การตบเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมากกว่าสิบครั้ง จนทำให้ฉินเฟิงต้องตกตะลึง ฟันของเขาหลุดกระเด็นออกมาพร้อมกับเืทันที
ผู้ติดตามสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกสวนที่พำนักก็ใเช่นกัน พวกเขาล้วนแต่นึกไม่ถึงว่าคนที่ปกติขี้ขลาดตาขาว อ่อนแอไร้ความสามารถอย่างฉินอวี่ จะกล้าตอบโต้และทำร้ายร่างกายคุณชายรองเช่นนี้
“ช่าง... ช่างกล้านัก!” หนึ่งในผู้ติดตามที่ดูฉลาดกว่ารู้สึกตัวขึ้นมาก่อน ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง และพูดด้วยท่าทีแสร้งเป็เข้มแข็ง
ฉินอวี่ไม่ได้หันไปมองทางผู้ติดตาม และเตะเข้าไปยัง่ท้องของฉินเฟิงอย่างแรง
ฉินเฟิงที่เพิ่งจะดื่มเหล้าเข้าไปจะสามารถรับแรงกระแทกเช่นนี้ได้อย่างไร? ร่างของเขาจึงกระเด็นตีลังกาไปทางผู้ติดตามเ่าั้
ฉินเฟิงกระอักเืพร้อมกับอาหารและเหล้าออกมาจากปาก พ่นไปทางใบหน้าของผู้ติดตามคนนั้น ไม่รู้เป็เพราะความใหรืออย่างไร เขาได้อ้าปากกว้างขึ้นในจังหวะนั้นพอดี สิ่งสกปรกทั้งหมดได้พุ่งเข้าปากของเขา จนอาเจียนออกมาหนักกว่าฉินเฟิงเป็สิบเท่า ราวกับเพิ่งกลืนกองอึเข้าไปอย่างจัง
“ไสหัวไป! หากยังมีครั้งต่อไป ข้าจะทำลายเส้นลมปราณของเ้า!” ฉินอวี่ทำสีหน้ามืดมน ความเกลียดชังปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนตรงระหว่างคิ้วของเขา
ผู้ติดตามอีกคนหนึ่งที่ดูฉลาดน้อยกว่าเพิ่งได้สติขึ้นมา และลากตัวฉินเฟิงวิ่งตรงออกไป วิ่งพลางะโออกไปว่า “วันข้างหน้ายังมีอีกมาก ตระกูลชุยไม่มีวันปล่อยเ้าไปแน่ คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว เ้ารอความตายได้เลย...”
ผู้ติดตามที่กำลังพะอืดพะอมก็เหลือบมองฉินอวี่เช่นกัน พร้อมเสียงอาเจียนสองสามครั้ง ก่อนจะจากไปอย่างเคียดแค้น
ฉินอวี่ไม่ได้หันมองทั้งสามคนนั้น ได้แต่หรี่ตามองเสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวา ความเกลียดชังปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา เขาประคองพาเสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาด้วยมือคนละข้างเข้าไปในห้อง จากนั้นวางไว้ในเตาปรุงยา แม้ว่าพลังโอสถที่อยู่ในนั้นจะถูกฉินอวี่ดูดซับไปมากแล้ว แต่สิ่งที่ยังมีเหลืออยู่นั้น ก็พอจะรักษาอาการาเ็ของทั้งสองคนได้ และยังช่วยฟื้นฟูร่างกายของพวกนางด้วย
จากนั้น ฉินอวี่จึงสร้างกลป้องกันขึ้นปกคลุมภายในห้องไว้ จากนั้นจึงปิดประตูห้องและเดินออกไป
ตระกูลชุยและคุณชายใหญ่ที่ผู้ติดตามคนนั้นพูดถึง ช่วยเตือนสติให้กับฉินอวี่ว่าเขาต้องเตรียมการตอบโต้เอาไว้ล่วงหน้า
ตระกูลชุยหมายถึงชุยหงผู้รั้งตำแหน่งแม่ทัพกองพันแห่งแคว้นอู่ มีข่าวลือกันว่า ในอดีต ฉินจ้านเคยได้รับาเ็เพราะเข้าสกัดการโจมตีที่รุนแรงให้กับชุยหง เพื่อเป็การตอบแทนฉินจ้าน จึงได้ยกชุยหลิ่วผู้เป็บุตรสาวให้แต่งงานกับฉินจ้าน ฉินจ้านสามารถทำให้ตระกูลฉินร่ำรวยได้ในระยะเวลาอันสั้น ชุยหงจึงได้รับเกียรตินั้นไปด้วย และคุณชายใหญ่ฉินหย่งจึงเป็บุตรชายคนโตของชุยหลิ่ว และเป็พี่ชายแท้ๆ ของฉินเฟิง ซึ่งได้ยินมาว่าเป็ผู้บัญชาการกองพันทหารคนหนึ่งของแคว้นอู่
คราวนี้ฉินเฟิงได้รับาเ็ ตระกูลชุยไม่มีวันยอมแน่นอน แต่ด้วยนิสัยของฉินอวี่ที่ไม่สร้างปัญหาให้ใครก่อน และไม่เกรงกลัวสิ่งใด เมื่อฉินเฟิงสร้างความลำบากใจให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ฉินอวี่โกรธมากแล้วจริงๆ
ขณะที่ฉินอวี่กำลังเดินออกจากตระกูลฉิน
ฉินเฟิงที่เริ่มมีสติขึ้นมาจากความเมา เขาก็ย้อนนึกถึงความดุร้ายและโเี้ของฉินอวี่ แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่อยากยอมรับกับเื่นี้ แต่เขาก็ต้องยอมรับความจริง ว่ามีความหวาดกลัวฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขา
หรือว่า... ก่อนหน้านี้ฉินอวี่จะแกล้งทำมาโดยตลอด? หรือฉินอวี่จะเป็คนสกุลเฉินคนนั้นจริงๆ?
เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ั้แ่ออกมาจากร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง วันเวลาหนึ่งวันของฉินเฟิงก็เหมือนนานหลายปี เขาใช้เวลาร่ำสุราตลอดทั้งวันเพื่อคลายความทุกข์ในใจ นั่นเป็เพราะเส้นสายความสัมพันธ์ที่เขาตรากตรำสร้างมาเป็เวลานาน ต้องสูญสลายไปเพราะคนสกุลเฉินคนนั้น ฉินเฟิงเกลียดจนอยากจะเฉือนเอ็น และกินเืของเขายิ่งนัก แต่เมื่อยังไม่รู้ที่มาที่ไปชัดเจนของคนสกุลเฉินคนนั้น ฉินเฟิงจึงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ
ในวันนี้ ฉินเฟิงยังคงร่ำสุราบรรเทาความเศร้าอยู่เช่นเดิม ภายใต้ความสับสนมึนเมา เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้น ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคนสกุลเฉินคนนั้นที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินเฟิงก็รู้สึกว่ารูปร่างและแผ่นหลังของคนสกุลเฉินคนนั้นมีความคล้ายคลึงกันกับฉินอวี่อย่างมาก
แม้จะเป็ไปได้ที่จะคาดเดา แต่ภายใต้ความมึนเมา ฉินเฟิงได้ระบายความโกรธเคืองทั้งหมดใส่ฉินอวี่ จึงทำให้เกิดภาพเหตุการณ์เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้
“อย่าไปสนใจ...” ขณะที่ฉินเฟิงกำลังจะพูดขึ้นอย่างขมขื่น ก็พบว่าตนเองนั้นไม่ควรจะพูดมากออกไป เขาจึงได้แต่เลียปากของตนเอง ก่อนจะพบว่าฟันของเขาถูกฉินอวี่ต่อยหลุดไปสองสามซี่
เมื่อััใบหน้าอันร้อนผ่าวของเขา สีหน้าของฉินเฟิงจึงค่อยๆ ดุร้ายขึ้น และะโออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฉินอวี่... ข้าจะทำให้เ้าตายอย่างไม่ได้ลุกขึ้นมาอีกเลย!” ฉินเฟิงส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“เสี่ยวเฟิง?”
ในขณะนี้ เสียงอันเคร่งขรึมซึ่งแฝงไปด้วยพลังการสังหารได้ดังขึ้นมา ฉินเฟิงที่กำลังมีสีหน้าน่าเกลียดได้หันศีรษะไปทันที เมื่อเขามองเห็นร่างอันกำยำที่น่าเกรงขามในชุดเกราะแคว้นอู่ตรงหน้าประตู ฉินเฟิงก็หยุดร้องไห้ และล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าเป็อย่างยิ่ง “พี่ใหญ่... ท่านต้องจัดการให้ข้าด้วยนะ...”
ชายหนุ่มในชุดเกราะมีใบหน้าที่หยาบกร้าน คิ้วหนาตาโต มีรูปร่างกำยำล่ำสัน เขาคือฉินหย่ง บุตรชายคนโตของฉินจ้าน พี่ชายแท้ๆ ของฉินเฟิง
“ใครทำอะไรเ้า?” แม้ว่าฉินหย่งจะได้ยินไม่ชัดนักว่าฉินเฟิงกำลังพูดอะไร แต่เมื่อเห็นท่าทางของฉินเฟิง คิ้วหนาของเขาก็ขมวดแน่น ความอาฆาตก็ะเิออกมาทันที
“คุณชายใหญ่ ท่านช่วยตัดสินเื่นี้ให้คุณชายรองด้วยเถอะ เ้าฉินอวี่นั่นเป็คนทำ เขาตบฟันของคุณชายรองจนหลุดออก...” ผู้ติดตามที่กลืนอ้วกของฉินเฟิงเข้าไปพูดอย่างคับแค้นใจ ราวกับฉินอวี่ไปฆ่าพ่อแม่ของเขา
“ฉินอวี่? ฉินอวี่ที่เกิดจากสาวใช้นะหรือ?” ฉินหย่งขมวดคิ้วด้วยความแค้น ถึงอย่างไร ฉินเฟิงก็เป็น้องชายของตนเอง ลูกชายของสาวใช้ผู้ต่ำต้อยจะมารังแกกันเช่นนี้ได้อย่างไร? จากนั้นเขาจึงกล่าวขึ้น “ไปกันเถอะ พี่ใหญ่จะคืนความเป็ธรรมให้กับเ้าเอง เมื่อครู่นี้ข้าเห็นสัตว์ร้ายนั่นเพิ่งจะเดินออกไปจากจวนตระกูลฉิน!”
ขณะที่ฉินหย่งพาฉินเฟิงไปหาฉินอวี่อย่างโกรธเคือง ฉินอวี่ก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้ว และกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในตลาดเมืองหลักเทียนอู่
หลังจากออกมาจากตระกูลฉิน เขาก็แทบจะเข้าชมทุกร้านค้าที่มีอาวุธิญญาขาย แต่อาวุธิญญาที่มีขายส่วนใหญ่ล้วนเป็อาวุธิญญาระดับต่ำ ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็ที่เข้าตาฉินอวี่เลย
ภายใต้ความสิ้นหวัง ฉินอวี่ได้มาถึงตลาดที่ใหญ่ที่สุดตามความทรงจำของเขา
เนื่องจากเป็่เวลาใกล้งานชุมนุม ตลาดแห่งนี้จึงคึกคักอย่างยิ่ง มีเสียงะโ เสียงเรียกดังขึ้นไม่ขาดสาย
ผู้ฝึกตนหลายคนต่างนั่งลงกับพื้น มีสิ่งของที่้าขายวางอยู่ตรงหน้า บางคนก็มีแผ่นไม้กระดานวางอยู่ตรงหน้า พร้อมกับสิ่งของที่ตนเอง้าขายวางไว้้า
“คนที่ได้เจอตอนกำลังออกมาน่าจะเป็ฉินหย่ง ซึ่งเป็พี่ชายของฉินเฟิง เกรงว่า ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังตามหาข้าอยู่เป็แน่ ฉินหย่งมีระดับการฝึกฝนขั้นยุทธ์ระดับแปด หากจะเอาชนะเขาในระยะเวลาอันสั้นคงจะยาก!” ฉินอวี่มองไปยังสิ่งของที่ผู้ฝึกตนนำมาขาย พลางครุ่นคิดอยู่ในใจ
“ข้าต้องขอให้จื่อซวินเอ๋อช่วยปรุงเม็ดยาเฉียนหยวน เพื่อเพิ่มพละกำลังขึ้นเป็สามเท่าในเวลาอันสั้น เช่นนี้จึงจะสู้กับผู้ฝึกตนขั้นยุทธ์ระดับหกได้ แม้ว่าจะสร้างกลป้องกัน แต่ก็คงทำได้เพียงห้าส่วน” ฉินอวี่พึมพำ
“เดี๋ยวก่อน นี่มัน...”
ฉินอวี่ที่เดินไปคิดไป ได้กวาดสายตาไปเห็นแผงขายของของผู้ฝึกตนคนหนึ่ง ดวงตาของเขาตกตะลึงในทันที
นี่คือกระบี่ไม้ขนาดเท่าฝ่ามือเล่มหนึ่ง เมื่อมองดูมันเป็เหมือนกระบี่ไม้ธรรมดา แต่กลับมีรอยตราประทับอยู่บนด้ามกระบี่
“รอยประทับสำนักหมื่นกระบี่ นี่คือ... ยันต์กระบี่ที่มีเฉพาะสำนักหมื่นกระบี่?” ฉินอวี่จ้องไปที่กระบี่ไม้ขนาดเท่าฝ่ามือเล่มนั้น ความทรงจำที่บันทึกไว้เกี่ยวกับกระบี่ไม้เล่มนี้ก็ปรากฏขึ้นมาในใจของเขา
“ยันต์กระบี่ นี่เป็ยันต์กระบี่ที่หลอมขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งสำนักหมื่นกระบี่ เมื่อดูจากการโจมตีสามวิถีของผู้กลั่นมันขึ้นมา และวิธีการในการกลั่น จะต้องเป็ฝีมือของผู้ฝึกตนขั้นปราณเสถียรเท่านั้น...” เื่ราวของยันต์กระบี่สำนักหมื่นกระบี่ปรากฏขึ้นมาในความคิดของฉินอวี่
“ถ้ามียันต์กระบี่นี้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับฉินหย่ง ข้าก็ไม่กลัว” เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินอวี่ก็เดินตรงไปยังยันต์กระบี่ และส่งสายตาให้กับคนขายกระบี่ ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีเสียงที่คมชัดไพเราะดังขึ้น “ดาบไม้เล่มนี้ขายอย่างไร?”
ฉินอวี่ขมวดคิ้วทันที และหันไปด้านข้าง แต่เขากลับมองเห็นหญิงสาวแรกรุ่นที่งดงามคนหนึ่ง
นางสวมชุดราชสำนักฝ่ายในสีขาวซีด แต่ความสง่างามกลับดูไร้ที่ติ กระโปรงกว้างสะบัดพลิ้วอยู่เื้ั ดูหรูหราสง่างาม เส้นผมเงาดำเหมือนหยกดำ จัดทรงขึ้นไปเป็ทรงมวยเซียนโบยบิน มีไข่มุกเม็ดกลมสองสามเม็ดประดับไว้บนเส้นผม ทำให้ผมสีดำนุ่มดั่งปุยเมฆ ยิ่งมีความเงางามชุ่มชื่นมากขึ้น ดวงตางดงามดูมุ่งมั่นและสดใส ผนวกกับรูปลักษณ์ใบหน้าอันวิจิตร ทำให้หญิงสาวคนนี้เปรียบเหมือนเทพธิดาที่ปรากฏขึ้นจากฝุ่นธุลี
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่องค์หญิงสิบสามคนนั้นแล้วจะเป็ใครได้อีก?
“เอ่อ... สิบหินิญญาระดับล่าง” ผู้ฝึกตนที่นั่งขัดสมาธิอยู่มองรูปลักษณ์อันน่าทึ่งของหลงอวี่ ดวงตาของเขาก็พร่ามัว และใช้เวลานานกว่าจะกลืนน้ำลายลงคอ นี่เป็สิ่งที่เขาหยิบติดมาอย่างไม่ตั้งใจ เพียงแค่ลองเสี่ยงโชคมาวางไว้ที่นี่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนซื้อมันจริงๆ
“นี่หินิญญาระดับล่างสิบก้อน” หลงอวี่ยื่นเงินสิบตำลึงเงินให้กับผู้ฝึกตนคนนั้นทันที จากนั้นจึงคุกเข่าลงหยิบกระบี่ไม้ขึ้นมา หลังจากมอง นางก็ยื่นให้ฉินอวี่ และพูดว่า “พี่เฉิน ไม่พบกันหลายวัน สบายดีหรือไม่ นี่เป็น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของเสี่ยวอวี่”