ด้านนอกสวนร้อยสัตว์
ยามที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อรับสั่งให้วางเพลิงผู้คนที่อยู่ในสวนก็เร่งรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ณ เวลานี้ผู้คนมากมายต่างยืนอยู่นอกประตูหินั์ บรรยากาศดูแปลกประหลาด
เปลวเพลิงลุกโหมรุนแรงอยู่ในฝั่งด้านในของกำแพงสูงเสียงแตกของต้นไม้ที่ถูกเผาไหม้ ดังแว่วเข้าไปในหูของผู้คนสะกดอารมณ์จนมิอาจเอ่ยเอื้อน
ยามที่จ้าวเยี่ยนและฉางไทเฮามาถึงด้วยความเร่งรีบอวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหรูเยียนเองก็มาถึงเช่นกัน ยามนี้ทุกคนต่างก็ยืนอยู่นอกสวนร้อยสัตว์สีหน้าของแต่ละคนเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
"ฝ่าา..."ฉางไทเฮาท่าทางรีบร้อน แทบไม่สนใจผู้คนมากมายตรงนั้นก้าวเดินเข้าไปข้างหน้าฮ่องเต้หยวนเต๋อ “พระองค์เหตุใด...เหตุใดถึงได้สั่งให้จุดไฟเผาพระองค์...”
น้ำเสียงของฉางไทเฮายากจะซ่อนการตำหนิฮ่องเต้หยวนเต๋อสบตานาง ร่างกายเขาสั่นไหวขึ้นมาทันที "หนิง...ไทเฮาเจิ้น..."
ทันทีที่เอ่ยคำว่า “หนิง” ออกไปเขาเหมือนจะตระหนักได้ จึงเปลี่ยนคำพูดอย่างฉับพลัน ฮ่องเต้หยวนเต๋อถอนหายใจและกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง เสียงขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอก็ดังขึ้นมาก่อน...
“พี่สะใภ้ถ้าไม่สั่งให้จุดไฟเผาป่าพุ่มหนามหรือว่าจะปล่อยให้ฮองเฮาอวี่เหวินกับเหนียนยวี่ตายอยู่ในสวนร้อยสัตว์หรือ? ในสวนร้อยสัตว์ ทั้งท่านและข้าต่างก็รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน!”
ฉางไทเฮาใเล็กน้อย นางเหลือบมององค์หญิงใหญ่ชิงเหอความกังวลในดวงตาแผ่ขยายยิ่งขึ้น “ข้าแค่เป็ห่วงว่าสั่งให้จุดไฟเผาเช่นนี้หากฮองเฮาอยู่ในป่าพุ่มหนาม เช่นนั้นจะไม่ถูกไฟเผาทั้งเป็ไปด้วยหรือ?”
ฉางไทเฮาจู่ๆ ก็หลับตาลง ประสานมือเข้าหากัน พึมพำในปากราวกับกำลังสวดมนตร์ภาวนา
ส่วนหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ยินคำพูดขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอพูด ก็ชะงักอยู่ตรงนั้นทันที
ยวี่เอ๋อร์...
เหนียนยวี่งั้นหรือ?
เหนียนยวี่เองก็เข้าไปในสวนร้อยสัตว์ด้วยงั้นหรือ?
แต่...มันเป็ไปได้อย่างไร?
"เสด็จป้า..."จ้าวเยี่ยนเอ่ยปากขึ้นโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว"ฮองเฮากับคุณหนูยวี่เข้าไปในสวนร้อยสัตว์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?"
เขาอยากจะรู้ว่าเหตุใดเหนียนยวี่ถึงได้เข้าไปอีกทั้งนางอยู่กับฮองเฮาได้อย่างไร!
ในสวนร้อยสัตว์อันตรายอย่างยิ่งหากเหนียนยวี่เข้าไปในสวนร้อยสัตว์ เช่นนั้น...
จ้าวเยี่ยนจ้องมองเปลวเพลิงที่ลุกโหมอยู่ในสวนร้อยสัตว์วงคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น จนกลายเป็เส้นเดียว
“แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นเกรงว่าคงมีเพียงยวี่เอ๋อร์และฮองเฮาเท่านั้นที่จะรู้ ทว่ายังดี...” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่ให้จือเถาประคองสีหน้านางซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง “เมื่อคืนฉู่ชิงเข้าไปแล้วเขาเคยเป็เด็กอัจฉริยะอันดับหนึ่ง เฉลียวฉลาดมาั้แ่เล็กเกรงว่าคงมีเพียงเขาที่สามารถหาทางออกจากป่าพุ่มหนามได้เขาเข้าไปในนั้นหลายชั่วโมงแล้ว หวังว่าจะเจอพวกนาง หากยังไม่เจอ..."
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยถึงตรงนี้ก็ไร้หนทางจะกล่าวอะไรต่อ
หากยังไม่เจอ...เช่นนั้นเปลวเพลิงกองใหญ่นี่...อาจจะกลายเป็สิ่งที่ทำให้พวกเขาจบชีวิตเร็วขึ้น!
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากการเผาป่าพุ่มหนามก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว...มิใช่หรือ?
ฉู่ชิง...
เมื่อได้ยินชื่อนี้ฉางไทเฮาและจ้าวเยี่ยนที่กำลังปิดตา ต่างก็ชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อจ้าวเยี่ยนนึกถึงเหนียนยวี่และฉู่ชิงที่ร่วมมือกันตอนแข่งฉินในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวเมื่อคืนวงคิ้วเขาก็ยิ่งขมวดแน่น
เขา...เข้าไปในสวนร้อยสัตว์เพื่อฮองเฮาอวี่เหวิน หรือเพื่อเหนียนยวี่กันแน่?
หากเพื่อฮองเฮาอวี่เหวิน เช่นนั้นก็คงเป็เพราะความภักดีของขุนนางคนหนึ่งทว่าหากเพราะไปเพื่อเหนียนยวี่ละก็...
เช่นนั้นมันหมายความว่าอย่างไร
แต่ฉู่ชิง...
ภาพหน้ากากสีเงินชิ้นนั้นรวมถึงเื่ราวบางส่วนในอดีตที่ผ่านมาผุดขึ้นมาในหัวเขา
จ้าวเยี่ยนจ้องมองเปลวเพลิงด้านหน้า ยามนี้มีความคิดหนึ่งกำลังก่อตัวขึ้นในหัวของเขา
หากไม่มีผู้ใดออกมาจากเปลวเพลิงตรงนี้ได้ละก็เช่นนั้น...
ไฟยังคงลุกลามแผ่ขยายเป็วงกว้างขึ้นเรื่อยๆแผดเผาใบหน้าผู้คนจนเริ่มซับสีแดงระเรื่อ ทว่าแม้จะเป็เช่นนี้ทุกคนที่นั่นก็ยังไม่มีผู้ใดยอมออกไปจากตรงนั้นแม้เพียงครึ่งก้าว
ในสวนร้อยสัตว์ฮองเฮาอวี่เหวินกำลังนั่งพิงใต้โคนต้นไม้ ั้แ่ที่ไฟลุกไหม้ป่าพุ่มหนามนางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักประโยคอีกเลย
ริมแอ่งน้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลเหนียนยวี่เปลี่ยนยาบนปากแผลให้ฉู่ชิง และพันแผลให้ใหม่อีกรอบ
"ขอบคุณท่านเื่เมื่อคืน”จู่ๆ เหนียนยวี่ก็เอ่ยปากขึ้นมา นางนึกคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน เมื่อคืนตอนที่โดนล้อมสังหารกลางป่าเขาใช้ตัวมาบังด้านหน้านางอย่างทุ่มเท อย่างไรนางก็ลืมมันไม่ลง
ฉู่ชิงเหลือบมองนาง เข้าใจความหมายของนางใบหน้าหล่อเหลาใต้หน้ากาก ระหว่างที่อดทนทำแผลแปรเปลี่ยนเล็กน้อยจนมิอาจสังเกตเห็น
"ขอบคุณอย่างไร?"เสียงเยือกเย็นที่พูดจนเคยชิน แฝงร่องรอยขำขันอย่างคลุมเครือ
เหนียนยวี่เบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัวสบตาเข้ากับดวงตาที่แฝงรอยยิ้มคู่นั้นของเขา
ขอบคุณอย่างไรงั้นหรือ?
ก็ใช่อย่างไรเสียเขาก็เป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต แม่ทัพหลวงผู้นี้ได้รับความเดือดร้อนมากเสียขนาดนั้นแค่คำขอบคุณสองคำนี้ อาจจะยังไม่ได้ดูจริงใจมากนัก
ควรจะขอบคุณอย่างไร...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วหยิบของบางอย่างออกมาจากเสื้อตรงหน้าอก แล้วยื่นให้ตรงหน้าฉู่ชิง"สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในตัวข้า ก็มีเพียงแค่สิ่งนี้สิ่งเดียว"
หนึ่งในสี่ส่วนของจี้หยกเกล็ดัและเป็คำมั่นหนึ่งในสี่ของฮ่องเต้หยวนเต๋อ!
ดูเหมือนว่าฉู่ชิงจะคาดไม่ถึงกับการกระทำเช่นนี้ของเหนียนยวี่เขาถึงกับตกตะลึงไปเล็กน้อย และเหลือบมองจี้หยกชิ้นนั้น "ข้าไม่้า"
ไม่้างั้นหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วเอ่ยกับฉู่ชิงด้วยคำพูดของจ้าวอี้ที่พูดกับนางก่อนหน้านี้ "เศษชิ้นส่วนของท่านกับชิ้นของข้าเช่นนั้นก็จะได้จี้หยกเกล็ดัครึ่งหนึ่ง ในวันหนึ่งคำมั่นของฮ่องเต้...บางทีตอนนั้นท่านอาจ้ามันก็ได้"
ในหัวเหนียนยวี่ผุดภาพใบหน้างดงามไร้ที่ติใต้หน้ากากเขาซ่อนซุกแอบรูปลักษณ์ไว้เช่นนี้ก็นับว่าเป็การหลอกลวงฮ่องเต้หรือไม่?
หรือความลับที่เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดก็สามารถรอดพ้นไปได้ด้วยจี้หยกัชิ้นนี้...
"เ้าติดหนี้ชีวิตข้า"
เหนียนยวี่ที่กำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นจู่ๆฉู่ชิงก็เอ่ยปากพูด ขัดจังหวะความคิดของเหนียนยวี่
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ติดหนี้ชีวิตเขาหรือ?
นี่...มันสถานการณ์อะไร?
"อืม..." เหนียนยวี่ได้สติก็พบว่าฉู่ชิงสวมเสื้อผ้าให้ตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วชุดผ้าไหมสีนิลปกปิดกล้ามเนื้อเปลือยเปล่า ร่างสูงใหญ่เดินไปทางป่าพุ่มหนามที่เปลวเพลิงกำลังโหมกระหน่ำห่างออกไปสิบเมตร
เหนียนยวี่รีบเดินตามไปทันที เริ่มครุ่นคิดถึงเื่ชีวิตบางสิ่งก็มิอาจปล่อยวางได้ “เหนียนยวี่เป็แค่หญิงสาวตัวเล็กๆเกรงว่าคงจะรับผิดชอบเื่ใหญ่เช่นนี้ไม่ไหว อีกอย่าง ท่านคือแม่ทัพหลวงผู้สง่าผ่าเผยตำแหน่งสูงส่ง อำนาจมากล้น ทั้งยังเป็บุตรชายของท่านแม่ทัพเอาชีวิตของข้าไปจะมีประโยชน์อย่างไร”
วงคิ้วของฉู่ชิงเลิกขึ้นเล็กน้อยใต้หน้ากาก หันมองร่างบางอรชรั์ตาแฝงรอยยิ้ม สายตานั่นราวกับเตือนสตินาง เื่เ่าั้ที่นางทำไปเมื่อคืนทุกเื่ทุกการกระทำมิใช่สิ่งที่หญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะทำได้เลย
ภายใต้แววตาที่จ้องมองมาเช่นนี้เหนียนยวี่ก็รู้สึกขัดเขิน กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเล็กน้อยมุมปากกระตุกเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ใช่ว่านางใจแคบแต่เป็สิ่งที่นางต้องทำในชาตินี้ นางไม่อาจทนให้ตัวเองมีความผูกพันมากเกินไป หากวันหนึ่งต้องชดใช้บุญคุณให้ฉู่ชิงไปทั้งชีวิตเช่นนั้นอย่างไรนางถึงจะได้ไปรบรากับคนพวกนั้น
ชาตินี้ทั้งชาติ...ความเกลียดชังรุนแรงที่วนเวียนอยู่ในใจเหมือนจะฝังรากลึกอยู่ในไขกระดูกของนางแล้ว
เหนียนอีหลาน...จ้าวเยี่ยน...ตระกูลหนานกงแผ่นดินชื่ออวี่แห่งนี้...แม้จะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี นางก็จะแก้แค้นพวกคนเ่าั้ให้ได้ไม่ตายไม่เลิกรา!
ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่อย่างไม่ละสายตาสังเกตเห็นอารมณ์ที่หลั่งไหลพาดผ่านดวงตานาง มุมปากใต้หน้ากากตกลงมาเล็กน้อย
เกลียดชัง...นั่นใช่ความโกรธแค้นหรือไม่?
แม้เพียงครู่เดียวเขาก็รู้สึกมั่นใจกับสิ่งที่ตนค้นพบ