว่าตระกูลอื่นๆ หนึ่งคน บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามาเพราะเื่ของเย่ชิงหาน เนื่องจากรู้สึกละอายใจต่อเย่ชิงหานและความสำคัญที่เย่ชิงหานมีต่อตระกูลทำให้เย่เทียนหลงไม่มาไม่ได้ ส่วนเย่ชิงหนิวที่มาก็เพราะว่าครั้งที่แล้วเย่ชิงหานถูกดูดเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพทั้งที่อยู่ในการดูแลของเขา เพราะฉะนั้นเขายิ่งจะต้องมา
นอกจากพวกตาแก่ของตระกูลทั้งหลายที่อยู่้า ด้านล่างถัดมาจึงเป็เหล่าลูกหลานของตระกูลทั้งหลาย อาทิเช่น เย่เชียง เย่ชิงอวี่ เย่ชิงอู่ หลงไซ้หนาน...เป็ต้น แน่นอนว่าผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้ามาภายในกระโจมแห่งนี้ได้ล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพร์และบุคคลสำคัญต่างๆ เพียงเท่านั้น
“ตาแก่หลง เด็กสาวตระกูลเ้าคนนี้ทำไมข้าถึงไม่คุ้นหน้าเลย? ระดับขั้นพลังฝีมือน่ากลัวเป็อย่างมาก ข้าคาดเดาว่าอย่างต่ำสุดก็น่าจะอยู่ในระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ เ้านี่ช่างไม่มีความจริงใจเอาเสียเลยปกปิดผู้คนทั่วทั้งใต้ล้าไว้อย่างมิดชิดเช่นนี้!” ความเจิดจรัสของเย่ชิงอวี่กลายเป็จุดสนใจของพวกตาแก่จากตระกูลทั้งหลายขึ้น แม้เย่ชิงอวี่จะไม่ได้ใช้พลังใดๆ ออกมา แต่พวกตาแก่ของตระกูลทั้งหลายล้วนเป็สุดยอดฝีมือด้วยกันทั้งนั้น มีสายตาที่แหลมคมแค่ปรายตามองผ่านก็ััได้ถึงระดับพลังปราณรบที่น่ากลัวภายในร่างของนาง
เย่ชิงอวี่ดูอย่างไรก็เป็เพียงแค่เด็กสาวอายุไม่ถึงยี่สิบปีเพียงเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถคาดเดาพลังฝีมือที่แท้จริงของนางออกมาได้ แต่แค่สังเกตได้จากไอพลังที่แผ่ซ่านออกมาก็พอจะคาดเดาได้ว่าอย่างต่ำที่สุดพลังฝีมือก็น่าจะอยู่ที่ระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ หรืออาจจะบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิแล้วก็เป็ได้ อายุเพียงเท่านี้ พลังฝีมือสูงล้ำถึงเพียงนี้ จะไม่ทำให้ทุกคนสะดุ้งใและตื่นตระหนกกันขึ้นมาได้อย่างไร?
เพียงแค่ตระกูลเย่ปรากฏผู้ฝึกยุทธ์อย่างเย่ชิงหานออกมาคนหนึ่งก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดกันมากพอแล้ว แต่ตอนนี้กลับปรากฏผู้ที่มีพร์ระดับขั้นแหกกฎ์มากยิ่งกว่าเย่ชิงหานขึ้นมาอีกคนหนึ่งเช่นนี้ คิดดูว่า...จะให้พวกเขาทำใจยอมรับได้อย่างไรกัน?
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าตระกูลเย่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อทำการกว้านซื้อทรัพยากรในการฝึกฝนจำนวนมหาศาลเลยสักครั้ง ถ้าหากยิ่งไม่ได้พึ่งพาผลไม้วิเศษและยาวิเศษต่างๆ ช่วยในการฝึกฝนละก็ พร์ของเด็กสาวคนนี้ยิ่งน่ากลัวและน่าตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน
“แหะๆ เนื่องจากเื่ราวที่เกิดขึ้นของเย่ชิงหานทำให้ลูกหลานของตระกูลฮึกเหิมขึ้นมา จึงต่างพากันฝึกฝนอย่างเอาเป็เอาตายขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะปรากฏผู้มีพร์ที่ไม่เลวออกมาอีกหนึ่งคนเช่นนี้ ครั้งนี้จึงพาออกมาพบเหล่าผู้าุโทั้งหลาย และพาออกมาเปิดหูเปิดตาสักครั้ง เหอะๆ...”
เื่ราวของเย่ชิงอวี่มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบ แน่นอนว่าเย่เทียนหลงไม่โง่พอที่จะบอกสิ่งใดออกไป ครั้งนี้หากไม่ใช่ว่าเย่รั่วสุ่ยเอ่ยปากเองละก็ ตีให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้เย่ชิงอวี่ออกมาจากตระกูลแน่นอน ตอนนี้จึงจำต้องพูดติดตลกออกไปก่อน ส่วนคนอื่นๆ จะคิดจะคาดเดาอย่างไรเขาล้วนไม่เคยคิดที่จะสนใจ
“ตาแก่หลง ทำแกล้งเป็ไขสือตีเนียนกลบเกลื่อนระวังจะถูกฟ้าผ่าเอาได้นา! คำตอบเช่นนี้จะไม่ดูผักชีโรยหน้าไปหน่อยรึ ถูกกระตุ้นจนฮึกเหิม? เ้าหนูเฟิงตระกูลข้าก็ไม่ใช่ว่าถูกเื่ของเย่ชิงหานกระตุ้นเหมือนกันรึ? ทรัพย์สมบัติของตระกูลกว่าครึ่งถูกแปลงเป็ทรัพยากรในการฝึกฝนให้แก่เขายังฝึกฝนถึงเพียงแค่ระดับขั้นที่สองขอบเขตจ้าวนักรบเท่านั้นเอง”
“เฮ้อออ... คนเราแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้จริงๆ นางเด็กน้อยของตระกูลเยว่ก็เช่นกัน ทรัพยากรในการฝึกฝนอะไรสักอย่างก็ไม่ได้ใช้แต่กลับฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบแล้ว ถูกพวกเ้าตบหน้าเข้าอย่างจังเลยคราวนี้...” เฟิงสีสีมองลงไปดูเหล่าลูกหลานของตระกูลทั้งหลายที่อยู่ด้านล่างแล้วได้แต่ทอดถอนใจออกมา เดิมทีคิดว่าครั้งนี้พาเฟิงจื่อออกมาด้วยจะได้พามาอวดเพื่อเป็หน้าเป็ตาเสียหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกตระกูลเย่และตระกูลเยว่ตบหน้าเข้าอย่างจังจนร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าเช่นนี้...
“ถูกต้องที่สุด เื่ราวแปลกประหลาดลึกลับเกิดขึ้นกับพวกเ้าได้ตลอด ข้าคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเื่ราวแปลกประหลาดต่างๆ ของตระกูลเย่ทำไมถึงได้เกิดขึ้นมากเป็พิเศษ ก่อนหน้านี้ไม่นานก็มีเย่ชิงหานปรากฏออกมา ในตอนนี้ปรากฏผู้ที่มีพร์ที่แหกกฎ์มากยิ่งกว่าเย่ชิงหานออกมาอีกคน ตาแก่หลงเ้าคิดที่จะไม่ให้พวกข้าหากินอยู่ในเขตปกครองเทพาต่อไปอีกแล้วรึ?” ฮวาเซียงเองก็ทอดถอนใจออกมา เดิมทีมีความคิดเช่นเดียวกันกับเฟิงสีสีกะว่าจะพาฮวาเฉ่าออกมาอวดเพื่อเป็หน้าเป็ตาเสียหน่อย สุดท้ายกลับกลายเป็ว่า...
“พูดเื่เหล่านี้มีประโยชน์อะไร หากเ้าหนูหานสามารถรอดกลับออกมาได้ข้ายื่นหน้าให้พวกเ้าตบคนละครั้งก็ยังได้!” เย่เทียนหลงไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่เย่ชิงหนิวที่อยู่ข้างๆ ดวงตาปูดโปนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อย หากเย่ชิงหานไม่ได้กลับออกมาอย่างปลอดภัยเขาไม่อาจที่จะให้อภัยตนเองได้ตลอดกาล
“อืม ไม่พูดเื่นี้แล้ว...พวกเรามาปรึกษาหารือกันดีกว่าการเข้าไปภายในูเาสุสานทวยเทพในครั้งนี้ พวกเราแต่ละตระกูลควรจะร่วมมือกันอย่างไร?” ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งของเมืองัมองเห็นสีหน้าอาการของเย่ชิงหนิวจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อในการพูดคุยทันที หันมาพูดถึงเื่เส้นทาง์ที่จะเปิดออกในอีกครึ่งเดือนนับจากนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้