บทที่ 141 ช่วยอะไรหน่อยสิ
เย่จื่อเฉินลืมตาขึ้นมา
สีขาวบริสุทธิ์ฉายเข้ามาในม่านตาของเขา
ความเ็ปที่หน้าอกได้หายไปแล้ว เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปตอนนั้น...
ทำไมถึงได้กระอักเื?
“ฟื้นแล้วเหรอ?"
เสียงหัวเราะแ่เบาดังขึ้นข้างหู เมื่อเย่จื่อเฉินหันไปก็เห็นหลินซีเยว่ที่ยังไม่ถอดชุดตำรวจออกนั่งอยู่ข้างเตียงของเขา มองเขาพลางยิ้มมุมปาก
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?" เย่จื่อเฉินลุกขึ้นนั่งมองเธออย่างมึนงง
ในความทรงจำของเขานั้น เขากระอักเืจนวูบไป
“คุณมาเจอผมเหรอ?"
“นายคิดว่าไงล่ะ?" หลินสีเยว่กล่าวเหมือนกับว่ากำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้ "ถ้าไม่ใช่เพราะฉันช่วยนายไว้ นายอาจจะโดนหมาจรจัดคาบไปกินแล้วก็ได้"
ผู้หญิงคนนี้ปากจัดชะมัด ทำไมเขาถึงไม่สังเกตมาก่อนเลยนะ?
หลังจากที่คุยกันได้สักพัก จู่ๆ เย่จื่อเฉินก็ถามขึ้นมาราวกับว่าคิดอะไรออก
"ตอนนี้หลิวเฉียงยังอยู่กับคุณใช่ไหม?"
“เปล่า เขาถูกส่งตัวไปกระทรวงยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คง..."
หลินสีเยว่พูดไม่จบประโยค แต่แค่นี้เย่จื่อเฉินก็รู้แล้วว่าหลิวเฉียงคงต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก
“แล้วจ้าวจื่อิ...”
เขารู้ว่าจ้าวจื่อิเป็แฟนของหลินสีเยว่ แต่เย่จื่อเฉินรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับเธอ
“ผมว่าคุณรีบเลิกกับเขาเถอะ"
"แล้วหลังจากที่เลิกกับเขาแล้วฉันจะคบใครล่ะ นายเหรอ?"
"ก็ดีนะ" เย่จื่อเฉินยิ้มแล้วยกแขนเบ่งกล้าม “ที่จริงแล้วผมดูดีมากเลยนะ"
“จริงจังหน่อย" หลินซีเยว่กลอกตาของเธอพร้อมถอนหายใจเบาๆ "ความสัมพันธ์ของฉันกับจ้าวจื่อิไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิด มันเป็ไปไม่ได้ที่เราจะเลิกกัน"
พูดจบ เธอก็ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา แล้วจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ฉันให้ทางโรงพยาบาลตรวจนายแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เจออะไรผิดปกติ อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของนาย เพราะฉะนั้นฉันไม่นอนค้างเป็เพื่อนนายนะ"
เอ๊ะ?
ฟังดูแปลกๆ นะ
เย่จื่อเฉินยักคิ้วยิ้มกวน "ดูเหมือนว่าถึงจะไม่ใช่คนในครอบครัวก็ค้างคืนได้นะ"
“แล้วจะให้...นี่นาย" หลินซีเยว่หน้าแดงเถือก แววตากรุ่นโกรธ ก่อนจะด่าลั่น "นายไปตายซะเถอะ!"
หลินซีเยว่คว้าหมอนที่วางอยู่บนเตียงฟาดไปที่เย่จื่อเฉิน แล้วก็เดินออกจากห้องไป
"ตำรวจคนนี้นี่นะ"
เย่จื่อเฉินยิ้มร่าก่อนจะมองดูเวลา
ตีสอง
“ผู้หญิงที่เป็ตำรวจคนนั้นเฝ้านายอยู่ที่นี่ตลอด" หลิวฉิงที่นั่งอยู่อีกด้านของเย่จื่อเฉินพูดขึ้นมาเบาๆ "ถ้านายมีเวลา นายต้องไปขอบคุณเธอด้วยนะ"
"ฉันรู้แล้ว" เย่จื่อเฉินลูบหัวหลิวฉิง ในขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ทำไมเขาถึงได้เจ็บหน้าอกกะทันหัน แล้วกระอักเืออกมา?
หรือว่าเขาจะป่วย แต่ั้แ่เด็กเขาก็ไม่เคยป่วยเลย แล้วเมื่อครู่หลินซีเยว่ก็เพิ่งบอกว่าตรวจแล้วไม่เจออะไร
คิดอยู่นานก็คิดไม่ออก เย่จื่อเฉินจึงได้แต่เลียริมฝีปาก ก่อนจะะโลงจากเตียง
“นายจะทำอะไร!"
“กลับบ้านไง เธอจะให้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลหรือไง ฉันทนอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ"
พูดจบ เย่จื่อเฉินก็วิ่งออกจากห้องไปทันที
"ฟื้นแล้วเหรอเย่จื่อ?" ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมหนึ่งของระเบียงทางเดิน
เจิ้งเฉิง!
เมื่อเห็นชายชราคนนี้ เย่จื่อเฉินก็เกิดอาการพูดไม่ออก
เป็ถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแท้ๆ ทำไมถึงได้อยู่ในโรงพยาบาลตอนดึกตลอดเลยนะ
“เธอจะไปไหน?" นายแพทย์เจิ้งเฉิงมองเขา
เย่จื่อเฉินขมวดคิ้ว ปรายตามองนายแพทย์เจิ้งเฉิง “ดูไม่ออกเหรอ? ผมก็กำลังจะกลับบ้านไง"
“แล้วเธอทำเื่ขอออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยัง?"
“ใครทำเื่ตอนผมเข้ามา?"
...
ทั้งสองคนมองหน้ากันเงียบๆ ครู่หนึ่ง เย่จื่อเฉินก็เลิกคิ้วขึ้น “เอาล่ะ เ้าหน้าที่ช่วยผมทำ ถูกต้องไหม? เอาอย่างนี้ ผมช่วยคุณแก้ปัญหาตั้งหลายครั้งแล้ว คุณก็ช่วยทำเื่ออกจากโรงพยาบาลให้ผมหน่อยสิ ผมไม่ได้เป็อะไรแล้ว"
นายแพทย์เจิ้งเฉิงยังคงนิ่ง
“อะไรล่ะ คุณไม่เต็มใจ?” เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วพูดเหมือนคนที่เป็ผู้ใหญ่กว่า “ผมช่วยคุณเื่การรักษามาตั้งสองครั้งแล้ว ถือได้ว่าผมคือผู้มีพระคุณของคุณ แค่ช่วยผู้มีพระคุณนิดๆ หน่อยๆ คุณควรจะรู้สึกเป็เกียรตินะ"
...
นายแพทย์เจิ้งเฉิงยังคงนิ่ง
บรรยากาศแบบนี้ทำให้เย่จื่อเฉินรู้สึกอึดอัดมาก เขาเกาหัวก่อนจะใช้มือตบลงบนบ่าของนายแพทย์เจิ้งเฉิง
"คุณหมอเจิ้งเฉิง ช่วยผมด้วยเถอะ"
"งั้นเธอก็ต้องช่วยฉันเหมือนกัน"
จู่ๆ นายแพทย์เจิ้งเฉิงที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไรก็ได้เปิดปากพูดออกมา
"คุณจะให้ผมช่วยอะไร? ถ้าจะให้ผมมาเป็หมอที่โรงพยาบาลก็เลิกคิดเลย ผมทำไม่ได้"
“ฉันไม่ได้จะให้เธอมาเป็หมอที่โรงพยาบาล แต่เพื่อนฉันกำลังจะมาที่ปิงเฉิงเร็วๆ นี้ ฉันอยากให้เธอไปช่วยดูอาการเขาหน่อย"
“ให้ผมเนี่ยนะดูอาการ?" เย่จื่อเฉินชี้ตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู "หมอาุโชำนาญการในวงการการแพทย์อย่างคุณยืนอยู่ตรงนี้แล้ว จะเอาเด็กแบบผมไปทำไม?"
“ความสามารถทางการแพทย์แผนจีนดีกว่าคนแก่ๆ อย่างฉันตั้งเยอะ อย่าดูถูกตัวเองเลย"
ใครดูถูกตัวเอง ฉันแค่ไม่อยากช่วยต่างหากเล่า
เย่จื่อเฉินเบ้ปากพูดกับตัวเอง นายแพทย์เจิ้งเฉิงจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
"ฉันอยากให้เธอไปดู ถือว่าเห็นแก่คนแก่อย่างฉันเถอะนะ ได้ไหม?"
“ได้ ถือว่าผมแพ้คุณก็แล้วกัน ถ้าคุณบอกให้ผมไปดู ผมก็จะไปดูให้ แต่ถ้าดูแล้วทำอะไรไม่ได้ คุณอย่ามาโทษผมก็แล้วกัน
"แค่เธอจะดูให้ ฉันก็ขอบคุณเธอมากแล้ว"
เย่จื่อเฉินทำมือว่าโอเคเมื่อได้ยิน ก่อนจะพูดขึ้น
"ไม่มีปัญหา ถึงเวลาก็มาหาผมก็แล้วกัน ถ้าคุณหาผมไม่เจอก็ไปหาหวงเซิงเหม่ยก็ได้ อ้อ! ได้ยินมาว่าพวกคุณมีตำแหน่งว่างนี่ ผมสนิทกับเธอ เธอไม่เลวเลยนะ จริงสิ เื่ทำเื่ออกจากโรงพยาบาล รบกวนหมอด้วยนะ จำไว้ล่ะว่าผมกับหวงเซิงเหม่ยสนิทกัน"
เย่จื่อเฉินพูดย้ำชื่อหวงเซิงเหม่ยอยู่หลายรอบ นายแพทย์เจิ้งเฉินส่ายหน้าอ่อนใจ
ตำแหน่งที่ว่างอยู่ก็ต้องเป็ของเธออยู่แล้ว ต่อให้เย่จื่อเฉินไม่พูดยังไงตำแหน่งนั้นก็เป็ของเธอ แต่ในเมื่อเขาพูดมาแบบนี้แล้วก็ไหลไปตามน้ำเลยก็แล้วกัน
เย่จื่อเฉินแอบย่องเข้ามาในบ้าน เพิ่งจะเข้ามาในบ้านได้ เสี่ยวไป๋ก็วิ่งเข้ามาหาด้วยดวงตาที่มีแสงสีเขียว
"เ้านาย าเ็เหรอ?"
เย่จื่อเฉินใกับคำพูดของเสี่ยวไป๋ พร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดไฟในบ้านด้วย
"แกรู้ได้ยังไง?"
"ผมมองเห็น"
ในขณะที่พูด เซนเซอร์สแกนของเสี่ยวไป๋ก็สว่างจ้าขึ้น
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วขึ้น เซนเซอร์สแกนอันนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสียทีเดียว มันจะต้องค่อยๆ ฝึกไปช้าๆ
แต่ว่า...
ถึงดูออกว่าาเ็แล้วจะมีประโยชน์อะไร ก็รักษาไม่ได้อยู่ดี
คิดมาถึงตรงนี้ เย่จื่อเฉินจึงยกมือขึ้นตบหัวของเสี่ยวไป๋หนึ่งครั้ง
"เ้านายตบหัวผมทำไม?"
"ฉันคันมือ"
"ผม...โอเค เ้านายสุดยอดเลย"
เมื่อเห็นท่าทางหดหู่ของเสี่ยวไป๋ เย่จื่อเฉินก็หัวเราะร่วน มีเ้าตัวนี้อยู่ในบ้านนี่ไม่เลวเลยจริงๆ
ติ๊ง!
ในขณะที่เขากำลังหัวเราะอยู่กับเสี่ยวไป๋ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา
ไม่มีใครส่งข้อความมา แต่ตรงรายชื่อเพื่อนใหม่กลับมีเลขหนึ่งโชว์อยู่
หานเซียงจื่อขอเพิ่มคุณเป็เพื่อน