เมื่อเทียบกับห้องที่ดูเงียบเชียบของหลินลั่วหรานแล้วที่ห้องของเป่าเจียดูมีความคึกคักกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณหมอที่กำลังทำการตรวจสอบทั่วไปอยู่ผู้บังคับบัญชาฉินกำลังพูดคุยกับหลิ่วเจิงเบาๆ อยู่บนโซฟาแถมยังมีพยาบาลที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำหน้าที่รวมทั้งเหล่าทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูให้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คนเสียจริง
ไม่ใช่ว่าหลังจากที่หลินลั่วหรานช่วยเป่าเจียเอาไว้ผู้บังคับบัญชาฉินเห็นว่าเธอหมดประโยชน์แล้ว ก็เลยเอาเธอไปไว้ในห้องพักที่เงียบสงบแบบนั้นแต่เป็เพราะวันที่เธอจัดการช่วยเป่าเจียให้หลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายมาได้เหล่าผู้คนที่อยู่ที่นั่น แม้ว่าจะถูกคำสั่งของผู้บังคับบัญชาฉินปิดปากเอาไว้ได้แต่คำสั่งของเขาก็ทำได้เพียงปิดปากของคนเ่าั้เอาไว้ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งความคิดของพวกเขาได้ ทุกคนต่างพากันมองว่าหลินลั่วหรานเป็คนที่มีความสามารถเกินคนธรรมดาทั่วไปเพราะอย่างนั้น ใครจะไปกล้ารบกวนความสงบของเธอล่ะ?
“คุณปู่ฉิน” หลินลั่วหรานยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง ก่อนจะเอ่ยเรียกคุณปู่ออกมาผู้บังคับบัญชาฉินเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานฟื้นแล้วใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“สาว...น้อยหลิน ฟื้นแล้วเหรอมานั่งตรงนี้เร็วเข้า เดินไปมั่วซั่วอะไรกัน”
คำว่า “สาวน้อย” ถูกพูดออกมาพร้อมทั้งความลังเลในตอนนี้ผู้บังคับบัญชาฉินไม่รู้ว่าเขาควรจะใช้คำพูดแบบไหนในการรับมือกับเด็กอายุน้อย ผู้มีความสามารถระดับสูงของ “ลัทธิเต๋า” อย่างหลินลั่วหราน
ในใจของหลินลั่วหรานรู้ดีแต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมามากนัก ตอนนี้จะมาทำอะไรให้มากความอย่างไรก็ดูไม่สนิทสนมเท่าเมื่อก่อน ปล่อยให้มันเป็ไปตามธรรมชาติก็น่าจะดีกว่าหากคุณตาของเป่าเจียชินแล้ว ทุกคนก็จะเป็เหมือนอย่างเดิม
“หนูมาเยี่ยมเป่าเจียค่ะได้ยินนายทหารลู่บอกว่า ยังไม่ฟื้นเหรอคะ?”
ผู้บังคับบัญชาฉินไม่ได้กังวลเื่นี้มากนักในลัทธิเต๋ามีเื่มหัศจรรย์มากมาย หากสามารถช่วยดึงเป่าเจียกลับมาจากประตูแห่งความตายได้ก็ไม่น่าจะทำให้เธอนอนสลบอยู่แบบนี้ไปตลอด หากแม้ว่าจะเป็เ้าหญิงนิทราไปจริงก็มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมา อย่างไรก็ดีกว่าความตายผู้บังคับบัญชาฉินมองไปในแง่ดีเสียมากกว่า
แต่เมื่อหลินลั่วหรานถามขึ้นมาผู้บังคับบัญชาฉินก็ได้แต่พยักหน้า ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะกังวลว่าสุขภาพของหลินลั่วหรานอาจจะรับไม่ไหวเขาก็อยากจะขอให้เธอช่วยตรวจดูเป่าเจียให้
“ให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ?” กลุ่มนางพยาบาลที่รุมอยู่รอบเตียงของเป่าเจีย ขยับห่างออกไปไกลเธอก็ไม่รู้อะไร จึงหันไปถามหาความเห็นจากผู้บังคับบัญชาฉิน
หัวหน้าแพทย์ที่เอาแต่เงียบและเหล่าพยาบาลที่ได้พบเห็นปาฏิหาริย์ในวันนั้นั้แ่ที่หลินลั่วหรานเข้ามาก็เงียบจนราวกับจะทำตัวเป็ฉากหลังเพียงแค่หวังว่าจะได้พบกับ “ผู้ที่มีความสามารถสูงส่ง” แสดงความสามารถอีกครั้งตามที่เรียนด้านการแพทย์มานั้น ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความอยากที่จะรู้แต่ไม่ได้มีความ้าเหมือนอย่างเวลาที่หลินลั่วหรานฝึกฝนแล้วได้พบกับวิชาต่างๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้บังคับบัญชาฉินไม่มีทางมอบโอกาสในการศึกษาให้กับพวกเขา เขาเอ่ยคำเชิญคนเ่าั้ออกไปอย่างสุภาพอีกทั้งยังสั่งให้ลู่ซานชุนไปเฝ้าที่หน้าประตูเอาไว้เหลือเพียงหลิ่วเจิงที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ภายใต้ห้องพักคนไข้ได้
ไม่ได้พบหน้ากันหลายวันดูเหมือนว่าหลิ่วเจิงจะผอมลงไปมาก เพียงแค่หลินลั่วหรานกวาดตามองก็เห็นข้อนิ้วบนมือที่ถือแก้วน้ำของเขาได้หมด
หลินลั่วหรานเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรืออาจจะเป็เพราะเื่ที่เกิดขึ้นกับเป่าเจียครั้งนี้หรืออาจจะเป็เพราะความเงียบในตอนที่คุณนายโจวมาโวยวายที่นี่ถึงทำให้เธอรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเธอกับเขามันไกลห่างกันมากขึ้น
เมื่อเหล่าหมอและพยาบาลออกไปจนหมดหลินลั่วหรานก็มายืนอยู่หน้าเตียงของเป่าเจียและตรวจสอบสถานการณ์ของเธออย่างละเอียด
เป่าเจียในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องผ่าตัดวันนั้นแล้วตอนนี้การหายใจของเธอสงบนิ่ง เืที่คั่งในร่างกายของเธอก็หายไปแล้ว เส้นผมที่ถูกโกนออกไปก็ยาวขึ้นมากว่าสองนิ้วภายในเวลาห้าวัน ถือว่าเป็สิ่งที่ต่างไปจากปกติทีเดียว
รอยแผลที่หลงเหลือมาจากการผ่าตัดเปิดกะโหลกก็ถูกฟื้นฟูด้วยความเร็วที่น่าใชวนให้คนจินตนาการตามได้ไม่ยาก ว่าผ่านไปอีกไม่กี่วันแม้แต่รอยแผลเป็เหล่านี้ก็อาจจะหายไปด้วย
หลินลั่วหรานลองส่งพลังเข้าไปตรวจสอบภายในร่างกายของเป่าเจียเกิดการผลัดเปลี่ยนใหม่อย่างรวดเร็วอวัยวะภายในที่ถูกทำลายก็ได้รับการรักษาจนกลับมาเป็เหมือนอย่างตอนแรกในส่วนของเืก็ดูสมบูรณ์กว่าคนทั่วไปเสียอีก แต่ทำไมเธอถึงยังอยู่ในอาการสลบมาตลอดแบบนี้ล่ะ?
หลินลั่วหรานคิดว่าเธออาจจะพลาดตรงไหนไปหรือเปล่าจึงตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
อวัยวะด้านในไม่มีปัญหาอะไรหลินลั่วหรานลากสายตาไปยังสายเส้นโลหิต ในตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะกวาดสายตาผ่านๆเท่านั้น แต่ในการมองแบบคร่าวๆ นี้ กลับทำให้เธอพบกับสิ่งที่ชวนให้ประหลาดใจ เส้นสีเงินที่กำลังขยับไปมานั่นมีวันไหนบ้างที่หลินลั่วหรานไม่ได้เห็นมัน ถ้าไม่ใช่พลังแล้วจะเป็อะไรได้อีก!
คนธรรมดาทั่วไปไม่ได้เข้าใจถึงการนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจถ้าหากพลังเข้าไปสู่ร่างกายโดยไม่ทันได้รู้ตัว ก็จะมีผลขึ้นมาเพียงใน่เวลานั้นหลังจากนั้นพลังก็จะออกจากตัวไปเองไม่มีทางที่จะตกค้างอยู่ในเส้นเืภายในร่างกายอย่างแน่นอน
ก็เหมือนกับหมัดที่หลินลั่วหรานต่อยใส่มู่เทียนหนานไปมู่เทียนหนานก็ถือว่าเป็คนที่มีความสามารถทางการต่อสู้สูง แต่ไม่ได้มีพื้นฐานในการฝึกศาสตร์มาก่อนพลังที่หลินลั่วหรานปล่อยใส่ร่างกายของเขาไปนั้น ก็จะส่งผลต่อร่างกายของเขาไปบ้างก่อนจะหายไปตามปกติหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน
แล้วที่อยู่ในเส้นเืของเป่าเจียในตอนนี้หรือว่าจะเป็ส่วนที่หลงเหลือจากการรักษาเมื่อห้าวันก่อนอย่างนั้นเหรอ?
หลินลั่วหรานรู้สึกว่ามันไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้นเธอเรียกจิตรับรู้กลับมา ก่อนจะหลับตาลงคิด เธอนึกอะไรขึ้นมาได้หลายอย่างถึงได้ลืมตาขึ้นมาถาม “คุณปู่ฉินคะ่หลายวันมานี้ นอกจากจะนอนสลบอยู่ตลอดแล้ว ก็ไม่มีอาการอื่นเลยเหรอคะ?”
ผู้บังคับบัญชาฉินคิดอยู่สักพัก “นอนสลบอยู่ตลอด ระบบต่างๆก็ปกติดี ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ผิดปกตินะ”
คนที่เงียบสงบมาตลอดอย่างหลิ่วเจิงใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะ “ฉันได้ยินพยาบาลแอบคุยกันอยู่นะเห็นว่าเปลี่ยนเสื้อและพวกผ้าปูที่นอนอะไรพวกนี้บ่อยมาก ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้เป่าเจียจะเหงื่อออกเยอะ...แถมยังเป็สีดำด้วย”
ผู้บังคับบัญชาฉินให้ความสนใจกับเป่าเจียมากดังนั้นเื่เล็กๆ เหล่านี้เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไรเมื่อหลินลั่วหรานได้ยินคำบอกเล่าของหลิ่วเจิง ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นมา หยาดเหงื่อสีดำ เป่าเจียที่นอนสลบไม่ฟื้นขึ้นมาเสียทีและพลังที่อยู่ในสายเส้นเืของเธอ เมื่อนำทั้งสามสิ่งมารวมเข้าด้วยกันก็ดูเหมือนว่าเป่าเจียจะสามารถฝึกศาสตร์ได้แล้ว?
หลินลั่วหรานนึกถึงดักแด้สีดำในตอนแรกที่เธอชำระไขกระดูกและอาการเ็ปราวกับจะตายในตอนที่กินผลไม้สีแดงเข้าไปขึ้นมาเมื่อเอามาเทียบกับสถานการณ์ของเป่าเจียแล้วก็ดูเหมือนว่าเพื่อนรักของเธอจะได้โชคจากการประสบอุบัติเหตุเสียแล้วตอนนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเธอก็คือขั้นตอนการปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายที่ค่อนข้างอบอุ่นอย่างหนึ่ง?
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็ไปได้เธอจึงยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ผู้บังคับบัญชาฉินเห็นว่าแววตาของเธอดูผ่อนคลายลงคิ้วที่ขมวดอยู่ของเขาก็ค่อยๆ คลายออกขอเพียงแค่หลานสาวเพียงคนเดียวของเขาไม่เป็อะไรเขาก็เป็เพียงคนแก่ที่ชอบที่จะหัวเราะคึกคักคนนั้น
“สาวน้อยหลิน ดูท่าทางของหนูแล้วเป่าเจียคงจะไม่เป็อะไรแล้วใช่ไหม?”
หลินลั่วหรานยิ้มขึ้นมาอย่างลึกลับ “ยิ่งกว่าไม่เป็อะไรอีกค่ะบางทีการประสบอุบัติเหตุครั้งนี้จะนำพาโชคดีมาให้เป่าเจียก็ได้นะคะ...ทั้งหมดคงจะต้องรอเธอฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ”
เมื่อคิดขึ้นมาว่าเป่าเจียอาจจะได้รับการฝึกศาสตร์ขั้นพื้นฐานมาจากการได้รับาเ็ครั้งนี้หลินลั่วหรานก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เส้นทางแห่งการฝึกศาสตร์นั้นยังอีกยาวไกลเธอมักจะเอาแต่กังวลว่าวันหนึ่งเพื่อนรักของเธออาจจะไม่สามารถอยู่ข้างกายเธอได้อีกต่อไปแต่ในตอนนี้ แม้ว่าการฝึกกำหนดลมหายใจของพ่อและแม่จะยังไม่พัฒนามากนักแต่อย่างน้อยเป่าเจียก็ก้าวเข้ามากว่าครึ่งก้าวแล้ว
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือจากการที่เธอใช้พลังไปจนหมดสิ้นในครั้งนี้เธอจึงได้ััถึงความมีอยู่ของไข่มุกที่ลึกลงไปอีกขั้น ถ้าสามารถคัดลอกลวดลายนั้นออกมาได้อาจจะไม่ต้องทั้งหมด แต่เพียงแอบมองอย่างผิวเผินก็อาจจะทำให้พ่อกับแม่เข้ามาร่วมได้ง่ายๆ แล้ว?
หมอกครึ้มที่ปกคลุมอยู่ในหัวของหลินลั่วหรานั้แ่ที่เกิดเื่กับเป่าเจียค่อยๆมลายหายไป ความไม่สบายใจก็ค่อยๆ ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้นก่อนที่จิตใจของเธอจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยผลกระทบจากตัวของเธอบรรยากาศทั่วทั้งห้องพักคนไข้ก็เหมือนจะผ่อนคลายขึ้นมาด้วย
แต่ใน่เวลานั้นเองประตูของห้องพักก็ถูกเปิดขึ้น ลู่ซานชุนที่ดูสงบนิ่งเดินเข้ามาเอ่ยเรียก “ท่านผู้บังคับบัญชา” ก่อนจะพูดสิ่งที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้