หั่วอี้กับหลิ่วจิ้งนอนหงายคู่กันบนทะเลดอกไม้มองท้องฟ้าครามเมฆขาว ชั่วขณะนั้นทั้งสองคนรู้สึกว่าจิตใจสงบเป็ที่สุดพวกเขามองก้อนเมฆบนฟ้าที่เปลี่ยนรูปไปมาไม่หยุด เมฆขาวหลากหลายรูปร่างนับพันนับร้อยแบบลอยมาก้อนแล้วก้อนเล่าหลิ่วจิ้งไม่เคยชมการเปลี่ยนแปลงของก้อนเมฆด้วยใจสงบนิ่งเช่นนี้มาก่อน พอครานี้ได้ตั้งใจชมอย่างถี่ถ้วนนางก็จ้องมองอย่างเคลิบเคลิ้มทีเดียว
นางมองเมฆ หั่วอี้มองนาง ชั่วเวลานั้นทั้งสองคนต่างหลงลืมเื่ราวหลายหลากในโลกมนุษย์รวมทั้งเื่ว้าวุ่นใจนานา
หากครอบครัวนางไม่เกิดเื่พลิกผันจะดีปานใดไม่มีความแค้นของครอบครัว ทั้งไร้ซึ่งความบาดหมางระหว่างแคว้น นางจะมีชีวิตต่อไปโดยปราศจากความกังวลใดๆเช่นนี้ได้หรือไม่ หลิ่วจิ้งมองก้อนเมฆที่เปลี่ยนไปมาบนท้องฟ้าประหนึ่งสรรพสิ่งในโลกไม่เที่ยง ผันแปรไม่สิ้น
ในชั่วเวลานี้หั่วอี้และหลิ่วจิ้งสองคนปล่อยความคิดให้ว่างเปล่านานๆ ครั้งจะสามารถแอบี้เีได้สักพักหนึ่งดื่มด่ำอยู่แต่ภายในโลกที่เป็ของพวกเขา โดยไม่ต้องสนใจความเป็ไปใดๆ ในโลกหล้า
ณ เรือนเฉินจื่อในจวนแม่ทัพ นางจ้าวเดินกลับไปในห้องนอนด้วยสีหน้ามัวหมองนางดึงถ้วยน้ำแกงโสมมาจากมือเหมยเซียงแล้วเทลงไปในอ่างล้างมือน้ำแกงโสมนี้นางทำเองกับมือเตรียมจะให้หั่วอี้ทานบำรุงร่างกาย
เหมยเซียงร้อนใจเหลือทนที่เห็นอีกฝ่ายเป็เช่นนี้ระยะนี้นางยิ่งไม่อาจเข้าใจความคิดอ่านในใจของนางจ้าวมากขึ้นทุกที เช่นวันนี้นางจ้าวเตรียมอาหารที่ท่านแม่ทัพชอบส่งไปให้ทว่ากิจที่ทำให้ท่านแม่ทัพไม่ได้อยู่ในจวนมีมากมายไม่รู้เท่าใด ก็ไม่เคยเห็นว่านางจ้าวจะโกรธเช่นที่เป็อยู่ในเวลานี้
“ดีนักนะ นังตัวแสบนั่นรู้จักแต่จะยั่วท่านแม่ทัพถึงกับออดอ้อนให้ท่านแม่ทัพออกไปซื้อของกับมัน ข้าเอางานตั้งมากมายให้นางทำกลับทำให้นางได้ประโยชน์ไปเสียอย่างนั้น”
นางจ้าวนึกว่าเมื่อคืนท่านแม่ทัพเห็นนางต้องรับโทสะจากฮูหยินวันนี้ก็จะต้องมาหานาง นางจึงรีบตื่นแต่เช้า ทว่าคอยแล้วคอยเล่าจนผ่านไปครึ่งค่อนวันก็กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหั่วอี้
นางปลอบตนเองว่าต้องเป็เพราะท่านแม่ทัพออกไปข้างนอกแล้วนางจึงส่งเด็กรับใช้ไปสืบข่าวที่หอหั่วเยี่ยน แต่นางย่อมไม่อาจไปสอบถามเอาตรงๆได้ว่าหั่วอี้ไปที่ใด จึงได้แต่สั่งเด็กรับใช้ไปผ่านๆ เพื่อดูว่าท่านแม่ทัพอยู่ในจวนหรือไม่
เด็กรับใช้วิ่งไปสอบถามได้ความว่าท่านแม่ทัพเพิ่งออกไปกับฮูหยินเขากลับมาจึงไม่ได้บอกทุกถ้อยกระบวนความ บอกแค่ว่าท่านแม่ทัพออกไปแล้ว
เมื่อได้รับข่าวนี้ นางจ้าวก็สบายใจขึ้นมาบ้างว่าหั่วอี้หาได้หลงลืมนางเพียงแต่มีธุระออกไปข้างนอกแล้วจึงไม่ได้มาเยี่ยมนางเท่านั้น
นางคลายโทสะลงด้วยการปลอบใจตนเอง ทว่าแม้จะหายโกรธเื่นี้แล้วนางก็ยังไม่อาจอยู่อย่างสงบนึกอยากไปดูท่าทางร้อนรนของหลิ่วจิ้งแต่ก็คิดว่าไม่ควรจะไปหาอย่างโจ่งแจ้ง ทว่าเพื่อให้ได้เห็นหลิ่วจิ้งในยามเป็ทุกข์นางจึงอ้างว่าจะไปส่งของบำรุงให้ท่านแม่ทัพแต่นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้เห็นความบันเทิงเริงใจ กลับเป็นางที่ได้รู้ว่าท่านแม่ทัพออกไปกับหลิ่วจิ้งแล้วนางจึงต้องกระฟัดกระเฟียดกลับมาด้วยโทสะอัดอั้นเต็มอก
“ฮูหยินใหญ่อย่าโกรธไปเลยเ้าค่ะ ระวังจะกระทบถึงลูกนะเ้าคะ”เหมยเซียงปลอบไปพลาง รินน้ำอุ่นใส่ถ้วยให้นางจ้าวไปพลาง “อีกประการนะเ้าคะท่านแม่ทัพย่อมไม่สามารถไปกับฮูหยินได้ทุกวันมิใช่หรือเ้าคะ? แล้วเหตุใดฮูหยินใหญ่ต้องโมโหโกรธากับเื่ในวันพรุ่งที่ยังไม่รู้ว่าจะเป็เช่นใดเล่าเ้าคะ?”
เหมยเซียงติดตามนางจ้าวมาไม่ใช่เวลาสั้นๆ ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายโมโหด้วยเื่ใดในขณะที่นางรู้สึกแทนนางจ้าวว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ไม่คุ้มค่านางก็รู้สึกไม่พอใจที่นางจ้าวใจคอคับแคบเกินไป ยามนี้ลูกก็มิใช่ว่ามีแล้วหรอกหรือมิสู้อยู่เงียบๆ รอให้คลอดบุตรออกมาก่อนค่อยวางแผนการต่อไป ดีกว่าวันๆไม่มีเื่ใดก็มาคอยหาเื่กลั่นแกล้งสตรีในเรือนอื่นๆ เช่นที่ทำอยู่ในตอนนี้
เหมยเซียงทอดถอนใจว่านางเกิดมาไม่ถูกฤกษ์หากนางมีวาสนาได้รับความสงสารเห็นใจจากท่านแม่ทัพเช่นนางจ้าว ทุกสิ่งในตอนนี้ก็คงเป็ไปอีกทางหนึ่ง
“จะไม่ให้ข้าโกรธได้อย่างไร? หากท่านแม่ทัพเกิดสงสารนังสารเลวนั่นแล้ววันๆเอาแต่ไปอยู่กับมันเล่า? มิเท่ากับว่าข้าเป็คนช่วยหาโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังหรอกหรือ?” นางจ้าวรับน้ำอุ่นที่เหมยเซียงส่งมาให้เต็มแรงก่อนจะดื่มเข้าไปคำโตแต่ก็เพราะรีบดื่มเกินไปจึงทำให้นางสำลัก
“ฮูหยินใหญ่ ระวังหน่อยเ้าค่ะ” เหมยเซียงช่วยลูบหลังให้นางพลางคิดแผนรับมือไปด้วย
เวลานี้จิตใจของนางจ้าวสับสนว้าวุ่นไปหมด นับั้แ่ได้ยินว่าหั่วอี้พาหลิ่วจิ้งออกไปั้แ่เช้าอารมณ์ของนางก็ย่ำแย่เป็ที่สุด
นางจ้าวนึกถึงตอนแรกที่ตนมอบหมายงานให้หลิ่วจิ้งแล้วหลิ่วจิ้งก็เอ่ยอย่างได้ใจว่าเป็เพราะท่านแม่ทัพอยากพานางออกไปท่องเที่ยวจึงไม่ได้มอบอำนาจให้นางดูแลเื่นี้
ยามนี้นางจ้าวไม่เชื่อมั่นในตัวเองเป็ที่สุดประเดี๋ยวก็คิดว่าหั่วอี้ออกไปซื้อหาของกับหลิ่วจิ้งเป็เพราะตัวนางเองที่โง่เง่าเป็คนสร้างเงื่อนไขให้พวกเขา ประเดี๋ยวก็คิดขึ้นมาอีกว่าจะเป็จริงดังคำของหลิ่วจิ้งหรือไม่ว่าหั่วอี้พานางออกไปท่องเที่ยวชมภูผาธารน้ำเสียแล้ว
ยิ่งคิดนางจ้าวก็ยิ่งโมโหจนทุกข์หนักตัวนางเป็อย่างไรจึงไม่ได้รับความรักจากหั่วอี้นางมาเป็สตรีคนแรกของหั่วอี้ั้แ่เป็เด็กสาวแรกรุ่น หลายปีมานี้นางต้องยิ้มรับสตรีของหั่วอี้เข้าจวนมาคนแล้วคนเล่าแม้ในตอนที่นางแอบมาร้องไห้อยู่ในห้องก็ยังไม่กล้าให้หั่วอี้เห็นด้วยซ้ำยามอยู่ต่อหน้าเขานางยังต้องช่วยจัดการดูแลสตรีเ่าั้ให้หั่วอี้อีกด้วย
นางทำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดยังไม่ได้รับความสนใจและความรักจากหั่วอี้อีก?
นางคิดฟุ้งซ่านไปเช่นนี้จนอารมณ์เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงเอาแต่นั่งเหม่ออยู่เป็ครึ่งค่อนชั่วยาม
จิตใจของนางจ้าวว้าวุ่นสับสนอย่างยิ่ง
จือชิวนำน้ำร้อนเข้ามาให้ตามคำสั่งของเหมยเซียง เพื่อช่วยล้างไม้ล้างมือให้นางจ้าวเตรียมให้นางทานของว่างสักหน่อย
“คำนับฮูหยินใหญ่เ้าค่ะ” จือชิวย่อตัวคำนับ
นางจ้าวไม่ได้มองอีกฝ่ายตรงๆ เพราะยังคงใจลอยคิดเื่ในใจอยู่
“ฮูหยินใหญ่โปรดล้างมือเ้าค่ะ” จือชิวเห็นว่าสีหน้าของฮูหยินใหญ่อับเฉานักเมื่อรู้ว่าฮูหยินใหญ่อารมณ์ไม่ดี นางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเช่นกัน
จือชิวเป็เพียงสาวใช้ชั้นรองในเรือนเฉินจื่อปกติแล้วจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ััใกล้ชิดกับนางจ้าวมากนัก นางไม่ค่อยเข้าใจความคิดอ่านของนางจ้าวครานี้เห็นว่าฮูหยินใหญ่คล้ายไม่ได้ยินที่นางพูดและคล้ายว่าไม่ได้สนใจนาง จึงพูดอีกครั้งว่า“ฮูหยินใหญ่โปรดล้างมือเ้าค่ะ”
“ล้างมือๆ เ้าก็พูดมาตั้งหลายรอบแล้วเ้านึกว่าข้าหูหนวกฟังไม่ได้ยินหรือไร เป็สาวใช้กลับอยากจะมาเป็นายผู้ใดทำให้เ้าบังอาจเช่นนี้ อยากปีนขึ้นเตียงท่านแม่ทัพ จะได้ข้ามหัวขึ้นมาเป็นายข้าใช่หรือไม่”
นางจ้าวกำลังมีเพลิงสุมทรวงไร้ที่ระบายอยู่ทีเดียวแล้วจือชิวก็มาขวางทางทวนเข้าพอดี
นางจ้าวเอื้อมมือไปหยิบอ่างน้ำที่เอามาให้ตนล้างมือและราดน้ำลงบนหัวของจือชิว จากนั้นโยนอ่างใส่หน้านาง
“โอ๊ย” จือชิวร้องด้วยความเ็ป
น้ำเป็น้ำอุ่นจึงไม่ได้ลวกนาง เพียงแต่เพราะนางอยู่ใกล้กับนางจ้าวอ่างที่โยนมาจึงกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนหน้าบวมขึ้นทันใด
หลังจากจือชิวร้องออกมาตามสัญชาตญาณแล้ว ก็รีบมาคุกเข่าไม่กล้าส่งเสียงอีกด้วยกลัวว่าหากส่งเสียงอีกก็จะถูกนางจ้าวทำโทษหนักกว่าเดิม
พอนางจ้าวสาดน้ำไปอ่างหนึ่ง ความอัดอั้นตันใจก็ถูกระบายออกไปบ้างเมื่อเห็นว่าใบหน้าของจือชิวบวมขึ้นมาข้างหนึ่ง ก็คิดได้ว่าจือชิวเป็คนในเรือนนางหากจะทำโทษก็ไม่ควรทำกับคนของตนเอง
เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงสะบัดมือให้จือชิว “เอาล่ะ เ้าออกไปเสียที่นี่ไม่ต้องให้เ้ามาคอยดูแลแล้ว”นางเห็นจือชิวคุกเข่าด้วยท่าทางหวาดกลัวอย่างยิ่ง จึงพูดต่อว่า“พอออกไปแล้วก็ไปคิดให้ดี ไม่เข้าใจเื่ใดก็ให้ถามเหมยเซียงให้มากๆว่าเป็บ่าวควรทำสิ่งใด ไม่ควรทำสิ่งใด ยามใดควรพูดสิ่งใด จะต้องรู้อยู่ในใจ”
“บะ บ่าวทราบแล้วเ้าค่ะ” จือชิวลุกขึ้นค่อยๆ ถอยหลังจนถึงประตูจึงหันหน้าเดินออกไป
หลังลงบันไดและพ้นจากระยะสายตาของนางจ้าวแล้ว จือชิวก็วิ่งไปใต้ต้นไม้ใหญ่หลังูเาเทียมพิงตัวอยู่กับต้นไม้ก้มหน้าร้องไห้อย่างไร้เรี่ยวแรง
_____________________________
