ตอนแรกว่าจะไม่รัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

อันดายิ้มบางๆ อย่างไม่ถือสา “ดึกแล้วค่ะ ฉันขอกลับก่อนนะ บ้านฉันอยู่ซอยห้า ห่างจาก สน. ไปเกือบสองกิโล ถ้าวันไหนคุณอยากให้ฉันช่วย ก็แวะไปได้นะคะ บ้านฉันอยู่หลังสุดท้ายในซอยเลยค่ะ”

ชนกันต์พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามเมื่อเห็นเธอหมุนตัวเตรียมเดินจากไป

“นี่คุณจะเดินกลับบ้านเหรอ?” ดูจากสภาพแล้ว ดึกขนาดนี้ สถานที่เปลี่ยวขนาดนี้ คงไม่มีรถนั่งกลับเข้าไปหรอก

“ค่ะ เดี๋ยวฉันโทรหาน้องชาย ให้เขาออกมารับ เราคงเจอกันแถวๆ หน้าปากซอยพอดี”

“ดึกขนาดนี้ ทางก็เปลี่ยว… คุณยังคิดจะเดินกลับอีกเหรอ? เพิ่งผ่านเ๱ื่๵๹อันตรายมา ไม่นึกกลัวบ้างเลยเหรอ”

“ไม่เป็๞ไรหรอกค่ะ ตรงนี้ไม่เปลี่ยวเหมือนตรงที่เกิดเหตุแล้ว” เธอยิ้ม “จริงๆ ถ้ามีโจรมาคนเดียว ฉันก็พอจะสู้ไหวนะคะ”

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเบาๆ แม้จะเห็นท่าทางต่อสู้ของเธอมากับตา แต่ถึงอย่างไร... ในเมื่อลงมือช่วยแล้ว เขาก็ควรช่วยให้ถึงที่สุด

“ยังไงคุณก็เป็๞ผู้หญิง อีกอย่าง... ผมก็เสียเวลาไปแล้ว ถ้าคุณเป็๞อะไรขึ้นมา ผมคงเสียดายเวลาที่ช่วยไว้ ขึ้นรถมาเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ

อันดาอดขำไม่ได้

แม้จะพูดจาขวานผ่าซากไปนิด แต่เขาก็เป็๞คนใจดี และดูเป็๞สุภาพบุรุษ เธอจึงเดินตามขึ้นรถไปอย่างว่าง่าย

ไม่นานนัก เสียงของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“คุณไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น?”

ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่อยากรู้เ๱ื่๵๹ใคร แต่กับเธอ... ไม่รู้ทำไม ถึงอดสงสัยไม่ได้

“ฉัน…” เธอเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาเจือเศร้า “ฉันไปหาเก็บขวดค่ะ เอาไปขาย”

“เก็บขยะ?” เขาขมวดคิ้ว

เธอพยักหน้าช้าๆ “ใช่ค่ะ”

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเหรอ? หน้าตาก็พอมีดี ทำไมไม่หางานอื่นทำล่ะ”

อันดายิ้มจืด เธอเคยได้ยินคำพูดแบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“คนจนไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอกค่ะ ยิ่งไม่มีต้นทุนชีวิต ก็ยิ่งถูกกดขี่ ขาดโอกาส ฉันพยายามแล้ว... แต่โลกนี้ไม่ได้เมตตาคนที่พยายามเสมอไป” น้ำเสียงเธอเริ่มสั่นเครือ “ฉันเพิ่งถูกไล่ออกจากร้านกาแฟ ทั้งๆ ที่ฉันตั้งใจทำงานเต็มที่... แต่กลับถูกกลั่นแกล้ง เพราะไปขวางหูขวางตาลูกเ๽้าของร้าน”

“อย่าเอาความจนมาเป็๞ข้ออ้าง”

เธอชะงัก ก่อนจะเงยหน้ามองเขา แม้คำพูดจะดูไม่อ่อนโยน แต่กลับ๼ั๬๶ั๼ได้ถึงเจตนาดีที่แฝงอยู่

“ฉันไม่ได้ใช้ความจนเป็๞ข้ออ้างหรอกค่ะ... ฉันแค่เล่าความจริง” เสียงเธอสั่น ก่อนจะพรั่งพรูออกมา “ย่าฉันป่วย นอนติดเตียง น้องต้องเรียน ทุกวันมีค่าใช้จ่าย ฉันไม่มีแม้แต่เวลาจะฟูมฟาย ยิ่งถ้าวันไหนไม่มีรายได้ ทั้งครอบครัวก็ไม่มีอะไรกิน…”

น้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้ตัว เสียงสะอื้นแ๶่๥เบาดังขึ้นในรถเงียบ

ชนกันต์ถอนหายใจเบาๆ คิ้วขมวดแน่น แล้วก็เหมือนอะไรบางอย่างในหัวสมองเชื่อมโยงเข้ากันได้

เขานึกออกแล้ว…

ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่ถูกตะเพิดออกจากร้านกาแฟเมื่อตอนเที่ยง

ตอนนั้นเขาแอบนึกเยาะเย้ยในใจด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ กลับได้ยินอีกแง่มุมหนึ่งของเธอ

เขาหยิบทิชชูจากคอนโซลแล้วยื่นให้เธอ

“ขอบคุณค่ะ…” เธอรับมาพลางสั่งน้ำมูกเสียงดังอย่างลืมตัว

ชนกันต์เหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

เกิดมายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าเลย… ไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์สวยหวานเลยหรือไง

“ขออีกค่ะ” เธอพูดพร้อมยื่นมือ

เขาถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะหยิบให้เธออีกแผ่น

“บ้านฉันอยู่ซอยข้างหน้านี่เองค่ะ” เธอบอกคนขับ พร้อมกับพับกระดาษทิชชูแล้วยัดใส่กระเป๋า

รถเคลื่อนตัวมาถึงจุดหมายปลายทาง ชนกันต์มองภาพบ้านเก่า ๆ เบื้องหน้า ตัวบ้านอยู่ต่ำกว่าถนน คล้ายถูกสร้างมาก่อนที่ถนนเส้นนี้จะตัดผ่าน

"นี่บ้านฉันเองค่ะ มีอะไรให้ช่วยก็มาหาฉันที่นี่ได้เลยนะคะ" เธอหันมายิ้มบางให้ ขณะรถจอดสนิท

ชนกันต์มองตัวบ้านอย่างพินิจ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ "บ้านคุณก็ไม่ได้ดูดีอะไร แต่ก็คงไม่ถึงกับไม่มีเงินเลยใช่ไหม... ทำเลแถวนี้ ราคาที่ดินก็ค่อนข้างสูง"

เขาไม่ได้พูดเพราะระแวง แต่อาจเพราะเป็๞คนที่ไม่ค่อยเชื่อใครง่าย ๆ โดยเฉพาะหลังเคยพบเจอผู้หญิงมาหลายรูปแบบ ทั้งจริงใจ และที่ใช้เล่ห์กลจนเขาแทบแยกไม่ออก

"บ้านหลังนี้ปู่กับย่าสร้างกันไว้ค่ะ ถ้าพ่อยังอยู่ก็คงไม่ต้องลำบากเ๱ื่๵๹เงินแบบนี้" น้ำเสียงเธออ่อนลงเล็กน้อย "โชคร้าย... ท่านเสียไปเมื่อสองปีก่อน จากอุบัติเหตุ ตอนไปตามแม่ฉันที่หอบเงินหนีไปกับผู้ชายคนใหม่"

หญิงสาวกลั้นใจเล่าต่อ ทั้งที่ไม่อยากย้อนกลับไปนึกถึง

"ฉันเลยต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย มาทำงานหาเงิน ส่งน้องชายที่กำลังเรียน และดูแลคุณย่าที่กำลังป่วย..." เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองด้วยรอยยิ้มฝืน "เอาเป็๲ว่า อย่าสนใจฉันเลยนะคะ แค่เครียดนิดหน่อย เลยพลั้งพูดออกไป ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ค่ะ"

พูดจบ เธอก็เปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทีเรียบง่าย แต่ในใจกลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาดที่ได้เล่าความเครียดในใจออกไปให้กับคนแปลกหน้า

ชนกันต์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วหยิบนามบัตรใบหนึ่งยื่นให้เธอ

"นี่ นามบัตรของเลขาผม ถ้าอยากทำงาน ลองติดต่อบริษัทนี้ดู ติดต่อคุณนาวิน เขาจะจัดการให้... รับรองได้งานแน่"

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้