“จำไว้ให้ขึ้นใจว่าเธอจะท่องผิดแม้แต่คำเดียวไม่ได้ และต้องท่องวันพระขึ้น 15 ค่ำ ตอนเที่ยงคืน หน้ากระจกจุดเทียนไขหนึ่งเล่ม มันจะช่วยให้เธอผ่านจากโชคร้าย กระจกจะดูดซับสิ่งไม่ดีออกจากตัวเธอไปขอแค่อย่าท่องผิดก็เป็พอ ตอนนี้เพิ่งขึ้น9ค่ำเธอยังพอมีเวลาที่จะเตรียมตัวท่องคาถาที่มีไม่กี่คำนี้ทัน”
เสียงยังก้องอยู่ในหูของหญิงสาวที่ตอนนี้ พบว่าตัวยืนอยู่กลางป่าใหญ่ที่ มืดมิดได้ยินแต่เสียงหมาป่าหอนอย่างโหยหวน กันเป็ทอดๆอยู่ในป่าด้วยความใ แทบสิ้นสติเนตรดาวได้นั่งกอดเข่าบนพื้นที่มีแต่เศษดินแนบตัวเข้ากับต้นไม้ใหญ่
“ เป็ไปไม่ได้ เราอยู่บนคอนโดกำลังสวดมนต์อยู่หน้ากระจก คืนพระจันทร์เต็มดวงแล้วทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่ได้ ล่ะ”เนตรดาวกำลังนั่งนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดขั้นตอนไปหรือเปล่า
เนตรดาวหญิงสาววัย 25 ปีฝึกงานเป็พนักงานออฟฟิศแห่งหนึ่งย่านสีลม รู้สึกว่า่นี้ตัวเองดวงไม่ดีเอาเสียเลยทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด มีวันหยุดติดกันสองวันจึงได้ไปทำบุญวัดดังแถวสนามหลวง และไปเดินเล่นแถวตลาดท่าพระจันทร์ เพื่อให้ตัวเองสบายใจขึ้น
“นี่เธอ เธอนั่นแหละดูหน้าตาแล้วดวง่นี้ไม่ค่อยจะดีเลยใช่ไหม แวะเข้ามาดูในร้านก่อนมีหนังสือที่ทำให้เื่ร้าย กลายเป็ดีได้ ราคาไม่แพงยายขายที่นี่มาตลอดไม่เคยหลอกลวงใคร”
เนตรดาวหันไปมองหญิงชราวัย 60 ตรงตรอกซอยแคบแห่งหนึ่ง เป็ร้านขายหนังสือมีชื่อร้านว่า เด่นดวง จึงแวะเข้าไปดูเล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเชื่อคำพูดของหญิงชรา แต่บรรยากาศดูลึกลับน่าสนใจ เผื่อจะมีหนังสือที่ถูกใจไปนอนอ่านเล่นที่ห้อง
“นี่ต้องเล่มนี้ถ้าเธอรู้สึกว่า ดวงไม่ค่อยดีดวงตก แต่วิธีค่อนข้างซับซ้อนนิดหน่อยเธอต้องท่องในคืนวันพระขึ้น 15 ค่ำหน้ากระจกเท่านั้นจุดเทียนหนึ่งเล่มและห้ามทำขั้นตอนผิดเด็ดขาด กระจกแสงจันทร์และความสว่างของเทียนจะช่วยดูดซับสิ่งไม่ดีออกจากตัวเธอ”
“ยายขายให้ราคาไม่แพงหรอกเล่มละ 99บาทเท่านั้น ถึงหนังสือเล่มนี้จะดูหนาแต่เธอท่องแค่บทแรกเท่านั้นส่วนบทอื่นเธอจะอ่านไม่อ่านก็ไม่ได้บังคับ”หนังสือที่เ้าของร้านแนะนำไม่หนามากสีน้ำตาลดูเก่าหน้าปกมีวงกลมหยินหยางอยู่กลางเล่ม
เนตรดาว เป็ลูกสาวคนเดียวพ่อแม่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ส่วนตัวเธอมาทำงาน หาประสบการณ์อยู่ที่กรุงเทพ อีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปอยู่เชียงใหม่กับพ่อแม่แล้ว แต่สองสามวันมานี้รู้สึกว่าทำอะไรติดขัดไปหมดใส่รองเท้าเดิน ส้นรองเท้าหัก นั่งรถไปทำงานยังไปเฉี่ยวชนกับมอเตอร์ไซค์ พิมพ์ทำงานสำคัญ ยังไม่ทันได้เซฟไฟล์ระบบล่มกู้คืนไม่ได้ และมีอย่างอื่นอีกหลายอย่างที่ติดขัด
พอได้ไปทำบุญ และได้หนังสือมาเชื่อไว้ก็ไม่เสียหาย เธอจึงได้ท่องบทคาถาที่มีไม่กี่บรรทัด ถึงจะเป็คนสมัยใหม่แต่พ่อแม่ที่อยู่เชียงใหม่ปลูกฝังให้เชื่อ คำโบราณต่างๆมาั้แ่เด็ก และหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่าอายุ 25 ปีวัยเบญจเพสจะมีเื่ราวนั้นจึงเป็เหตุให้เธอ ตั้งใจท่องคาถาทุกวันจนมาถึงวันขึ้น 15 ค่ำ
เนตรดาวตั้งใจทำทุกอย่างเติมที่และ้าพิสูจน์ด้วยว่า จะเป็จริงไหมเธอเตรียมเทียนสีขาวหนึ่งเล่ม คาถาก็ท่องได้อย่างแม่นยำแล้ว
เธอจุดเทียนแล้วตั้งไว้ในแก้วกาแฟกันน้ำตาเทียนหยดลงพื้น เวลาเที่ยงคืนหน้ากระจกบานใหญ่ ในห้องนั่งเล่นใกล้กับหน้าต่างที่เปิดไว้ ดอนโดที่ของเธออาศัยอยู่คือชั้นที่แปดจากทั้งหมดยี่สิบชั้น
เนตรดาวเริ่มสวดมนต์ ที่ท่องถึงสามรอบคาถาไม่ยาว แต่เป็คาถาที่ดูเหมือนจะยากอยู่เหมือนกันเพราะไม่เคยรู้จักหรือได้ยินใครสวดมนต์บทนี้มาก่อนแต่เธอก็ท่องจำได้หมดแล้ว
“ฮู!ฮูกก!!”
เสียงร้องดังขึ้นของนกฮูก พร้อมกับบินมาเกาะที่หน้าต่าง เนตรดาวที่ท่องคาถามาถึงรอบที่สามแล้ว ปากก็ท่องตาหันมามอง นกฮูกตัวใหญ่ที่เกาะอยู่ตรงหน้าต่าง ทำให้คาถาสุดท้ายผิดไป ความหมายเลยเปลี่ยน จากที่ให้สิ่งไม่ดีหายไปกลายเป็เจอแต่สิ่งไม่ดี
และนี่เป็เหตุให้เธอ เกิดอาการหน้ามืดวูบและมารู้สึกตัวอยู่กลางป่า
“ เป็เพราะนกฮูกตัวนั้นหรือเปล่านะ ที่ทำให้เราเสียสมาธิสวดมนต์ผิดก็แค่สวดมนต์ผิดเท่านั้นเอง ทำไมต้องมาอยู่ในป่าที่มืดแบบนี้ แถมยังมีแต่ต้นไม้ใหญ่ ไปไหนไม่ได้ต้องรอให้สว่างก่อนถึงแม้พระจันทร์จะเต็มดวง ก็เถอะ”
เนตรดาวนั่งขดตัวอยู่กับต้นไม้ใหญ่ยังดีที่เธอใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เป็ชุดนอนแต่ก็ไม่ได้หนามาก ความเงียบความกลัวและใ แล้วยังรู้สึกเหนื่อยทำให้เผลอหลับไปจนถึงเช้า
“ คุณหนู ตื่นเถอะเราต้องรีบกลับบ้านก่อนที่ นายท่านจะลงโทษเื่คุณหนูแอบหนีออกจากบ้านมา”
เนตรดาวลืมตาขึ้นมาเพราะแรงเขย่าและเสียงเรียกของหญิงสาวผู้หนึ่งอายุประมาณ ยี่สิบปีอยู่ในชุดจีนโบราณ
“ ผีหลอก!!”
“ ไปที่ชอบที่ชอบเถอะเดี๋ยวลูกช้างจะทำบุญไปให้” เนตรดาวยกมือขึ้นพนมหลับหูหลับตาเมื่อเห็นชุดจีน
แต่ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเหมือนคิดอะไรได้“ ผีจีนซะด้วย นี่เราอยู่ในป่าช้าหรอกหรือ ปกติเรามันก็ไม่กลัวผีนี่นาแล้วอีกอย่างหนึ่งท้องฟ้าสว่างแล้ว”
“ คุณหนูล้อเล่นแล้วเ้าค่ะ จำบ่าวทั้งสองคนไม่ได้รึ เราต้องรีบกลับก่อนที่นายท่านจะรู้ แล้วคุณหนูใส่ชุดอะไรกันต้องรีบกลับเข้าจวน ก่อนที่ใครจะเห็นเข้าเ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองคนไม่ได้สนใจเนตรดาว จะตอบหรือไม่ คนที่ตัวใหญ่กว่าอุ้มและวิ่งกลับจวน
สาวใช้ทั้งสองใช้ประตูหลังแอบเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ท้ายจวนอยู่ติดกับแพงด้านหลังของจวนใหญ่
“ พี่สาวหยุดก่อน ฉันไม่ได้เป็คุณหนู ของพี่สาวทั้งสองแน่นอนห้องฉันอยู่ที่กรุงเทพ พักอยู่ในคอนโดจะมาอยู่ในบ้านคนอื่นได้ยังไง ฉันจะกลับเดี๋ยวนี้”
“ คุณหนูทำไมถึงพูดแปลกประหลาดเยี่ยงนี้กันล่ะ ถ้าไม่ใช่คุณหนูแล้วจะเป็ใคร หน้าตาและรูปร่างก็เหมือนกันหนูได้รับแรงกระแทกหรือาเ็ตรงไหนจนลืมเลือนไปหรือไม่เ้าคะ มาให้บ่าวสำรวจหน่อย”คนรับใช้ตัวเล็กกว่าพูดขึ้น นางจับเนตรดาวหมุนไปมา
“ เอ๊ะ!! ทำไมเราถึงดูตัวเล็กลงล่ะ แต่เราไม่ได้ตายนี้ เสื้อผ้าเป็พยานได้ยังเป็ชุดนอนเมื่อคืนอยู่เลย แต่ทุกอย่างทำไมดูเล็กไปหมดล่ะ แล้วเราอยู่ที่ไหนกัน สร้อยคอก็ยังอยู่เฮ้ย! หรือเป็เพราะคาถานั่น ส่งผลให้เรามาถึงที่นี่จะเป็ไปได้ยังไง”
อย่างไรก็แล้วแต่เนตรดาวถูกจับเปลี่ยนเป็ชุดจีนโบราณ ที่ดูเก่าของเด็กหญิงผู้หนึ่ง อายุประมาณสิบสองปี
“ คุณหนูคงไปเจออะไรมาเมื่อคืนนี้ทำไมถึงดูเปลี่ยนไป แถมยังพูดจาแปลกประหลาดอีกด้วย แล้วชุดนี่ไปเอามาจากที่ไหนกัน ข้ารู้ว่าท่านคงจะน้อยใจ และเสียใจแต่ไม่ควรหนีออกจากบ้านเวลาค่ำคืนขนาดนั้น มันอันตรายมากนะเ้าคะ”
“ พี่สาวทั้งสองฟังที่ฉันพูดก่อน ฉันไม่ใช่คุณหนู และฉันก็ไม่ได้เป็คนของที่นี่ แค่หลงทางเป็คนที่หลงทางมาเท่านั้น”
“ โธ่คุณหนูของบ่าวหัวน่าจะไปกระทบกระเทือนอะไรในป่าในเขาแน่เลย จึงพูดจาแปลกประหลาดและจำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้”
เนตรดาวลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ บ้านที่เก่าจนทรุดโทรมหลังนี้ เดินออกจากห้องที่เก่าแทบไม่มีอะไรดี มาหยุดยืนข้างนอกบ้าน มองไปข้างหน้าเห็นจวนหลังใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจึงหันมาถามทั้งสองคน
“ พี่สาวทั้งสองคนมีชื่อว่าอะไรหรือ ส่วนข้ามีชื่อว่าเนตรดาว แล้วข้างหน้ามีบ้านหลังใหญ่ ทำไมพี่สาวเรียกข้าว่าคุณหนูแล้วทำไมถึงได้อยู่ในบ้านเก่าและสุดโทรมขนาดนี้กัน”
“ ข้ามีชื่อว่า ซูลี่และคนที่ตัวเล็กกว่าข้าชื่อซิงอี คุณหนูไม่ได้ชื่อเนตรดาวอะไรนั่นแต่คุณหนูมีชื่อว่า หม่าอี้เฉิน ลูกสาวคนเล็ก ของตระกูลหม่าที่ยิ่งใหญ่ของเมืองนี้”
“ ในเมื่อเป็ลูกสาวคนเล็กของตระกูลใหญ่ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าที่ใหญ่รุ่มร่ามและเก่ามาก แถมยังมาอยู่ในบ้านทรุดโทรมขนาดนี้กัน”
“ ฉันขอถามพี่สาวทั้งสองว่า ที่นี่คือที่ไหนชื่อเมืองอะไร ใครเป็ผู้ว่าฯหรือนายก หรือมีกษัตริย์มั้ย”
“ คุณหนู ที่หนูถามมาข้าไม่รู้จักสักตำแหน่งเลย เรามีแต่จักรพรรดิและเ้าเมือง ตอนนี้เราอยู่ที่เมืองเทียนตี้
จักรพรรดิก็คือเทียนตี้จวิน เ้าค่ะ”
“ นี่เราหลุดมาที่ไหนกันแน่ แล้วเด็กคนนั้นหายไปไหน พ่อกับแม่อยู่ที่เชียงใหม่ท่านจะรู้เื่ของเราไหม
ว่า ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่คอนโด แต่มาโลกไหนก็ไม่รู้”
“ ฉันขอเวลาปรับตัวสักพักหนึ่งก่อน ตอนนี้ขอสงบสติอารมณ์ ” เนตรดาวเดินรอบบ้านหลังเก่าที่สุดโทรม โดยมีสาวใช้ทั้งสองเดินตามอยู่ห่างๆ
เนตรดาวเดินกลับเข้าบ้าน สำรวจภายในที่แทบจะไม่มีอะไรเป็บ้านชั้นเดียวสร้างจากไม้ผสมดิน เธอหันมาถามสาวใช้ทั้งสอง
“ เล่าเื่ให้ฟังได้ไหมว่าเราหรือข้า ที่เป็บุตรสาวคนเล็กของตระกูลใหญ่ทำไมถึงมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้”
“ เดิมทีคุณหนูก็อยู่บ้านหลังใหญ่ นั่นแหละแต่เมื่อสองปีก่อน คุณหนูได้ไปตรวจวัดพลัง ปรากฏว่าคุณหนูไม่มีพลังอะไรเลยทำให้นายท่านกับนายหญิงโกรธอย่างมากเลยให้คุณหนูมาอยู่ที่นี่”
“ วัดพลังคืออะไรกัน วัดว่าใครแข็งแรงกว่ากันอย่างงั้นเหรอ แล้วลูกสาวที่เลี้ยงมาตั้งนานไม่มีความรักความผูกพันกันเลยหรือยังไงแค่ ตรวจเจอว่าไม่มีพลังก็ไล่มาอยู่บ้านที่ ทรุดโทรมแบบนี้”
“ คือที่เมืองนี้ทุกคนต้องมีพลังธาตุ จะเล็กมีน้อยแต่ก็มี ซึ่งจะปรากฏขึ้นมาตอนอายุสิบขวบ ว่าใครถือครองธาตุไหน แต่ของคุณหนูไม่ปรากฏว่ามีธาตุไหนเลย ทำให้นายท่านอายและขายหน้า”
“ ยังดีคุณหนูใหญ่ทั้งสี่มีพลังธาตุที่พิเศษ อย่างธาตุแสงที่มีพลังการรักษา และเป็ธาตุที่หายาก จึงกู้หน้าตระกูลหม่าไว้ได้”
“ พี่สาวทั้งสี่อย่างงั้นหรือเรามีพี่สาวทั้งสี่คนเลยเหรอ ทำไมพวกเขาก็ไม่เห็นรัก และเห็นว่าข้าเป็น้องหรือยังไงถึงปล่อยให้อยู่ในที่แบบนี้”
“ พี่สาวทั้งสี่ของคุณหนูเป็ฝาแฝดกันสี่คนและมีพลังพิเศษ จะมาสนใจคุณหนูที่ไม่มีพลังอะไรได้ยังไงล่ะ เพราะอนาคตของพวกนางต้องไปอีกไกล อีกไม่นานก็ไปเข้าศึกษาที่สำนักเทพสุริยัน ของแดนเทียนถางแล้ว”ซูลี่พูดอธิบายให้ฟัง
“ จริงสินะขนาดพ่อแม่ยังไม่รักนับประสาอะไรกับแค่พี่ มันคือโลกอะไรกัน ถึงมีความเหลื่อมล้ำกันเยอะแบบนี้”
“ ดูจากเสื้อผ้าแล้วเราคงรับ ของเหลือเดนมาจากพี่สาว ใช่ไหมถึงดูใหญ่รุ่มร่ามและเก่าขนาดนี้ แล้วเช้านี้มีอะไรกินบ้างล่ะ”เนตรดาวถามขึ้นเพราะรู้สึกหิว
“ คุณหนูคงจะจำไม่ได้เราไม่มีมื้อเช้ากินมานานแล้ว มีแต่มื้อกลางวันมื้อเดียวเท่านั้น จวนใหญ่ให้อาหารเรามาแค่มื้อเดียว”ซิงอีพูดด้วยความสงสารคุณหนูของตน
“ มื้อเดียว? ทั้งที่รู้ว่าเป็เด็กยังไม่โตก็ให้อาหารมามื้อเดียว แล้วเด็กจะโตได้อย่างไร หรือว่าเขา้าให้เด็กหายไปแบบเงียบๆกัน”
“ แต่ขอถามหน่อยเถอะ ในเมื่อให้เด็กน้อยผู้หนึ่งอยู่อย่างอดอยากแต่ทำไมถึงมีสาวรับใช้ถึงสองคนล่ะ”
“ แต่ก่อนยายท่านผู้เฒ่ารักคุณหนูมากท่านจากไปเมื่อสามปีก่อน ได้มอบเราทั้งสองคนให้กับคุณหนู ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนายท่านห้ามมายุ่งเกี่ยวกับเราทั้งสองคน”
“ ถ้าเราได้รับอาหารวันละมื้อ แล้วเราหาอาหารหรืออย่างอื่นที่มากินแทนเองได้ไม่หรือยังไง ที่นี่ใช้อะไรในการซื้อขายกัน”