ด้วยฝ่ามือที่ตบไปอย่างกะทันหัน ทำให้ฉินเสวี่ยรู้สึกวิงเวียนศีรษะและหูอื้อ ร่างอันบอบบางของนางเดินโซเซไปข้างหน้า โชคดีที่นางมีระดับการฝึกตนขั้นยุทธ์ระดับหก จึงไม่ถึงกับร่วงลงกับพื้น หลังจากประคองร่างกายให้มั่นคงได้ ฉินเสวี่ยก็หันกลับมาด้วยความโกรธ และมองไปทางฉินเฟิง แววตาของนางเต็มไปด้วยความเกรงกลัว และพูดออกไปด้วยความกลัว “พี่... พี่ใหญ่!”
หากเป็ฉินเฟิง ฉินเสวี่ยคงจะโกรธและเห็นเป็ศัตรูไปนานแล้ว เพราะการที่ฉินเฟิงรังแกฉินอวี่สองสามครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้ฉินเสวี่ยโกรธและขุ่นเคืองอย่างมาก แต่ฉินหย่ง เธอมีความเกรงกลัวเขาอยู่แล้วในใจ ประการที่หนึ่งฉินหย่งขึ้นชื่อว่าเป็แม่ทัพกองพัน ทำให้ฉินหย่งในความทรงจำของนางสูงส่งยิ่งนัก ประการที่สอง คือเจตจำนงของการเข่นฆ่าของฉินหย่งนั้นทำให้ฉินเสวี่ยต้องอกสั่นขวัญแขวนและหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“พี่ใหญ่หรือ? เ้าคิดว่าเ้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาเรียกข้าว่าพี่ใหญ่? คนที่เกิดจากสาวรับใช้คนหนึ่งมีสิทธิ์พอจะมาเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ด้วยหรือ?” ฉินหย่งเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า การถูกฉินอวี่หักมือและเท้าของเขา ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็ การปรากฏตัวของฉินเสวี่ยในเวลานี้ จึงกระตุ้นความโกรธในหัวใจของเขา เขาก้าวตรงไปยังฉินเสวี่ย คว้าคอสีขาวราวกับหิมะของฉินเสวี่ยด้วยมืออันใหญ่โต และยกฉินเสวี่ยขึ้นเหมือนไก่ตัวหนึ่ง
“เพียะๆ!” มือทั้งซ้ายขวาของฉินหย่งตบหน้าทั้งสองข้างของฉินเสวี่ย และกล่าวว่า “ไปให้พ้นจากที่นี่ นี่ไม่ใช่ที่ที่เ้าจะมาวุ่นวายได้” พูดจบ ฉินหย่งก็ยกตัวฉินเสวี่ยที่แก้มบวมช้ำ และมีเืไหลที่มุมปากออกไปด้านนอกประตู
เกรงว่าฉินอวี่คงจะนึกไม่ถึงเื่เช่นนี้เลย เขาให้ฉินเสวี่ยนำจดหมายมาที่นี่ ความตั้งใจเดิมแล้วเขา้าให้ฉินเสวี่ยนำใบปรุงยานี้ให้กับจื่อซวินเอ๋อ เพื่อทำให้จื่อซวินเอ๋อมีความประทับใจในตัวฉินเสวี่ย และหวังให้จื่อซวินเอ๋อปกป้องฉินเสวี่ย แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่เป็ไปอย่างที่คิดไว้
ขณะที่ฉินหย่งมาถึงหน้าประตู และเตรียมจะโยนและเตะฉินเสวี่ยออกไป แต่กลับได้ยินเสียงหวานอันเยือกเย็น “ใครกล้ามาก่อเื่ที่ร้านขายยาของข้า?”
ฉินหย่งหยุดชะงักงัน และสีหน้าของชุยซั่วก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองดูความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งกำลังเดินลงบันไดมาอย่างช้าๆ และหันหัวของเขาอย่างรวดเร็วรีบเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วพร้ะโกนออกไป “ยังไม่รีบหยุดอีก” จากนั้น เขาก็มองไปทางจื่อซวินเอ๋อด้วยความเคารพ กล่าวว่า “ชุยซั่วคารวะนักปรุงยาจื่อ...”
ฉินหย่งวางฉินเสวี่ยลงอย่างรวดเร็วและมองไปที่จื่อซวินเอ๋อด้วยท่าทางไม่สบายใจ ขณะที่เขากำลังตกตะลึงจากการพบจื่อซวินเอ๋อ สายตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว และตอนนี้ ฉินเฟิงที่อยู่ในอาการเคารพ ได้รีบก้าวออกมาด้านหน้า และพูดอย่างเรียบเฉย “นักปรุงยาจื่อ เ้าเข้าใจผิดแล้ว พวกข้าไม่ได้มาก่อเื่ และคงไม่คิดจะมาก่อกวนที่ร้านขายยาแน่นอน ดังนั้น พวกข้าแค่ช่วยท่านสอนบทเรียนเท่านั้นเอง”
ชุยซั่วเหลือบมองฉินเฟิงอย่างซาบซึ้งและพูดว่า “ใช่แล้ว นักปรุงยาจื่อ พวกข้าเห็นคนมาสร้างปัญหาในร้านขายยา ดังนั้นเราจึงรีบจัดการหยุดมันทันที” เขาได้เตรียมข้อแก้ตัวที่คิดเอาไว้ล่วงหน้าเมื่อได้พบกับจื่อซวินเอ๋อแล้ว และตอนนี้เมื่อเผชิญหน้าอย่างจังแล้วจึงต้องรีบนำมันออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ เขาได้สอบถามถึงที่มาที่ไปของชายหนุ่มสกุลเฉินนั่นมาแล้ว และพบว่าเขามีความสัมพันธ์กับจื่อซวินเอ๋อเพียงติดต่อค้าขายกันเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไร้ความกังวลเื่ของชายหนุ่มสกุลเฉินผู้นั้น
จื่อซวินเอ๋อเหลือบมองชุยซั่วและฉินเฟิง และดูเมินเฉยต่อสายตาอันเคลิบเคลิ้มของเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ จากนั้นก็ลากกระโปรงสีม่วงที่หรูหราของนาง เดินตรงไปทางฉินเสวี่ย
ฉินเสวี่ยซึ่งกำลังเวียนหัวจากฝ่ามือทั้งสามของฉินหย่งใขึ้นทันที เมื่อนางรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา นางก็เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าที่เ็าและเย่อหยิ่งของจื่อซวินเอ๋อ ฉินเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นางไม่เคยพบเจอกับหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาก่อนเลย
จื่อซวินเอ๋อเดินไปหาฉินเสวี่ย มองลงไปที่ฉินเสวี่ยด้วยท่าทางที่เ็าและเย่อหยิ่ง มองดูรอยฝ่ามือบนใบหน้าของฉินเสวี่ย หรี่ตาลงและพูดช้าๆ ว่า “เ้ากำลังก่อกวนร้านขายยาของข้าหรือ?”
“ใช่แล้ว นางนั่นแหละ พูดตามตรงเลย นักปรุงยาจื่อ คนผู้นี้คือน้องสาวคนเล็กของบ้านข้า นางมีอารมณ์รุนแรงชอบสร้างปัญหา ครั้งนี้กล้ามาทำมารยาทแย่ๆ ถึงร้านขายยาแห่งนี้ พี่ชายของข้าฉินหย่งจึงใจร้อนรีบระงับนางไว้” ฉินเฟิงรีบก้าวออกมาข้างหน้า รีบพูดประจบประแจง และในใจของเขาเกลียดจนทนไม่ไหวอยากจะให้จื่อซวินเอ๋อลงมือสังหารฉินเสวี่ยเสียทันที
“ตบปากเดี๋ยวนี้ ข้าถามอะไรเ้าแล้วหรือ?” จื่อซวินเอ๋อหันกลับมา และจ้องตรงไปทางฉินเฟิง และพูดอย่างเ็า
ฉินเฟิงตกตะลึง เข้าสะดุ้งขึ้นในใจอย่างยิ่ง เขาไม่รู้เช่นกันว่าเขาพูดอะไรผิด แต่เมื่อจื่อซวินเอ๋อเอ่ยปาก เขาก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ และตบหน้าตนเองทันที
“เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ เพียะ!”
ฉินเสวี่ยก้มศีรษะลงด้วยความกลัว ดวงตาของนกหงส์ที่เ็าของจื่อซวินเอ๋อ ทำให้นางไม่กล้ามองไปโดยตรง เมื่อได้ยินเสียงตบหน้าของฉินเฟิงที่ดังระรัว หัวใจของนางก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วรวบรวมความกล้าพูดออกไป “ข้าไม่ได้...”
ชุยซั่วอ้าปาก แต่เมื่อเขาเห็นฉินเฟิงที่กำลังตบหน้าตนเอง เขาก็รีบปิดปากอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าที่จะเข้าไปขัดจังหวะ แต่เขากลับถูกเยาะเย้ยในใจ กล้าจะเล่นลิ้น? หาเื่ใส่ตัวล้วนๆ
“แล้วทำไมพวกเขาถึงบอกว่าเ้ากำลังก่อเื่ล่ะ?” จื่อซวินเอ๋อถาม
“ข้า... ข้ากำลังคุยกับพี่สาวคนนั้น กำลังถาม... ถาม...” ฉินเสวี่ยจับซองจดหมายไว้แน่น พูดตะกุกตะกัก น้ำตาคลอเบ้า น่าสงสารยิ่งนัก แต่นางยังไม่ทันพูดจบ กลับถูกจื่อซวินเอ๋อขัดจังหวะ “เช่นนั้นเ้ากำลังจะบอกว่าเ้าไม่ได้ก่อเื่ใช่หรือไม่?”
“อืม!” ฉินเสวี่ยพยักหน้าอย่างหนัก พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา
“ในเมื่อไม่ใช่ แล้วทำไมตอนที่พวกเขารังแกเ้า เ้าจึงไม่ตอบโต้?” จื่อซวินเอ๋อยังคงถามต่อไป
“ข้า... ข้า...” ฉินเสวี่ยพูดตะกุกตะกัก ในขณะที่การแสดงออกของชุยซั่วที่อยู่ด้านข้างนั้นเริ่มสงบท่าที เขาเริ่มไม่เข้าใจความหมายของจื่อซวินเอ๋อแล้ว แม้แต่ฉินเฟิงและฉินหย่งต่างก็ใจนใจสั่น
“พลังของเ้ายังไม่แข็งแกร่งพอหรือ?” จื่อซวินเอ๋อจ้องไปที่ฉินเสวี่ย และในทันใดนั้น เสียงของนางก็เปลี่ยนไป “จากนี้ไป เ้าต้องจำไว้ว่าใครก็ตามที่กล้ารังแกผู้หญิงอย่างพวกเรา จะต้องให้พวกเขาต้องชดใช้ เขาใช้มือข้างไหนตีเ้า?”
ฉินเสวี่ยมึนงงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ และมองไปที่จื่อซวินเอ๋อ แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“มือข้างซ้าย หรือมือข้างขวา? เ้าลืมแล้วหรือ?” จื่อซวินเอ๋อถามเบาๆ
“ดูเหมือนว่าจะเป็... จะเป็มือขวา” ฉินเสวี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกไป
จื่อซวินเอ๋อยิ้ม มองฉินเสวี่ย ชี้นิ้วไกลออกไป ชี้ไปทางฉินหย่งด้วยใบหน้าบึ้งตึงและพูดเบาๆ “ใครก็ได้ตัดมือข้างขวาของเขาให้ข้าหน่อย แล้วเอาไปโยนให้สุนัขกิน!!!"
แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่ก็นับว่าเป็เสียงที่ดังมากในร้านขายยา สถานที่ซึ่งได้ยินแม้แต่เสียงเข็มที่ตกกระทบพื้น และชายหนุ่มคนหนึ่งก็กระแทกเบียดออกจากฝูงชนเข้ามาคว้าตัวฉินหย่งที่กำลังตกตะลึง และมือของเขาก็มีดาบโผล่ออกมา เฉือนไปยังมือขวาของเขาอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก!” ฉินหย่งกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด แต่ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น เขาได้ยินคำพูดเ็าดังขึ้น “ไสหัวออกไป ถ้าเ้ายังกล้าส่งเสียง ข้าจะตัดมือซ้ายของเ้า”
เสียงของฉินหย่งหยุดทันที ใบหน้าของเขาซีดเซียว กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกอย่างรุนแรง รีบหันหลังกลับออกจากร้านขายยาทันที
ผู้ฝึกตนหลายร้อยคนต่างหันมองใบหน้าที่เ็าและหยิ่งของจื่อซวินเอ๋อด้วยความกลัว แม้แต่สีหน้าของชุยซั่วก็ซีดลงทันที และเขาไม่รู้ว่าเขาทำให้จื่อซวินเอ๋อต้องขุ่นเคืองอีกครั้ง เขา้าอธิบาย แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากของเขา เขากลับไม่กล้าพูดออกไป และฉินเฟิงก็ตบหน้าตัวเองหนักขึ้น หน้าของเขาบวม และมีเืออกจากปาก แม้แต่คนงานผู้หญิงก็ใบหน้าซีดเซียวและตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“จำไว้หรือยัง? ใครก็ตามที่กล้ารังแกเ้าในอนาคต เ้าต้องตอบโต้แบบนี้ ไปกันเถอะ ตามพี่สาวขึ้นไปนั่งข้างบนดีกว่า” จื่อซวินเอ๋อยิ้มอย่างอ่อนหวานทรงเสน่ห์ ดวงตาของฉินเสวี่ยยังคงเซื่องซึม และถูกจื่อซวินเอ๋อพาตัวออกไป ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปในทันที
ไม่มีเสียงใดๆ ในร้านขายยาอีก ใบหน้าของชุยซั่วผงะไปทันที และเกิดความคิดบางอย่างขึ้น จื่อซวินเอ๋อแทนตัวเองว่าพี่สาว? ให้ฉินเสวี่ยเป็น้องสาว? ไม่เพียงแต่จะทำอะไรฉินเสวี่ยไม่ได้ แต่กลับ... มอบความโชคดีให้กับฉินเสวี่ย?
และฉินเฟิงก็ตบตนเองจนร้องไห้ออกมา
...
ฉินเสวี่ยนั่งอยู่ในห้องชั้นบน ในใจของนางว่างเปล่า ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนนางยังคงอยู่ในสภาวะมึนงง
“มาเถอะ นี่เป็ของขวัญจากพี่สาว เมื่อเ้าถูกรังแกในร้านขายยาของข้า ข้าจะชดเชยให้” จื่อซวินเอ๋อหยิบยาสองขวดออกมา วางตรงหน้าฉินเสวี่ย แล้วหยิบออกมาอีกขวดหนึ่ง ซึ่งเป็ของเหลวที่ไม่รู้จักทาลงบนแก้มของฉินเสวี่ย
ฉินเสวี่ยมองความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ตรงหน้านางอย่างสับสน และรู้สึกซาบซึ้งในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“เ้าชื่อเสวี่ยเอ๋อสินะ? เ้ามาที่นี่เพื่อพบข้าหรือ?” หลังจากทาใบหน้าของนางเสร็จแล้ว จื่อซวินเอ๋อก็นั่งลงข้างๆ แล้วถามขึ้นเบาๆ
“ท่าน... ท่านคือพี่สาวที่ชื่อจื่อซวินเอ๋อหรือ?” ฉินเสวี่ยถามอย่างมึนงง หลังจากได้รับคำตอบของจื่อซวินเอ๋อแล้ว ฉินเสวี่ยก็รู้สึกประหม่าขึ้นในใจ เมื่อนึกถึงคำของพี่ชายที่ฝากนางมา ฉินเสวี่ยก็กลัวว่ามันจะเป็ความน่ารำคาญที่ทำให้จื่อซวินเอ๋อโกรธ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยื่นซองจดหมายที่เกือบจะเสียหายให้จื่อซวินเอ๋อ และพูดว่า “มี... มีคนขอให้ข้านำสิ่งนี้มามอบให้ท่าน”
จื่อซวินเอ๋อรับจดหมายมา วางมันไว้ข้างๆ ทันที โดยยังไม่เปิดออกดูแล้วพูดว่า “เขายังพูดอะไรอีกหรือไม่”
ใบหน้าของฉินเสวี่ยซีดเซียว และนางก็โบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่มีแล้ว ไม่ได้พูดอะไรไว้อีก”
มุมปากของจื่อซวินเอ๋อยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมาและพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวว่า “อืม ต่อจากนี้ไปมีพี่สาวอยู่กับเ้า ไม่มีใครสามารถรังแกเ้าได้อีกแล้ว เข้าใจหรือไม่?”
ฉินเสวี่ยมองไปที่จื่อซวินเอ๋อ และพยักหน้าอย่างมึนงง ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง นาง้าที่จะพูดแต่ก็หยุด กำหมัดสีชมพูของนางและกระซิบเบาๆ “พี่จื่อ ท่าน... ท่าน... ท่านรู้จักพี่ชายของข้าหรือไม่? ท่าน... ท่านสามารถช่วยเขาได้หรือไม่?”
ความอ่อนโยนและความมีเสน่ห์ปรากฏในดวงตาที่งดงามของจื่อซวินเอ๋อ และนางก็พูดขึ้นเบาๆ “เขาไม่้าความช่วยเหลือจากข้า อย่าประมาทความสามารถพี่ชายของเ้าเลย”
“แต่... แต่...”
“เอาล่ะ ข้าจะส่งเ้ากลับไป เ้าควรพักผ่อนเสียก่อน จำไว้ว่าในอนาคตใครก็ตามที่กล้ารังแก เ้าต้องรีบมาหาพี่สาวนะ” จื่อซวินเอ๋อยิ้มเบาๆ
ฉินเสวี่ยได้แต่ปิดปากเงียบ
หลังจากที่ฉินเสวี่ยออกไป ดวงตาของจื่อซวินเอ๋อก็มองไปรอบๆ มุมปากของนางดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม และพูดขึ้นเบาๆ “น้ำใจเท่านี้ยิ่งใหญ่พอหรือไม่?” พูดจบ นางก็หยิบซองจดหมายขึ้นมา และเมื่อนางได้เห็นข้อความในจดหมาย จื่อซวินเอ๋อก็ถึงกับตกตะลึง...