หลิวเสี่ยวหว่านถึงกับรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหลานชาย เพราะเธอคิดว่าสิ่งที่เธอทำเป็หน้าที่ของเธอเอง ไม่มีอะไรให้โอ้อวด เพราะเื่การคัดเลือกคนงานในซวงเฉิง เธอจัดการเองทั้งหมด แม้แต่เฉียนหย่งจิ้นก็แค่ช่วยเธอเท่านั้น
"มันไม่ได้ยากอะไรหรอก หลันหยางกับอาจารย์เจิ้งแค่หาผิดทาง พวกเขาเอาแต่หาคนในตลาดแรงงาน ถึงจะมีคนที่ทำเสื้อผ้าได้บ้าง ก็แค่สองสามคนเท่านั้นแหละ เพราะส่วนใหญ่ที่นั่นเป็พวกทำงานหนัก วันนี้ฉันรบกวนอาจารย์เจิ้งให้พาไปที่โรงงานเสื้อผ้าแถวนี้มาน่ะ"
"แล้วฉันก็เข้าไปตีสนิทกับพวกคนงานที่นั่น ก็เลยติดต่อคนได้ง่าย เพราะคนในวงการเดียวกันย่อมรู้จักกันดีที่สุด พวกคนงานเย็บผ้าพวกนี้มีเพื่อนเยอะมากที่ชอบงานแบบนี้ บางคนก็อยู่บ้านเฉยๆ ยังไม่มีงานทำ กำลังให้พวกเขานี่แหละช่วยอยู่ ถ้ามีตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ก็จะได้ช่วยติดต่อล่วงหน้า"
"เราก็เลยเอาคนพวกนี้มาใช้ประโยชน์ได้ พูดง่ายๆ ก็คือได้ของดีราคาถูกมา แล้วคนงานพวกนี้ก็ซื่อสัตย์และจริงใจมาก แค่เราพูดกับพวกเขาด้วยความจริงใจ บอกรายละเอียดให้ครบ พวกเขาก็จะบอกเราตามตรงว่าใครในมือเขาทำงานดี ใครทำงานแย่กว่า"
"แบบนี้เราก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น จากนั้นก็ไปเยี่ยมคนพวกนี้อีกรอบ พวกเขาก็จะมีข้อมูลของเพื่อนร่วมวงการเย็บผ้าอีก เท่านี้ก็ถือว่าเราเข้าสู่วงการนี้แล้ว แค่เราหาคนงานรุ่นแรกได้ ที่เหลือก็ไม่ต้องกังวลเื่หาคนอีกต่อไป"
สิ่งที่หลิวเสี่ยวหว่านพูดเป็ประสบการณ์ล้วนๆ เพราะเธอชอบทำเสื้อผ้า เพื่อนที่เธอคบก็เลยส่วนใหญ่เป็คนที่ชอบทำเสื้อผ้าเหมือนกัน แล้วเพื่อนของเพื่อนพวกนี้ก็มีหลายคนที่ชอบงานด้านนี้เหมือนกัน การรับสมัครคนงานก็เลยกลายเป็เื่ที่ดี แค่หาถูกทางก็ไม่ยาก
"พี่มาได้ทันเวลามากเลย พี่เสี่ยวหว่าน พวกเราวุ่นวายมาตั้งหลายวันแล้ว เื่ที่แก้ไม่ได้ แต่พี่แก้ได้ภายในวันเดียว"
หมี่หลันเยว่พึงพอใจกับประสิทธิภาพการทำงานของหลิวเสี่ยวหว่านเป็อย่างมาก
"คนเราถนัดคนละอย่าง พวกเธอทำเสื้อผ้าไม่เป็ ก็เลยไม่ค่อยรู้เื่พวกนี้ ให้ฉันไปทำเื่ที่พวกเธอทำ ฉันเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน พวกเธอไม่ต้องชมฉันหรอก ฉันรู้ตัวเองดีว่ามีดีแค่ไหน ถึงพวกเธอจะชมฉันขนาดไหน หางฉันก็ไม่กระดิกขึ้นไปถึงฟ้าหรอกนะ"
หลิวเสี่ยวหว่านพูดให้ทุกคนหัวเราะร่วน เื่นี้ก็เลยผ่านไป ทุกคนสนิทกันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็ต้องมีพิธีรีตองอะไร แค่แก้ปัญหาใหญ่ได้ ทุกคนก็สบายใจขึ้นเยอะ ตอนเย็นก็กินข้าวได้มากกว่าปกติ
"ดูสิ พอเสี่ยวหว่านมา พวกเธออารมณ์ดีขึ้นมาเลย ป้ายังกังวลเื่อารมณ์ของพวกเธออยู่เลยนะ ่นี้กดดันกันมากเกินไป ตอนนี้ดีแล้วละที่ทุกคนดูสดชื่นขึ้น แบบนี้สิถึงจะทำงานได้ดี ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้ กดดันตัวเองทุกวันก็ทำงานออกมาไม่ดีหรอก"
พอได้ยินแม่เจิ้งพูดด้วยความเป็ห่วง หมี่หลันเยว่ก็ยิ้มแย้มตอบ
"คุณป้าพูดถูกค่ะ พวกเราใจร้อนไปหน่อย ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้ การรีบร้อนไม่ได้ทำให้ปัญหามันง่ายขึ้น แต่พอมีเื่เยอะๆ เข้ามาในหัว มันก็เลยสับสนไปหมด โชคดีที่พี่เสี่ยวหว่านมาทันเวลา ทำให้พวกเราได้สติขึ้นเยอะ"
แม่เจิ้งพยักหน้าชื่นชม
"อืม ดีมาก ไม่ว่าจะเจอเื่อะไรก็ต้องไม่ตื่นตระหนก แล้วก็ต้องรู้จักปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น รู้จักข้อบกพร่องของตัวเองได้เร็วขนาดนี้ ป้าก็ไม่ต้องเป็ห่วงอะไรแล้ว ที่จริง พวกเธอทำได้ดีมากแล้ว แค่ป้าคาดหวังในตัวพวกเธอสูงเกินไป คิดว่าพวกเธอมีความสามารถ ก็เลยอยากให้พวกเธอทำได้ดีกว่าเดิม"
"อย่างเื่นี้ ถ้าเป็คนอื่น อาจจะโดนกดดันจนพลาดท่าไปแล้ว พวกเธอแค่รู้สึกกดดัน แต่ในการจัดการปัญหา ก็ยังไม่เสียสติ นั่นก็ดีพอแล้ว แต่่ก่อนหน้านี้พวกเธอทำได้ดีมาก ป้าก็เลยคิดว่าพวกเธอจะจัดการเื่ต่างๆ ได้อย่างใจเย็นกว่านี้"
คำชมของแม่เจิ้ง ทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ แม้แต่เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกเป็เกียรติไปด้วย เพราะเื่การรับสมัครคนงาน เขาตามเื่มาตลอด ถึงจะไม่คืบหน้ามาก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้แก้ปัญหาได้แล้ว ก็ถือว่าเขามีส่วนร่วมด้วย เขามองไปที่หลิวเสี่ยวหว่าน รู้สึกว่าเธอรักษาศักดิ์ศรีความเป็ลูกผู้ชายของเขาไว้
หลังอาหารเย็น ทุกคนก็มารวมตัวกันอีกครั้ง สรุปงานที่ทำไปในวันนี้ แล้วปรึกษากันเื่งานที่จะทำต่อไป
"ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปิดร้านให้ได้ก่อน เมื่อวานตอนที่น้าเสี่ยวหว่านมาก็ได้สอบถามกับทางสถานีรถไฟแล้ว สินค้าของเรามาถึงปักกิ่งเรียบร้อย"
"วันนี้อาจารย์เจิ้งให้คนช่วยขนสินค้าไปที่ร้านแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปที่ร้านกันทั้งหมด พยายามทำให้ร้านออกมาสวยภายในสองวัน ทั้งตกแต่งร้าน แขวนเครื่องประดับ และจัดแสดงเสื้อผ้า เรามาช่วยกัน ทุกคนช่วยกันที่นั่นก่อน น่าจะเร็วกว่า"
เื่การตกแต่งร้าน ทุกคนชำนาญกันอยู่แล้ว ห้าหกคนช่วยกัน บวกกับพนักงานขายที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ น่าจะจัดการได้ภายในสองวัน ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะร้านก็ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว แค่ทุ่มเทกับการวางสินค้าและเครื่องประดับ สองวันก็น่าจะพอ
"พอเปิดร้านได้ ก็ลองเปิดร้านไปก่อน พอถึงวันเปิดเทอมค่อยเปิดร้านอย่างเป็ทางการ ใน่ทดลองเปิดร้านสิบกว่าวันนี้ เรามาช่วยกันดูว่ายังมีอะไรขาดตกบกพร่อง หาดูว่ามีอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์ พยายามอย่าให้มีอะไรผิดพลาดหรือมีปัญหาก่อนที่จะเปิดร้านอย่างเป็ทางการ"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็สิ่งที่ต้องทำ ร้านแรกที่เปิดในปักกิ่ง จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่ต้องถึงกับสมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยก็ควรจะไม่มีปัญหา ทุกคนเห็นพ้องกันในเื่นี้
หมี่หลันเยว่หันไปมองหลินเผิงเฟยอีกครั้ง
"พี่เผิงเฟย อีกกี่วันถึงจะเก็บงานที่บ้านสี่ประสานได้ พอเปิดร้านแล้ว เราจะต้องเริ่มจัดการเื่โรงงาน"
"อีกสองวัน สองวันเสร็จเรียบร้อยแน่นอน ตอนนี้เริ่มเก็บงานแล้ว งานใหญ่เสร็จหมดแล้ว เหลือแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องทำให้สมบูรณ์ ที่บ้านเช่าเดิม ทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ยังไงทุกคนก็บอกว่าขอแบบง่ายๆ ฉันก็เลยทำให้มันง่ายที่สุด"
หมี่หลันหยางพูดต่อจากหลินเผิงเฟย
"ใช่ พวกเราขอแบบง่ายๆ เผิงเฟยก็เลยทำให้มันง่ายจริงๆ แค่ทาสีขาว แล้วก็หุ้มขอบประตู ถ้าหลันเยว่ไม่บอกว่าต้องปูพื้น สงสัยว่าที่นั่นจะเสร็จภายในสองสามวัน"
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะกันครืน พวกเขาไม่มีแรงไปเสียเวลากับการตกแต่งที่พักหรอก ถึงตอนนั้นซื้อผ้าม่านซื้อเครื่องนอนก็คงไม่จำเป็ต้องตกแต่งอะไรมากมายนัก เพราะยังไงก็ต้องไปเรียนหนังสืออยู่ดี ถึงจะตกแต่งที่นี่ให้หรูหราเหมือนพระราชวัง เวลาที่ทุกคนมาอยู่ที่นี่ก็คงไม่มาก แค่สะอาดสะอ้านก็พอ ไม่จำเป็ต้องเปลืองแรงมากขนาดนั้น
"ได้ แค่อยู่ได้ก็พอแล้ว ตอนนี้บ้านคนอื่นเขาก็แค่ทาสีขาว เราได้หุ้มขอบประตู ปูพื้น ก็ถือว่าหรูหราแล้ว จะเรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้"
หนิวเถียจู้พูดอย่างพอใจ เพราะตอนอยู่ที่เมืองเล็กๆ ของพวกเขา แค่ทาสีก็ถือว่าเป็การทำความสะอาดบ้านแล้ว
"แค่พวกเธอพอใจก็พอแล้ว งั้นพรุ่งนี้เราให้โรงงานจักรเย็บผ้าขนเครื่องมาให้เราเลยนะ ที่บ้านสี่ประสานมีห้องเก็บของสองห้อง เราเอาเครื่องใส่ไว้ในห้องเก็บของก่อน พอโรงงานสร้างเสร็จแล้วค่อยเริ่มประกอบเครื่อง จะได้ไม่เสียเวลา"
"ได้ พวกเธอไปแขวนเสื้อผ้าที่ร้านนะ พรุ่งนี้ฉันอยู่บ้านสี่ประสานรอรับของเอง ยังไงเื่ที่ร้านฉันก็ไม่ค่อยถนัด แต่เื่เครื่องฉันถนัด จะดูแลของให้ดีเอง"
เพราะมีจักรเย็บผ้า และเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมาย งานนี้ก็คงจะพอให้หลิวเสี่ยวหว่านยุ่งไปทั้งวัน
"พี่อยู่คนเดียวไหวเหรอคะ ฉันว่าไม่ไหวแน่เลย ให้ใครอยู่ช่วยพี่ดีกว่ามั้ง นั่นไม่ใช่เครื่องจักรแค่เครื่องสองเครื่องนะ ต้องมีคนคอยดูตอนขนลงจากรถ แล้วก็ต้องมีคนดูแลห้องเก็บของ คนเดียวคงไม่ไหวแน่ๆ"
หมี่หลันเยว่คิดแล้วก็รู้สึกว่าเสี่ยวหว่านคนเดียวคงไม่ไหวจริงๆ
"ให้ฉันอยู่ช่วยเสี่ยวหว่านดีกว่า ไปที่ร้าน ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ เพราะฉันไม่ถนัดเื่จัดของ แต่ช่วยดูตอนขนของลงจากรถ ฉันพอทำได้"
เจิ้งซวี่เหยาอาสาอยู่ช่วย นี่มันดีเกินคาด เขาเป็คนที่เหมาะสมที่สุด
"ดีเลย อาจารย์เจิ้ง ทุกอย่างรบกวนอาจารย์หมดเลยนะคะ ช่วยดูแลพี่เสี่ยวหว่านให้ดีด้วยนะ เครื่องจักรพวกนั้นมันตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย"
เพราะสนิทกับเจิ้งซวี่เหยามากแล้ว หมี่หลันเยว่ก็เลยไม่เกรงใจเขาเลย
"แน่นอน เสี่ยวหว่านเพิ่งมาถึงปักกิ่ง ฉันควรจะดูแลอยู่แล้ว พวกเธอไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เื่รับของฝากไว้ที่เราสองคน รับรองว่าจัดการได้เรียบร้อย ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน"
เจิ้งซวี่เหยาแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าตัวเองจะทำภารกิจให้สำเร็จ แต่สุดท้าย เครื่องจักรก็มีปัญหาจริงๆ
"อาจารย์เจิ้ง รถส่งของมาแล้ว"
วันรุ่งขึ้น ทุกคนออกเดินทางกันั้แ่เช้าตรู่ หมี่หลันเยว่นำพี่ชายทั้งหลายไปที่ร้านในใจกลางเมือง แม้แต่หลินเผิงเฟยก็ไปด้วย เจิ้งซวี่เหยากับหลิวเสี่ยวหว่านอยู่ที่บ้านสี่ประสาน คอยคุมงานที่เหลืออยู่ และรอรถส่งของมา เมื่อหลิวเสี่ยวหว่านเดินออกไปดูสถานการณ์ด้านนอกเป็ครั้งที่สี่ ในที่สุดก็มีรถบรรทุกมา
"มาแล้วๆ"
เจิ้งซวี่เหยารีบวิ่งออกมาจากโรงงาน ทั้งสองคนเพิ่งจะดูห้องเก็บของไปเมื่อกี้ การเอาเครื่องจักรพวกนี้มาเก็บไว้ไม่มีปัญหา แค่เื่การจัดวาง ต้องมีคนคอยสั่งการ
หลิวเสี่ยวหว่านหยิบใบสั่งซื้อของออกมา สองฝ่ายส่งมอบกันราบรื่น
"อาจารย์เจิ้ง งั้นอาจารย์ก็อยู่ดูคนงานขนของลงจากรถตรงนี้นะคะ ฉันไปดูที่ห้องเก็บของ ให้พวกเขาจัดวาง จะได้ไม่สับสนตอนประกอบ เพราะเครื่องพวกนี้มันบรรจุเป็ชุดสามชิ้น ต้องวางไว้ด้วยกัน"
เื่ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง เจิ้งซวี่เหยาฟังหลิวเสี่ยวหว่านทั้งหมด เื่เครื่องจักรพวกนี้ เขาไม่รู้เื่อะไรเลย
"ได้ เธอพาช่างไปที่ห้องเก็บของเลย พวกเขาจะได้รู้ทาง"
บังเอิญมีคนงานแบกกล่องบรรจุเครื่องจักรเดินเข้าไปในบ้านแล้ว หลิวเสี่ยวหว่านรีบตามไป นำทางไปยังห้องเก็บของ แต่ไม่คาดคิดว่าคนงานเพิ่งจะเข้าไปในห้องเก็บของได้สามเที่ยว หลิวเสี่ยวหว่านก็วิ่งออกมาจากห้องเก็บของ สั่งให้หยุด
"เป็อะไร เสี่ยวหว่าน เกิดอะไรขึ้น"
พอเห็นสีหน้าของหลิวเสี่ยวหว่านซีดเผือด เจิ้งซวี่เหยารีบเข้าไปถาม
"เื่ใหญ่แล้ว รีบโทรหาหลันเยว่เถอะ บอกเธอว่าเครื่องชุดนี้มีปัญหา เฮ้อ ถ้าแก้ไม่ได้ นี่จะเป็ปัญหาใหญ่เลย"
