แม่น้ำเล็กๆ สายนั้นในูเาคดเคี้ยวไปมา ต่างจากแม่น้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านที่ค่อนข้างกว้างและลึก ริมฝั่งแม่น้ำราบเรียบ คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่มักนำผ้ามาซักที่ริมแม่น้ำหน้าทางเข้าหมู่บ้านแห่งนี้
“ไอ๊หยา นั่นมันเจียงเหล่าต้ากับภรรยาเขาไม่ใช่หรือ?” มีคนในหมู่บ้านถูกเจียงหงหย่วนเอามูลยัดปาก ตอนนี้บรรดาฟู่เหรินต่างไม่กล้าเรียกหลินหวั่นชิวว่านังสตรีมั่วบุรุษหรือนังแพศยาอีก
พวกนางไม่อยากถูกชายฉกรรจ์น่ากลัวผู้นั้นโยนลงบ่อมูล!
“ใช่แล้ว โอ้โห ซื้อของกลับมาเต็มเกวียน เจียงเหล่าต้าคงร่ำรวยแล้วกระมัง”
“นั่นน่ะสิ ไม่เคยเห็นเจียงเหล่าต้าซื้อของมากเช่นนี้มาก่อน พอมีภรรยาก็เปลี่ยนไป รู้จักซื้อของ…ไม่คิดจะจ่ายค่ายาให้น้องชายเสียแล้ว”
“ข้าว่ายอมจ่ายมาถึงตอนนี้นับว่ามีน้ำใจมากแล้ว น้องชายเขากินยามาหลายปี ได้ยินว่ามีครั้งหนึ่งจ่ายค่ายาเป็สิบยี่สิบตำลึง มีบ้านใดในหมู่บ้านเราจ่ายเงินมากเช่นนั้นไหวบ้าง เพียงค่ายาอย่างเดียวก็เพียงพอให้ใช้จ่ายทั้งบ้านได้เป็ปี”
ฟู่เหรินกลุ่มหนึ่งนั่งซักผ้าคุยกันอยู่ริมแม่น้ำ ตามองไปทางเกวียนของเจียงหงหย่วนกันหมด
หลายคนกลัวเจียงหงหย่วนแต่กลับอิจฉาหลินหวั่นชิว
หากสามีของพวกนางปกป้องพวกนางเช่นที่เจียงเหล่าต้าปกป้องหลินหวั่นชิว ต่อให้พวกนางหลับก็คงหัวเราะจนตื่น
“ข้าว่าหลินหวั่นชิวนังจิ้ง…นังสตรีผู้นี้คงเป่าหูเจียงเหล่าต้าว่าไม่ต้องให้เจียงเหล่าเอ้อร์กินยาเสียมากกว่า สะใภ้นางใดจะยอมให้เงินที่สามีตัวเองหามาด้วยความยากลำบากละลายไปกับผีวัณโรคกัน!”
ฟู่เหรินคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉา
ฟู่เหรินหลายคนเห็นด้วยกับคำพูดของนาง ถูกต้อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากเื่นี้เกิดขึ้นกับพวกนาง ต่อให้ต้องโวยวายก็คงไม่ยอมให้เงินในบ้านตัวเองถูกใช้เยี่ยงนี้เช่นกัน
“อย่าพูดจาไร้สาระ เจียงเหล่าต้าล่าเสือได้จากูเา นี่เป็เงินที่เอาน้ำมันกระดูกเสือกับหนังเสือไปขายต่างหาก เขาไม่ใช่คนไม่สนใจพี่น้อง หวั่นชิวเองไม่ได้จิตใจอำมหิตเหมือนบางคนเช่นกัน”
ป้าสองจ้าว แม่ของจ้าวสุ่ยเซิงเอ่ยปากพูดเพราะทนฟังบรรดาสตรีพวกนี้พูดจาว่าร้ายสองสามีภรรยาตระกูลเจียงไม่ไหวอีกต่อไป
“แหมๆ เสือบนูเาล่าได้ง่ายเช่นนั้นอย่างไรกัน เ้าไม่ได้โกหกใช่หรือไม่?”
“นั่นน่ะสิ นั่นคือเสือเชียวนะ ได้ยินว่าตะปบแค่ทีเดียวก็ทำให้คนหัวหลุดเสียแล้ว เจียงเหล่าต้าเก่งขนาดนั้นเลยหรือ?”
ป้าสองจ้าวหัวเราะ พูดในใจว่าไอ้พวกคนโง่เขลา!
“ผู้ใดโกหกขอให้โดนฟ้าผ่า!” ป้าสองจ้าวเอ่ยปากสาบาน
คนในหมู่บ้านต่างงมงาย ไม่มีผู้ใดกล้าสาบานพร่ำเพรื่อ
ทุกคนเริ่มเชื่อขึ้นมาเมื่อเห็นป้าสองจ้าวสาบาน
“ป้าสองจ้าวรู้ได้อย่างไรเ้าคะว่าเจียงเหล่าต้าล่าเสือได้?” คนที่ถามเป็แม่นางน้อยในหมู่บ้าน นามว่าจางต้าฮวา เป็น้องสาวของลูกสะใภ้คนโตของป้าสองจ้าว
นางอายุพอๆ กับหลินหวั่นชิว หน้าตาถือว่าน่ารัก เสื้อผ้าที่ใส่เต็มไปด้วยรอยปะเช่นเดียวกับหลินหวั่นชิวเมื่อก่อน ไม่มีตรงใดที่ไม่มีรอยปะเย็บ
ขณะที่ถาม แววตานางมีประกายความอิจฉา นายพรานเจียงหน้าตาน่ากลัวก็จริง แต่เขามีความสามารถ รู้จักปกป้องสตรีของตัวเอง
อีกทั้งนายพรานเจียงยังล่าเสือได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดก็ทำได้
เสือตัวหนึ่งขายได้เงินตั้งเท่าไร ไม่ใช่แค่จางต้าฮวา แม่นางน้อยใหญ่และสตรีชราต่างกำลังคิดเื่นี้เช่นกัน ในหัวคิดเพียงเื่เงินแต่ไม่มีผู้ใดเดาถูก
“ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างบ้านข้ากับตระกูลเจียง มีเื่ใดในบ้านพวกเขาบ้างที่ข้าไม่รู้” ป้าสองจ้าวพูดอย่างภูมิใจ “พวกเขาสองสามีภรรยามอบเนื้อเสือมาให้บ้านพวกข้ากิน หนักห้าชั่งเต็มๆ! เนื้อเสือเป็ของดี ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง สามีข้ากินแล้ว…ขอบอกเลยว่าตอนกลางคืนคึกมาก!”
บรรดาฟู่เหรินพากันหัวเราะเมื่อนางพูดจบ ส่วนแม่นางน้อยสองสามคนก็พากันหน้าแดง
หลายคนอิจฉาที่ป้าสองจ้าวได้เนื้อห้าชั่ง เนื้อ! นั่นมันเนื้อเชียวนะ!
หลายครอบครัวในหมู่บ้านกินเนื้อปีละไม่ถึงสองมื้อด้วยซ้ำ!
แต่ป้าสองจ้าวอดโม้ต่อไม่ได้ “วันรุ่งขึ้น สุ่ยเซิงต้องตื่นมาซักกางเกงั้แ่เช้า ส่วนภรรยาเถียนเซิงก็นอนตื่นเที่ยง!”
บรรดาฟู่เหรินในหมู่บ้านต่างหยาบคาย โดยเฉพาะฟู่เหรินอายุสามสิบกว่าปีที่ผ่านการมีลูกมาแล้ว ไม่ว่าเื่ใดล้วนพูดแบบไม่เกรงกลัว
“ไอ๊หยา…ช่างเป็ของดีเสียจริง! เ้ากินแล้วรู้สึกอย่างไร ขึ้นขี่ไม่ยอมลงเลยหรือไม่?” มีฟู่เหรินพูดหยอกล้อ
“จะรู้สึกอย่างไรได้ ก็รู้สึกมีแรงทั่วร่างน่ะสิ! จะบอกกระไรให้ เจียงเหล่าต้าทะนุถนอมภรรยาเขามาก ไม่เช่นนั้นเขาจะไปล่าเสือเพราะเหตุใด คิดว่าเสือล่าง่ายขนาดนั้นหรือ? ไม่ต่างกระไรกับเดิมพันด้วยชีวิต! ไม่เห็นหรือว่าเขาดุร้ายกับทุกคนแต่ใจดีกับภรรยา! หวั่นชิวแค่แต่งเข้าบ้านเจียงเหล่าต้า ความเป็อยู่ตระกูลเจียงล้วนดีขึ้น”
“เหอะ ข้าว่าไม่แน่หรอก พวกเ้าลืมไปแล้วหรือว่าไม่กี่วันก่อนมีคนขี่ม้ามาหาเจียงเหล่าต้าที่หมู่บ้าน หน้าตาดุร้าย อาจเป็โจรก็ได้! ไม่แน่ว่าเจียงเหล่าต้าจะเป็พวกเดียวกับโจร”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ๆ ก็มีเสียงที่ไม่สอดคล้องกันดังขึ้น
เสียงนี้ทำให้ทุกคนนึกขึ้นได้เช่นกันว่าก่อนหน้านี้มีคนขี่ม้ามาหาเจียงหงหย่วนจริงๆ
อีกทั้งคนที่มาก็หน้าตาดุร้ายน่ากลัว ไม่เหมือนคนดี
“หลินฉิน เ้าอย่ามาพูดมั่วๆ นะ โจรที่ใดจะกล้าออกมาเพ่นพ่านตอนกลางวันแสกๆ?” ป้าสองจ้าวโยนเสื้อในมือลงกะละมังแล้วพับแขนเสื้อ “หากยังกล้าพูดสิ่งใดมั่วๆ อีก ข้าจะฉีกปากเ้าเสีย! บ้านตระกูลหลินของเ้านี่ช่างก่อกรรมทำเข็ญนัก ทั้งบ้านมีแต่คนใจดำอำมหิตเช่นเ้า หวั่นชิวเกือบถูกพวกเ้าใช้งานหนักจนตายตอนอยู่บ้านตระกูลหลิน พวกเ้าขายนางให้เจียงเหล่าต้าแล้วแต่ก็ยังไม่หยุด พูดจาใส่ร้ายป้ายสีนางทั้งวัน จิตใจสกปรก ตอนนี้ทำมาเป็ปากดีไปเถิด ไป พวกเราไปบ้านตระกูลเจียงหาเจียงเหล่าต้ากัน ดูซิว่าเ้าจะกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาหรือไม่!”
หลินฉินหน้าแดงก่ำเพราะถูกป้าสองจ้าวชี้หน้าด่าแต่ไม่กล้าโต้เถียง นางกลัวว่าอีกฝ่ายจะทุบตีตัวเอง กลัวจะลากตัวเองไปที่บ้านตระกูลเจียง
นางไม่อยากถูกนายพรานเจียงยัดมูลใส่ปากเหมือนท่านแม่นะ!
“พอแล้วๆ แม่เถียนเซิงใจเย็นก่อนเถิด นายพรานเจียงไม่ใช่คนเช่นนั้น ตอนที่หลายปีก่อนเกิดภัยแล้ง หมาป่าหิวโหยบนูเาเข้ามาในหมู่บ้าน นายพรานเจียงเป็คนฆ่าหมาป่าและช่วยคนในหมู่บ้านไว้เอง เป็ไปไม่ได้ที่จะเป็โจร หากเป็โจรจริงๆ คงไม่ใช้ชีวิตยากจนมาตั้งนานหรอก”
ฟู่เหรินคนหนึ่งช่วยพูดคลี่คลายสถานการณ์ คนอื่นช่วยพูดสนับสนุน ถึงกระนั้นก็ยังมีคนสงสัยในใจอยู่ดี เก็บกลับไปบ่นกับคนที่บ้าน
ป้าสองจ้าวไม่มีอารมณ์จะซักผ้าต่อ ยกกะละมังกลับบ้าน คิดในใจว่าต้องบอกเื่นี้ให้ตระกูลเจียงรู้
หลินฉินกล้าพูดเช่นนี้เพราะต้องได้ยินแม่กับตายายตัวเองพูดเป็แน่
บ้านตระกูลหลินจะชั่วร้ายเกินไปแล้ว ชั่วช้าเน่าเฟะไปถึงข้างใน ใจดำอำมหิต ไม่แน่ว่าอาจกำลังวางแผนกระทำสิ่งใดหวั่นชิวสองสามีภรรยาอยู่
