หอหล่านเยวี่ย
ครั้นหนานกงเยวี่ยได้ยินข่าวว่าเหนียนยวี่หายตัวไปและเสียชีวิตในกองเพลิงค่ายเสินเช่อ ทันใดนั้นนางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทว่าจากนั้นไม่นาน เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งพลันดังออกมาจากห้องดังก้องไปทั่วทั้งลาน
เหนียนยวี่ตายไปเสียได้ก็ดี ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป คงมิมีผู้ใดมาเป็ก้างในสายตานางอีก นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ทว่าอีหลาน...
ครั้นนึกถึงสถานการณ์ของเหนียนอีหลาน หนานกงเยวี่ยพลันสงบจิตใจลงมามาก มีข่าวมาจากจวนหนานกงว่า ฉางไทเฮาจะคิดหาหนทางพาอีหลานออกมาจากวังหลวงโดยเร็วรี่
นางเชื่อในแผนการของมารดา นางจะเฝ้ารออีหลานออกมาจากวังหลวง และข่าวเื่เหนียนยวี่จะเป็ของขวัญต้อนรับอีหลาน หากอีหลานได้รู้จะต้องดีใจอย่างแน่นอน!
ทหารของค่ายเสินเช่อ รวมถึงแม่ทัพหลวงฉู่ชิง แม้แต่กระดูกของพวกเขายังถูกเผาจนเป็เถ้าถ่าน
ฮ่องเต้หยวนเต๋อถ่ายทอดพระบัญชาให้คนทั้งเมืองถือศีลกินเจ เพื่อไว้อาลัยแด่เหล่าทหารที่สละชีพ หลังจากเหตุการณ์นี้ ฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงทุกข์ใจเหลือคณานับ พระองค์จึงเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องทรงพระอักษร และไม่ออกไปพบปะผู้ใด
ภายในเวลาไม่กี่วัน คลื่นใต้น้ำซึ่งแอบซ่อนอยู่อย่างลึกลับในเมืองชุ่นเทียน ราวกับถึงจุดสำคัญที่จะทลายน้ำแข็งออกมาแล้ว
ขุนนางแต่ละฝ่ายขั้วอำนาจ ต่างเริ่มจะอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป ต่างพากันถวายสาส์นกราบทูล ทว่ามิได้รับการตอบรับแม้แต่น้อย มิมีผู้ใดเข้าถึงความคิดจิตใจขององค์ฮ่องเต้ และไม่มีผู้ใดบุกทะลวงเข้าไปได้
วันที่หก เดือนแปด เดิมทีจะมีการจัดงานเลี้ยงส่งเดินทางขึ้นตามแผน เดิมทีเป็งานเลี้ยงในวังหลัง ทว่าภายใต้สถานการณ์ยามนี้...
่ดึกของวันที่ห้า เดือนหก ค่ำคืนที่ดูสงบนิ่ง ในหลายที่ที่ไม่มีใครเห็น บางสิ่งกำลังดำเนินไปอย่างเงียบๆ
วังหลวง ตำหนักชีอู๋
ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ตำหนักชีอู๋เงียบสงัดมาก
ในตอนกลางคืน ทุกคนต่างหลับใหล เป็เวลาที่ทหารเฝ้ายามเปลี่ยนกะ ร่างเล็กแบบบาง เดินเข้าไปในตำหนักชีอู๋อย่างเงียบเชียบ และตรงไปที่สวนร้อยสัตว์
ร่างนั้นเดินมาถึงหน้าประตูสวนร้อยสัตว์ และลงมือเปิดกลไกประตูออก จากนั้นเพียงกะพริบตา ร่างนั้นก็หายวับเข้าไปข้างในทันที
ท้องฟ้ายามค่ำคืน่ต้นเดือน พระจันทร์เสี้ยวไร้แสงส่อง มืดสนิท
ในกระโจมภายในสวนร้อยสัตว์ ดวงตาสีดำสนิทของเหนียนอีหลาน ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับค่ำคืนที่มืดมิดนี้ได้แล้ว ทว่าร่างกายของนางยังคงสั่นไหวจากความหวาดกลัว
นางกลัว นางอยากจะะโกู่ร้องให้ความกลัวในใจออกมา แต่ใน่สองสามวันที่ผ่านมา เจินกูกูสั่งนางอย่างชัดเจนว่าอย่าส่งเสียงดังอีก มิฉะนั้น นางจะต้องรับผลที่ตามมาให้ได้
ผลที่ตามมา...ผลที่ตามมาเป็อย่างไร?
เหนียนอีหลานสะกดคำคำหนึ่ง คำว่า ‘ตาย’ ความทุกข์ทรมานที่มืดมนเช่นนี้ ก็เหมือนอยู่ไม่สู้ตายแล้ว
แต่นางไม่ยอมตาย ไม่ยอมตายเช่นนี้แน่
คืนนั้น นางได้ยินการเคลื่อนไหวบางอย่างด้านนอกสวนร้อยสัตว์ นางคลานออกไปนอกกระโจม และเห็นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาน นางรู้ว่าข้างนอกมีเื่ใหญ่เกิดขึ้น แต่นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้น ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด มีเสียงหนึ่งแว่วหวิวดังเข้ามา เสียงฝีเท้าย่ำก้าวของมนุษย์ราวกับกำลังเดินตรงมาทางนี้
เหนียนอีหลานใตื่นทันใด ดึกดื่นเช่นนี้ ผู้ใดจะมาอีก?
วันนี้หมอหลวงก็มาแล้ว สาวใช้ในวังก็มาส่งอาหารแล้ว...
เหนียนอีหลานแอบซ่อนตัว สายตาเฝ้ามองไปยังส่วนที่ว่างเปล่าในกระโจมอย่างระแวดระวัง
ฝีเท้าค่อยๆ หยุดลงที่หน้ากระโจม ทว่าผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีสิ่งใดส่งเสียงดังออกมา
เหนียนอีหลานรู้สึกตื่นตระหนก ในที่สุดนางทนไม่ไหว พยายามลอบถามออกไปอย่างระแวดระวังตัว "ใคร เ้าเป็ใคร พูดมา ข้าไม่กลัวเ้า!"
ปากเอ่ยว่าไม่กลัว ทว่าน้ำเสียงสั่นเครือนั้นกลับเผยให้เห็นทุกอย่าง
ด้านนอกกระโจม สตรีที่แต่งตัวเป็นางกำนัล ครั้นได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากกระโจม มุมปากพลันแสยะยิ้มเ็า “คุณหนูใหญ่เหนียน บ่าวได้รับคำสั่งให้นำบางอย่างมาให้ท่าน”
คำสั่งหรือ?
"คำสั่งของใคร? "เหนียนอีหลานกลืนน้ำลาย
“คุณหนูใหญ่เหนียน ท่านอย่ากลัวไปเลยเ้าคะ ข้าได้รับคำสั่งให้มาช่วยท่านเ้าค่ะ”
“ช่วยข้า? ” แววตาของเหนียนอีหลานลุกวาวทอแสงระยิบระยับ บางทีนางคงจะเฝ้ารอให้คนมาช่วยนางมานานเกินไป เพราะแม้แต่เหนียนอีหลานยังคิดไม่ถึง นางคลานออกไปเปิดกระโจมและคลานออกไป
สตรีผู้นี้เป็เด็กที่ได้รับการฝึกฝนมา แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ก็ยังคงมองเห็นชัดเจนยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป
นางเห็นเหนียนอีหลานบนพื้นอย่างสลัวๆ ผมเลอะเปรอะเปื้อน กลิ่นตัวเหม็นโชย หญิงสาวปิดจมูกด้วยความขยะแขยง ท่าทีจนตรอกเช่นนี้ของเหนียนอีหลาน ไหนเลยจะหลงเหลือความงดงามเช่นวันวานได้!
“เ้าบอกว่าเ้ามาช่วยข้า เ้ามาช่วยข้าออกจากที่นี่งั้นหรือ? ท่านแม่ของข้าสั่งให้เ้ามาช่วยงั้นหรือ?” เหนียนอีหลานคว้ากระโปรงของหญิงสาว จ้องมองนาง สายตาเต็มไปด้วยความหวัง นางรอมาเนิ่นนานยิ่งนัก ในที่สุดก็มาช่วยแล้วงั้นหรือ?
คำถามที่เหนียนอีหลานพ่นถามออกมาเป็ชุดๆ หญิงสาวผู้นั้นไม่ตอบกลับสักคำเลย ทว่าเหนียนอีหลานยังคงมิอาจซ่อนความสุขของนางได้ "เ้าจะช่วยข้าอย่างไรหรือ?"
"คุณหนูใหญ่ ไม่ต้องห่วง" สตรีผู้นั้นนั่งลงและตบไหล่ของเหนียนอีหลานอย่างสบายๆ "คุณหนูใหญ่ หลายวันมานี้ ทำให้ท่านต้องมาลำบากอยู่ที่นี่แล้ว"
"ไม่ ไม่ลำบาก ข้ารู้ว่าท่านแม่จะมาช่วยข้า พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็ไม่รู้สึกลำบากเลย" เหนียนอีหลานยิ้มแย้มบานสะพรั่ง พยายามอย่างเต็มกำลัง
ไม่ลำบากหรือ?
ความขมขื่นนี้ นางจะไม่มีวันลืมเลือนเลยทั้งชีวิต
"คุณหนูใหญ่อดทนได้จริงหรือ หลังยังเจ็บอยู่หรือไม่เ้าคะ?" หญิงสาวขมวดคิ้ว พูดออกมาราวกับเป็ห่วง
เจ็บ แน่นอนว่าต้องเจ็บ!
เหนียนอีหลานไม่มีกะจิตกะใจที่พูดคุยกับอีกฝ่ายต่อไป นาง้าจะออกจากที่แห่งนี้โดยเร็ว
นางจึงเร่งเร้าอย่างร้อนรนว่า "ไปกันก่อนเถิด พาข้าออกไป เพียงแค่พาข้าไป ข้าจะขอบคุณเ้าเป็อย่างดีแน่นอน"
“ขอบคุณข้า? ฮ่าๆ คุณหนูใหญ่ บ่าวมิกล้าร้องขอคำขอบคุณจากท่านหรอก” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นฟังดูแปลกพิกล ทว่าก่อนที่เหนียนอีหลานจะทันสังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดนั้น กลับมีมือข้างหนึ่งเข้ามาปิดจมูกในทันใด
เหนียนอีหลานชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง และหลังจากนั้นไม่นาน สตรีผู้นั้นก็เดินมาข้างหลังนางอย่างว่องไว การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันทำให้เหนียนอีหลานไม่สามารถตอบสนองได้
“อู้... อื้อ...” เหนียนอีหลานดิ้นรน พยายามเอามือสตรีผู้นั้นออก แต่พละกำลังของสตรีผู้นั้นมีมากเกินกว่าสิ่งที่คิด
เหนียนอีหลานตื่นใ คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่ท่านแม่ส่งมา! แล้วนางเป็ใคร?
นาง้าทำอะไร?
เหนียนอีหลานมีคำถามมากมายผุดขึ้นในใจ ความหวาดกลัวเองก็เอ่อล้นรุนแรงขึ้นมาติดๆ กัน
“เงียบ คุณหนูใหญ่ อย่าขยับ อย่ากรีดร้อง ข้าอยากให้เ้าตายอย่างไม่ทรมาน ทว่า...ไร้หนทาง ใช้มีดไม่ได้ มีดจะทำให้ศพเปื้อนเื เพราะฉะนั้นคงต้องทนเจ็บหน่อยนะคุณหนูใหญ่ ทนอีกหน่อยนะ ข้าจะลงมืออย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนเ้าไม่เ็ป...” หญิงสาวเอ่ยอย่างเ็า แววตากระหายเืเป็ประกาย
ศพหรือ?
คนผู้นี้จะฆ่านางงั้นหรือ? ทำไม?
ใครสั่งให้คนผู้นี้มาฆ่านาง?
ภาพเงาร่างของเหนียนยวี่ผุดขึ้นในหัวของเหนียนอีหลาน เป็นางหรือ?
เหนียนยวี่เกลียดนางที่ขังตัวเองไว้ในสวนร้อยสัตว์ จึง้าสังหารนาง ทว่าวันนั้น นางจำได้ชัดเจนว่านางยอมรับความผิดและขอโทษเหนียนยวี่แล้ว!
"คุณหนูใหญ่ เ้าคิดว่าผู้ใดส่งข้ามา?" สตรีข้างหลังนางหัวเราะคิกคัก
เหนียนอีหลานพยักหน้าพลาง ดิ้นรนขัดขืนพลาง มือของสตรีปิดจมูกและปากของนาง เหนียนอีหลานเริ่มหายใจไม่ออก ราวกับมีบางสิ่งอุดกั้นลมหายใจในหน้าอกไว้ ความรู้สึกหายใจไม่ออก ทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
“คุณหนูใหญ่ ท่ามกลางราตรีอันมืดมิดนี้ เ้าไม่เห็นข้านั้นเป็เื่ธรรมชาติ แต่เสียงของข้า เ้าเองก็เคยได้ยิน เ้าควรจำได้ ข้าคือ...จื่อหลิงอย่างไรเล่า!” เสียงของสตรีผู้นั้นดังกระซิบข้างหูของเหนียนอีหลาน หัวนางพลันว่างเปล่าทันใด
จื่อหลิง?
ใช่ มันคือเสียงของจื่อหลิง!
จื่อหลิงคือ คนของเอ้อเปี่ยวเกอ!
วันนั้นเอ้อเปี่ยวเกอบอกว่าต้องทำให้จื่อหลิงหายสาบสูญไป หลังจากตอนนั้น นางก็ไม่เคยเห็นจื่อหลิงอีกจริงๆ ทว่า...นี่มันไม่ถูกต้อง นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเื่นี้ จื่อหลิงเป็คนของเอ้อเปี่ยวเกอ เช่นนั้น คนที่้าสังหารนางคือเอ้อเปี่ยวเกออย่างนั้นหรือ?