ชุนหงเห็นคุณหนูลงมาจากรถม้า ในสภาพปากบวมเป่งก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ “คุณหนู ปากท่านโดนอะไรมาหรือเ้าคะ?”
“มีแมลงตัวใหญ่อยู่ในรถม้าน่ะ” กู้เจิงบ่นพลางมองชายที่มีสีหน้าสงบนิ่งข้างกาย
โชคดีที่ดึกมากแล้ว กู้เจิงและเสิ่นเยี่ยนจึงตรงกลับเข้าห้องของพวกเขาทันที
แม้ว่าเสิ่นเยี่ยนจะตื่นแต่เช้าทุกวัน แต่เขายังติดนิสัยที่จะต้องอ่านหนังสือก่อนเข้านอน
กู้เจิงซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม แต่สายตากลับจับจ้องไปยังร่างสูงโปร่งของเสิ่นเยี่ยน ประโยคที่ว่า ‘ข้าชอบเ้า’ ยังดังก้องอยู่ในหัวของนาง
“ยังไม่นอนอีกหรือ?” เสิ่นเยี่ยนรู้สึกได้ถึงสายตาของกู้เจิงที่แอบมองเขาอยู่
“กำลังจะนอนแล้วเ้าค่ะ”
เช้าวันรุ่งขึ้นยามที่กู้เจิงตื่นขึ้นมา เสิ่นเยี่ยนก็ออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว
ตอนที่ชุนหงเข้ามาในห้อง นางได้เอายาขวดหนึ่งมาให้กู้เจิงด้วย “คุณหนู บ่าวเอายามาจากท่านป้าเสิ่นตั้งใจมาให้ท่านไว้ทาริมฝีปากเ้าค่ะ”
กู้เจิงลูบริมฝีปากที่กลับมาเป็ปกติของตัวเอง “ข้าหายดีแล้ว เ้าไปบอกท่านแม่ว่ายังไง?”
ชุนหงกะพริบตาปริบๆ “บ่าวบอกว่าในรถม้ามีแมลงตัวใหญ่ มันทำริมฝีปากของคุณหนูบวมไปหมด ท่านป้าเสิ่นจึงให้สิ่งนี้กับบ่าวเ้าค่ะ แต่ตอนที่ท่านป้าเสิ่นหยิบยามาให้ นางหัวเราะขำจนบ่าวงงไปหมด”
กู้เจิง “...”
อาหารเช้าในวันนี้กู้เจิงกินอย่างกระอักกระอ่วน ถึงแม้แม่สามีจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่ใบหน้าของกู้เจิงก็ยังแดงระเรื่อ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ นางก็รีบขึ้นรถม้ากับชุนหงเพื่อออกไปยังหอสมุดของนาง
หลายวันมานี้เสิ่นกุ้ยทำงานอยู่ในหอสมุดตลอด เขาและช่างฝีมือช่วยกันตกแต่งหอสมุดตามที่กู้เจิง้า
ตอนที่กู้เจิงมาถึง พวกเขาล้วนทำงานกันอย่างจริงจัง เมื่อเสิ่นกุ้ยแนะนำกู้เจิงให้ทุกคนได้รู้จัก พวกเขาล้วนประหลาดใจมาก เพราะคิดไม่ถึงว่าเ้าของหอสมุดจะเป็สตรีที่งดงามถึงเพียงนี้
“ลำบากพี่อากุ้ยแล้ว” กู้เจิงให้ชุนหงนำขนมที่ซื้อมาให้เสิ่นกุ้ย “นี่เป็ขนมสำหรับทุกคน ถางซยงช่วยแจกจ่ายให้กับทุกคนด้วยนะเ้าคะ”
“ได้สิ” เสิ่นกุ้ยไม่ปฏิเสธ เพราะของว่างเหล่านี้เป็สินน้ำใจเพื่อให้ทุกคนตั้งใจทำงาน
หลังจากกู้เจิงมาตรวจดูความคืบหน้าของหอสมุดแล้ว สองนายบ่าวก็พากันมาเลือกซื้อของใช้เข้าเรือนใหม่ เมื่อเลือกซื้อของใช้ที่ชอบจนครบแล้ว สองนายบ่าวก็ตรงมาที่เรือนใหม่
ชุนหงได้ยินเสียงเอะอะที่หน้าประตูเรือน นางจึงออกไปดู ก็พบรถม้าของจวนกู้มาจอดอยู่ “คุณหนู ซู่เหนียงมาเ้าค่ะ” ชุนหงะโบอกกู้เจิงอย่างร่าเริง
ซู่เหนียงพาสาวใช้จากจวนกู้มาด้วยสองคน พวกนางช่วยกันขนของจากรถม้าเข้าไปด้านในเรือน
“ซู่เหนียง ท่านมาได้ยังไงเ้าคะ?” กู้เจิงออกมาต้อนรับ
“เื่เ้าจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ข้าจะให้เ้าจัดการคนเดียวได้ยังไง? แม่กังวลว่าเ้าจะทำได้ไม่ดี เลยเอาสาวใช้มาช่วย แม่ขอนายหญิงมาแล้ว ต่อไปสาวใช้ทั้งสองคนนี้จะคอยอยู่รับใช้เ้าที่เรือนใหม่นี้”
กู้เจิงประหลาดใจที่นายหญิงใจกว้างถึงเพียงนี้ ตลอดมาข้างกายนางมีเพียงชุนหง และนางไม่เคยคิดจะหาคนเพิ่มอีก แต่เมื่อนางย้ายมาอยู่ที่เรือนนี้ ชุนหงคงจะทำงานคนเดียวไม่ไหว ก็ดีเหมือนกันที่นายหญิงส่งคนมาให้
“เื่นี้นายหญิงทำได้ดีนัก” หวังซู่เหนียงพอใจมาก
กู้เจิงมองซู่เหนียงอย่างรักใคร่ “นี่เป็ครั้งแรกที่ลูกได้ยินท่านเรียกท่านแม่ว่านายหญิงเลยเ้าค่ะ”
หวังซู่เหนียงกลอกตาใส่บุตรสาวไปที “นางปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี ข้าก็ย่อมต้องให้เกียรตินางบ้าง”
กู้เจิงยิ้มขัน
“เ้าเด็กคนนี้นี่นะ” หวังซู่เหนียงทำท่าจะตีนาง
“คุณหนู” ชุนหงวิ่งมาหากู้เจิงอย่างร่าเริง “เครื่องเรือนถูกเปลี่ยนหมดแล้วเ้าค่ะ”
หวังซู่เหนียงชี้ไปยังห้องปีกข้างและห้องหลัก นางเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “เครื่องเรือนเก่าข้าสั่งให้สาวใช้ขนไปทิ้งหมดแล้ว บิดาของเ้าบอกว่าคุณหนูใหญ่แห่งจวนกู้จะใช้ของที่คนอื่นเคยใช้ได้ยังไงกัน?”
กู้เจิง “...” ท่านพ่อทุ่มเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้เพื่อนางเชียวหรือ? กู้เจิงรู้สึกเสียดายเงินอยู่บ้างแม้จะไม่ใช่เงินของนางก็ตาม
หวังซู่เหนียงจูงมือกู้เจิงมานั่งใต้ซุ้มเถาองุ่น ชุนหงรีบไปเอาเบาะนุ่มมารองบนม้านั่งหินให้คุณหนูของนางและซู่เหนียง
“ที่นี่ไม่เลวเลย” หวังซู่เหนียงมองไปรอบๆ เรือนอย่างพอใจ “บิดาเ้าบอกว่า รอจนวันหน้าตำแหน่งของบุตรเขยใหญ่สูงขึ้น เขาจะมอบร้านอีกสองร้านให้เ้าไปดูแล”
กู้เจิงตาโต บิดากลับใจกว้างถึงเพียงนี้ แต่เมื่อคิดให้ดีๆ ก็สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ถ้าตำแหน่งของเสิ่นเยี่ยนใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยฐานะของนางไม่อาจสูงไปกว่านี้ได้อีก อย่างน้อยการมีทรัพย์สินให้มาก ก็จะทำให้ฐานะของนางเหมาะสมกับตำแหน่งของเสิ่นเยี่ยน
“อย่างที่ข้าเคยบอก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลูกของเ้า” หวังซู่เหนียงลูบท้องของกู้เจิง “เมื่อไหร่เ้าจะตั้งครรภ์และคลอดหลานชายให้ข้าสักคน เ้ายังจะกังวลเื่อะไรอีก? ”
“ซู่เหนียง ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงเอ่ยตอบ
แสงแดดยามเที่ยงสาดส่องลงมาในลานบ้าน ได้เวลาอาหารกลางวัน ชุนหงตั้งโต๊ะโดยมีอาหารสามจานกับน้ำแกงอีกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะหินที่อยู่ใต้ซุ้มเถาองุ่น กู้เจิงกับซู่เหนียงกินอาหารอย่างเบิกบานใจ ราวกับย้อนเวลากลับไปในเรือนเล็กที่มีเพียงสองแม่ลูก
ตอนนี้เรือนใหม่ของนางถูกทำความสะอาดจนพร้อมเข้ามาอยู่แล้ว หากกู้เจิงพอใจพรุ่งนี้ก็สามารถย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนนี้ได้เลย แต่ตระกูลเสิ่นเป็ตระกูลใหญ่ การที่นางจะย้ายเข้าเรือนใหม่โดยไม่บอกกล่าวคนอื่นๆ จะดูไม่ดี ดังนั้นนางคิดว่าจะย้ายมาหลัง่วันที่สิบห้าน่าจะกำลังดี
หลังจากหวังซู่เหนียงได้รู้วันที่บุตรสาวจะย้ายเข้ามาในเรือนใหม่นี้อย่างแน่นอนแล้ว นางก็กลับจวนกู้ไปอย่างพอใจ
ส่วนกู้เจิง นางให้ชุนหงเรียกสาวใช้ทั้งสองคนมาทำความรู้จัก
สาวใช้ทั้งสองมีอายุเพียงสิบหกปี คนที่สูงกว่าหน่อยมีนามว่า ‘ซู่หลัน’ ส่วนอีกคนตัวเล็กนามว่า
‘เหอเซียง’ ทั้งสองเข้ามาอยู่ที่จวนกู้ตอนอายุสิบขวบ
สาวใช้ทั้งสองคนเป็คนที่นายหญิงอบรมสั่งสอนมากับมือ กู้เจิงจึงวางใจได้
“คุณหนูใหญ่มีอะไรจะกำชับบ่าวไหมเ้าคะ?” ซู่หลันถาม
“ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะ” กู้เจิงยิ้มอย่างใจดี
“เอาไว้ถ้าข้านึกออกก็ค่อยว่ากัน บ้านเรามีคนน้อย ไม่จำเป็ต้องมีกฎอะไรมากมายนักหรอก พวกเ้าทำตามในแบบของจวนกู้ก็พอ” กู้เจิงชอบใช้ชีวิตตามใจชอบ นางไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรพวกนางนัก
“เ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองรับคำและถอยออกไป
ขณะที่กู้เจิงกำลังเตรียมจะนอนอาบแดดในลานบ้าน ประตูหน้าเรือนก็เปิดออก นางกำนัลหลายคนเดินเข้ามาตั้งแถวเป็สองแถว ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มรูปงามสามคนก็เดินเข้ามา หนึ่งในนั้นคือกู้เจิ้งชินน้องรองของนาง อีกคนที่มาด้วยกันเป็เซี่ยกงเจวี๋ยน้อย ส่วนเด็กหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดนั้นนางไม่เคยเห็นมาก่อน ด้านหลังพวกเขายังมีกู้เหยาและองค์หญิงสิบเอ็ดเดินตามมาด้วย
“พี่ใหญ่ รีบมาคารวะองค์ชายสิบสองและองค์หญิงสิบเอ็ดเร็วเข้าขอรับ” กู้เจิ้งชินกล่าวกับพี่สาวที่กำลังมองทุกคนอย่างแปลกใจ
องค์ชายสิบสอง? กู้เจิงมองเค้าโครงหน้าที่คล้ายกับตวนอ๋องอยู่บ้าง ทว่าลักษณะท่าทางมีความเป็เด็กมากกว่าตวนอ๋อง นางรีบเดินเข้าไปย่อกายคารวะ
“ลุกขึ้นเถอะ” องค์ชายสิบสองมองกู้เจิงอย่างพินิจพิเคราะห์ “พี่ใหญ่ตระกูลกู้ ข้าได้ยินชื่อเสียงมาว่า เ้ามีความสามารถนัก”
กู้เจิง “...” นางเงยหน้ามององค์ชายสิบสอง “ไม่ทราบว่าความสามารถที่องค์ชายทรงพูดหมายถึงอะไรหรือเพคะ?” มองไกลๆ องค์ชายสิบสองกับตวนอ๋องก็คล้ายกันอยู่บ้าง แต่ทว่าพอมองใกล้ๆ กลับดูไม่เหมือนกันเสียเลย สัดส่วนโครงหน้านี้ยังหลงเหลือความเยาว์วัยอยู่หลายส่วน และองค์ชายผู้นี้ก็ดูท่าจะชอบยิ้ม ไม่เหมือนตวนอ๋องผู้นั้นที่ชอบทำหน้าบึ้งอยู่เป็นิตย์
“การทำให้เสิ่นเยี่ยนยอมแต่งเ้าเป็ภรรยาได้ นี่ไม่ใช่ว่ามีความสามารถหรอกหรือ?” องค์ชายสิบสองกล่าวถามขึ้น
คำกล่าวนี้ขององค์ชายสิบสองนางแยกไม่ออกว่าเขาชมเชยหรือดูแคลน แต่นางจะคิดเป็ว่าเขาไม่มีเจตนาร้ายแล้วกัน นางเลียนแบบองค์ชายสิบสองโดยยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ยว่า“องค์ชายทรงพูดถูกแล้วเพคะ”
องค์ชายสิบสองเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
กู้เจิ้งชินที่อยู่ด้านข้างรีบกระแอมไอแล้วพูดกับกู้เจิงว่า “พี่ใหญ่ ข้ากับน้องสี่จะมาเยี่ยมบ้านใหม่ของท่านกับพี่เขยใหญ่ องค์หญิงสิบเอ็ด องค์ชายสิบสอง และเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยมาหาพวกเราพอดี จึงได้ตามมาด้วยกันขอรับ”
กู้เจิงรีบสั่งให้สาวใช้หยิบเก้าอี้ออกมาเพิ่ม และจัดสำรับชาเพื่อต้อนรับทุกคน