บทที่ 136 รู้จัก!
“กู่ฉินเซวียนมู่!”
เมื่อมองดูกู่ฉินธรรมดาๆ ในมือของฉู่อวิ๋น ดวงตาของฉู่ซินเหยาก็คลอไปด้วยน้ำตา จมูกของนางแสบร้อน ร่างกายที่บอบบางสั่นเทา ในใจกรีดร้องอุทาน ไม่อาจตั้งสติได้อยู่นาน
กู่ฉินเซวียนมู่นี้เป็ฉินที่ฉู่ซินเหยามักจะเล่นยามอยู่ที่ลานตะวันออกของตระกูลฉู่ เรียกได้ว่ารักจนตัดใจวางไม่ลง
ในตอนแรก ฉู่ซินเหยาคิดว่ากู่ฉินเซวียนมู่ที่อยู่ตรงหน้าเป็เพียงฉินที่คล้ายกัน
ทว่าหลังจากสังเกตอย่างละเอียด นางก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าฉินตัวนี้คุ้นเคยยิ่ง ไม่ว่าจะรอยขีดข่วน ลายไม้ หรือสีสาย ต่างก็เหมือนกับฉินที่ลานตะวันออกของตระกูลฉู่ทุกประการ
ไม่! ควรพูดว่ากู่ฉินนี้คือฉินที่อยู่ในลานตะวันออกของตระกูลฉู่อย่างแน่นอน!
ในเวลานี้ ฉู่ซินเหยาตกตะลึง ตื่นเต้น ประหลาดใจ สับสน และใ น้ำตาของนางไหลพรั่งพรู
ทำไม?!
ทำไมคนป่าสวมหน้ากากตรงหน้าถึงมีกู่ฉินเซวียนมู่ของนางได้!
เขาคือใคร?
เขาได้กู่ฉินตัวนี้มาได้อย่างไร?
ลานตะวันของออกตระกูลฉู่ถูกปล้นหรือ?
หรือว่า... เ้าหนุ่มนั่นถูกปล้น แม้กระทั่งกู่ฉินก็ถูกยึดไป?
ยามนี้ ใบหน้าของฉู่ซินเหยาตื่นตระหนก เต็มไปด้วยคำถาม นางมึนงงยิ่งนัก ในขณะที่น้ำตาไหลพราก นางก็จ้องมองไปที่คนป่าผ่านผ้าม่านโปร่งแสง
“ท่าน... ท่าน ท่าน……”
เสียงของนางแหบแห้ง และร้องไห้สะอื้น นางตกตะลึงอยู่นานก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “กู่ฉินนี่... ท่าน... ท่านได้มาจากไหน?”
หลังจากพูดจบ ดวงตาของฉู่ซินเหยาก็กะพริบถี่ นางมองตรงไปยังคนป่าที่สวมหน้ากาก
ในขณะเดียวกัน ฉู่อวิ๋นเองก็มองเห็นสีหน้าตื่นเต้นของฉู่ซินเหยาผ่านม่าน อดเ็ปทรมานใจไม่ได้
พวกเขามีเพียงผ้าม่านกั้นกลาง แต่คล้ายห่างกันไกลแสนไกล
ความจริงแล้ว ฉินนี้ย่อมมาจากลานตะวันออกของตระกูลฉู่ ตอนที่จะบุกกำแพงเมืองไป๋หยาง ฉู่อวิ๋นก็หยิบมันติดตัวไปด้วยเพราะเขารู้ว่าฉู่ซินเหยารักกู่ฉินเซวียนมู่นี้มากที่สุด
เห็นฉินดั่งเห็นหน้า
ฉู่อวิ๋นเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขามีของสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่จำกันได้
เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าฉู่ซินเหยาจะจำฉินตัวนี้ได้!
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็สงบลง น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง และเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าบังเอิญได้ฉินนี้มาจากถ้ำหลังจากต่อสู้กับเสือสองสามตัว”
“ในตอนนั้นข้าได้รับาเ็ บนหน้าอกมีรอยกรงเล็บสามรอย โชคดีที่มีหญิงอ่อนโยนนางหนึ่งช่วยรักษาาแให้ ไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่”
“และวันนี้ข้าได้มารู้ว่าแม่นางฉู่มีทักษะการบรรเลงฉินที่ยอดเยี่ยม เช่นนั้นก็ขอยืมดอกไม้มาไหว้พระ[1] มอบกู่ฉินตัวนี้ให้กับท่าน”
หลังจากพูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ก้าวไปข้างหน้า คิดอยากเข้าไปในศาลามอบกู่ฉินเซวียนมู่ให้กับฉู่ซินเหยากับมือ
แต่ก่อนที่จะได้เข้าใกล้ สาวใช้นางหนึ่งก็เข้ามาหยิบกู่ฉินแล้วพูดว่า “คุณชาย ให้บ่าวนำของขวัญนี้ไปให้แทนดีกว่าเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็คิดได้ว่าเขาอาจถูกเปิดเผย จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดอยู่ตรงนั้น
“คุณหนูฉู่ดูเหมือนจะสนใจกู่ฉินตัวนั้นนะ ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่? กู่ฉินแย่ๆ แบบนั้นกลับถูกใจเอาเสียได้?”
“บางทีนางแค่อยากจะดูว่าฉินตัวนั้นแย่แค่ไหน...”
เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่ซินเหยา ทุกคนก็ตกตะลึง น้ำเสียงแห้งผาก แต่ก็ยังไม่คิดว่ากู่ฉินที่ฉู่อวิ๋นมอบให้จะครองใจคนงามได้
ถ้ากู่ฉินขยะตัวหนึ่งชนะใจคนงามได้ เช่นนั้นพวกเขาจะบากบั่นรวบรวมของมีค่ามาทำไมให้มากมาย?
โดยเฉพาะโม่ซิว เสวี่ยหานเฟยและตงฟางสยง พวกเขาค่อนข้างดูิ่ฉู่อวิ๋น ต่างมองไปด้านข้าง รอให้อีกคนอับอาย หวังว่าจะเห็นเขาถูกฉู่ซินเหยาไล่ออกไป
สถานที่พลันเงียบงัน ทุกคนต่างเฝ้าดูสถานการณ์ในศาลา
ในเวลานี้ กู่ฉินเซวียนมู่ถูกวางไว้บนโต๊ะหิน
และเมื่อฉู่ซินเหยาได้ััฉิน ดวงตาที่งดงามของนางก็เบิกกว้างในทันที หัวใจเต้นรัว แม้แต่ิญญาของนางก็สั่นสะท้าน!
กู่ฉินตัวนี้เป็กู่ฉินเซวียนมู่ของนางจริงๆ!
เมื่อนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเกี่ยวกับที่มาของกู่ฉิน ดวงตาของฉู่ซินเหยาก็ทอประกาย นางเงยใบหน้าสั่นน้อยๆ นั่นขึ้นมา มองไปยังคนป่าสวมหน้ากากที่อยู่ตรงหน้า!
นางนึกถึงคืนนั้น คืนที่ฉู่อวิ๋นกลับมาจากเก็บสมุนไพรในป่าสนธยา เขาถูกเสือเตโชข่วนที่หน้าอก เกิดแผลสามรอยที่สะดุดตา!
และคืนนั้น เขาก็ซื้อกู่ฉินเซวียนมู่กลับมา
เมื่อผนวกกับสิ่งที่คนป่าเพิ่งพูดไป สิ่งเหล่านี้ก็คล้ายกันมาก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่ซินเหยาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลพราก ร่างกายที่บอบบางของนางสั่นไหวพลางใช้มือคู่งามปิดปากร้องไห้!
นางเข้าใจแล้ว
ว่าเหตุใดในงานเลี้ยงครั้งนี้ คนป่าคนนี้จึงยืนหยัดเพื่อนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ว่าเหตุใดเพื่อนางแล้ว คนป่าคนนี้จึงเต็มใจที่จะทำให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์เ่าั้ขุ่นเคือง?
ที่แท้ คนป่าที่อยู่ตรงหน้า คนป่าที่สวมหน้ากากที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ คืออวิ๋นเอ๋อร์...
เป็อวิ๋นเอ๋อร์ที่นางคิดถึงทั้งทิวาราตี ปรารถนาที่จะพบอยู่ทุกชั่วขณะ!
ยังไม่ตาย…
อวิ๋นเอ๋อร์...ยังไม่ตาย!
ในขณะนี้ ฉู่ซินเหยาตื่นเต้นมากจนหัวใจเต้นแรง ดูเหมือนว่าโลกเริ่มสดใสขึ้นมา!
“ท่าน... ไม่เป็ไรใช่ไหม?”
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นน้ำตาของฉู่ซินเหยา ฉู่อวิ๋นก็ทนไม่ไหว ถามออกไปด้วยน้ำเสียงอดกลั้น หัวใจของเขาเต้นระรัว
เขารู้ว่าตอนนี้พี่ซินเหยาจำเขาได้แล้ว!
“ฟิ้ว—”
สายลมอ่อนๆ พัดผ่าน พัดม่านเปิดขึ้นครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเสี้ยวหน้าที่งดงามของฉู่ซินเหยา
จากนั้น ทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากันผ่านม่านโปร่งแสง คล้ายสื่อความหมายได้เป็พันคำ
“อวิ๋น…” ฉู่ซินเหยาะเืใจอยู่ครู่หนึ่ง อยากเรียกหาฉู่อวิ๋น แต่ทันทีที่เอ่ยออกไป นางก็หุบปากกัดฟันทันที
นางไม่โง่ ตอนนี้ฉู่อวิ๋นสวมหน้ากากอยู่ เขาย่อมไม่อยากให้คนอื่นจำตัวตนของเขาได้
จากนั้น ฉู่ซินเหยาก็สงบลง นางมองไปทางฉู่เจิ้นหนานด้วยหางตา เมื่อเห็นเขาจ้องมองมาอย่างสงสัยก็หยุดร้องไห้ทันที เข้มแข็งยิ่งนัก!
“ข้าจะให้อวิ๋นเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้ ฉู่เจิ้นหนานต้องจัดการเขาแน่!”
เมื่อนึกได้ฉู่ซินเหยาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกและเริ่มตอบรับสิ่งที่ฉู่อวิ๋นพูด
“ข้าไม่เป็ไร เพียงใจลอยไปหน่อย” ฉู่ซินเหยาใช้แขนเสื้อเช็ดมุมตา ัักู่ฉินเซวียนมู่ด้วยมือเรียวหยก ใบหน้าของนางแดงก่ำ แล้วพูดว่า “นี่ ... ฉินนี้ ข้า... ข้าชอบมาก!”
“วิ้ง——”
เมื่อได้ยินคำพูดและเห็นท่าทางเช่นนั้น ทุกคนในลานเรือนก็รู้สึกมึนงงอย่างหนัก ต่างคนต่างพูดไม่ออก แลดูใอย่างยิ่ง
นี่...นี่มันเหลือเชื่อมาก! ฉู่ซินเหยาจะชอบฉินพังๆ นั้นได้อย่างไร? เป็ไปได้อย่างไร?!
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดด้วยแทบไม่อยากจะเชื่อความจริงข้อนี้ คนป่าคนนี้สามารถเขย่าใจคนงามที่ไม่มีใครเทียบได้ด้วยกู่ฉินตัวหนึ่งที่ไร้ค่าจนไม่อาจไร้ค่าได้อีกหรือ?
ไม่... ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด
อัจฉริยะรุ่นเยาว์เ่าั้ต่างเบิกตากว้างและรู้สึกเสียหน้า
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ มอบสมบัติหายาก พูดคุยด้วยถ้อยคำหวานหู แต่กลับไม่เคยได้เข้าใกล้ฉู่ซินเหยา ยิ่งเื่ทำให้นางเผยสีหน้ามีความสุขออกมายิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ตอนนี้ เด็กชาวป่าคนนี้ได้ครองใจสาวงามด้วยฉินผุพัง พวกเขาจะไม่อับอายได้อย่างไร?!
“ฮึ่ม!” โม่ซิวเตะและทุบโต๊ะทิ้ง
“ครั้งนี้ข้าจะยอมถอยให้เ้าคนป่านั่นหนึ่งก้าว” แม้ว่าปากของตงฟางสยงจะบอกว่าไม่สนใจ แต่ลึกๆ แล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ในทางกลับกัน เสวี่ยหานเฟยกลับมีสีหน้าเ็า กำหมัดแน่นเป็ครั้งแรก ดวงตาฉายแววดุร้าย
เขาไม่ยอมแพ้ เดินตรงไปหาฉู่อวิ๋นและพูดอย่างอ่อนโยน “คุณชายเช่นข้ามีกู่ฉินที่ดีกว่าอยู่ ไม่สู้ข้ามอบมันให้...”
“ไม่จำเป็ ท่านไปได้แล้ว” ก่อนที่เสวี่ยหานเฟยจะพูดจบ ฉู่ซินเหยาก็ตัดบทอย่างเ็า ทำให้ชายหนุ่มที่อ่อนโยนและสง่างามคนนี้เผยท่าทีเสียใจเป็ครั้งแรก
“ท่านไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังคุยกับคุณชายคนป่าท่านนี้อยู่? เก็บกู่ฉินเน่าๆ ของท่านกลับไปเถอะ!” ฉู่ซินเหยาไล่เขาออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเ็า
ทุกคนตกตะลึงและสูดหายใจเข้าปอดอีกครั้ง ในสายตาของคนงาม กู่ฉินหลิวหลีบุหลันดาราที่มีมูลค่าสามแสนหินิญญาเป็กู่ฉินเน่าๆ หรือ?! บ้าไปแล้ว
ยามนี้ หลายคนมองเห็นเสวี่ยหานเฟยเดินกลับมาอย่างหดหู่ จึงรู้สึกสงสารเขา
หินิญญาสามแสนก้อน! ไม่เพียงแต่ถูกบอกว่าเน่าๆ เท่านั้นแต่เขายังถูกคนงามตะเพิดกลับมาอีกด้วย โดนทั้งขึ้นทั้งล่องจริงๆ
“เห็นแล้วเศร้าจริงๆ!” ทุกคนคร่ำครวญและส่ายหัว พวกเขารู้สึกว่าตนเองถูกฉู่อวิ๋นคนป่านี่กดหัวอีกครั้ง หงุดหงิดเป็อย่างมาก
หลังจากนั้น ฉู่ซินเหยาก็ดูเหมือนจะกลับมาสู่โลกของคนสองคน ไม่สนใจทุกสิ่งรอบตัวอีก มองไปที่ฉู่อวิ๋นด้วยความรักและพูดเบาๆ “คุณชาย ขอบคุณท่านที่มอบกู่ฉินนี้ให้ข้า... ขอบคุณจริง ๆ ...”
นางพยายามอย่างยิ่งเพื่อระงับอารมณ์ที่แปรปรวนขึ้นมา แต่ดวงตายังคงร้อนผ่าว น้ำตายังไหลออกมาจากหางตาของนาง
ครั้งนี้ ไม่ใช่น้ำตาแห่งความทรมาน
แต่การกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน ทำให้เกิดน้ำตาแห่งความยินดี!
ฉู่อวิ๋นยังไม่ตาย นางรอถึงแล้ว! รอถึงวันที่เขาจะมารับนางได้แล้ว!
“ข้า…” ฉู่อวิ๋นย่อมได้ยินและรับรู้ได้ว่าฉู่ซินเหยาตื่นเต้นแค่ไหน นางอยู่ใกล้มาก มีเพียงม่านโปร่งแสงอันบางเบากั้นเอาไว้ มองเห็นน้ำตาที่ไหลอาบบนปรางนุ่มของนางได้
พี่ซินเหยา้าข้า!
นี่คือสิ่งที่ฉู่อวิ๋นคิดในตอนนี้ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป อยากจะก้าวไปข้างหน้า ทะลุม่านผ้าโปร่งเข้าไปโอบกอดฉู่ซินเหยาแน่นๆ แล้วบอกนางว่าเขาจะพานางออกไปเอง!
“คุณชาย!”
แต่ก่อนที่ฉู่อวิ๋นจะก้าวไป สาวใช้ที่อยู่ด้านในก็หยุดเขาไว้และเอ่ยว่า “โปรดปฏิบัติตามกฎด้วยเ้าค่ะ ห้ามข้ามล้ำเส้นสีแดงมา ให้ของขวัญแล้วก็เชิญออกไปด้วยเ้าค่ะ อย่ารบกวนการพักผ่อนของคุณหนูของข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ขมวดคิ้วและกำหมัดแน่น แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่โอกาสดีที่จะโจมตี ขอแค่ฉู่ซินเหยารู้ว่าเขาอยู่ตรงหน้านางและจะช่วยนางออกไป นั่นก็เพียงพอแล้ว!
“คุณหนูฉู่ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย ท่านย่อมได้เห็นวันที่สดใสแน่นอน…” น้ำเสียงของฉู่อวิ๋นสงบ เขาถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก แต่ในใจกลับเต้นระรัว
เขาบอกเป็นัยว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะมาช่วยนางและจะไม่ยอมแพ้แน่นอน!
“อืม…”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น ฉู่ซินเหยาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าของนางสดใส ดวงตาที่สวยงามส่องประกายด้วยความหวัง เผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนหวาน
รอยยิ้มนี้เต็มไปด้วยความงดงามอันอ่อนเยาว์ บริสุทธิ์ และสวยงาม คล้ายจะบดบังทุกสิ่งในโลก
เมื่อเห็นรอยยิ้มแห่งความงามนี้ผ่านม่าน ทุกคนก็นิ่งอึ้ง ตะลึง และหลงใหล แม้แต่ผู้หญิงบางคนก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้
รอยยิ้มนี้ช่างพิมพ์ใจเหลือเกิน ราวกับเทพธิดาลงมาโปรด หนึ่งยิ้มเมือง
ยามนี้ ดวงตาคู่งามของฉู่ซินเหยาสุกใส มือหยกของนางค่อยๆ แตะสายกู่ฉินเซวียนมู่ ราวกับกำลังลูบใบหน้าคนรักอย่างอ่อนโยนและสง่างาม
“ข้า... ข้าจะรอวันนั้น” เสียงของนางแ่เบามาก ราวกับสายลมอ่อนๆ หรือหยาดฝนที่โปรยปราย ทำให้จิตใจของผู้คนชุ่มชื่น
“อื้อ!”
ฉู่อวิ๋นพยักหน้าอย่างแข็งขัน มองดูฉู่ซินเหยาผ่านม่าน อารมณ์ของพวกเขาพลุ่งพล่านราวกับว่ากำลังไว้วางใจซึ่งกันและกัน
“เอาล่ะ คุณชาย! รีบออกไปเถิด งานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อนะเ้าคะ!” เมื่อได้รับสัญญาณจากฉู่เจิ้นหนานซึ่งอยู่ไม่ไกล สาวใช้ก็เร่งเร้าและยืนบังฉู่ซินเหยา ไม่ให้ฉู่อวิ๋นมองเห็นนางได้อีก
ฉู่อวิ๋นหายใจเข้าลึกๆ ด้วยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปนั่งที่เพื่อสงบสติอารมณ์
แม้ว่าทั้งคู่ต่างจำกันได้แล้ว แต่ฉู่อวิ๋นก็ไปกระตุ้นความไม่พอใจของใครหลายๆ คนเข้า ทันทีที่เขานั่งลง ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ไร้ความปรานีจำนวนนับไม่ถ้วนที่จ้องมองมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัจฉริยะหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า ล้วนเต็มไปด้วยความอำมหิต
“หึ มีปัญหาอื่นให้ต้องแก้ไขแล้ว!” ฉู่อวิ๋นมองพวกเขาอย่างเคร่งขรึมและระมัดระวัง
----------
[1] ยืมดอกไม้มาไหว้พระ ใช้เปรียบเปรยว่านำของที่ผู้อื่นให้มามอบให้กับอีกคนหนึ่งเป็น้ำใจ