จางกุ้ยฮัวแลกผ้าเช็ดหน้าของหลิวเสี่ยวหลันมาได้ห้าสิบเหรียญ แล้วซื้อผ้าเช็ดหน้าเปล่าชุดใหม่ ยังเหลือเงินยี่สิบเหรียญอีแปะ ซึ่งก็คือเงินที่หาได้จากงานปักของนางหนนี้ นางเก็บเหรียญทองแดงเข้าไว้ในอ้อมอกอย่างระมัดระวัง อุ้มหลิวชุนเซียงแล้วเดินออกไปทางประตูโรงปัก
เมื่อหลิวต้าเซียงเดินตามแม่ผู้แสนดีของตนไปจนถึงใต้ต้นไหวที่รถเข็นวัวของเหล่าหวังเทียบอยู่ ป้าหลี่ซานเสิ่นกับหลี่ชุ่ยฮัวก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว
“เต้าเซียง มานี่เร็ว ข้ากับแม่รู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องไปทำธุระแน่นอน จึงมารออยู่ที่นี่แต่เนิ่น” หลี่ชุ่ยฮัวเห็นนางปุ๊บก็ยิ้มจนปากหุบไม่ลง
หลิวเต้าเซียงวิ่งไป ยื่นตะกร้าไก่ไว้ในมือของนาง “ช่วยข้าถือก่อน”
“ข้ารู้” หลี่ชุ่ยฮัวเห็นนางเป็คนซื่อบื้อจริงๆ หรือไร
“เ้าไปเอาเงินมาจากไหน?”
“วันนี้วันตลาดนัดไม่ใช่หรือ? ข้าโชคดี ได้เงินรางวัลมานิดหน่อย” นางไม่ได้เล่าเื่เหมือนที่บอกแก่จางกุ้ยฮัว เพราะไม่อยากให้คนรู้มากกว่านี้ว่าตนหาเงินได้สองร้อยกว่าเหรียญ แม้อีกฝ่ายจะเป็หลี่ชุ่ยฮัวก็ตาม แต่ยิ่งคนรู้มากก็ยิ่งกระจายข่าวได้ง่าย สู้ไม่พูดออกไปจะได้ไม่มีปัญหา
นางพูดกับหลี่ชุ่ยฮัวอย่างเงียบๆ อีกครั้ง “ข้าซื้อเชือกแดงมัดผมด้วยเงินหนึ่งเหรียญ พอดีให้เราสามคนแบ่งใช้มัดผมได้”
“จริงหรือ ข้าก็มีส่วนแบ่งเหมือนกันหรือ?” หลี่ชุ่ยฮัวไม่รังเกียจเชือกแดงที่หลิวเต้าเซียงพูดถึง
“พอเรากลับถึงบ้าน ถ้ามีโอกาสก็แบ่งกันได้เลย” หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าหลี่ชุ่ยฮัวเป็คนดี เวลาที่นางมีของดีจึงอยากแบ่งปันให้เพื่อนด้วย
หลี่ชุ่ยฮัวหันขวับไปด้วยความคึกคัก เอ่ยเสียงค่อยกับป้าหลี่ซานเสิ่น “แม่ เต้าเซียงซื้อเชือกแดงให้ข้าด้วยล่ะ ข้าบอกแล้ว นางเป็คนดีที่สุด”
ป้าหลี่ซานเสิ่นรู้สึกว่าหลิวเต้าเซียงนิสัยดีขึ้นไม่น้อย อีกทั้งสมองของนางแล่นดีกว่าบุตรสาวของตน ด้วยเหตุนี้ จึงยื่นมือไปลูบหน้าผากของนางแล้วเอ่ย “เ้าดีใจไปเถิด ชีวิตของเต้าเซียงไม่ได้ดีนัก ต่อไปสามารถช่วยอะไรได้ก็ช่วยเยอะหน่อย”
“ท่านแม่ ไม่ต้องให้ท่านบอก ข้าชอบเล่นกับเต้าเซียงที่สุด นางไม่เคยหลอกของกินจากข้า และไม่เหมือนคนอื่นที่เอะอะก็ชอบตีกรอบ พวกนางเล่นแต่กับคนที่ชื่นชอบ แม้ว่าข้าอยากจะเล่นด้วยก็ยังยากเลย”
ชุ่ยฮัวได้รับการเลี้ยงดูจากแม่ของนางอย่างประคบประหงม ด้วยเหตุนี้ทำให้เด็กสาวในหมู่บ้านเ่าั้ต่างปฏิเสธนาง มีเพียงหลิวเต้าเซียงที่ไม่ปฏิเสธและชอบที่จะเล่นด้วย
ขากลับบนรถเข็นวัว ป้าจางยังคงใช้หางตามองหลิวเต้าเซียงอย่างชั่วร้าย แต่หลิวเต้าเซียงเป็คนหน้าหนามาแต่ไหนแต่ไร จึงเมินเฉยและมองข้าม
หลังลงจากรถ ป้าหลี่ซานเสิ่นก็ช่วยจางกุ้ยฮัวอุ้มหลิวชุนเซียง เพื่อช่วยนางประหยัดแรง
ตรงกลางระหว่างบ้านหลี่และบ้านหลิวมีเพื่อนบ้านคั่นกลางอยู่ เพียงแต่คนในครอบครัวนี้ไม่ได้พักอาศัยในหมู่บ้าน ล้วนออกไปทำงานข้างนอก
เมื่อถึงหน้าประตูบ้านหลี่ ป้าหลี่ซานเสิ่นก็อุ้มหลิวชุนเซียงให้จางกุ้ยฮัวแล้วปลอบนางเสียงค่อย “เต้าเซียงของเ้าน่ะมีไหวพริบ ชีวิตต่อไปวันข้างหน้าของพวกเ้าต้องค่อยๆ ดีขึ้นอย่างแน่นอน อดทนอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสแยกบ้านได้”
คำพูด่แรกนั้นพูดได้ตรงเผง แต่คำปลอบโยนตามท้ายนั้นทั้งสองต่างรู้ดีแก่ใจ หลิวฉีซื่อนั้นมีชีวิตที่ดี ไม่ค่อยได้ออกไปทำนาทำไร่ จึงไม่มีทางแก่ตายไปอย่างรวดเร็วแน่นอน
“ป้าหลี่ รบกวนท่านแล้ว”
ป้าหลี่ซานเสิ่นยิ้มจนดวงตาปิดไม่มิด “ไม่รบกวนๆ ลูกสาวบ้านข้าเองก็เหมือนลูกข่าง อยู่ไม่เคยนิ่ง เต้าเซียงไม่เพียงช่วยข้าทำความสะอาดเล้าไก่กับลานบ้าน ทั้งยังช่วยให้ลูกสาวข้าสามารถสงบจิตใจและฝึกเย็บปักได้ มีแต่ดีกับดี”
นางยังคงชอบหลิวเต้าเซียงอย่างมาก พบว่าเด็กคนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งรู้เื่
“ป้าหลี่ ลูกไก่เหล่านี้รบกวนป้าให้น้ำพวกมันหน่อย รอข้าจะกลับมาให้อาหารพวกมัน”
หลิวเต้าเซียงจําได้ว่า คู่มือการผสมพันธุ์ในห้วงมิติระบุไว้ว่า ลูกไก่ที่เพิ่งซื้อกลับมาไม่ควรให้อาหารทันที แต่ต้องให้น้ำสะอาดก่อนเพื่อให้พวกมันได้ปรับตัว
ป้าหลี่ซานเสิ่นตอบรับทันที ลูกไก่ที่บ้านนางเพิ่งฟักออกมาไม่กี่วันก่อน จึงไม่จำเป็ต้องซื้อแบบเป็ตัวสำเร็จรูปจากในตำบล
หลิวเต้าเซียงมองไปที่ลูกไก่สิบตัวโดยคํานวณว่าไก่ตัวหนึ่งสามารถขายได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยกว่าเหรียญ บวกกับไข่ไก่ หนึ่งปีคงหาได้ราวสองสามตำลึงเงิน
รออีกหน่อย รอปีหน้า นางอยากกินอะไรก็สามารถกินได้หมด
เมื่อแม่ลูกทั้งสามคนกลับมาถึงบ้าน หลิวฉีซื่อนั่งอยู่ตรงเก้าอี้เอนบนระเบียง มองเห็นจางกุ้ยฮัวกลับมา จึงเอ่ยปากถาม “กุ้ยฮัว เข้าไปเก็บกวาดในห้องครัวหน่อย แล้วก็ในสวนผักไปเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง หว่านเมล็ดผักไว้ มิเช่นนั้นฤดูร้อนคงไม่มีผักกิน”
“เข้าใจแล้ว แม่” จางกุ้ยฮัวเก็บของแล้วยื่นเงินยี่สิบเหรียญที่หลิวเสี่ยวหลันหามาได้ให้แก่หลิวฉีซื่อ
หลิวฉีซื่อรับเงินมานับแล้วมองดูของในมือจางกุ้ยฮัว ก่อนจะเข้าบ้านแล้วเอามาชั่ง พบว่าจางกุ้ยฮัวไม่ได้แอบริบเงินไว้ จึงมีสีหน้าชื่นมื่น
นางเงยหน้าขึ้นมองลูกสะใภ้และเห็นว่าไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยมาก แม้ในใจจะมีความสงสัย แต่ก็เป็เพียงความคิดชั่วแวบเดียว
ในบ้านนี้มีจางกุ้ยฮัวเป็เสาหลักในการทำงานบ้าน หลิวชิวเซียงจึงไม่ต้องยุ่งั้แ่เช้ายันมืดอีก แต่ขณะนี้เด็กสาวไม่ได้อยู่บ้าน เพราะถูกหลิวฉีซื่อไล่ไปเก็บหญ้าที่ใช้ทำอาหารหมูบนหลังเขา
หลิวฉีซื่อสั่งให้จางกุ้ยฮัวเอามันหมูไปทำน้ำมัน แต่นางกลัวว่าจางกุ้ยฮัวจะแอบกิน ด้วยเหตุนี้ในเวลาที่ต้องเข้าครัว นางจึงมักจะเข้าไปช่วยด้วย
ส่วนหลิวเสี่ยวหลันอยู่ในบ้าน ทำเสียงดังมาจากห้องฝั่งทิศตะวันตก ก็เดาว่าคงไปก่อกวนคุณชายน้อยท่านนั้นตามเคย
หลิวเต้าเซียงจุดธูปสามดอกให้แก่คุณชายผู้หล่อเหลาอย่างเงียบๆ ช่างน่าสงสาร!
นางอาศัยโอกาสในตอนที่หลิวฉีซื่อสอดแนมอยู่ในครัว วางหลิวชุนเซียงที่กำลังหลับสบายลงบนคั่ง แล้วจุดไฟในคั่ง พอคั่งเริ่มอุ่น จึงไปเอาข้าวร่วนที่หลังบ้านมาหุง
นางหุงไว้เยอะหน่อย ตั้งใจว่าจะเอาข้าวที่หุงเสร็จเรียบร้อยเก็บไว้ในคลังเก็บของก่อน เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าเวลาจะหุงข้าวให้ลูกไก่แล้วจะถูกหลิวฉีซื่อพบเข้า
เมื่อนางหุงข้าวร่วนเสร็จก็เอาถ้วยที่แหว่งมาตักใส่ เติมน้ำลงไปเล็กน้อย แล้ววางไว้ในห้วงมิติ เมื่อออกจากบ้านก็เอาไปที่บ้านป้าหลี่ซานเสิ่นได้เลย
เมื่อนางกลับออกมาจากห้วงมิติ หลิวฉีซื่อก็นั่งอยู่บนบันไดอีกครั้ง นางกำลังถือแยกเส้นด้ายที่ใช้ปักในมือ
หลิวฉีซื่อไม่ค่อยปักอะไรเหล่านี้ สาเหตุหลักเพราะกลัวจะทำให้ดวงตาเสียหายและมองไม่ชัด เช่นนี้นางจะไม่สามารถจับตาดูจางกุ้ยฮัวทำงานได้
อาหารเย็นของตระกูลหลิวนั้นง่ายมาก ยังคงเป็ถั่วหมักหนึ่งชาม แล้วก็น้ำข้าวที่ใส่เกลือเล็กน้อย มีไข่ดาวหนึ่งจาน เป็ของหลิวเสี่ยวหลันหนึ่งฟอง ส่วนอีกฟองเป็ของหลิวต้าฟู่ ส่วนของคุณชายน้อยที่อยู่ห้องทิศตะวันตก ย่อมมีกับข้าวชั้นดีแยกไว้ต่างหากหนึ่งชุด
หลิวเต้าเซียงกล้าพนันได้เลยว่า หลิวฉีซื่อต้องกินไปก่อนคนเดียวแล้วหนึ่งฟองแน่นอน
นางแอบมองไปที่จางกุ้ยฮัว จริงตามคาด สายตาที่มืดมนนั้นคงรู้สึกปวดใจกับการกระทำของหลิวฉีซื่อ
หลิวเต้าเซียงเบ้ปาก วางตะเกียบแล้วพึมพำทันใด “ย่า ข้าเองก็อยากกินไข่”
“ถุย นางเด็กล้างผลาญ ไม่คู่ควรกินไข่” หลิวฉีซื่อแทบอยากจะบีบคอเด็กดื้อคนนี้ให้ตาย
“เหตุใดข้าจึงกินไม่ได้? อาเล็กเองก็เป็เด็กล้างผลาญ นางยังกินได้ เหตุใดข้าจึงกินไม่ได้?” หลิวเต้าเซียงใช่ว่าจะไม่มีต่อมความคิด
คนบ้านหลิวน้อยใหญ่ นอกจากสายตาชิงชังโกรธเคืองของหลิวฉีซื่อกับหลิวเสี่ยวหลันแล้ว ล้วนมองนางด้วยความใ ส่วนหลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ริมฝีปากของหลิวต้าฟู่เหวอเล็กน้อย ดูจากสีหน้าของเขาก็รู้ได้ว่ากำลังตกตะลึงกับคำพูดของหลิวเต้าเซียงจริงๆ
อันที่จริง นี่เป็เพียงคำถามง่ายๆ เพียงแต่คนบ้านหลิวไม่เคยมีใครพินิจอย่างลึกซึ้งมาก่อน
หลิวฉีซื่อที่วันๆ เอาแต่ด่าบรรดาหลานสาวบ้านหลิวว่าเป็ตัวล้างผลาญ หากแต่ไม่เคยมีใครกล้าคิดเช่นนี้กับหลิวเสี่ยวหลัน
“พูดไร้สาระบ้านมารดาแกสิ เ้ากับอาเล็กเทียบกันได้หรือ? เ้าคิดว่าเ้าเป็คุณหนูผู้ดีหรือ แม่เ้ามีที่ดินสิบแปลงเป็สินเดิมหรือไม่? ไม่มีอะไรสักอย่าง พวกเ้าไม่ใช่พวกล้างผลาญแล้วคืออะไรกัน?”
ั้แ่วัยเด็กหลิวฉีซื่อนั้นเติบโตมาในตระกูลหวง การสู้รบปรบมือไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็มือหนึ่ง การจัดการรุ่นที่าุโกว่าก็ไม่คณามือ
มีเพียงหลิวเต้าเซียงที่เป็ของลอกเลียนแบบที่ผิดแปลกออกมา
“ย่า ถ้าเยี่ยงนั้นข้าเองมีเื่ไม่กระจ่าง อาเล็กไม่ต้องออกเรือนหรืออย่างไร?” หลิวเต้าเซียงตัดสินใจขุดหลุมบ่อใหญ่ให้หลิวฉีซื่อ จะได้ใช้จังหวะนี้ประเมินความสนิทสนมของบุตรชายทั้งสามคนของนางอีกด้วย
หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นก็โกรธเคือง หลิวเสี่ยวหลันเป็ดั่งแก้วตาดวงใจของนาง ทั้งเชื่อฟังและกตัญญู จะไม่ให้นางออกเรือนได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนาง หลิวเสี่ยวหลันเปรียบเสมือนความมั่งมี ต่อไปยังสามารถอุ้มชูพี่ชายทั้งสามคนของนางได้อีกด้วย
“เ้าเป็หมูมาเกิดหรือไร เ้าคิดว่าอาเล็กคือเ้าหรือ? แม่ของนางคือข้า ย่อมมีข้าที่ช่วยดูแลสินเดิมให้นางอยู่แล้ว”
หลิวเต้าเซียงยิ้มอย่างเ็า “รู้แล้ว ความหมายของย่าก็คือต่อไปอาเล็กต้องแต่งออกไปก็จะยกที่ดินสิบแปลงเป็สินเดิม จะได้ไม่ต้องให้อาเล็กมาลำบากเหมือนแม่ข้า”
“ข้าไม่ได้...” หลิวฉีซื่อพยายามโต้กลับ
แต่ปากเล็กของหลิวเต้าเซียงก็เอ่ยแสดงความยินดีกับหลิวเสี่ยวหลันไปก่อนแล้ว “อาเล็ก นี่ช่างเป็เื่ที่น่ายินดีเหลือเกิน นี่ทำให้หลานสาวอย่างพวกข้านั้นชื่นชมยิ่งนัก จริงตามคาด ต้องมีบุญแค่ไหนถึงจะเลือกเกิดได้ถูกที่กันนะ”
หลิวเสี่ยวหลันฟังทั้งสองคนพูดคุยกัน กำลังมีความสุข พอคิดว่าต่อไปตอนออกเรือนตนเองจะมีที่ดินเศษหนึ่งส่วนสามของบ้านติดตัวไปด้วย ก็ยินดีจนยิ้มปากไม่หุบ
“เต้าเซียงนับวันยิ่งพูดเก่งขึ้นมาก ย่าเ้าเอ็นดูข้า ถึงเวลา ข้าเองก็ต้องกตัญญูต่อย่าของเ้าอย่างดี” พูดถึงตรงนี้ หลิวเสี่ยวหลันก็หันไปออดอ้อนหลิวฉีซื่อ “แม่ ท่านวางใจได้ ข้าจะเชื่อฟังคำสอนของท่าน ร่ำเรียนแต่สิ่งดีงาม ยิ่งไปกว่านั้น...”
สายตาของนางมองไปทางห้องทิศตะวันตก หลิวฉีซื่อเองก็รับรู้ ทั้งยังหวั่นไหวอย่างมาก
ท่านผู้นั้นที่อยู่ในห้องทิศตะวันตก ลำพังการแต่งกาย คำพูดคำจาก็รู้ว่าไม่ธรรมดา แม้ว่าเสี่ยวหลันจะได้เป็เพียงภรรยาน้อย ก็คงร่ำรวยกว่าตระกูลหวง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแบ่งที่ดินให้นางสิบแปลง ในมือก็พอมีเงิน ต่อไปหากไปยังจวนนั้นเพื่อขวนขวายสักหน่อย ก็สามารถได้รับความเอ็นดูจากคุณชายน้อยอย่างแน่นอน จากนั้นค่อยให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาว
หลิวฉีซื่อหวนนึกถึงบุตรชายอีกสามคน คนหนึ่งทำเหรัญญิก คนหนึ่งเป็เถ้าแก่ ส่วนอีกคนก็เป็ผู้มีการศึกษา หากได้ไต่เต้าจากหลิวเสี่ยวหลัน ย่อมสามารถนำพาเหล่าพี่น้องของนางได้ เช่นนี้ ชีวิตของหลิวฉีซื่อก็คงมีแต่ความรุ่งโรจน์
ถึงตอนนั้น นางต้องไปยังตระกูลหวงเพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อนพ้องของนาง ให้คนที่หัวเราะเยาะนางตอนนั้นได้เห็นดีและอิจฉาตาโต ฉีหรุ่ยเอ๋อร์ไม่มีทางแพ้ให้พวกนางอย่างแน่นอน กระทั่งบุตรชายคนเล็กของนางก็อาจจะนำพาชีวิตที่ดีมาให้นางด้วยก็เป็ได้
หัวใจของหลิวฉีซื่อนั้นคิดวนไปมา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเื่นี้คุ้มค่า
เพียงแต่คุณชายน้อยท่านนั้นมีท่าทีเฉยเมยต่อหลิวเสี่ยวหลัน จึงยังมีความเกรงอกเกรงใจ แต่สายตาของนางยังมีประกายคมกริบ เห็นทีเื่นี้ต้องค่อยๆ เกลา ไม่ต้องรีบร้อน าแของคุณชายน้อยเริ่มมีการสมานตัว อีกไม่นานคงถึงวันที่เขาจะจากไปแล้ว แต่ต่อไปทั้งสองครอบครัวน่าจะได้เกี่ยวข้องกันอีก นางไม่เชื่อว่าคุณชายท่านนี้จะลืมเลือนผู้มีพระคุณช่วยชีวิต
-----