บทที่ 48 คราวนี้หนีไม่พ้นแล้ว
คุณปู่สวี่มีอาการปอดอักเสบเล็กน้อย คุณหมอได้ตรวจฟิล์มเอ็กซ์เรย์และจ่ายยาให้ พร้อมทั้งให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ รอจนอาการอักเสบลดลงถึงจะกลับบ้านได้
ชายชรารู้สึกเสียดายเงิน พักที่นี่หนึ่งวันต้องเสียเงินเท่าไหร่กัน? ในใจก็คิดว่าหายาพื้นบ้านมาต้มกินเองก็คงไม่ต่างกัน
สวี่จือจือจึงนำยาที่เหลือจากเมื่อวานที่เขากินไม่หมดมาให้คุณหมอตรวจดู
“เหลวไหลสิ้นดี” คุณหมอเ้าของไข้เป็ชายวัยกลางคน เขาสวมแว่นตาและตรวจสอบสมุนไพรอย่างละเอียด “นี่มันไม่เหมือนยาเลยสักนิด เหมือนพวกวัชพืชมากกว่า”
“จะมีก็แต่ดอกแดนดิไลออนที่พอมีสรรพคุณอยู่บ้าง”
คุณหมอมองคุณปู่สวี่และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าคุณมาหาหมอเร็วกว่านี้ อาจจะไม่ต้องฉีดยาก็ได้”
ปล่อยให้โรคเล็กกลายเป็โรคร้ายแรง ตอนนี้คุณปู่สวี่ไม่กล้าพูดเื่กลับบ้านไปกินยาอีกแล้ว
หลังจากชายชราได้แขวนน้ำเกลือแล้ว สวี่จือจือก็ให้ลู่จิ่งซานกลับไป “ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน คุณย่าคงเป็ห่วงมากแน่ๆ”
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมมาใหม่” ลู่จิ่งซานมองเธอแล้วหยิบเงินยี่สิบหยวนพร้อมกับคูปองให้เธอ “เงินพวกนี้ให้คุณ”
“ฉันยังมีเงินติดตัวอยู่” สวี่จือจือตอบ
เงินที่เธอเก็บสะสมไว้แต่เดิม วันนี้จ่ายค่ารักษาไปห้าหยวนกว่า แถมอาหารที่โรงพยาบาลก็ไม่ต้องใช้คูปอง เพียงแต่ราคาค่อนข้างแพง
“เอาไปก่อนเถอะ” ลู่จิ่งซานยืนยัน “ถ้าไม่ได้ใช้แล้วค่อยคืนให้ผมก็ได้”
“ขอบคุณนะ” สวี่จือจือก้มหน้ามองพื้นพลางเขี่ยก้อนหินด้วยปลายเท้า
“รีบเข้าไปเถอะ” เขาพยายามระงับความ้าที่จะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอ “ตอนกลางวันกินให้ดีๆ หน่อย”
“อืม คุณรีบไปเถอะ” สวี่จือจือเร่งเขา “ตอนเย็นไม่ต้องมาก็ได้ ฉันดูแลตัวเองได้”
ลู่จิ่งซานไม่ได้พูดอะไร เขามองเธอแวบหนึ่ง แล้วหันหลังเดินเข็นรถจักรยานไป
พอใกล้ถึงหัวมุมถนน เขาก็หันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นเด็กสาวยังคงยืนอยู่ที่เดิม พอเห็นว่าเขามองมา เธอก็ยิ้มให้พร้อมกับโบกมือแล้วหันหลังวิ่งจากไป
พอวิ่งไปถึงที่ลับตาคน สวี่จือจือก็เอามือปิดหน้าตัวเองที่กำลังแดงซ่าน
ฉากเมื่อกี้เหมือนกับภรรยาตัวน้อยที่กำลังส่งสามีไปทำงานอย่างอาลัยอาวรณ์ไม่มีผิด
หลังจากได้น้ำเกลือไม่นาน อาการไอของคุณปู่สวี่ก็ดีขึ้น
สวี่จือจือจึงถือโอกาสสอนคุณปู่ “ต่อไปห้ามกินยาเองมั่วซั่วอีกแล้วนะคะ ถ้าไม่สบายก็ไปหาหมอจาง ไม่ต้องกลัวเสียเงิน หนูจะหาวิธีหาเงินเอง” แล้วก็พูดต่อ “ห้ามไปหาหมอเติ้งอะไรนั่นอีกด้วย”
ตอนนี้คุณปู่สวี่เหมือนนักเรียนตัวน้อยที่เชื่อฟังคุณครูอย่างดี หลานสาวพูดอะไรก็ว่าตามนั้น
ตอนกลางวัน สวี่จือจือไปซื้อบะหมี่น้ำที่โรงอาหารให้คุณปู่ ไม่มีน้ำมันเท่าไหร่ แต่ข้อดีคือทำจากเส้นหมี่ขาว แถมยังเคี่ยวได้ที่ คุณปู่กินง่าย
่เช้าชายชราได้น้ำเกลือหมดแล้ว ่บ่ายก็ไม่มีอะไรมาก สวี่จือจือให้เขานอนพักผ่อน พอเขาหลับแล้ว เธอก็บอกพยาบาลแล้วเดินออกไปข้างนอก
ทางทิศตะวันออกของโรงพยาบาลประจำอำเภอ ห่างไปประมาณสามร้อยเมตรคือที่ว่าการอำเภอ ทางด้านทิศตะวันตกห่างไปร้อยเมตรมีสี่แยกใหญ่ วันขึ้นหนึ่งค่ำและสิบห้าค่ำจะมีตลาดนัดที่อนุญาตให้ทุกคนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้
วันนี้โชคดีตรงกับวันขึ้นสิบห้าค่ำพอดี สวี่จือจือเดินไปถึงตลาดนัด คนก็เริ่มเยอะแล้ว มีของขายทุกอย่าง มีทั้งตะกร้าสานจากไม้ไผ่ หมอนปักลายและรองเท้าเด็กหัวเสือที่ทำเอง หรือแม้แต่ไข่ไก่ก็มี...
สวี่จือจือเดินดูไปเรื่อยๆ เมื่อเดินดูตลาดจนทั่วแล้ว ในใจก็พอจะมีไอเดียอยู่บ้าง จึงไม่ได้เดินดูต่อไป แต่เดินลัดเลาะไปตามซอยเล็กๆ เพื่อกลับไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่ไม่นึกว่าพอเดินไปถึงปากซอย ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังอุ้มเด็กเดินผ่านมาอย่างรีบร้อน
เด็กชายร้องไห้เสียงดังแทบขาดใจ
“คุณย่า ผมอยากได้คุณย่า!”
ผู้ชายอุ้มเด็กเอาไว้ ผู้หญิงก็คอยปลอบ “เดี๋ยวจะพาไปหาแล้วจ้ะ”
เด็กชายเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงพูดเลยสักนิด ได้แต่ร้องไห้พร้อมกับดิ้น “ผมอยากได้คุณย่า ผมอยากได้คุณย่า”
สวี่จือจือขมวดคิ้ว
เด็กชายตัวเล็กๆ อายุประมาณสามขวบ ใส่เสื้อแขนสั้นลายทางสีน้ำเงินขาว กางเกงสีเขียวทหาร ดูสะอาดสะอ้านดี
“พี่สาม” สวี่จือจือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเด็กร้องไห้เสียงดังขนาดนี้ล่ะ?”
“เธอเป็ใคร?” ผู้หญิงมองสวี่จือจือด้วยความระแวดระวัง
“ฉันเองไง หลานฮวาฮวา จากหมู่บ้านเดียวกับพี่” สวี่จือจือยิ้มตอบ “ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่าพี่มีลูกชายแล้ว ไม่นึกว่าจะโตขนาดนี้แล้ว”
“ไอ๊หยา ที่แท้ก็หลานฮวาฮวาเองเหรอ โตเป็สาวแล้วฉันจำไม่ได้เลย” ผู้หญิงหัวเราะแห้งๆ แล้วตอบ “ก็เป็แบบนี้แหละ กำลังงอแงเลย”
“พวกคุณเป็คนไม่ดี” เด็กชายร้องไห้และะโขึ้นมา “คุณไม่ใช่แม่ผม”
“ผมอยากได้คุณแม่ ผมอยากได้คุณย่า” เด็กชายร้องไห้พลางะโ
“นี่...”
“ถ้ายังดื้ออีกนะ จะตีให้ตายเลย” ผู้หญิงสีหน้าดำคล้ำและตีก้นเด็กชายอย่างแรงด้วยความโมโห
“พี่สาม อย่าตีเด็กเลย” สวี่จือจือยิ้มแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วกำไว้ในมือ “หนูน้อย อย่าร้องไห้เลยดีไหม ฉันมีลูกอมให้กิน?”
“ผมไม่เอา พวกคุณเป็คนไม่ดี”
สวี่จือจือ “...”
เธอยิ้มให้ผู้ชายพลางพูด “เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักจริงๆ พี่ใหญ่ ฉันอิจฉาคุณกับพี่สามจังเลย ที่มีลูกชายหน้าตาดีแบบนี้”
“เฮ้อ...แม่สามีของฉันบ่นว่าฉันไม่มีลูกชาย วันนี้เลยจะให้ฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล” สวี่จือจือพูดพลางมองเด็กชายด้วยความอิจฉา “พี่ใหญ่ ให้ฉันอุ้มเขาเพื่อรับความโชคดีหน่อยได้ไหม? ขอแค่แป๊บเดียว ได้ไหมคะ ขอร้องล่ะค่ะพี่สาม”
“นี่...” ผู้หญิงมองผู้ชายด้วยความลำบากใจเล็กน้อย
“รีบๆ หน่อย” ผู้ชายพูดด้วยความหงุดหงิด
สวี่จือจีรีบขอบคุณ ตอนที่เอื้อมมือไปรับเด็กชาย เด็กชายกลับไม่ดิ้นเลย
“พี่ใหญ่ ข้างหลังคุณมีอะไรน่ะ?” สวี่จือจือรับเด็กมาอุ้มแล้วชี้ไปที่ข้างหลังผู้ชาย
ตอนที่ผู้ชายหันกลับไป สวี่จือจือกลับอุ้มเด็กวิ่งเข้าไปในซอยเล็กอย่างรวดเร็ว พลางะโไปด้วย “ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนจะขโมยเด็ก ช่วยด้วย”
ชายหญิงวัยกลางคนเพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนหลอกเสียแล้ว จึงรีบวิ่งตามสวี่จือจือไป
สวี่จือจืออุ้มเด็กอายุสามขวบไว้ในอ้อมแขน ความเร็วในการวิ่งย่อมไม่เท่าสองคนนั้น แต่ซอยนี้อยู่ใกล้กับปากซอยมาก ถ้าพวกเธอวิ่งไปถึงปากซอยได้ สองคนนั้นก็คงไม่กล้าทำอะไรแล้ว
“ช่วยด้วยค่ะ!”
สวี่จือจือะโ แต่เธอประเมินน้ำหนักของเด็กชายวัยสามขวบต่ำเกินไป พอวิ่งไปข้างหลังความเร็วก็ค่อยๆ ลดลง
“รนหาที่ตาย!” ผู้ชายคว้าผมของสวี่จือจือไว้ ทำให้เธอเกือบทำเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนหล่นลงพื้น
เจ็บมาก! เธอทนความเ็ปแล้วหันกลับไปเหยียบเท้าของผู้ชายอย่างแรง
ผู้ชายร้องด้วยความเ็ป มือก็คลายออก
สวี่จือจือจึงหนีรอดไปได้
“ใครก็ได้ มีคนจะขโมยเด็ก” ผู้หญิงคนนั้นเองก็วิ่งพลางะโ
“หยุดนะ” ผู้ชายก็วิ่งตามมาติดๆ
พอเห็นว่าใกล้จะถึงปากซอยแล้ว สวี่จือจือก็กัดฟันแล้วอุ้มเด็กวิ่งหนีไปอย่างสุดกำลัง
ปั้ก!
ร่างของเธอชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง เพราะเธอหมดแรง เด็กชายเลยหลุดจากอ้อมแขนของเธอแล้วหล่นลงไปที่พื้น
จบแล้ว คราวนี้หนีไม่พ้นแล้ว
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้