เช้าวันรุ่งขึ้น
เนื่องด้วยเกาหนิงซินไม่อยากเสียเวลารอนแรมอยู่ข้างนอกนานนักเธอจึงไม่อยู่ที่อำเภอแห่งนี้ต่อ แผนการหยุดพักหนึ่งวันและออกเดินทางต่อ ขามามีเพียงรถม้าหนึ่งคันแต่ยามจากไปจำนวนเพิ่มขึ้นมาเป็สามคัน เ้าหัวผักกาดน้อยชื่นชอบแม่นมส่วนตัวของตนเองยิ่งนัก ส่วนสองสามีภรรยาที่ซื้อมาเธอมีแผนสำหรับพวกเขาแล้ว
“อะอืม...นี่ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วความเป็มาของพวกเ้าทั้งสองข้าทราบดี ฟ่านเสียนไม่ทราบว่าความรู้ที่ร่ำเรียนมาตลอดชีวิตยังใช้การได้หรือไม่ ส่วนเ้าไป๋หรงสิ่งที่กุลสตรีร่ำเรียนมาั้แ่เด็กลืมไปหมดแล้วหรือยัง?” หญิงสาวถามคำถามที่ไม่อ้อมค้อมซื่อตรงต่อความ้าของตนเองยิ่ง
เธอนั่งอยู่ในรถม้าขนาบซ้ายขวาด้วยสองแฝดส่วนเ้าน้องเล็กนั่งอยู่บนตักอย่างเชื่อฟัง สายตาทุกคู่ของพี่น้องสกุลเกาจ้องมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างแน่นิ่ง
“วิชาความรู้ที่อาจารย์สั่งสอนแม้ตัวตายฟ่านเสียนก็มิอาจลืมเลือน” ฟ่านเสียนชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ สี่สิบแต่ด้วยเผชิญความยากลำบากมานับสิบปีภายนอกเขาจึงคล้ายกับชายแก่อายุห้าสิบกว่า แต่ทว่าลักษณะท่าทางของผู้ที่ได้รับการศึกษาไม่อาจลบล้างไปได้ง่ายๆ
“ดี...มีความหนักแน่นใช้ได้แล้วฮูหยินฟ่านล่ะ” เกาหนิงซินหันไปสอบถามฝ่ายภรรยาที่นั่งหลังตรงสองมือประสานไว้บนหน้าตักก้มหน้าเล็กน้อย นับั้แ่ที่ขึ้นมาบนรถม้านางไม่ได้เอ่ยปากแม้เพียงครึ่งคำ
“เรียนนายท่าน ไป๋หรงเกิดและเติบโตในตระกูลขุนนางแม้ไม่มีความสามรถด้านอื่นแต่ศาสตร์สี่แขนงรวมถึงหลักการจัดการเรือนข้าน้อยล้วนเชี่ยวชาญเ้าค่ะ” ไป๋หรงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเ้านายคนใหม่พร้อมกับตอบคำถามอย่างมั่นใจ นางมองเห็นความหวังในชีวิตนับจากนี้
“ดี เช่นนั้นข้าจะมอบหมายหน้าที่ให้พวกเ้าทั้งสองคน ฟ่านเสียนนับจากนี้เ้ารับหน้าที่สอนหนังสือให้น้องชายทั้งสามของข้าเกาิ เกาจู เกาปิน เ้าก็ทดสอบพวกเขาก็แล้วกันว่าควรสอนแบบใด
ส่วนฟ่านฮูหยินเ้ามารับใช้ข้างกายข้า ไม่ปิดปังข้าและน้องชายมาจากครอบครัวยากจนไร้การศึกษาต่อจากนี้ข้าต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างมีผู้รู้เช่นฟ่านฮูหยินคอยชี้แนะคงจะดีไม่น้อย ต่อไปก็เรียกเ้าว่าฟ่านมามาก็แล้วกัน”
“ข้าน้อยรับทราบแล้วเ้าค่ะ” ฟ่านมามาทำความเคารพอย่างนอบน้อม ตำแหน่งมามาข้างกายผู้เป็นายนี้สูงส่งและสุขสบายแทบจะไม่ต้องทำงานใดให้เปลืองแรงแม้แต่น้อย
เดินทางมาราวๆ ห้าวันในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
ป้ายหินแกะสลักขนาดใหญ่บนกำแพงเมือง
ลั่วหยาง
กำแพงสูงใหญ่ทอดยาวสุดสายตา รถม้าทั้งสามเข้าแถวรอตรวจค้นก่อนเข้าเมือง เมื่อมาถึงตาของครอบครัวสกุลเกาคนทั้งหมดต่างลงจากรถม้าเพื่อรับการตรวจค้น ส่วนเกาหนิงซินก็เดินไปยังโต๊ะที่มีเสมียนคอยตรวจเอกสารอยู่เธอยื่นเอกสารสำคัญทั้งหมดให้กับเสมียนวัยกลางคน
ในนั้นประกอบไปด้วย หนังสือผ่านทางที่ท่านพ่อบ้านเจียงออกให้ก่อนที่เธอจะจากมา นอกนั้นก็เป็หนังสือรับรองตัวตนของประชาชนชาวต้าโจว
เสมียนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตรวจสอบเอกสารที่ละแผ่นอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย แม้มองเห็นตราประทับประจำจวนเ้าเมืองในแวบแรกแต่เขาก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าจะเป็ของจริง แต่เมื่อทดสอบอย่างถี่ถ้วนก็ต้องใจนขวัญหาย
นี่...นี่
“นายท่าน เป็ผู้น้อยทำให้ท่านต้องเสียเวลาแล้ว...พวกเ้าเลิกตรวจๆ ให้คนผ่านได้” นายเสมียนกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“ไม่ตรวจสอบให้ละเอียดหน่อยเล่า...ข้าไม่ได้ติดใจอะไร ล้วนเป็ประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น” หญิงสาวปฏิเสธที่จะผ่านไปโดยไม่ตรวจสอบ ทำสิ่งใดก็อย่าเหลือช่องโหว่ไว้ให้ผู้คนจับผิด
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนนายท่านรอสักครู่” นายเสมียนกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความนับถือหลายส่วน หญิงสาวผู้นี้แม้มีสิ่งที่แสดงอย่างชัดเจนว่าจวนเ้าเมืองให้ความคุ้มครองแต่ก็ไม่ได้อวดเบ่งแม้แต่น้อย
ไม่นานการตรวจค้นก็เสร็จสิ้น หญิงสาวรับหนังสือประทับตาเข้าเมืองมาแล้วพาคนทั้งหมดมุ่งหน้าไปในตัวเมืองอย่างไม่รีบร้อน
เดินทางต่อมาราวครึ่งวันคณะเดินทางก็มาถึงตัวในตัวเมือง ยามนี้พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มทีเกาหนิงซินจึงเลือกโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเข้าพัก
มาถึงจนได้สินะ
ลั่วหยาง เป็เมืองที่ดีจริงๆ
หวังว่าเื่ราวคงจะไม่ได้เป็เหมือนละครหลังข่าวที่มารดาวัยชราของเธอชอบดูหรอกนะ ไอ้ฉากที่เจอกันช่วยเหลือกันรักกัน
อี๋...แค่คิดก็ขนลุก
หญิงสาวได้แต่สาบานกับตัวเองไว้ล่วงหน้า
ถ้าไม่ได้ หนึ่งแสนตำลึงต่อหนึ่งคืน
อย่าหวังว่าจะได้เห็นขาอ่อนของฉัน
หึๆๆ สาวมั่นจากยุคปัจจุบันได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่เงียบๆ
งานนี้ใครเข้าหาใครก่อนคนนั้นแพ้!
*****************************************************************************************************************
มาถึงแล้วค่ะ...มาติดตามยัยน้องสร้างเนื้อสร้างตัวโดยการขูดรีดท่านเ้าเมืองกันเถอะค่ะ....เกมนี้ใครเข้าหาใครก่อนคนนั้นแพ้~~
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้