ตู๋กูหู่กล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ข้าไม่แปลกใจเลยที่หนิงเทียนและซิ่งอวี่เจวียนจะเข้าสู้กับชิวซานอวิ๋นอย่างดุเดือด ศิษย์หยวนซิวรังแกกันเกินไปแล้ว!”
หลี่ตู้อีเสริมว่า “ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าทำไมหนิงเทียนซึ่งอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าถึงกล้ายั่วยุชิวซานอวิ๋น ที่แท้เขาก็สมควรถูกสังหารยิ่งนัก!”
เหล่าปรมาจารย์จื๋อซิวต่างก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ซึ่งเทพวานร เทพหมาป่าสีเงิน และชวีจงจื๋อล้วนโมโหจนแทบจะเสียสติ
“นักบุญชุดม่วง! ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์! พวกเ้าจะอธิบายเื่นี้อย่างไร?” เทพดาราหนานอวี๋อารมณ์เสียเล็กน้อย หากเขารู้ว่าเื่ราวเป็เช่นนี้ก็คงไม่ให้ซิงเสียวเสี่ยวพูดความจริงที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดออกมา
นักบุญชุดม่วงกล่าวว่า “นี่เป็เพียงสิ่งที่ศิษย์ซิงซิวได้ยินมาเท่านั้น ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่าเป็เื่จริงหรือไม่ และจากที่ศิษย์ซิงซิวเล่ามา ไม่ใช่ว่าศิษย์หยวนซิวทั้งเก้าสำนักก็ถูกหนิงเทียนสังหารหรอกหรือ?”
เทพหมาป่าสีเงินตะคอกอย่างรุนแรง “ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้! เื่เกิดขึ้นเพราะศิษย์หยวนซิวลอบสังหารศิษย์จื๋อซิวก่อน เมื่อหนิงเทียนมาถึงจึงเกิดการล้างแค้นให้ผู้ที่เสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรม สองอย่างนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!”
ปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์ยังคงไม่ยอมรับ “ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีอะไรอยู่ก้นบ่อ การต่อสู้แย่งชิงโชคลาภย่อมมีความขัดแย้งกันเป็ธรรมดา เราทั้งสองฝ่ายล้วนไม่มีผู้ใดได้เปรียบ เช่นนั้นจะยังมีประเด็นใดที่ต้องโต้เถียงกันอีกเล่า?”
เทพวานรพูดด้วยความโกรธ “เหตุใดจึงไม่มีความหมาย? ศิษย์จื๋อซิวของข้าควรถูกสังหารหมู่โดยศิษย์หยวนซิวของเ้าหรือ? อย่าลืมว่านี่คือยอดเขาหมื่นอสูรของจื๋อซิว ไม่ใช่ดินแดนหยวนซิวอย่างพวกเ้า!”
เทพดาราหนานอวี๋พยายามห้ามปราม “ทุกคนอย่าเพิ่งบาดหมางกันเลย อย่างไรพวกเขาก็ตายไปแล้ว ความจริงจะถูกเปิดเผยหลังจากหนิงเทียนและชิวซานอวิ๋นออกมา มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะรู้เื่จริง ยามนี้เราควรรอดูสถานการณ์ต่อไปจะดีกว่า”
แม้เทพวานรและเทพหมาป่าสีเงินจะโกรธจนแทบคลั่ง แต่หลังจากพูดคุยกันเป็การส่วนตัวแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจจะอดกลั้นไว้เป็การชั่วคราวเพื่อรอจนกว่าหลักฐานจะได้รับการยืนยัน จากนั้นค่อยรอดูว่าหยวนซิวจะอธิบายเื่นี้อย่างไร
หลังจากนั้นไม่นานศิษย์หลักสองคนจากสำนักดาราทมิฬก็กลับออกมา คนหนึ่งคือฉีิอวี่ผู้กระดานหมากรุก และอีกคนคืออินเทียนซิง
“กุญแจสี่ดอกแต่มีคนออกมาสิบคนแล้ว อีกแปดคนเล่า?”
ดังนั้น ทุกคนจึงเฝ้ารอผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ และจากนั้นไม่นานศิษย์อีกสองคนจากตำหนักดาวเหนือก็ออกมาจากประตูมิติ โดยผู้ที่เดินนำมีนามว่าลัวฟางซึ่งตัวหมากจากหอหมากรุก
หลังจากซักถามเสร็จสิ้น พวกเขาก็พบว่าผู้ครองกุญแจทั้งห้าดอกล้วนปรากฏตัวในบริเวณรอบนอกของยอดเขาหมื่นอสูรจากทิศทางที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ห่างไกลมากนัก
เมื่อซูอวิ๋นและชิวซานอวิ๋นออกมาจากแดนลับ พวกเขาก็ได้พบกับหลิวจินอวิ๋นโดยไม่คาดคิด
“พี่ชายทั้งสองอยากกลับไปหรือไม่?” ร่องรอยของความสงสัยแวบขึ้นมาในดวงตาของซูอวิ๋น จากนั้นก็มองไปอีกทิศทางหนึ่ง
หลิวจินอวิ๋นถามด้วยความสงสัย “เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ซูอวิ๋นกล่าวว่า “ด้านนอกทางเข้ามีปรมาจารย์จื๋อซิวสี่ท่าน ขณะที่ปรมาจารย์หยวนซิวมีเพียงสองท่าน และอีกท่านเป็เทพดาราแห่งซิงซิว หากการสังหารหมู่จื๋อซิวแปดสำนักถูกเปิดโปงไม่ใช่ว่าเรากำลังโยนตัวเองเข้าไปในกับดักหรือ? ทั้งยังอาจก่อเื่ยุ่งยากให้ปรมาจารย์ฝ่ายเราอีกด้วย”
ชิวซานอวิ๋นเอ่ยชมนางทันที “คำพูดนี้ช่างสมเหตุสมผล เรามุ่งหน้ากลับไปพบอาจารย์โดยตรงเลยจะดีกว่า แม้บรรดาจื๋อซิวจะรู้ความจริง แต่หากไม่มีหลักฐานพวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้”
หลิวจินอวิ๋นเหลือบมองซูอวิ๋นแล้วเอ่ยว่า “น้องซูช่างล้ำเลิศ หากเ้ายินดี ในอนาคตเ้าสามารถเข้าร่วมสำนักชื่อหยวนปังของเราได้”
ชิวซานอวิ๋นพูดขัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “น้องซูตัดสินใจเข้าร่วมสำนักอินทนิลของข้าแล้ว เ้าควรละทิ้งความคิดนี้ไปเสีย”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็กล่าวคำอำลาและรีบหนีไปอย่างเงียบๆ
ครึ่งวันต่อมา เทพหมาป่าสีเงินก็ได้รับข่าวจากอสูรในูเาว่าซูอวิ๋น ชิวซานอวิ๋น และหลิวจินอวิ๋นหนีไปแล้ว
นักบุญชุดม่วงและปรมาจารย์ธงเพลิงกัลป์ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งยังแอบคุยกันว่าเด็กน้อยทั้งสามช่างมีหัวคิดที่รู้จักหลบหลีก
ทว่าปรมาจารย์ทั้งสี่ของจื๋อซิวนั้นต่างก็โกรธจนกัดฟันแน่น พวกเขาคงไม่ไล่ตามไปจนถึงสำนักใช่หรือไม่?
“พวกเราจื๋อซิวย่อมไม่ยอมปล่อยเื่นี้ไป!” จากแปดสำนักกลับเหลือศิษย์หลักเพียงเจ็ดคนเท่านั้น ขณะที่คนอื่นๆ ล้วนไม่รอด นี่เป็การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงสำหรับจื๋อซิว
นักบุญชุดม่วงกล่าวว่า “เราจะพยายามหาคำตอบเื่นี้ด้วยเช่นกัน”
ผู้าุโของสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดทยอยออกจากจักรวรรดิเชียนซานด้วยท่าทีสิ้นหวัง ทว่าปรมาจารย์ทั้งเจ็ดคนยังคงรออยู่เพราะพวกเขายังไม่ทราบข้อมูลสำคัญ
หนึ่งวันต่อมา เยี่ยหลิงหลานทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าโดยจ้องมองไปในทิศทางหนึ่งจากระยะไกล
ดวงตาของชวีจงจื๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น?”
เยี่ยหลิงหลานกล่าวว่า “ส่งคำสั่งไป สำนักเชื้อสายรากพฤกษาทั้งสี่กลับไปได้แล้ว”
เยี่ยหลิงหลานหมุนกายกลับมามองเทพหมาป่าสีเงินและเทพวานร ก่อนจะกล่าวอย่างสง่างามว่า “ข้ามีธุระสำคัญที่ต้องไปก่อน หากมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้ พวกเ้าสามารถแจ้งสำนักวั่นจื๋อได้โดยตรง”
“มีอะไรด่วนขนาดนั้น...” ก่อนที่เทพวานรจะถามจบ เยี่ยหลิงหลานก็หายตัวไปราวกับฝุ่นผงเสียแล้ว
ชวีจงจื๋อสั่งให้ผู้าุโจากสำนักเชื้อสายรากพฤกษาทั้งสี่กลับไปก่อน จากนั้นจึงจับมือตี๋เยี่ยนจวินกระโจนขึ้นไปในอากาศ แล้วไล่ตามเยี่ยหลิงหลานไป
...
หลังจากหนิงเทียนเสริมความแข็งแกร่งและทำให้รากฐานสมบูรณ์แล้ว เขาก็พาซิ่งอวี่เจวียนออกจากประตูศักดิ์สิทธิ์เก้า์ ทันใดนั้นเขาก็มองย้อนกลับไปด้านหลังก่อนจะออกเดินทาง
“มีอะไรผิดปกติหรือ?” ซิ่งอวี่เจวียนหันมองตาม แต่นางกลับไม่เห็นสิ่งใดแปลกตาเลย
“ท่านไม่ได้ยินอะไรเลยหรือ?”
“มีเสียงใดกัน?” ซิ่งอวี่เจวียนตกตะลึง ทั้งยังเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหนิงเทียนเพื่อตรวจสอบว่าเขาไม่มีไข้
หนิงเทียนขมวดคิ้วและไม่ตอบสิ่งใด ทว่าเมื่อครู่นี้เขาได้ยินเสียงใครบางคนพูดอะไรบางอย่างดังก้องอยู่ในจิตใจของเขา
“ฝังกลบเซียน ฝังไว้ใต้พิภพและผืนนภา ฝังอย่างไรจึงเป็นิรันดร์?”
ถ้อยคำอันแ่เบานั้นราวกับเสียงทอดถอนใจ และทำให้หนิงเทียนรู้สึกถึงบางอย่าง
นี่คือเสียงของสตรีนางหนึ่ง เช่นนี้จะเป็ไปได้หรือไม่ว่ายังมีผู้อื่นอยู่ในประตูศักดิ์สิทธิ์เก้า์อีก?
“ไปกันเถอะ เราเสียเวลาไปมากแล้ว” ซิ่งอวี่เจวียนพูดขึ้น
หนิงเทียนยอมก้าวเดินตามที่ซิ่งอวี่เจวียนเสนอ แต่ก่อนจะจากไปเขาก็ฝากข้อความไว้ด้วย
“หากพบสหายที่ดีย่อมไม่อิจฉาเซียน จับมือกันเข้าสู่แดนหลังความตายด้วยรอยยิ้ม”
ดวงตาของซิ่งอวี่เจวียนแปลกไป นางประหลาดใจมากที่หนิงเทียนวัยสิบเจ็ดปีพูดเช่นนี้
ในใจของหนิงเทียนยังคงมีเสียงทอดถอนอันแ่เบา ราวกับสายตาจากชาติที่แล้วมาถอนใจในชีวิตนี้ ทั้งไม่สามารถสลัดออก ไม่สามารถตัดขาด และไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
หนิงเทียนสับสนอย่างยิ่ง นี่เขาตอบผิดหรือ?
“เมื่อมองย้อนกลับไปยังหินสามชาติภพ[1] ผู้ใดในชาติก่อนหวังให้เ้ากลับมากัน?” เสียงทุ้มลึกเผยให้เห็นความโศกเศร้าสุดพรรณนา ก่อนจะขจัดความเศร้าในใจออกไป
ความสัมพันธ์ที่ถูกตัดขาดทำให้หนิงเทียนรู้สึกไม่ดีอย่างยิ่ง
ทางออกของประตูศักดิ์สิทธิ์เก้า์ตั้งอยู่ใจกลางูเา ทั้งยังเต็มไปด้วยทางเดินสีสันสดใสที่สร้างด้วยอักขระและตราผนึกิญญารูปแบบต่างๆ
เส้นลมปราณทั้งเก้าของหนิงเทียนสั่นะเื เขารู้สึกถึงความกดดันจากพลังลึกลับและยุทธศาสตร์ครอง์ก็ทำงานโดยอัตโนมัติ เขาจึงไม่รู้สึกกดดันจากรากฐานอันสมบูรณ์แบบของตนมากเท่าใด
ทว่าสถานการณ์ของซิ่งอวี่เจวียนนั้นตรงข้ามกับหนิงเทียนอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่นางก้าวผ่านอักขระนี้ เสาพลังข้างกายก็ถูกพลังลึกลับบดขยี้ ร่างของนางเริ่มส่งเสียงปะทุและมีเืไหลทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ซึ่งทำให้ร่างของนางได้รับาเ็สาหัสทันที
หนิงเทียนรีบคว้าตัวนางไว้ก่อนจะรู้สึกว่าพลังิญญาในร่างของนางเริ่มสลับซับซ้อน และรากฐานของนางก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงในชั่วพริบตา
“พี่สาว รากฐานของท่านยังไม่แข็งแกร่ง และอักขระเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะมีข้อกำหนดทางกายภาพที่เข้มงวดมาก เราถอยก่อนเถิด” หนิงเทียนหยิบหินิญญาออกมาแล้วขอให้ซิ่งอวี่เจวียนรักษาอาการาเ็ ก่อนจะถามนางเกี่ยวกับทักษะที่นางฝึกฝน
รากบ่มเพาะของซิ่งอวี่เจวียนคือดอกบัว ซึ่งทำให้หนิงเทียนนึกถึงกระบวนท่าทั้งเก้าของบงกชสีมรกตในเส้นลมปราณแรกของตน
ด้วยความช่วยเหลือของม่านตาคู่และพลังจากดวงตาเสน่ห์ หนิงเทียนจึงสามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของพลังิญญาในของนางได้และพบว่ามันเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่นางอยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นแปดแล้ว ทว่าความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพการต่อสู้กลับไม่สูงมากนัก
หนิงเทียนเคยใช้จิตรกรรมิญญาสร้างรากฐานของนางให้สมบูรณ์แล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ
“เอาเช่นนี้ ข้าจะช่วยพี่สาวปรับสมดุลของเส้นลมปราณ ท่านลองสำรวจดูว่าผลเป็เช่นใด?”
ทันใดนั้นหนิงเทียนก็ใช้เก้ากระบวนท่าของบงกชสีมรกตและเลขเก้าหลักผสานกับสภาพร่างกายของซิ่งอวี่เจวียน เพื่อช่วยนางซ่อมแซมรากฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ ก่อนจะเสริมพลังด้วยหินิญญาสิบแปดก้อน ในที่สุดรากฐานของซิ่งอวี่เจวียนก็แข็งแกร่งขึ้นเกือบสามเท่า ซึ่งสามารถต้านรับแรงกดดันจากพลังลึกลับในเส้นทางได้บ้าง
ทั้งสองคนใช้เวลาเกือบหนึ่งก้านธูปในการข้ามผ่านเส้นทาง ร่างของซิ่งอวี่เจวียนโชกไปด้วยเืและเกือบจะเสียชีวิตจากทางสายนี้
ด้านนอกเส้นทางเป็น้ำตกขนาดใหญ่ หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาได้ ทางเดินนั้นก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ
ซิ่งอวี่เจวียนล้างคราบเืทั้งหมดออกไป ขณะที่หนิงเทียนรอนางอยู่รอบนอกเขตน้ำตก
พื้นที่แห่งนี้ล้อมรอบด้วยูเาที่สวยงาม สายน้ำใสสะอาด พลังิญญาอันอุดมสมบูรณ์ และต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน
“แปลกยิ่งนัก ที่นี่ดูไม่เหมือนยอดเขาหมื่นอสูรเลย มันคือที่ใดกัน?” หนิงเทียนรู้สึกไม่สบายใจ สถานที่แห่งนี้ทำให้เขารู้สึกถึงภยันตรายราวกับมีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองเขาอยู่
ซิ่งอวี่เจวียนเดินออกมาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมตรงหน้าอย่างชัดเจน
“นี่มันไม่ดีแล้ว!” นางกรีดร้องเสียงแหลมแล้วดึงหนิงเทียนให้หลีกเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสายฟ้าสีเขียวก็พุ่งทะลุนภาและตัดผ่านน้ำตก
หนิงเทียนใอย่างมาก สายฟ้าสีเขียวนั้นไม่ใช่สายฟ้าจริงๆ แต่เป็ไม้เลื้อยต้นหนึ่ง
“ที่นี่คือูเาไป่หลิง ยามนี้เราน่าจะอยู่บริเวณตรงกลาง ที่นี่สามารถพบอสูริญญาระดับสี่ได้ตลอด ทั้งยังมีโอกาสพบอสูริญญาระดับห้าได้ด้วยซ้ำ”
ซิ่งอวี่เจวียนมีท่าทางหวาดกลัว นางไม่เคยคิดเลยว่าหลังแดนลับของยอดเขาหมื่นอสูรจะเป็เส้นทางสูู่เาไป่หลิง เนื่องจากสถานที่ทั้งสองแห่งนี้อยู่ห่างกันมากกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันกงลี้[2] แล้วนี่มันเื่บ้าอะไรกัน?
หนิงเทียนได้ยินดังนั้นก็ใมาก อสูริญญาระดับสี่มีพละกำลังเทียบเท่ากับยอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน ส่วนอสูริญญาระดับห้าก็เทียบเท่าได้กับปรมาจารย์ หากผู้ใดได้พบเจอก็ย่อมไร้ทางรอด
“ใจเย็นๆ อย่าตื่นใ” ความคิดของหนิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาหยิบไข่มุกอสูรหยินและคำสั่งเปลือกไม้ออกมา พร้อมดึงซิ่งอวี่เจวียนลอยขึ้นไปในอากาศโดยไม่กล้าััพื้น
ใบหน้าที่ดุร้ายภายในไข่มุกอสูรหยินนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทั้งยังปล่อยคลื่นผันผวนที่แปลกประหลาดออกมา ส่วนคำสั่งเปลือกไม้ก็ส่องแสงระยิบระยับราวกับไม่มีผลกระทบใด
เถาวัลย์เขียวทอดยาวออกมาจากความว่างเปล่า ดวงตาหลายคู่โผล่ออกมาจากปลายเถา และดวงตาเ่าั้ก็เคลื่อนไหวพร้อมหันมองหนิงเทียนกับซิ่งอวี่เจวียน
“พวกเราเป็ผู้บำเพ็ญเชื้อสายรากพฤกษาจากสำนักร้อยบุปผา และไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน” ซิ่งอวี่เจวียนรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“แม่นางผู้นี้ไม่น่าสนใจ จงไปเสีย” เถาวัลย์เขียวตอบกลับก่อนจะเปล่งแสงเจิดจ้า ซึ่งหนิงเทียนไม่มีเวลาหลบหนีและซิ่งอวี่เจวียนก็ถูกม้วนโยนร่างขึ้นไปบนฟากฟ้าทันที
หนิงเทียนร้องะโและอยากไล่ตามไป แต่เขาก็ถูกเถาวัลย์เขียวขัดขวางไว้
“เ้าน่าสนใจกว่ามาก ข้าอนุญาตให้เ้าอยู่ในูเาไป่หลิงได้สักพัก”
หนิงเทียนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนี้ ดูเหมือนเถาวัลย์เขียวจะไม่มีเจตนาร้ายต่อเขา
เหนือูเาไป่หลิง ซิ่งอวี่เจวียนค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาและกรีดร้องด้วยความใ ทว่านางกลับถูกยกขึ้นด้วยพลังอันอ่อนโยน
แม้จะยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ แต่นางก็มองเห็นความมืดมิดกัดกร่อนนภา ก่อนที่ร่างปริศนาจะเผยตัวออกมา
“โอ้์! ศิษย์คารวะท่านปรมาจารย์”
เยี่ยหลิงหลานพูดอย่างใจเย็น “ไม่จำเป็ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนิงเทียน”
ซิ่งอวี่เจวียนเหลือบมองเยี่ยหลิงหลานครั้งหนึ่งก่อนจะเล่าเื่ราวทั้งหมดให้นางฟัง
“ปล่อยให้เขาเดินรอบๆ ูเาไป่หลิงไปก่อนแล้วกัน คงเป็เื่ยากสำหรับเขาที่จะบรรลุขอบเขตผนึกดารา มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่พอมีความหวัง”
ซิ่งอวี่เจวียนไม่กล้าพูดอะไรแล้วติดตามเยี่ยหลิงหลานไปอย่างเงียบๆ
เถาวัลย์เขียวใกล้น้ำตกแปลงกายเป็ชายวัยกลางคนในชุดสีเขียว เขาเดินวนรอบร่างของหนิงเทียนสามรอบแล้วพูดเื่แปลกๆ ออกมา
“ข้าไม่เคยเห็นมนุษย์ประหลาดเช่นเ้ามาก่อน น่าสนใจยิ่งนัก ไปกันเถอะ ข้าจะพาเ้าเดินเล่นในวังไป่หลิง”
ชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวอดไม่ได้ที่จะดึงหนิงเทียนให้ออกเดิน
“วังไป่หลิงคือที่แบบใด? โอ้!” หนิงเทียนถามขึ้นก่อนจะร้องอุทานออกมาเมื่อพบว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
---------------------------------------
[1] หินสามชาติภพ (三生石) คือ ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาในวัดซานเทียนจู่ (三天竺) เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง โดยหินสามชาติภพจะบันทึกเื่ราวในอดีตชาติและชาติปัจจุบันเอาไว้
[2] กงลี้ (公里) แปลว่า กิโลเมตร
