เห็นิอวี่กำลังคิดหนัก ซูเยวี่ยจึงพลิกข้อมือ แล้วกระบี่สีดำประดับลายดอกไม้สีน้ำเงินเข้มเล่มหนึ่งก็ปรากฏออกมา กระบี่สีดำเล่มนี้งดงามมาก ลวดลายดอกไม้สีน้ำเงินเข้มก็ดูเหมือนมีชีวิต งดงามไร้ที่ติ ปลายกระบี่มีลมปราณที่เคลื่อนไหวอยู่อ่อนๆ !
อากาศรอบตัวกระบี่นั้นบิดเบี้ยวเพราะความแหลมคมของมัน
ถึงแม้มันจะเป็แค่กระบี่เล่มหนึ่ง แต่วินาทีที่ซูเยวี่ยอัญเชิญกระบี่เล่มนี้ออกมา ผู้ชมทั้งห้าหมื่นคนก็ััถึงลมปราณกระบี่ที่เฉียบคมจนรู้สึกหวาดกลัว!
ซูเยวี่ยพูดว่า “นี่เป็กระบี่พกของข้า กระบี่เงาลวงตา เป็อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ด หากเ้ายอมเป็ศิษย์ของข้า และสามารถไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ได้ภายในระยะเวลาห้าปี กระบี่เงาลวงตาเล่มนี้ข้าก็จะยกให้เ้า”
กระบี่เงาลวงตา อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ด?
เท่าที่ิอวี่รู้มา ศาสตราวุธระดับเก้าถือเป็ศาตราวุธที่แข็งแกร่งที่สุด ถือเป็อาวุธระดับเทพ เหนือกว่าศาสตราวุธทั่วไปมากสินะ?
ิอวี่เปิดััแห่งดวงตาแล้วก็มองไปที่กระบี่เงาลวงตา พบว่าบนตัวกระบี่เงาลวงตาเหมือนมีแสงซ่อนอยู่ มันเหมือนอสูรตัวน้อยที่ลอยอยู่บนตัวกระบี่เงาลวงตา มันคือิญญาของกระบี่ นี่แหละลมปราณที่แหลมคมแข็งแกร่งที่แท้จริงของกระบี่เงาลวงตา!
ในความเป็จริงแล้ว สิ่งที่ิอวี่คิดนั้นก็ไม่ผิด ศาตราวุธคืออาวุธแห่งเทพ!
ความแตกต่างระหว่างศาตราวุธกับอาวุธแห่งเทพนั้นอยู่ที่ ศาตราวุธมีความแหลมคมของตัวอาวุธ แต่อาวุธแห่งเทพมันจะมีจิติญญา อาวุธแห่งเทพแต่ละชิ้นล้วนแต่มีิญญาแห่งอาวุธเป็ของตัวเอง
ิญญาแห่งอาวุธพวกนี้อาจมาจากช่างตีอาวุธที่เพิ่มจิตของเขาผนึกลงบนตัวกระบี่ หรืออาจจะเป็ิญญาที่ถูกชิงมาจากที่อื่น แล้วนำมาผนึกเอาไว้ในกระบี่ เช่นิญญาแห่งอสูร หรือไม่ก็เศษิญญาของคน
ดังนั้น ผู้กล้าที่ใช้อาวุธแห่งเทพจะสามารถดึงเอาพลังิญญาแห่งอาวุธออกมาเพื่อเพิ่มพลังของมันได้ด้วย!
อาวุธแห่งเทพเองก็แบ่งออกเป็เก้าระดับเช่นกัน ระดับยิ่งสูง ระดับิญญาแห่งอาวุธก็จะยิ่งมาก วัสดุของอาวุธก็จะยิ่งแข็งแกร่งทนทานมากขึ้น
กระบี่เงาลวงตาก็เป็อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดที่แข็งแกร่งอย่างมาก!
ก็เหมือนกับิอวี่ที่มีกระบี่หวงฉวน ในความเป็จริงกระบี่ของเขานั้นก็เหนือกว่าศาสตราวุธระดับเก้าแล้ว เพราะมันมีลมปราณแห่งความตาย มันมีิญญาของคนตาย ดังนั้น หากนิยามกระบี่หวงฉวนอย่างจริงจังแล้วล่ะก็ มันถือเป็อาวุธแห่งเทพระดับหนึ่งสูงสุด เพียงแต่ิอวี่ไม่รู้เท่านั้นเอง
กระบี่เงาลวงตาเล่มนี้ มีระดับิญญาที่เหนือกว่ากระบี่หวงฉวนของิอวี่
ิอวี่รู้สึกว่า ขอแค่ซูเยวี่ยกระดิกมือก็สามารถทำการโจมตีออกมาได้ง่ายๆ แล้วกระบี่เงาลวงตาเล่มนั้นก็สามารถฟันตัวเขาขาดออกเป็สองท่อนได้เลย!
แสดงให้เห็นว่า อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดนั้นมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน!
ทุกคนในลานประลองต่างส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง แม้แต่ผู้าุโใหญ่คนอื่นเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดอย่างกระบี่เงาลวงตามันเป็กระบี่ประจำตัวของซูเยวี่ย ต่อให้นางจะไม่ได้มีอาวุธแห่งเทพเล่มนี้เล่มเดียว แต่มูลค่าของอาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดก็เห็นกันอยู่ ผู้าุโใหญ่คนอื่นไม่ใจป้ำขนาดนั้น ที่จะเอาอาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดออกมาเป็ของรางวัลแบบนี้
ถึงแม้ซูเยวี่ยจะกำหนดว่า “ต้องมีขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ภายในห้าปี” เป็มาตรฐาน หากิอวี่คิดอยากจะได้มันก็ยังถือว่ายาก แต่พวกเขารู้สึกว่ามันไม่ได้จำเป็เลย
เพราะอาวุธแห่งเทพที่พวกเขาใช้มานานหลายปี ไม่ว่าอย่างไรก็มีความผูกพันอยู่ ต่อให้ิอวี่จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้เขาคลั่งถึงขนาดนั้น
เพราะั้แ่ก่อตั้งสำนักเทพอัคคีมาตั้งหลายหมื่นปี ผู้มีความสามารถในแต่ละสายนั้นก็กว้างขวาง มีปีศาจที่มีพร์ก็มากมายนับไม่ถ้วน
หากิอวี่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สามั้แ่ยังอายุไม่เต็มสิบแปดปี ทำลายบันทึกสูงสุดของสายเลี่ยนเหยียนได้ พวกเขาอาจจะลองพิจารณาดู แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าิอวี่ยังทำไม่ได้ตรงจุดนั้น
ดังนั้น การกระทำของซูเยวี่ยมันดู “บ้า” มากเกินไป
ซึ่งแน่นอนว่า หากผู้าุโใหญ่คนอื่นรู้ว่าิอวี่เอาชนะดวงจิตแห่งไฟได้ภายในครึ่งนาทีในตอนทดสอบรับเด็กใหม่ ไม่แน่ว่าอาจจะบ้ามากกว่าที่ซูเยวี่ยทำในเวลานี้ก็ได้
“เป็อย่างไร เ้าเลือกได้แล้วหรือยัง” ซูเยวี่ยไม่ได้มีท่าทีที่จะเก็บกระบี่เงาลวงตาอาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดแต่อย่างใด อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดนั้นยังคงงดงามเป็ที่สะดุดตาอยู่ มันลอยอยู่กลางอากาศเปล่งแสงที่สวยงาม และมีแรงดึงดูดอย่างมาก
ิอวี่เหมือนคิ้วจะคลายลง หลังจากที่พิจารณาดูแล้ว เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็ศิษย์ของซูเยวี่ย แต่ในเวลานี้เอง ...
“ตึง!”
เสียงตบโต๊ะดังขึ้น ิอวี่หันไปมองตามเสียงก็พบว่าผู้าุโใหญ่ที่นั่งตรงที่ประธานอย่างซ่งหยวนหยวนตบโต๊ะหินที่อยู่ด้านหน้า แล้วหันมามองซูเยวี่ยด้วยท่าทางที่แข็งกร้าวว่า “น้องซูเยวี่ย ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
หือ?
ทุกคนรวมถึงิอวี่ด้วย ล้วนแต่มองไปที่สาวชุดกี่เพ้าขาวประดับร่างกายที่เผ็ดร้อน ท่าทางที่ดูขึงขังอย่างซ่งหยวนหยวนด้วยความตะลึง แล้วคิดในใจกันว่า นี่มันเื่อะไรกัน?
เมื่อครู่ซ่งหยวนหยวนยังนั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไรเลย ทุกคนเลยคิดว่าซ่งหยวนหยวนไม่ได้ถูกใจพร์ของิอวี่ แต่ในเวลาสำคัญ ซ่งหยวนหยวนกลับจะมาเลือกิอวี่แล้วอย่างนั้นหรือ!
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ ที่จริงซ่งหยวนหยวนอดทนมาตลอด แต่ตอนนี้นางทนไม่ไหวแล้ว
ก่อนหน้านี้ นางได้บอกกับผู้าุโทั้งเจ็ดคนไปแล้วว่านางจะไม่รับิอวี่เป็ศิษย์เด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าิอวี่จะเอาชนะเซินถูเจ๋อได้ และกลายเป็ผู้ชนะในท้ายที่สุด!
มันทำให้ซ่งหยวนหยวนนั้นประหลาดใจมาก เดิมคิดอยากจะรับิอวี่เป็ศิษย์ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้นางได้พูดแบบนั้นออกไป ก็เลยทำได้แค่มองดูเหล่าผู้าุโใหญ่คนอื่นแย่งชิงิอวี่ด้วยความไม่สบอารมณ์ ยิ่งนางทนดูมากเท่าไร ในใจก็เริ่มทนไม่ไหวมากขึ้นเท่านั้น
ทำไมเวลาแย่งกันกินข้าวมันถึงได้อร่อยกว่านะ? เพราะต้องแย่งกันหรือ ถึงได้รู้สึกว่ามันมีราคาและมีความหมาย
เดิมที ความสามารถของิอวี่นั้นก็ตรงตามเงื่อนไขที่ซ่งหยวนหยวนจะรับเป็ศิษย์ได้แล้ว อีกทั้งคำพูดการกระทำของเหล่าผู้าุโใหญ่ข้างๆ มันยิ่งทำให้ซ่งหยวนหยวนนั้นอดใจไม่ได้ จนกระทั่งซูเยวี่ยอัญเชิญอาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดออกมา ซ่งหยวนหยวนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
คืนคำก็ช่าง แต่จะให้ผู้หญิงคนนั้นชิงของข้าไปไม่ได้เด็ดขาด!
ที่จริงแล้ว ซ่งหยวนหยวนกับซูเยวี่ยก็แอบไม่ถูกกันอยู่แล้ว
ซ่งหยวนหยวนปีนี้อายุยี่สิบแปด ส่วนซูเยวี่ยนั้นปีนี้ยี่สิบเจ็ด เมื่อสิบปีก่อนในการทดสอบรับเด็กใหม่ของสายเลี่ยนเหยียน นางกับซูเยวี่ยได้รับคัดเลือกเข้ามาพร้อมกัน ตอนนั้นพวกนางสองคนกลายเป็เทพธิดาของใครหลายๆ คน แต่ซูเยวี่ยคิดอยากจะแข่งกับซ่งหยวนหยวน เลยแอบยุแหย่ พูดให้ร้ายซ่งหยวนหยวนลับหลัง ทำให้เพื่อนสนิทของซ่งหยวนหยวนในเวลานั้นต่างตีตัวออกห่างนางไป
ตอนนั้น ความสามารถของซ่งหยวนหยวนกับซูเยวี่ยนั้นไม่ได้แตกต่างกันเท่าไร แต่การแข่งขันที่ดุเดือดในสำนักเทพอัคคี ความสามารถมันหมายถึงทรัพยากรในการฝึก มันเป็ตัวแทนของชื่อเสียงและการจับตามอง ซูเยวี่ยคิดหาวิธีการทุกอย่างเพื่อให้ซ่งหยวนหยวนตกเป็รอง แต่ในสุดท้ายแล้ว ซ่งหยวนหยวนก็ยังเหนือกว่า ความสามารถของนางก้าวะโไปไกลมาก จนถึงตอนนี้ นางก็ยังได้นั่งในตำแหน่งหนึ่งในสามผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสายเลี่ยนเหยียนโดยไม่มีใครเทียบได้อีก
ดังนั้น สำหรับซ่งหยวนหยวนที่ทำอะไรตรงไปตรงมาแล้ว ซูเยวี่ยไม่ใช่คนที่มีภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับนาง การแย่งชิงของนาง ซ่งหยวนหยวนจะต้องร่วมวงแน่!
แล้วต้องชิงมาอย่างงดงามด้วย!
“หยวนหยวน เื่นี้มัน ... ”
เฮ่อเหยียนลูบเคราแล้วพูดว่า “เมื่อครู่เ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะไม่แย่งกับเรา ทำไมตอนนี้ถึงได้ ... ”
“เมื่อครู่ข้าได้พูดแบบนั้นออกไปหรือ?” ซ่งหยวนหยวนทำตาโตแล้วยิ้มให้เฮ่อเหยียน ดวงตาของนางมีไฟลุกโชนอยู่!
“ ... ”
เฮ่อเหยียนถึงกับเลือกที่จะเงียบ ผู้หญิงคนนี้กลับคำแบบไม่ให้ได้หายใจเลย แล้วยังพูดเหมือนทุกอย่างถูกต้องด้วย? พอคิดดูแล้วเขาก็คิดว่าอย่าไปมีเื่กับนางจะดีกว่า หากนางเกิดคลั่งขึ้นมาเกรงว่าเครื่องมือสังหารจะเริ่มทำงาน!
ส่วนซูเยวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วหนักมาก นางรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็ธรรม “ท่านพี่หยวนหยวน เมื่อครู่ท่านพูดเองจริงๆ นะว่าจะไม่แย่งกับเราน่ะ ทำไมตอนนี้ถึงได้คืนคำแบบนี้ล่ะ ท่านเป็ถึงหนึ่งในสามผู้าุโที่แข็งแกร่งที่สุดเชียวนะ”
คำพูดของซูเยวี่ยฟังดูเหมือนไม่ได้รับความเป็ธรรม แต่ในความเป็จริงมันเป็การโจมตีซ่งหยวนหยวนอย่างจัง
ในฐานะหนึ่งในผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุด ความน่าเชื่อถือสำคัญมาก ในเมื่อกลับคำต่อหน้าสาธารณชน ถึงแม้จะเป็แค่คำพูดไม่กี่คำแต่มันก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไร?
ทุกคนคิดว่าซ่งหยวนหยวนจะมีเหตุผลมาโต้แย้ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งหยวนหยวนจะไม่อธิบายอะไร แต่กลับพูดว่า “ซูเยวี่ย เ้าจะพูดอะไรก็เื่ของเ้า แต่เ้าหนูนี่ ข้าจะเอา สิ่งที่เ้าให้เขาได้ ข้าก็ให้ได้เหมือนกัน และยังให้ได้มากกว่าดีกว่าด้วย”
“ ... เ้า!”
ซูเยวี่ยโกรธจนลุกขึ้นยืน นางขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ถ้าอย่างนั้นเ้าก็ให้เขาเลือกเอง”
“ไม่จำเป็ต้องให้เขาเลือก ข้าจะรับเลย เ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ซ่งหยวนหยวนเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน นางหันไปเผชิญหน้ากับซูเยวี่ยแล้วเงยหน้าขึ้น หน้าอกยืดตรง เนินอกของนางมันเกือบจะะเิออกมานอกกี่เพ้าแล้ว
ความหมายค่อนข้างชัดเจนแล้ว ข้าเอาิอวี่แน่แล้ว เ้าไม่พอใจ อย่างนั้นก็มาสู้กัน ใครชนะก็ได้ไป
ผู้ชมทั่วลานประลองเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศมันเหมือนตึงเครียดจนจะะเิออกมาแล้ว มันเป็ข่าวใหญ่ที่สุดนับั้แ่มีการแข่งขันคัดเลือกศิษย์ชั้นยอดมาเลย เทพธิดาผู้าุโใหญ่สองคน จะเปิดศึกใหญ่กันเพื่อศิษย์คนเดียวต่อหน้าสาธารณชนแบบไม่ไว้หน้ากันเลย
ผู้ชมส่วนหนึ่งแทบไม่กล้าซุบซิบอะไร เทพอกตูมก็คือเทพอกตูม ความสามารถแข็งแกร่งก็บ้าอำนาจได้สินะ!
“ซ่งหยวนหยวน อย่ารังแกกันเกินไปนัก”
ซูเยวี่ยทั้งโกรธทั้งอับอาย แผนการที่นางวางเอาไว้มานานว่าอย่างไรก็ต้องได้ิอวี่มาแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งหยวนหยวนแทรกเข้ามาทีเดียวก็ทำให้แผนที่สมบูรณ์แบบของนางนั้นล้มเหลวโดยไม่มีชิ้นดี
ิอวี่กำลังจะมาอยู่กับนางแล้วแท้ๆ ซูเยวี่ยรู้สึกเหมือนถูกเฉือนเนื้อบนร่างกายของนางออกไป
ซ่งหยวนหยวนยิ้มแสยะ นางโผล่ไปบนลานประลองเลยในทันทีแล้วหันหลังให้กับิอวี่ นางยื่นมือออกไปกวักเรียกซูเยวี่ย แล้วพูดว่า “เ้าใช้อาวุธแห่งเทพระดับเจ็ดกับทักษะการต่อสู้ของเ้าโจมตีข้า ข้าจะไม่ใช้ทักษะการต่อสู้อะไรเลย ข้าจะใช้วงแหวนเพลิงสามชั้นรับกระบวนท่าของเ้า หากเ้าทำให้ข้าโยกได้ เ้าก็เอาเขาไป หากทำไม่ได้ เ้าก็อย่าหาว่าข้าไร้ปรานี”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูเยวี่ยก็ลงมาบนลานประลองแบบไม่ลังเลใจเลย ท่าทางการลงมาจากกลางอากาศงดงามมาก ในมือของนางถือกระบี่สีดำ ท่าทางดุดัน และพุ่งแทงใส่ซ่งหยวนหยวนในทันที ในเวลานี้ลมพายุในอากาศเริ่มก่อตัวเป็พายุหมุน
“รับกระบี่!”
