“เ้าใช้ทักษะเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือไม่?” ซูเจินถามห้วนๆ
“เ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?” อวิ๋นจื่อถาม
ในอดีตนางแทบไม่ได้คบหากับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในเมืองอวิ๋นเมิ่ง และแทบไม่รู้จักใครสักคนก่อนที่นางจะมาที่นี่ ทุกคนรู้เพียงว่านางเข้าพิธีปักปิ่นแล้วเท่านั้น ท่ามกลางความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ บัลลังก์ของตระกูลอวิ๋นก็ร่วงลงสู่ความพินาศเสียก่อน
“เ้าเคยพบข้าเมื่อใด?” นางถามด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “เ้า้าอะไรกันแน่?”
วันเวลาในหอคณิกาสอนให้นางรู้จักอดทนและพร้อมที่จะจากไปได้ทุกเมื่อ อวิ๋นจื่อจึงเลือกที่จะแสร้งทำเป็ไม่รู้เื่ไปก่อน
ซูเจินมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวและมองเห็นเมฆหมอกหนาทึบที่ปิดกั้นหัวใจของนางอยู่ เขาเอ่ยถามว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเ้ากับตระกูลมู่เป็อย่างไร?”
ความกลัวในใจของอวิ๋นจื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นางไม่กล้าเปิดเผยอะไรไปมากกว่านี้
หลังจากเงียบไปนาน นางก็กลั้นหายใจและกล่าวอย่างเ็าว่า “คุณชายซูไม่ได้บอกข้าว่ารู้ทุกอย่างหรือ? เหตุใดถึงถามเื่นี้?”
ซูเจินรู้สึกรำคาญ “เ้ารักเย่เช่อหรือไม่?”
‘ข้าจะพูดคำว่ารักออกมาเลยได้อย่างไร?’ อวิ๋นจื่อคิด
ท้ายที่สุดนางก็เป็สตรีพรหมจรรย์คนหนึ่ง
อวิ๋นจื่อยังคงเงียบ
นางไม่อยากคุยกับชายหนุ่มตรงหน้า
สักวันหนึ่งเย่เช่อจะยอมทำตามความปรารถนาของบิดาแล้วเอาดาบมาจ่อคอนางหรือไม่?
อันที่จริงในแง่ของความาุโ เย่เช่อมีสถานะเป็อาจารย์อาของอวิ๋นจื่อ เพราะเขาเป็ศิษย์น้องของเสด็จอา
บรรยากาศในห้องแปรเปลี่ยนเป็เ็าและอึดอัด ความสับสนเริ่มจู่โจมอวิ๋นจื่ออย่างรุนแรง
ถ้าเย่เช่อรู้ว่านางเป็ใคร จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ในเวลานั้นนางจะยังเผชิญหน้ากับเขาได้อีกหรือไม่?
ทุกอย่างคงดีกว่านี้หากนางยังเป็องค์หญิงใหญ่แห่งตำหนักเหวินฮวา
เสด็จพ่อสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเื่เพียงออกคำสั่งเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจื่อไม่ตอบ ซูเจินก็เริ่มโกรธ “สตรีจากหอคณิกาช่างเืเย็นจริงๆ ”
คำพูดนี้เสียดแทงหัวใจอวิ๋นจื่ออย่างยิ่ง
อวิ๋นจื่อทั้งเ็ปและเศร้าโศก หัวใจของนางเหมือนถูกยัดด้วยก้อนสำลีที่ทั้งเย็นและแข็ง สร้างความอึดอัดให้นางเป็อย่างมาก
ซูเจินกล่าวอย่างเ็า “ปี้เหยียน โปรดจำสิ่งที่เ้าเคยสัญญาเอาไว้ ข้ารู้ว่าเ้า้าทำอะไรและข้ามีบางอย่างที่อาจเป็ประโยชน์กับเ้า ข้าสามารถบอกเื่นี้กับเ้าได้แต่เ้าต้องตอบคำถามข้ามาก่อน”
“ข้าอยากฟังรายละเอียด” อวิ๋นจื่อกล่าว
ซูเจินถามอย่างเ็า “เ้า้าสังหารเย่เซียงหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อก้มหน้านิ่ง
แน่นอนว่านาง้าสังหารเย่เซียง รวมถึงคนตระกูลเย่ทั้งหมด
ซูเจินถอนหายใจและกล่าวว่า “อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่เ้าอาจไม่รู้ ตอนนี้เย่เช่อคืออ๋องอวิ๋นเมิ่งคนใหม่”
“เขาได้รับมรดกทุกอย่างจากเสด็จอาหรือ?” หญิงสาวใกับข่าวที่ได้ยินอย่างกะทันหันนี้ นางโพล่งความคิดที่อยู่ในใจออกไปโดยลืมแม้กระทั่งตัวตนที่ปิดบังไว้
ท้ายที่สุดแล้ว นางก็เป็เพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง
ซูเจินแสร้งทำเป็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติและกล่าวเบาๆ ว่า “เก็บของของเ้าก่อน แล้วข้าจะมารับเ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
“เพราะเหตุใด?” อวิ๋นจื่อถามด้วยความสงสัย
ซูเจินไม่พูดอะไรและจากไปอย่างรวดเร็ว
เขารู้มาว่าองค์หญิงเหวินฮวาเป็บุตรีของอ๋องอวิ๋นเมิ่งผู้มีนามว่าหวังอวิ๋นเซียว ทุกอย่างที่เย่เช่อได้รับมาควรเป็ของนาง
ระหว่างเย่เช่อและองค์หญิงใหญ่แห่งตำหนักเหวินฮวามีความแค้นอย่างลึกล้ำ ไม่ง่ายเลยที่พวกเขาทั้งสองจะอยู่ร่วมกันได้
ในใจของซูเจินเต็มไปด้วยความเวทนา
‘ข้าจะช่วยให้ทั้งสองสมหวังได้หรือไม่?’
เขาปล่อยวางความคิดนี้และกลับไปที่จวนผู้ว่าการทันที
…
ฮั่วฉีอวี่กลับไปแล้ว
เย่เช่อก็เช่นกัน
ในจวนอันใหญ่โต ในที่สุดก็เหลือเพียงซูเจินคนเดียว
ทันใดนั้นก็มีเสียงรถม้าดังขึ้นที่หน้าประตู
ก่อนที่ซูเจินจะได้เอ่ยถาม สาวใช้ท่าทางเฉลียวฉลาดคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงานว่าบิดาของเขากลับมาแล้ว
‘ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือ? ท่านพ่อมักทำงานอย่างแข็งขันอยู่เสมอ เหตุใดจึงกลับมาที่บ้านได้? วันนี้เป็วันหยุดหรือ?’
จะต้องมีอะไรบางอย่างแน่!
ซูเจินตัดสินใจว่าจะหลบออกไปทันที แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ยืนขึ้น สาวใช้อีกคนก็วิ่งเข้ามารายงานว่าบิดาของเขาเรียกพบ
ซูเจินเดินไปห้องหนังสืออย่างไม่เต็มใจนัก
ทันทีที่ซูเจินก้าวเข้าไปในห้อง ชายวัยกลางคนที่นั่งรออยู่ก่อนก็กล่าวขึ้นด้วยความเป็ห่วงว่า “เจินเอ๋อ ่นี้เ้าควรงดเว้นการไปหอจุ้ยฮวนก่อน มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นที่นั่น”
ซูเจินเลิกคิ้ว “ลูกเข้าใจแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัวและเตรียมจะจากไปทันที
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนก็ถามขึ้นอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่าเ้า้าไถ่ตัวหญิงสาวจากศาลาฉีอวิ๋น นี่เป็เื่จริงหรือไม่?”
ซูเจินพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่”
เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “เจินเอ๋อ เ้าต้องรู้ว่าสตรีที่มาจากหอคณิกา…”
“โเี้ที่สุด!”
ซูเจินเลียนแบบน้ำเสียงของบิดา ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากประตูเขาก็มองเห็นหนวดเคราที่ขาวโพลนของบิดา ฝีเท้าของเขาจึงช้าลงเล็กน้อย
ซูเจินกล่าวว่า “หญิงสาวคนนั้นเดิมมาจากตระกูลที่ร่ำรวย แต่ตอนนี้ตระกูลของนางได้ล่มสลายไปแล้ว นางมีรูปโฉมที่โดดเด่นและมีพร์ไม่ธรรมดา หายากมากที่จะมีสตรีคนใดต้องตาเย่เช่อ ข้าจะรับนางเป็น้องสาวบุญธรรม ท่านพ่อเห็นด้วยหรือไม่?”
ผู้ว่าการซูขมวดคิ้ว “เ้ารู้ตัวตนที่แท้จริงของนางแล้วหรือ?”
ซูเจินพยักหน้า แต่ไม่ได้กล่าวอะไร
“เย่เช่อก็รู้ด้วยหรือ?” ผู้ว่าการซูถาม
ซูเจินไอเบาๆ เขากะพริบตาและกล่าวว่า “เขายังไม่รู้ แต่หญิงสาวคนนี้จะไม่ทำร้ายเขา”
ผู้ว่าการซูมองดูบุตรชายด้วยความสงสัย สุดท้ายเขาได้แต่ถอนหายใจและกล่าวว่า “อย่าเพิ่งลงมือทำสิ่งใด ในฐานะบิดาข้าต้องตรวจสอบอีกครั้ง”
“ไม่จำเป็ต้องตรวจสอบ” ซูเจินกล่าว “ข้ารู้ว่าคงปิดบังท่านพ่อไม่ได้ อันที่จริงนางเป็ลูกของสหายเก่าท่านพ่อเอง”
ดวงตาของซูเจินสั่นไหว เขาไม่กล้าสบตาผู้เป็บิดา
‘ลูกของสหายเก่า?’
ผู้ว่าการซูขบคิดก่อนจะมองบุตรชายด้วยสายตาลึกล้ำ “คำพูดของเ้าฟังดูชอบกล ผู้ที่เรียกได้ว่าเป็สหายเก่าของข้ามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น แต่พวกเขาล้วนตายไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่เ้าพูดถึงย่อมไม่ใช่สหายเก่าของข้าอย่างแน่นอน”
ซูเจินพ่ายแพ้ในที่สุด
เขากระซิบว่า “ท่านพ่อยังจำบทกวีที่ว่า ‘ถนนทรายกลางป่าหลิว ไร้โคลนสะอาดตา ยามสายฝนสนธยา นกกาเหว่าร้องครวญ[1]’ ได้หรือไม่?”
ใบหน้าของผู้ว่าการซูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพึมพำกับตัวเองว่า “เ้าหมายถึงเขาเองหรือ? เป็บุตรีของเขาจริงๆ น่ะหรือ? ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้พบเด็กคนนั้นอีก”
ทั้งสองสบตากันโดยไม่พูดอะไร จากนั้นซูเจินก็เดินออกจากห้องไป
…
ณ ศาลาฉีอวิ๋น
อวิ๋นจื่อที่รอจินเหนียงมาหลายวันรู้สึกไม่สบายใจเป็อย่างมาก สุดท้ายนางจึงอดไม่ได้และถามเื่นี้กับหงจินตรงๆ
แต่ก่อนที่หงจินจะทันได้กล่าวอะไร สาวใช้ของหวังฉีอวิ๋นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกว่า
“ขอแสดงความเสียใจกับแม่นางด้วย จินเหนียงจากไปแล้วเ้าค่ะ”
อวิ๋นจื่อรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจของนาง ภาพของผู้คนและสิ่งต่างๆ รอบตัวนางค่อยๆ พร่ามัวและเลือนหายไป
------------------------
[1] ถนนทรายกลางป่าหลิว ไร้โคลนสะอาดตา ยามสายฝนสนธยา นกกาเหว่าร้องครวญ [潇潇暮雨子规啼] หรือเซียวเซียวมู่อวี่จื่อกุยถี เป็ส่วนหนึ่งของบทกวีชมวัดชีฉีสุ่ยชิงฉวนของซูซื่อกวีสมัยราชวงซ่ง
潇潇 หรือเซียวเซียว คือ การอธิบายถึงเสียงฝน
暮雨 หรือมู่อวี่ หมายถึง ฝนตกตอนเย็น
子规啼 หรือจื่อกุยถี หมายถึง นกกาเหว่าซึ่งมักส่งเสียงร้องไปทางทิศเหนือ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ทั้งกลางวันและกลางคืน เสียงร้องนั้นเศร้ามากราวกับรอคอยการกลับมาของลูกของมัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้