บทที่ 115 หรือว่าจะเป็การสลับตัวแบบแมวลายกับเ้าชาย?
หวงรุ่ยเซิงนอนะโเรียกสวี่เจวียนเจวียนอยู่นานบนเตียง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับเลยสักนิด เขาถึงได้ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง
สวี่เจวียนเจวียนไม่เคยหลับสนิทแบบนี้มาก่อน เขารีบะโลงจากเตียงแล้ววิ่งไปที่ห้องของสวี่จือจือทันที
“แกจะทำอะไร?” หวังซิ่วหลิงขวางเขาไว้ “เจวียนเจวียนเป็อะไรไป?”
แต่หวงรุ่ยเซิงไม่สนใจอะไรแล้ว เขาเปิดผ้าห่มออก บนเตียงไหนเลยจะมีเงาของสวี่จือจือ?
“ทำไม…ทำไมถึงเป็แบบนี้?” หวังซิ่วหลิงนิ่งอึ้งไปทันที
ทั้งสองคนตามมาถึงที่นี่ แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว
“จือจือ” หวังซิ่วหลิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันหวังดีกับแกนะ ถ้าแกตามไอ้พิการนี่ไปจะมีอนาคตอะไร? เชื่อฉันเถอะ พรุ่งนี้ไปเมืองหลวงกับพี่เขยของแก
“แกวางใจได้ ตระกูลลู่ไม่กล้ามายุ่งกับฉันแน่”
“หวังดีกับหนู?” สวี่จือจือยิ้มเ็า “รู้ไหมว่าหนูเกลียดคำพูดอะไรที่สุด?”
อะไร?
“ก็คือคำว่าหวังดีกับหนูนี่แหละ” สวี่จือจือพูดอย่างโกรธ “พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็ใคร? ทำไมถึงต้องมาเป็คนตัดสินชีวิตหนูทีละคนสองคน?”
ลู่จิ่งซานชะงัก เขารู้สึกเหมือนถูกเหน็บแนมเข้าให้แล้ว
“ฉันเป็แม่แก จะเป็คนอื่นได้ยังไง?” หวังซิ่วหลิงพูดอย่างโมโห “นังคนไร้มโนธรรม ฉันทำแบบนี้เพื่อใคร? ไม่ใช่หวังดีกับแกหรือไง!”
“ยังไงก็ไม่ใช่เพื่อหนูแน่ค่ะ” สวี่จือจือยิ้มเยาะ “อย่าคิดว่าคนอื่นเป็คนโง่กันหมด”
“รีบกลับไปกับฉัน” หวังซิ่วหลิงพูด “ฉันจะไปทำร้ายแกได้ยังไง”
“ตอนนี้หนูแต่งงานแล้ว” สวี่จือจือพูด “ถ้าจะกลับก็กลับบ้านของหนู ส่วนเมืองหลวง วันหน้าเดี๋ยวหนูไปเองได้ ไม่ต้องลำบากพวกคุณแล้ว”
คำว่าพวกคุณนี่รวมไปถึงลู่จิ่งซานด้วย
สวี่จือจือตั้งใจจ้องเขม็งไปที่ลู่จิ่งซาน
“แต่งงานอะไร?” หวังซิ่วหลิงพูด “แต่งงานมาถึงตอนนี้ยังเป็สาวพรหมจรรย์อยู่เลย รีบหยุดทำให้ขายหน้าซะ กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้
“ฉันจะบอกอะไรแกให้นะสวี่จือจือ” หวังซิ่วหลิงเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมขยับ แล้วพูดต่อว่า “ถ้าวันนี้แกไม่กลับไปกับฉัน ต่อไปฉันจะถือว่าไม่มีลูกสาวคนนี้”
“ดีเลยค่ะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “ยังไงั้แ่ไหนแต่ไรมา แม่ก็ไม่เคยเห็นหนูเป็ลูกสาวอยู่แล้ว
“ที่จริงหนูสงสัยมาก” สวี่จือจือพูด “หนูเป็ลูกที่แม่เก็บมา หรือว่าหนูถูกพวกคุณสลับตัวแบบแมวลายกับเ้าชายกันแน่?”
“ถุ้ย” หวังซิ่วหลิงบ้วนปากพูด “เด็กเหลือขออย่างแกยังจะเป็เ้าชายอีก? ไปฉี่ส่องกระจกดูตัวเองหน่อย”
ในความมืด สวี่จือจือไม่เห็นสีหน้าที่หวังซิ่วหลิงกระวนกระวาย แต่ลู่จิ่งซานเห็น
เมื่อนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับสวี่จือจือ และครั้งนี้ตระกูลสวี่พยายามทุกวิถีทางเพื่อหลอกพาสวี่จือจือไปเมืองหลวง ลู่จิ่งซานก็ขมวดคิ้ว
“จือจือ” หวงรุ่ยเซิงพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง “เธอยังเด็กอยู่ จะอยากใช้ชีวิตทั้งชาติอยู่ในหุบเขายากจนแบบนี้จริงๆ เหรอ? เธอไม่อยากไปดูเมืองหลวงเหรอ? ไม่อยากเห็นพิธีชักธงเหรอ?
“วางใจเถอะ พอไปถึงเมืองหลวง ฉันจะหางานดีๆ มีหน้ามีตาให้เธอ” หวงรุ่ยเซิงเห็นเธอไม่สนใจก็เน้นย้ำว่า “มีบ้านสามีดีๆ ให้เธอเลือกเพียบ”
ถ้าเธอยังเป็ร่างเดิม เด็กสาวที่ไม่รู้ประสีประสา บางทีอาจจะถูกคำพูดหวานๆ ของหวงรุ่ยเซิงดึงดูด แต่เธอดันไม่ใช่ร่างเดิมน่ะสิ
“เื่ดีๆ แบบนี้ เก็บไว้ให้สวี่เจวียนเจวียนเถอะค่ะ” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “จิ่งซาน พวกเรากลับบ้านกัน”
“ไม่ได้”
“เธอไปไม่ได้”
หวังซิ่วหลิงและหวงรุ่ยเซิงพูดพร้อมกัน
“ยืนอยู่ตรงนั้น” หวงรุ่ยเซิงกัดฟันขวางทั้งสองคน “เธอกลับไปไม่ได้”
ถ้ากลับไป โควต้ากลับเมืองของเขาจะไปขอจากใคร?
หวงรุ่ยเซิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย รู้อย่างนี้ว่าสวี่เจวียนเจวียนจัดการเื่เล็กๆ แบบนี้ไม่ได้ เขาคงจะลงมือเอง ต้องทำให้สวี่จือจือกินข้าวที่ใส่ยานอนหลับไปแล้วแน่นอน ไม่ใช่มาอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบแบบนี้
“ทำไม?” สวี่จือจือพูดเ็า “คุณจะใช้กำลังเหรอ?”
“ถ้าเธอเชื่อฟังดีๆ” หวงรุ่ยเซิงพูด
“ให้ฉันเชื่อฟังก็ได้” สวี่จือจือพูด “แต่พวกคุณต้องบอกฉันก่อนว่าพาฉันไปเมืองหลวงเพื่ออะไร? อย่าคิดว่าคนอื่นโง่” สวี่จือจือพูดต่อ “แถมโอกาสมีแค่ครั้งเดียว”
“เื่นี้…” หวงรุ่ยเซิงมองหวังซิ่วหลิง ลังเลก่อนพูดว่า “ฉัน…ฉันกับพี่สาวเธอมีลูกไม่ได้ อยากให้เธอไปด้วยกัน ต่อไปเธอแต่งงานแล้วก็ยกเด็กให้พวกเราคนหนึ่ง”
ถ้าบอกเธอว่าการไปเมืองหลวงคือเพื่อให้คนตัดไตเธอออกข้างหนึ่ง สวี่จือจือไม่ใช่คนโง่คงไม่มีวันยอมแน่
เธอไม่ยอมเขาก็ไม่มีทางแย่งเธอจากมือตระกูลลู่มาได้ ดังนั้นหวงรุ่ยเซิงจึงนึกถึงวิธีนี้ ซึ่งเป็สิ่งที่พวกเขาคุยกันไว้ก่อนแล้ว
ถ้าไม่มีครอบครัวนั้นมาหา เขากับสวี่เจวียนเจวียนก็คิดแบบนี้จริงๆ
“จิ่งซาน พวกเรากลับบ้านกัน” สวี่จือจือเข็นลู่จิ่งซาน พลางมองหวงรุ่ยเซิงด้วยสายตาเ็า
“ฉันพูดจริงนะ” หวงรุ่ยเซิงพูด “ยังไงเธอก็ไปไม่ได้ เธอต้องไปเมืองหลวงกับเรา”
“นังเด็กหน้าเหม็น รีบกลับบ้านไปกับฉัน” หวังซิ่วหลิงพุ่งเข้ามาคว้าแขนสวี่จือจือ “เร็วเข้า”
ไป? ถ้าอีกฝ่ายไป แล้วใครจะช่วยลูกสาวของเธอ!
หวังซิ่วหลิงนึกถึงคำพูดของคนคนนั้นแล้วหัวใจเหมือนถูกมีดกรีด
เดิมทีคิดว่าสลับลูกสาวไปให้ครอบครัวร่ำรวยเลี้ยงให้มีชีวิตดีๆ แต่ตอนนี้กลับป่วยแถมเป็โรคร้ายแรงแบบนี้
ซี้ด! สวี่จือจือไม่ทันระวังถูกเล็บของอีกฝ่ายข่วนจนเจ็บ
โอ๊ย! ข้อมือหวังซิ่วหลิงเจ็บแปลบ ถูกมือลู่จิ่งซานบีบไว้ “แก…ปล่อยมือนะ!” เธอร้องด้วยความเ็ป
ลู่จิ่งซานสะบัดมือเธอออกด้วยความรำคาญจนหวังซิ่วหลิงเกือบล้ม
ต่อมาก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหวงรุ่ยเซิง
“อะไร…อะไรกัดฉัน…” หวงรุ่ยเซิงร้องไห้ะโด้วยความกลัว “เจ็บมาก…” เ้าสิ่งอัปลักษณ์นี่มันอะไรกันแน่!
สวี่จือจือได้ยินแค่เสียงร้องไห้คร่ำครวญ
“ไปกันเถอะ” ลู่จิ่งซานจับมือเธอแล้วพูด
ตอนผ่านหน้าหวงรุ่ยเซิง ชายหนุ่มก็หยุดลง
ในความมืด หวงรุ่ยเซิงเห็นดวงตาคู่หนึ่งลุ่มลึกและเ็า มองเขานิ่งๆ แต่กลับทำให้หนาวสันหลังโดยไม่รู้ตัว เหมือนถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง เขากลัวจนก้นจ้ำเบ้า แต่ดวงตาของชายหนุ่มยังไม่ปล่อยเขาไป
ในวันหนาวเย็น ค่ำคืนแบบนี้ หวงรุ่ยเซิงถูกพลังอำนาจนี้ทำให้เหงื่อเย็นไหลท่วมตัว
ไอ้พิการนี่มันพิการจริงๆ เหรอ? แล้วเ้าสิ่งที่กัดเขาคืออะไร? น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“กลับเมืองหลวง?”
ในความมืด หวงรุ่ยเซิงเหมือนเห็นรอยยิ้มจางๆ ของชายหนุ่ม หูก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำและเ็า “นี่มันเื่ดี”
เื่ดี?
ทำไมเขารู้สึกว่า เื่ดีแบบนี้ไม่มีทางตกถึงเขาแน่นอนล่ะ?
.............................