หากแม่สื่อจ้าวเข้าเรือนซ่งอวี้ได้ครั้งหนึ่งแล้วเื่นี้ถูกป่าวประกาศไป แทบจะทุกคนที่ได้ยินก็คงยอมรับโดยทั่วกันว่าซ่งอวี้ยอมแต่งเข้าตระกูลฉีเอง ยิ่งไปกว่านั้นทางตระกูลที่แต่งเข้าก็มีสัญญาหมั้นหมายในมือ
อยากจะทำลายแผนชั่วร้ายของอีกฝ่ายก็ไม่ยาก เพียงแค่เอาสัญญาหมั้นหมายใบนั้นกลับมาได้ก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ตระกูลฉีมีจุดประสงค์ที่จะใช้สัญญาหมั้นมาเล่นงานซ่งอวี้ แล้วพวกเขาจะคืนให้นางง่ายๆ ได้อย่างไร
ป้าหวังกำชับซ่งอวี้อย่างดี บอกนางว่าต้องให้ความสำคัญกับเื่นี้ให้มากและคิดหาวิธีรับมือให้ดี
ซ่งอวี้รู้ว่าป้าหวังหวังดีต่อนาง จึงตอบรับอย่างปากเต็มปากเต็มคำ แต่หลังจากที่รับปากแล้ว สิ่งที่ต้องคิดก็น่าปวดหัวยิ่งนัก
ซ่งอวี้ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน ค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำของร่างเดิม แต่ไม่มีรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับสัญญาหมั้นหมายเลย ไม่ว่าจะเอาสัญญานั้นออกไปั้แ่เมื่อใด เหตุใดถึงไม่ไปเอากลับมา ฯลฯ เหมือนว่าเ้าของร่างเดิมเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ในพื้นที่ส่วนตัวที่ลึกเกินไป ลึกจนนางไม่สามารถเข้าถึงได้ ฉะนั้นซ่งอวี้จึงหาคำตอบไม่เจอ
พอครุ่นคิดแล้วสุดท้ายซ่งอวี้ก็เอาสมุนไพรที่ผสมไว้ในตอนเช้าไปที่บ้านของลุงสือโถว
ไหนๆ สองปีก่อนเพื่อจะถอนหมั้นกับร่างเดิมคนตระกูลฉีได้ไปขอให้ผู้าุโมาเป็พยานให้โดยเฉพาะ ดังนั้นลุงสือโถวน่าจะทราบเื่นี้ดีที่สุด
ในตอนนั้นเป็่บ่ายแต่ฟ้าค่อนข้างมืดดูเหมือนฝนจะตก ตลอดทางนางจึงไม่ค่อยพบเจอผู้ใด
ซ่งอวี้เดินผ่านลานที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้สาน เห็นประตูใหญ่เปิดอยู่ นางจึงยืนะโอยู่หน้าประตู “ลุงสือโถวอยู่หรือเปล่าเ้าคะ?”
คนในบ้านได้ยินก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว นางเป็ภรรยาของลุงสือโถว หากนับตามความาุโแล้ว ซ่งอวี้ต้องเรียกนางว่าป้า
“ยัยหนูซ่งอวี้เองหรือ อย่ามัวยืนอยู่หน้าประตูเลย เข้ามาก่อนสิ”
ภรรยาของสือโถวเห็นซ่งอวี้ ใบหน้าก็เคล้าด้วยรอยยิ้มขึ้นมาทันที ถึงอย่างไรซ่งอวี้ก็เป็คนรักษาอาการของสามีตัวเอง ทั้งยังไม่เก็บค่ารักษาจากพวกนาง นางต้องเอ็นดูซ่งอวี้มากอยู่แล้ว
“ท่านป้า ข้ามาส่งยาให้ลุงสือโถว ลุงสือโถวจะได้ไม่ต้องออกไปอีกรอบ” ซ่งอวี้ยื่นห่อยาในมือให้ภรรยาของสือโถวแล้วถือโอกาสถามขึ้น “ลุงสือโถวล่ะเ้าคะ? ข้าจะวัดชีพจรให้เขาดูว่าอาการฟื้นตัวอย่างไรบ้างแล้ว”
พอพูดถึงร่างกายของลุงสือโถว ภรรยาของสือโถวก็ใส่ใจขึ้นมาทันที “ลุงสือโถวของเ้าอยู่ในบ้าน ข้าจะไปตามเขาออกมาประเดี๋ยวนี้ เ้าเข้ามานั่งดื่มน้ำดื่มท่าก่อนเถอะ”
ซ่งอวี้นั่งลงในห้องโถง ภรรยาของสือโถวรินน้ำให้นางหนึ่งถ้วย ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างใน เพียงครู่เดียวลุงสือโถวก็เดินออกมา
“ข้าได้ยินว่า่นี้เ้าฝึกวิชาการแพทย์ใหม่ เหตุใดจึงถ่อมาที่นี่โดยเฉพาะ นี่ไม่ได้ทำให้เ้าเสียเวลาเรียนหรอกหรือ?” ลุงสือโถวเห็นซ่งอวี้สละเวลามาหาตน จึงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการกระทำของนางเท่าใดนัก
ซ่งอวี้ยิ้มบางๆ อย่างไม่ยี่หระ “อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้เสียเวลาเท่าใดเ้าค่ะ”
นางยังไม่ได้คิดว่าจะเริ่มเอ่ยอย่างไรจึงทำตามขั้นตอนปกติ วัดชีพจรให้ลุงสือโถวแล้วถามกิจวัตรประจำวันและอาหารการกินของเขา จากนั้นกำชับสองสามคำ แล้วค่อยเอ่ยถามธุระของตนเอง
“ลุงสือโถว ลุงก็รู้ว่าศีรษะของข้าโดนหวังกุ้ยผลักไปกระแทกกับพื้นเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่มีบางเื่ที่ข้าจำไม่ได้เลย ฉะนั้นวันนี้ข้ามีเื่อยากถามลุง หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจที่ข้ามารบกวนถึงเรือน”
“จะรบกวนได้อย่างไรกัน เ้าอยากรู้อะไรถามมาได้เลย”
ซ่งอวี้ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่เกรงใจแล้ว นางถามออกไปตามตรง “ข้าได้ยินว่าบิดาของข้ากับตระกูลฉีทำสัญญาหมั้นหมายให้ข้ากับฉีซานหลางั้แ่เด็ก เื่นี้เป็ความจริงหรือไม่เ้าคะ?”
“เป็เื่จริง ตอนนั้นพ่อเ้าเป็คนช่วยชีวิตฉีซานหลางเอาไว้ ฉะนั้นท่านผู้เฒ่าตระกูลฉีหรือก็คือปู่ทวดของฉีซานหลางเป็คนตัดสินใจ กำหนดสัญญาหมั้นหมายนี้ รอให้พวกเ้าโตแล้วค่อยแต่งงานกัน”
ในบ้านนอกไม่ค่อยนิยมการหมั้นหมายกันั้แ่เด็ก เพราะเหตุนี้ลุงสือโถวจึงไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย เล่าเื่นี้ออกมาทันที เป็ความทรงจำที่ลึกซึ้งมาก
จริงๆ แล้วคนที่เข้าใจการหมั้นหมายในวัยเด็กในหมู่บ้านมีไม่ค่อยเยอะ เขารู้เื่นี้ก็เพราะว่าตอนนั้นคนที่ไปหาฉีซานหลางมีเขาด้วยอีกคน
ตอนนั้นฉีซานหลางเป็เด็กชายอายุสามขวบ ถูกิญญาร้ายบนูเาบังตาหายตัวไปทั้งคืน
ท่านผู้เฒ่าฉีรักและเอ็นดูฉีซานหลางที่สุด เมื่อรู้ว่าเหลนตัวเองหายตัวไปจึงได้แต่ร้องห่มร้องไห้ตรงหน้าหอบรรพบุรุษ และ่นั้นเป็่ที่ชาวไร่ชาวนาว่างงานพอดี เหล่าชายหนุ่มส่วนมากจึงไปหางานอย่างอื่นทำ ในหมู่บ้านจึงมีคนขึ้นเขาไม่มากทำให้ท่านผู้เฒ่าฉีจนปัญญายิ่งนัก
สุดท้ายยังมีพวกที่จิตใจดีอยู่บ้างรวมไปถึงพ่อของซ่งอวี้ พวกเขารวบรวมกำลังคนได้สิบกว่าคนเข้าป่าไปตามหาเด็ก
พ่อของซ่งอวี้ถือเป็ปัญญาชนคนหนึ่ง สุขภาพไม่ดีั้แ่เด็กจึงทำงานหนักไม่ได้ ฉะนั้นเลยเรียนหนังสือมาโดยตลอด เสียดายที่พร์มีกำจัด แม้แต่ซิ่วไฉก็ยังสอบไม่ติดจึงได้ไปเป็นักบัญชี แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะหาเงินได้เยอะกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเสี่ยวหนิว
วันที่ฉีซานหลางหายตัวไป พ่อของซ่งอวี้กำลังพักผ่อนอยู่บ้าน
เพราะตัวเองมีร่างกายอ่อนแอ มีลูกยาก เขาเลยค่อนข้างรักและเอ็นดูเด็กเป็พิเศษ เมื่อได้ยินว่าฉีซานหลางหายตัวไป จึงเข้าร่วมตามหาเด็กอย่างมีน้ำใจ
คนกลุ่มหนึ่งตามหาั้แ่ตอนเที่ยงถึงกลางคืน เดินหากันจนรองเท้าแทบจะสึก แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ แต่ละคนเริ่มก้มหน้าลงอย่างท้อแท้ แทบจะยอมแพ้ แต่สุดท้ายพ่อของซ่งอวี้ก็หาจนเจอ
ถ้าถามว่าเจอตัวอยู่ที่ใด? ไปเจออยู่ข้างสุสานแห่งหนึ่งในป่าลึก
ตอนนั้นฟ้ามืดมากแล้ว ทุกคนต้องจุดไฟถึงจะกล้าเข้าไปในป่า พอเห็นฉีซานหลางนอนอยู่ข้างสุสานต่างก็คาดเดากันในใจว่าิญญาชั่วร้ายที่บดบังสายตาไม่ให้เจอตัวเด็ก เกรงว่าคงจะเป็ิญญาในสุสานนี้
ทว่าเมื่อเจอตัวแล้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าไปพาเขาออกมา
ทุกคนต่างก็กลัว กลัวว่าิญญาในสุสานนี้จะเกลียดตัวเอง หลังจากพาฉีซานหลางกลับไป คนต่อไปที่จะถูกผีบังตาก็จะกลายเป็พวกเขาเอง ฉะนั้นแต่ละคนที่มีน้ำใจในตอนแรกก็กลายเป็คนขี้ขลาด ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาแต่กลับไม่กล้าเดินเข้าไปช่วยเด็ก
มีเพียงพ่อของซ่งอวี้ ทั้งๆ ที่ดูเป็บุรุษร่างผอมอ่อนแอกลับไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย เขาสาวเท้าเดินเข้าไปข้างๆ สุสานแล้วคุกเข่าลง
เสี้ยววินาทีนั้น ทุกคนมองเขาด้วยความเคารพนับถือ ช่างเป็วีรบุรุษจริงๆ ไม่กลัวแม้กระทั่งภูตผีปีศาจ
และเพราะพ่อของซ่งอวี้ ฉีซานหลางจึงได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
หลังจากท่านผู้เฒ่าในตระกูลฉีรู้ จึงมาคุกเข่ากราบขอบคุณพ่อของซ่งอวี้ทั้งน้ำตา
พ่อของซ่งอวี้ไม่มีทางรับไว้อยู่แล้ว ฉะนั้นท่านผู้เฒ่าตระกูลฉีจึงตัดสินใจให้ฉีซานหลางและซ่งอวี้หมั้นหมายกัน พ่อของซ่งอวี้ช่วยชีวิตฉีซานหลาง เช่นนั้นฉีซานหลางต้องดูแลซ่งอวี้ตลอดชีวิต ใช้วิธีนี้ตอบแทนบุญคุณ
พ่อของซ่งอวี้มีบุตรีเพียงคนเดียวจึงต้องคิดอย่างละเอียด คิดไปคิดมาเขาก็รู้สึกว่าหากมีบุญคุณนี้อยู่ ต่อให้ตนเสียชีวิตเร็วบุตรีก็ยังมีที่พึ่งพิงจึงพยักหน้าตกลง ตอนนั้นจึงไปทำสัญญาหมั้นที่ที่ว่าการอำเภอแล้วมอบให้ท่านผู้เฒ่าตระกูลฉีอย่างเป็ทางการ
ฉะนั้นั้แ่ตอนนั้นเป็ต้นมาอันที่จริงซ่งอวี้ก็ถือว่าเป็คนของตระกูลฉีแล้ว
แต่ภายหลังเมื่อบิดาของซ่งอวี้ตายจากไป ซ่งอวี้กลายเป็สาวน้อยตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งพิง กลับไม่มีใครยอมรักษาสัญญานี้ นางเองก็เพิ่งเติบโต จึงไม่ได้ไร้ยางอาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร สุดท้ายก็ถอนหมั้น