ม้าศึกห้อตะบึกฝ่าหิมะเข้าไปยังใจกลางหุบเขา ก่อนเริ่มวางค่ายกลต้องทำการรวบรวมพลังฟ้าดินให้เป็หนึ่งเดียวเสียก่อน ข้านำทหารมาหยุดอยู่ทีู่เาลูกแรกทางทิศเหนือตำแหน่งนี้ใช้เป็จุดรวมพลังจากฟ้า ส่วนูเาที่อยู่ข้างกันจะใช้เป็จุดรวบรวมพลังจากดิน แม้ตัวูเาจะสูงชันแต่สำหรับผู้ที่เป็วรยุทธย่อมไม่เกินความสามารถที่จะปีนไปถึงยอดเขาได้ บวกกับอุปกรณ์ทีใช้ในการปีนหน้าผาที่นำมาจะช่วยไม่ให้ต้องเปลืองกำลังภายในจนเกินไป
ูเาทั้งสี่ถูกใช้เป็ตำแหน่งวางค่ายกลรวมพลัง ซึ่งจะถูกใช้เป็พลังหล่อเลี้ยงให้ค่ายกลหลักมีจิติญญาอย่างสมบูรณ์
ยอดเขาแห่งแรกจัดวางจานแปดทิศที่ตรงกลางเป็กังหันลม ลักษณะของเ้าสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากการแกะสลักแก่นไม้ท้อ ขนาดของมันเท่ากับสองฝ่ามือของบุรุษตัวโต ว่ากันว่าไม้ท้อเป็ไม้มงคลจากแดน์เต็มไปด้วยกลิ่นไอมงคลช่วยปัดเป่าไอชั่วร้าย
การที่จะนำเอาพลังฟ้าดินมาใช้นั้นเป็สิ่งที่อยากราวกับปีนขึ้น์ การดำรงชีวิตของสรรพชีวิตล้วนขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า ลม ฝน พายุ หิมะ ความแห้งแล้งล้วนเป็สิ่งที่เกิดขึ้นตามวิถีการผันแปรของผืนฟ้าอันสูงส่งและกว้างใหญ่ไพรศาล อาจเรียกได้ว่าผืนฟ้าเป็ตัวกำหนดการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งในโลกใบนี้
ยอดเขาแห่งที่สองการรวมพลังจากผืนดิน สิ่งที่ถูกนำมาใช้เป็สื่อกลางในการถ่ายโอนพลังจากผืนดินคือ หยกเหมันต์พันปี ของสิ่งนี้ถูกเก็บรักษามาั้แ่ยุคต้นตระกูลซ่างกวนรุ่นแรก มันผ่านกาลเวลามานับพันปีทำให้หยกเหมันต์ก้อนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต หยกทั้งก้อนถูกฝังลึกลงไปใต้ดิน ราวกับว่ามันได้เจอแหล่งอาหารอันโอชะเมื่อก้อนหยกเหมันต์ที่มีขนาดเท่าลูกแตงโมได้ััพื้นดินใต้ก้นหลุมหยกทั้งก้อนก็ปล่งแสงวูบวาบราวกับถูกใจหนักหนา
หากกล่าวว่าผืนฟ้าเป็สิ่งที่กำหนดวิถีชีวิตของสรรพสิ่ง เช่นนั้นผืนดินก็ถือเป็ต้นกำเนิดของสรรพสิ่งเช่นกัน มีคำกล่าวเอาไว้ว่าวิถีฟ้าดินนั้นดำรงอยู่เพื่อส่งเสริมเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ฝนที่ตกลงมาหล่อเลี้ยงให้พืชพรรณธัญญาหารเจริญเติบโตทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงอยู่ เป็เช่นนี้วนเวียนไป
ยอดเขาแห่งที่สามการรวมพลังจากนรกภูมิ เป็การรวมเอาพลังอันชั่วร้ายจากิญญาบาปทั้งหลาย ความชั่วร้าย อาฆาต พยาบาท กิเลสทั้งมวลที่มนุษย์ทุกคนมี ว่ากันว่านรกภูมิคือสถานที่ลงทัณฑ์และสถานที่แห่งการไถ่บาปที่มนุษย์และเดรัจฉานได้กระทำในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ใช้เป็สื่อกลางในการยืมพลังอันชั่วร้ายเ่าั้มาใช้คือ ผลึกโลหิตพยัคฆ์ ของสิ่งนี้เกิดจากการใช้โลหิตของเสือตัวผู้เก้าตัวมาเป็ส่วนประกอบของการสร้างค่ายกลอำพรางในหุบเขาิญญาพยัคฆ์ ตามบันทึกได้กล่าวเอาไว้ว่าโลหิตของาาแห่งพงไพรได้ดูดซึมไอิญญาอาฆาตของทหารห้าแสนนายที่จบชีวิตภายใต้ค่ายกลเก้าสังหารเมื่อครานั้น กาลเวลาหมุนผ่านนับพันปีจึงเกิดเป็ก้อนผลึกสีแดงคล้ำแผ่กลิ่นไอกดดันราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบคอหอยอยู่ตลอดเวลา
ยอดเขาแห่งที่สี่การรวมพลังจาก์ การฝึกวิชาทางเต๋าย่อมมีความเชื่อเื่์เทพเซียน การดึงเอาพลังศักดิ์สิทธิ์จาก์มาใช้ต้องทำการแลกเปลี่ยนบางสิ่ง บางสิ่งที่มนุษย์ทุกคนหวงแหนมากที่สุด อายุขัย การรวมพลังเพื่อใช้เปิดค่ายกลในครานี้ผู้สร้างค่ายกลต้องสละอายุขัยยี่สิบปีจึงจะสามารถดึงเอาพลังจาก์ออกมาใช้ได้ สิ่งของที่เป็สื่อกลางในการทำพิธีคือ หยกเหอเถียนแห่งคุนหลุน ตามตำนานเล่าขานว่าเขาคุนหลุนเป็สถานที่ที่เชื่อมต่อกับ์
ผู้ฝึกบำเพ็ญตนเพื่อเป็เซียนในเขาคุนหลุนนั้นมีมากมายหลายรุ่น ทั้งมีชื่อเสียงและเก็บตัวลึกลับแต่นั่นก็ยังไม่นับเป็สิ่งใด สิ่งที่มีค่าควรเมืองคือหยกเหอเถียนแห่งคุนหลุนต่างหาก ตัวหยกที่เกิดจากการรวมตัวของไอศักดิ์สิทธิ์จากูเาสั่งสมยาวนานนับพันนับหมื่นปี หากผู้ฝึกตนทางเต๋าได้จะทำให้พลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หากคนธรรมดาถือครองจะช่วยเพิ่มพลังชีวิต ส่งเสริมความเป็ศิริมงคล
ยอดเขาแห่งที่ห้าการรวมพลังของสรรพสิ่ง เป็จุดกึ่งกลางรวมพลังทั้งสี่ ฟ้า ดิน นรก ์ ทั้งสี่ก่อเกิดเป็สรรพชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ยอดเขาแห่งที่ห้านี้ถือเป็หัวใจของค่ายกลเก้าสังหาร
ข้าปีนมาถึงยอดเขาแห่งที่ห้าใช้เวลาเพียงสองก้านธูปเท่านั้น ูเาลูกนี้มีเพียงหิน น้ำแข็งและหิมะเท่านั้น เมื่อมองไปรอบๆ ูเาทั้งสี่เริ่มเปล่งรัศมีพลังออกมานั่นเป็สัญญาณว่าข้าควรเริ่มพิธีได้แล้ว
ถ้วยหยกใบเล็กถูกนำมาวางไว้บนแผ่นหินแห่งหนึ่ง ดาบเขี้ยวพยัคฆ์ถูกชักออกมาจากฝัก แล้วกรีดลงไปบนฝ่ามือเล็กที่เต็มไปด้วยาแและรอยด้านจากการจับอาวุธเป็เวลานาน โลหิตไหลทะลักออกมาจากรอยกรีด ไหลลงไปในถ้วยหยกใบเล็ก ใช้เวลาไม่นานก็ได้โลหิตจนเต็มถ้วย
เวลาไม่ช้าข้ารีบใส่ยาพันแผลที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็นั่งขัดสมาธิลงเบื้องหน้าแท่นหินที่วางถ้วยหยกกับดาบเขี้ยวพยัคฆ์ สองมือยกขึ้นทำมุทรา* ปลดปล่อยหยวนชี่* ออกมา ม่านพลังสีขาวบริสุทธิ์แผ่ออกมาโอบล้อมหญิงสาวในชุดขุนศึกอันน่าเกรงขาม
เวลาเคลื่อนผ่านไป ม่านพลังที่โอบล้อมรอบกายของซ่างกวนจือหลินยิ่งทวีความหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะมองไม่เห็นตัวคน พลังจากูเาทั้งสี่เริ่มถูกชักนำให้หลั่งไหลมารวมกันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันที่อายุขัยของหญิงสาวเริ่มลดลงเรื่อยๆ ห้าปี สิบปี สิบห้าปี ยี่สิบปี
ขออำนาจบรรพบุรุษทั้งห้าสิบเอ็ดรุ่นจงปกปักเหล่าทหารกล้าแห่งกองทัพิญญาพยัคฆ์ ข้าปุถุชนไร้ศักดิ์ ไร้คุณความดี ไร้ชื่อเสียงเกียรติยศ ได้รับความเมตตาจาก์ถือกำเนิดใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาที่บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนในชาติก่อนให้กลับมาถูกต้องดังที่มันสมควรจะเป็
การสังหารในครานี้เพื่อดวงิญญาบริสุทธิ์หลายแสนดวงที่ต้องตายก่อนวัยอันควร บัดนี้ข้า...ขอหยิบยืมพลังจากฟ้า ดิน นรก ์ มาช่วยในการทำศึกในครั้งนี้ ตัวข้ายินยอมสละพลังชีวิตยี่สิบปีเพื่อใช้เป็ข้อแลกเปลี่ยน
ชั่วขณะที่พิธีกรรมได้ดำเนินมาถึง่เวลาที่สำคัญ ผู้ฝึกตนในแต่ละนิกายต่างก็ััได้ถึงความปั่นป่วนของพลังฟ้าดิน ผู้มีญาณขั้นสูงต่างก็ตื่นใกับการฝันแปรของกลุ่มดาวบนท้องฟ้า ต้องเป็การดำเนินพิธีกรรมเช่นไรถึงได้ทรงพลังเช่นนี้?
เป็เวลาหลายร้อยปีที่ไม่ได้พบเจอกับการนำพลังฟ้าดินมาใช้เปลี่ยนลิขิตพลิกชะตา ไม่มีผู้ฝึกตนคนใดยินยอมที่จะทำเช่นนี้ แม้จะแลกมาด้วยลาภยศหรือเงินทองมากมาย สำหรับพวกเขาหนทางแห่งการฝึกตนคือความเป็นิรันดร สิ่งที่ต้องจ่ายหากไปยุ่งกับชะตาฟ้า คือการสละอายุขัย
กล่าวได้ว่าเวลาชีวิตเพียงหนึ่งวันเสียไปนั้นง่ายดาย แต่การจะเพิ่มพูนนั้นยากดุจการบรรลุเซียน
"ฟ้าคือวิถี ดินคือต้นกำเนิด
์ จงพิพากษา
ประตูนรก จงเปิดรับิญญาร้าย
พลังจงสถิตแด่ข้า สรรพสิ่งหลอมรวมเป็หนึ่ง!"
วาจาที่เปล่งออกมาท่ามกลางสายลมที่พัดโหมกระหน่ำ เปี่ยมไปด้วยพลังและมนต์ขลัง เมื่อสิ้นวาจาซ่างกวนจือหลินก็หยิบถ้วยหยกที่บรรจุโลหิตสีแดงสดเอาไว้จนปริ่มขอบ ไม่ทราบด้วยเหตุใดโลหิตที่อยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้กลับไม่แข็งตัว มือขวาถือดาบเขี้ยวพยัคฆ์ มือซ้ายถือถ้วยใส่โลหิตค่อยๆเทราดลงบนดาบอย่างช้าๆ ั้แ่ด้ามจับเรื่อยลงมาจนสุดปลาย ไม่นานดาบทั้งเล่มก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน
ปัง!
ข้าปักดาบลงบนแท่นหินเบื้องหน้าอย่างแรง ด้วยกำลังภายในที่ส่งออกไปทำให้ตัวดาบฝังลงไปในหินจนมิดเหลือไว้เพียงส่วนด้ามจับโพล่เอาไว้ให้เห็น
กรร!
เสียงขู่คำรามแ่เบาดังเข้ามาในโสตประสาท เสียงนั้นคล้ายกับจะอ่อนแรงเต็มที ข้าปล่อยพลังภายในตรวจัับริเวรรอบๆ ก็พบกับสิ่งมีชีวิตอยู่อีกฝั่งหนึ่งของยอดเขา ไม่รอช้าข้ารีบเก็บสิ่งของแล้วมุ่งตรงไปยังตำแหน่งของเสียงนั้นทันที
"เ้าหนูไปเจอสิ่งใดมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้"ข้ามองเสือดาวหิมะตัวโตเต็มวัยที่นอนหายใจรวยรินอยู่ใต้ช่องหิน บนตัวของมันเต็มไปด้วยาแน้อยใหญ่บางแห่งลูกธนูยังปักคาอยู่เช่นนั้น ข้ามองดูทุกลมหายใจเข้าออกของเ้าเสือดาวหิมะตัวนี้ มันเต็มไปด้วยความทรมานจากพิษาแ
"ขออภัยด้วยเ้าหนู...าแบางส่วนของเ้าเริ่มเน่าแล้ว ข้าอยากช่วยแต่ไร้ความสามารถ"
กรร…
เ้าเสือดาวหิมะจ้องมนุษย์ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขม็ง มันมีชีวิตอยู่มายาวนานย่อมเข้าใจภาษาคน ยิ่่งมันได้รับรู้ว่ามนุษย์ผู้นี้มาทำสิ่งใดมันก็ตัดสินใจได้ทันที ตัวมันเองเกรงว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินวันพรุ่ง หัวใหญ่โตผงกขึ้นมาจ้องคนตรงหนน้าอยู่พักใหญ่ราวกับ้าตัดสินใจบางอย่าง
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งเดรัจฉานจ้องตาหยั่งเชิงกัน สุดท้ายเ้าเสือดาวหิมะก็เป็ฝ่ายหลบสายตาราวกับตัดสินใจได้ มันขยับตัวเอี้ยวคอไปด้วนหลัง เมื่อมันหันกลับมาในปากของมันก็คาบห่อหนังจิ้งจอกก้อนหนึ่งเอาไว้ หากมองดีๆ จะพบว่าก้อนหนังนั้นคล้ายจะขยับไปมา
แง้ว!
เหมือนว่าเ้าเสือดาวหิมะตัวนี้จะใช้แรงกายเฮือกสุดท้ายไปจนหมดจึงคายของที่อยู่ในปากลงบนพื้น ทันทีที่ของสิ่งนั้นหลุดจากปาก เ้าเสือดาวหิมะก็ทิ้งหัวลงพื้นอย่างอ่อนแรง ซ่างกวนจือหลินมองเหตุการณ์ตรงหน้าก็เริ่มเข้าใจ
"เ้า้ายกของที่อยู่ในห่อให้นี้ให้ข้า?"
พรืด...เ้าเสือดาวหิมะพ่นลมออกจากจมูกเป็การตอบรับ สายตาของมันจ้องมองก้อนหนังที่กำลังหยับขึ้นลงเป็จังหวะแ่เบาด้วยความรักและอาวรณ์
''ให้ข้าเดานี่คงเป็ลูกของเ้า? ตกลง...ในเมื่อเรามีวาสนาได้พบเจอคำขอของเ้า...ข้าสัญญาว่าจะดูแลลูกของเ้าให้ดีเสมือนเป็บุตรของตน...ยานี่จะช่วยให้เ้าไม่ทรมานนัก กินเถิดแล้วจากไปอย่างหมดห่วง''ข้าหยิบเม็ดยาออกมาจากถุงหนังป้อนให้เ้าเสือดาวหิมะกิน นี่เป็สิ่งเดียวที่นางจะทำให้มันได้จากไปอย่างสงบ
เมื่อเสือดาวหิมะค่อยๆ หมดลมหายใจไปอย่างช้าๆ ข้าก็หยิบก้อนหนังกลมๆขนาดเท่าแตงโมลูกใหญ่ที่ดูจากลักษณะแล้วเ้าสิ่งที่ขดอยู่ภายใต้แผ่นหนังนี้กำลังหลับปุ๋ย เฮ้อ...เด็กหนอเ้าจะรู้หรือไม่ว่ามารดาได้จากโลกนี้ไปแล้ว ต่อไปเ้าต้องเติบโตมาในสถานที่ที่เ้าไม่คุ้นชิน ในสภาพแวดล้อมที่ผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าเ้าหนูเอ๋ย...การเป็ครอบครัวทหารล้วนต้องทำตนให้หน้าเกรงขามถึงจะใช้ได้
ข้าค่อยๆ คลี่ผืนหนังจิ้งจอกออก ทว่าผืนหนังพึ่งเผยให้เห็นเพียงส่วนหัวเล็กข้าก็ต้องหยุดมือทันที เ้าตัวเล็กนี่สั่น มันหนาวงั้นรึ? เพื่อยืนยันความคิดของตนข้าก็แง้มเปิดผ้าออกมาอีกหน่อย หงึกๆ...ร่างเล็กๆที่อยู่ในอ้อมกอดสั่นเป็เ้าเข้าจนข้าต้องรีบห่อผืนหนังกลับเป็ดังเดิม เพื่อให้มันได้หายใจสะดวกจึงเหลือไว้เพียงส่วนหัวให้โพล่ออกมา เออ...ประหลาดดีแท้ หัวสีเงินจุดดำๆ ด่างๆ ห่มหนังจิ้งจอกไฟสีแดงเพลิง
ช่าง...เป็ตัวอัปลักษณ์
ข้าจับลูกเสือดาวหิมะขี้หนาวยัดลงถุงหนังใบใหญ่ เสร็จแล้วก็สะพายไว้ด้านหลัง เวลาไม่ช้าใกล้ถึงฤกษ์วางผังค่ายกลเก้าสังหารแล้ว หนึ่งคนหนึ่งเสือกระเตงกันลงเขาอย่างว่องไว ยามลงนั้นง่ายยิ่งกว่าขั้นไปมากนักเพียงแค่ใช้เชือกโรยตัวลงมา ใช้เวลาไม่นานก็ลงมาถึงพื้น ทหารที่ออกไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายต่างก็กลับมากันจนครบ
"รายงานท่านแม่ทัพ สิ่งของที่ท่านให้ไปจัดเตรียมอยู่ตรงนี้ทั้งหมดแล้วขอรับ"หัวหน้าหน่วยก้าวเท้าออกมารายงานผู้เป็นายอย่างขันแข็ง
"ดี เรามาเริ่มกันเถิด"
"..."เหล่านายทหารต่างเงียบเสียงเพื่อฟังคำสั่งของเ้านายอย่างพร้อมเพรียง
"ก่อนอื่นตัดศีรษะ ควักหัวใจ ของพวกมันออกมา ปลดอาวุธที่อยู่บนกายของพวกมันออกมาให้หมด เสร็จแล้วก็นำชิ้นส่วนของพวกมันทั้งหมดตามข้ามา...จำไว้ไม่ว่าจะเห็นสิ่งใด รับรู้สิ่งใด เมื่อกลับออกไปจงทำเหมือนว่าภารกิจในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ฝ่าฝืนตาย หากคิดทรยศ ข้ามีพันหมื่นวิธีที่จะทำให้พวกเ้าไม่มีวันได้ผุดได้เกิดตลอดไป"ข้าเน้นย้ำกับทหารของตนอย่าเด็ดขาด นี่คือความลับอันดำมืดของตระกูล หากถูกแพร่งพรายเกรงว่าจะมีแต่ผลเสียมากกว่าดี
ทุกคนที่ได้ฟังคำสั่งของท่านแม่ทัพต่างก็ใช้สายตาอันเด็ดเดี่ยวสบสายตาผู้เป็นายเพื่อเป็การยืนยันคำตอบ ว่าแม้ต้องตายอย่างทรมานแสนสาหัสเพียงใดพวกเขาก็จะไม่มีวันทรยศท่านแม่ทัพ ไม่มีวันทรยศตระกูลซ่างกวน ทหารหนึ่งร้อยนายต่างก็มีศพของทหารหน่วยสอดแนมของแคว้นเหลียวหนึ่งคนต่อศพหนึ่งร่าง บนหลังของพวกเขาสะพายถุงหนังที่บรรจุโลหิตสดๆ เอาไว้จนเต็ม พวกเขาต่างเร่งลงมือตามคำสั่งอย่างว่องไว ศีรษะที่หั่นออกมาถูกบบรรจุลงถุงหนังอีกใบ ส่วนร่างที่เหลือถึงมัดไว้บนหลังม้าพร้อมกับบรรดาอาวุธไม่ว่าจะเป็ดาบหรือธนูก็ถูกมัดรวมกันอย่างแ่า
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ม้าศึกห้อตะบึงไปยังทิศหนึ่งของลานกว้างภายในหุบเขาน่าหลาเจี๋ย ค่ายกลเก้าสังหารเป็การรวมศาสต์หลายศาสตร์เข้าด้วยกัน มีทั้งด้านดีและด้านที่เลวร้าย การยืมพลังทั้งห้ามาใช้เป็การดัดแปลงมาจาก 'อู่หางปากว้า'หรือธาตุทั้งห้าและทิศทั้งแปด เป็หลักทางเต๋าอันลี้ลับ ส่วนการวางค่ายกลแปดทิศนั้นได้ปรับเปลี่ยนเอาศาสตร์ 'ฉีเหมินตุ้นเจี่ย*'ว่าด้วนส่วนของประตูทั้งแปดหรือปาเหมิน
ปาเหมินที่ท่านปู่บรรพบุรุษสร้างขึ้นเป็การเปิดประตูสู่การสังหารหมู่อย่างแท้จริง
ซิว – ประตูบานที่หนึ่ง ค่ายกลลวงตา ใช้ศีรษะของศัตรูเป็เครื่องเซ่นสังเวย กล่าวว่า ความคิดของศัตรูมืดบอดดวงตามองไม่เห็นซึ่งความเป็จริง
สื่อ – ประตูบานที่สอง ค่ายกลกักขัง ใช้โลหิตของศัตรูเป็เครื่องเซ่นสังเวย กล่าวว่า สายเืของสัตรูที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เมื่อยามก้าวเข้ามาในค่ายกลเ้ามีชีวิต เมื่อยามเ้าก้าวออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงร่างที่ไร้ซึ่งิญญา
ซาง – ประตูบานที่สาม ค่ายกลจิตใจ ใช้ร่างกาย เนื้อหนัง กระดูกเป็เครื่องเซ่นสังเวย กล่าวว่า ใจเป็นายกายเป็บ่าว ร่างกายของศัตรูไร้ซึ่งศีรษะและหัวใจเสมือนมีชีวิตอยู่เป็เพียงหุ่นกระบอกมนุษย์จะสั่งให้ไปตายก็ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ
ตู้ – ประตูบานที่สี่ ค่ายกลผนึก ใช้อาวุธของศัตรูเป็เครื่องเซ่นสังเวย ดาบไร้ความคม ธนูไร้ความแม่นยำ ผู้ใช้เปี่ยมไปด้วยความสามรถทว่ามิอาจดึงพลังที่แท้จริงของศาสตราวุธออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
ไค – ประตูบานที่ห้า ค่ายกลบัญชาการ ใช้โลหิตจากหัวใจของผู้สร้างค่ายกลเป็เครื่องสังเวย
จิง – ประตูบานที่หก ค่ายกลควบคุม ใช้เนื้อหนึ่งจินของผู้สร้างค่ายกลเป็เครื่องเซ่นสังเวย
เซิง – ประตูบานที่เจ็ด ค่ายกลโจมตี ใช้กระดูกหนึ่งชิ้นของผู้สร้างคายกลเป็เครื่องเซ่นสังเวย
จิ่ง – ประตูบานที่แปด ค่ายกลรักษา ใช้ของศักดิ์สิทธิ์อันเปี่ยมไปด้วยไอัเป็เครื่องเซ่นสังเวยนั่นคือ พู่กันหยกพระราชทานจากองค์ไท่จู่ ซึ่งพู่กันด้ามนี้ท่านปู่บรรพบุรุษเคยใช้เปิดค่ายกลมาแล้ว
สรรพสิ่งหลอมรวมเป็หนึ่ง
วางผังแปดประตูเบื้องหน้ามุ่งเน้นการสังหาร หนึ่งควบคุม หนึ่งตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งค่ายกล บัดนี้ประตูทั้งแปดจงรวมกันเป็หนึ่ง ใช้หัวใจของอริศัตรูเป็ดั่งตราประทับ สายเืแคว้นเหลียว จิติญญาของพวกเหลียวอันชั่วร้ายจงถูกกักขังอยู่ในค่ายกลแห่งนี้
ด้วยอำนาจแห่งข้าผู้สรรสร้าง
ด้วยอำนาจเกื้อหนุนจากบรรพบุรุษตระกูลซ่างกวนทุกรุ่น
เก้ากลวิธี
เก้าเครื่องเซ่นสังเวย
ตำแหน่งที่เก้าแห่งค่ายกล จง เปิด ออก
เก้า-สัง-หาร!