“เป็ไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็ไปได้ ช่างกล้าบ้าบิ่น กล้าดีอย่างไรจึงมาหลอกข้า” หลังจากหลัวชิงเยว่ได้สติกลับมา นางก็หยิบแส้สีดำออกมาและฟาดไปทางฉินอวี่อีกครั้ง
ฉินอวี่จ้องมองหลัวชิงเยว่อย่างเ็า แต่ก็ไม่ขัดขวาง
หัวใจของหลัวชิงเยว่ดิ่งลงทันที แต่แส้ของนางก็ถูกสะบัดออกไปแล้ว นางจึงไม่อาจเรียกคืนมาได้แล้ว แต่หากคนผู้นี้เป็ศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้จริง จะทำอะไรเขาไม่ได้ ในขณะที่จิตใจของหลัวชิงเยว่กำลังสสับสนนั้น นางก็ได้ยินเสียงหลิวเจ๋อพูดขึ้นเสียงดัง “ชิงเยว่หวัง พี่หลี่ไม่ได้หลอกท่าน”
หลัวชิงเยว่ดึงแส้สีดำคืนมาอย่างรวดเร็ว และจ้องไปทางหลิวเจ๋ออย่างเยือกเย็น ก่อนจะพูดออกไปอย่างเคร่งขรึม “เ้ารู้ได้อย่างไร? หากกล้าโกหกข้า เ้าก็ระวังชีวิตเ้าไว้ด้วย!”
“นี่เป็ครั้งที่สองแล้วที่พี่หลี่พบกับผู้เฒ่าร้องไห้ หากไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าร้องไห้สนใจในตัวของพี่หลี่ พี่หลี่คงตายไปนานแล้ว ในครั้งนี้ ผู้เฒ่าร้องไห้พาพี่หลี่เข้าไปในส่วนลึกนั่นด้วย ท่านก็เห็นแล้ว หากมีใครในต้าโหมวเทียนนอกจากพี่หลี่ ที่อ้างว่าตนเองเป็ศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ ข้าไม่มีวันเชื่อแน่นอน”
“ข้าเชื่อในสิ่งที่พี่หลี่พูด เพราะข้าอยู่ที่นี่มาหลายปี แต่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีใครที่พบกับผู้เฒ่าร้องไห้แล้วจะมีชีวิตรอด อีกอย่าง ก่อนหน้านี้พี่หลี่เองก็ยังย้อนถามผู้เฒ่าร้องไห้ หากไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าร้องไห้สนใจในตัวพี่หลี่ ท่านคิดว่าพี่หลี่จะมีชีวิตรอดออกมาได้หรือ?” หวังจงรีบชิงอธิบายก่อนที่หลิวเจ๋อจะพูดอะไร แม้ว่าจะรู้จักฉินอวี่ได้ไม่นาน แต่ก็ชื่นชมฉินอวี่เป็อย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น แค่เื่ที่ฉินอวี่กล้าย้อนถามผู้เฒ่าร้องไห้ ก็ทำให้เขาชื่นชมจนแทบก้มกราบ และเชื่อในฉินอวี่อย่างไม่มีข้อสงสัย
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหวังจง ในใจของหลัวชิงเยว่ก็เริ่มไม่แน่ใจมากขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรจะคัดค้าน ไม่ต้องเป็หวังจง แม้ตัวนางเองก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนขั้นกุมารทิพย์คนใดที่ได้พบกับผู้เฒ่าร้องไห้แล้วจะมีชีวิตรอด
“สิ่งที่หวังจงพูดมาคือสิ่งที่ข้า้าจะบอก” หลัวเจ๋อมีใบหน้าแดงก่ำ และมองไปยังฉินอวี่ด้วยความเคารพ ในก่อนหน้านี้ที่หวังจงพูดถึงเื่ที่ฉินอวี่กล้าย้อนถามผู้เฒ่าร้องไห้ ก็ทำให้หลิวเจ๋อใเป็อย่างยิ่ง ได้แต่เกลียดตัวเองที่ตอนนั้นเป็ลมหมดสติไป จึงไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง
เมื่อมองไปยังสีหน้าของหลัวชิงเยว่ นางมีสีหน้าที่มืดมนมากขึ้น และรู้สึกถอดถอนใจเป็อย่างยิ่ง
เื่ได้เป็เช่นนี้แล้ว ต่อให้เขาเสียใจไปก็ไร้ประโยชน์ จึงได้แต่กัดฟันทำให้จบ และในแดนต้าโหมวเทียนแห่งนี้ หากสถานะของตนเองถูกเปิดเผยออกไป ก็เกรงว่าคงตกอยู่ในสถานะที่ไม่อาจรอดได้ ดังนั้น การที่ฉินอวี่ได้อาศัยผู้เฒ่าร้องไห้เช่นนี้ เมื่อมีสถานะศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ ก็คงไม่มีใครในต้าโหมวเทียนจะกล้าทำอะไรตนเองแน่นอน
เพียงแต่... หาก้าจะกลายเป็หนึ่งในสามสิบหกขุนพล์ได้ภายในระยะเวลาเพียงสามปี ก็เกรงว่าคงต้องอาศัยอำนาจของหลัวชิงเยว่ ดังนั้น ฉินอวี่จึงไม่คิดที่จะล่วงเกินหลัวชิงเยว่
“ผู้เฒ่าร้องไห้ทดสอบอะไรกับเ้า?” หลัวชิงเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ก็แค่ลองดูว่าข้าเหมาะจะเรียนอะไร” ฉินอวี่พูดไปอย่างคลุมเครือ และไม่ทันปล่อยให้หลัวชิงอวี่ได้คิดอะไรมาก ฉินอวี่ก็หันไปมองหวังจงและหลิวเจ๋อ “พวกเ้าสองคนก็รีบขุดเข้าสิ หลังจากฝังโหวเหย่ท่านนี้แล้ว พวกเ้าก็ออกไปกับข้าเถอะ”
แม้ว่าจะมีสถานะความเป็ศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ แต่ฉินอวี่ก็ยังไม่เข้าใจในกฎของแดนต้าโหมวเทียนมากนัก หากผลีผลามออกไปจากที่แห่งนี้ ก็จะไม่ได้รู้เื่อะไรอีกมาก อาจมีเื่ที่เป็อุปสรรค และถึงตอนนั้นก็อาจเปิดเผยตัวตนของตนเองได้โดยง่าย แต่หากมีหวังจงและหลิวเจ๋อร่วมไปด้วย เื่ทุกอย่างจะง่ายมากขึ้น
“ขอรับ พี่หลี่!”
“ตกลง”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หวังจงและหลิวเจ๋อก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป นี่คือศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ หากได้ติดตามเขาออกไป ภายหน้าจะทำอะไรก็คงเป็เื่ง่ายขึ้น ทั้งสองคนมองไปทางฉินอวี่ด้วยความตื่นเต้น และออกแรงขุดหลุมอย่างสุดแรง และทนไม่ไหวที่จะได้ออกไปจากที่แห่งนี้
“ชิงเยว่หวัง โปรดเก็บเื่นี้เป็ความลับ นี่คือเจตนาของข้า... เอ่อ ผู้เฒ่าร้องไห้” ฉินอวี่ประสานมือทำความเคารพ และพูดอย่างจริงใจ
หลัวชิงเยว่มองไปทางฉินอวี่โดยไม่พูดอะไร และยังไม่อยากเชื่อว่าผู้เฒ่าร้องไห้จะรับคนผู้นี้มาเป็ศิษย์ในนาม
“ชิงเยว่หวัง ยังไม่เชื่ออีกหรือ? ท่านลองคิดดู ด้วยระดับการฝึกฝนของผู้เฒ่าร้องไห้ เกรงว่าทั่วทั้งแดนต้าโหมวเทียนก็คงจะไม่พ้นมโนจิตของเขา หากมีคนแอบอ้างเป็ศิษย์ในนามของเขา ท่านว่าเขาจะไม่รู้หรือ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในบริเวณรัศมีเพียงร้อยลี้เลย” ฉินอวี่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ มีเพียงต้องทำให้หลัวชิงเยว่เชื่อในตัวเขาก่อนเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้
ส่วนเื่ที่ผู้เฒ่าร้องไห้จะรู้หรือไม่นั้น ฉินอวี่ก็ไม่้านึกอะไรมากขนาดนั้น เพราะตนเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็ศิษย์ในนามของเขาจริงๆ หากถึงจุดที่ต้องทำตามเดิมพัน ผู้เฒ่าร้องไห้ก็ต้องสอนวิชาลับทั้งเก้าของจูเทียนให้กับตนเอง และเมื่อถึงตอนนั้น แม้จะไม่มีชื่อในนามว่าเป็ศิษย์อาจารย์ แต่ก็นับเป็ศิษย์อาจารย์กันจริงๆ
ความสงสัยในใจของหลัวชิงเยว่ได้หมดสิ้นไปโดยสมบูรณ์ ใช่แล้ว ถ้าคนผู้นี้แอบอ้างว่าเป็ศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ ผู้เฒ่าร้องไห้ก็คงจะรู้ไปนานแล้ว
หลัวชิงเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลนี้ หากเื่นี้แพร่กระจายออกไป คงจะะเืไปทั้งแดนต้าหลัวเทียน ลองคิดดูว่า ศิษย์ในนามของผู้เฒ่าร้องไห้ เพียงแค่สถานะนี้ก็กดดันทุกคนเป็อย่างยิ่ง นั่นเป็เพราะแม้ปรมาจารย์ต้าหลัวผู้เป็ทวดของตนเอง ก็ยังเรียกผู้เฒ่าร้องไห้คนนี้อย่างเคารพว่าผู้าุโ!
“ชิงเยว่หวัง ขอแสดงความเสียใจกับท่านด้วย คนนอกพวกนั้นช่างน่ารังเกียจ หากจับตัวได้จะสูบเืพวกเขา ฉีกร่างถอดเส้นเอ็นออกให้หมด” ฉินอวี่เหลือบมองไปยังศพที่เปื้อนเื และพูดอย่างไม่พอใจ
หลัวชิงเยว่นิ่งเงียบ สายตาของนางก็มองไปยังศพที่เปื้อนเืนั้น สีหน้าเผยให้เห็นความโศกเศร้าอย่างชัดเจน จากนั้นจึงนั่งลงอย่างช้าๆ และจ้องไปยังร่างนั้น ก่อนจะพูดว่า “จะต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ข้าจะล้างผลาญพวกเผ่าประหลาดนี้!”
“ได้ยินมาว่าเผ่าประหลาดพวกนั้นมีสายเือยู่ในตนเอง นั่นคือสายเืหยาจื้อและเสวียนอู่ในตำนาน หากได้สังหารพวกเขา และดูดซับสายเืของพวกเขามา พวกเราก็จะได้รับการกระตุ้นเช่นกัน ถึงตอนนั้น พละกำลังของพวกเราก็จะสูงมากยิ่งขึ้น” ฉินอวี่พูดขึ้นอย่างหยั่งเชิง ในใจของเขามีความสนใจเื่ของคนนอกนั้นอย่างมาก และอยากจะรู้ว่าเป็คนของฝ่ายใดจากหยาจื้อสิบสามฝ่าย
“แม้ว่าในครั้งนี้เผ่าประหลาดจะเป็ขั้นเขตแดนเต๋าชั้นที่หนึ่ง แต่พละกำลังกลับแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้ยังไม่ใช้พลังของสายเื ก็ยังสังหารพี่ชายของข้าได้ ข้าจึงทำได้เพียงมองดูเขาหนีจากไป” หลัวชิงเยว่เต็มไปด้วยความโเี้
“ด้วยความสามารถของชิงเยว่หวัง เื่ความช้าเร็วในการเข้าถึงระดับเขตแดนเต๋าคงไม่มีปัญหา เมื่อคนผู้นั้นได้มาถึงแดนต้าโหมวเทียน พวกเราก็สามารถมั่นใจได้ว่าจะจัดการเขาได้ หลังจากนั้นก็สูบสายเืของเขา ทั้งยังอาศัยสายเืของเขาสังหารคนในเผ่าของพวกเขาเองได้” ฉินอวี่พูดแสร้งพูดด้วยความไม่พอใจ แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ค่อยพอใจคนของหยาจื้อสิบสามฝ่ายอยู่เป็ทุนเดิม หากเขาทำได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยกำจัดคนของเผ่าหยาจื้อให้มากที่สุด
ในสายตาของหลัวชิงเยว่ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็มองฉินอวี่อย่างกะทันหัน และถามออกไป “ได้ยินมาว่าเ้าไปล่วงเกินพวกเขาจึงต้องถูกส่งมาที่นี่หรือ?”
ฉินอวี่สะดุ้ง ร่องรอยของความโกรธปรากฏจากดวงตาของเขา และพูดออกไป “ใช่”
“คือใคร?” หลัวชิงเยว่ถามอย่างจริงจัง
ใบหน้าของฉินอวี่แฝงไปด้วยความดุร้าย หลังจากผ่านไปเป็เวลานาน เขาก็ถอนหายใจยาว และหันไปสบตาหลังชิงเยว่ “ชิงเยว่หวัง มีบางสิ่งที่ข้าไม่อยากนึกถึง ขอชิงเยว่หวังโปรดอภัย”
“ข้าช่วยเ้าได้” หลัวชิงเยว่เผยประกายที่แปลกประหลาดขึ้นในดวงตา และจ้องไปทางฉินอวี่ก่อนจะพูดออกไป
ฉินอวี่ยิ้มขึ้นเบาๆ และรู้ได้ทันทีว่าหลัวชิงเยว่เชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าตนเองเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ ดังนั้นจึง้ารับตนเองเข้าเป็คนในปกครอง เพื่อคอยรับใช้นาง หากไม่ใช่เพราะสัญญาที่เดิมพันไว้กับผู้เฒ่าร้องไห้ ฉินอวี่ก็คงปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่เมื่อนึกถึงเื่ที่ต้องเป็สามสิบหกขุนพล์ให้ได้ในเวลาสามปี ก็คิดว่าคงต้องอาศัยสถานะของหลัวชิงเยว่ช่วย
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็กำหมัดประสานมือ และพูดว่า “ขอบคุณชิงเยว่หวัง แต่ข้า้ากำจัดเขาด้วยมือของข้าเอง ขอชิงเยว่หวังโปรดอนุญาตด้วย”
“เป็ใครกันแน่!” หลัวชิงเยว่พูดอย่างเ็า
ฉินอวี่แอบพึมพำอยู่ในใจ ตนเองจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเป็ใคร? หรือจะปั้นน้ำเป็ตัวขึ้นมา? แต่ตอนนี้ยังไม่เข้าใจเื่ของแดนต้าโหมวเทียนมากนัก หากเกิดไปสร้างอะไรขึ้นมาก็อาจเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง จนกลายเป็ความวุ่นวายขึ้นมาได้ ฉินอวี่จึงพูดไป “น้ำใจของชิงเยว่หวัง หลี่โหย่วฉายรับไว้แล้วด้วยใจจริง หลี่โหย่วฉายจะให้ชิงเยว่หวังแก้แค้นแทนข้าได้อย่างไร? หลี่โหย่วฉายเป็คนเดียวดาย ไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ หากชิงเยว่หวังไม่รังเกียจ หลี่โหย่วฉายขอปรนนิบัติชิงเยว่หวัง”
เดิมทีหลัวชิงเยว่คิดจะรับฉินอวี่เอาไว้อยู่แล้ว จึงคิดจะช่วยเขาแก้แค้น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฉินอวี่ในตอนนี้ นางก็พยักหน้าเล็กน้อย “ได้ นับแต่นี้ไป เ้าคือหนึ่งในอสูรอารักขาของข้า”
“หลี่โหย่วฉายมีสองเื่ ดูเหมือนจะเป็คำขอที่ไม่ค่อยมีเหตุผล ข้าได้ยินมานานแล้วว่าชิงเยว่หวังสามารถเอาชนะเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีได้ด้วยพละกำลังของตนเอง หลี่โหย่วฉายจึงอยากจะขอให้ชิงเยว่หวัง ได้โปรดรับเป็อสูรอารักขาตามกฎการทดสอบ” ฉินอวี่ประสานมือแสดงความเคารพ
“ได้!” หลัวชิงเยว่กล่าว
“ประการที่สอง หวังจงและหลิวเจ๋อมีมิตรภาพที่ดีต่อข้า ขอชิงเยว่หวังโปรดรับพวกเขาทั้งสองคนไว้ด้วย” ฉินอวี่กล่าว
หวังจงและหลิวเจ๋อที่กำลังขุดหลุมอยู่อย่างบ้าคลั่งถึงกับตัวสั่น พวกเขานึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะร้องขอกับชิงเยว่หวังแทนตนเอง หากได้เป็อสูรอารักขาในบังคับบัญชาของชิงเยว่หวัง ไม่เพียงสถานะของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น แต่กลับจะทำให้พวกเขาได้รับทรัพยากรในการฝึกฝนอีกด้วย
หลัวชิงเยว่หรี่ตาลงมองหวังจงและหลิวเจ๋อ และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา “พวกเขาสองคนยังมีระดับฝึกฝนไม่ถึงขั้นกุมารทิพย์ ไม่เป็ไปตามกฎ เพียงแต่ พวกเขาสองคนคอยติดตามเ้าก่อนได้ ภายหลังเมื่อผ่านการทดสอบอสูรอารักขา ก็ค่อยว่ากันอีกครั้งก็แล้วกัน!” หลัวชิงเยว่สนใจในสถานะของฉินอวี่ หวังจงและหลิวเจ๋อไม่อยู่ในสายตานางั้แ่ต้น หากไม่ใช่เพราะไม่อยากที่จะปฏิเสธฉินอวี่ นางก็คงปฏิเสธเขาไปแล้ว
“ขอบพระคุณชิงเยว่หวัง!” ฉินอวี่ประสานมือแสดงความเคารพ เมื่อมีหวังจงและหลิวเจ๋อ เื่ในอนาคตก็คงจะสะดวกขึ้นอย่างมาก หวังจงและหลิวเจ๋อทิ้งพลั่วลงทันที ก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้น “ขอบพระคุณชิงเยว่หวัง! ขอบพระคุณพี่หลี่!”
ไม่ว่าจะเป็อสูรอารักขาของหลัวชิงเยว่ หรืออสูรอารักขาของฉินอวี่ พวกเขาก็ไม่เกี่ยง หรืออาจพูดได้ว่า ขอเพียงแค่ได้ติดตามผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็ศิษย์ของผู้เฒ่าร้องไห้ มันก็ไม่ได้มีอะไรแย่กว่าการติดตามชิงเยว่หวัง
“เร่งความเร็วเข้า!” ชิงเยว่หวังกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็มองดูศพที่โชกเืด้วยความเ็ป และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
สามวันต่อมา
หลังจากหลัวชิงเยว่ได้พาฉินอวี่ หวังจง และหลิวเจ๋อ กล่าวทักทายผู้าุโเฝ้าสุสาน ทุกคนก็ลอยจากออกไป
ผู้าุโเฝ้าสุสานมองดูทั้งสี่คนที่กำลังจากออกไป และพึมพำขึ้นในใจ “เ้าเด็กคนนี้น่าสนใจ... แดนต้าโหมวเทียนคงถึงเวลาของเืรุ่นใหม่แล้วล่ะ”
