"ข้าจะเอาอันนี้ไป เอาอันนี้ด้วย อืมๆ อันนี้ก็เข้าท่า" ขาสั้นๆ ของเฉียวเยว่วิ่งวุ่นไปรอบห้อง เดี๋ยวหยิบอันนี้ เดี๋ยวหยิบอันนั้น ไท่ไท่สามรู้สึกว่าตนเองถูกนางป่วนจนปวดศีรษะไปหมดแล้ว
เห็นฉีอันค่อยๆ เก็บสัมภาระอย่างเอ้อระเหย ไท่ไท่สามก็นึกทอดถอนใจในความแตกต่างของบุตรสาวและบุตรชายอีกครา
เฉียวเยว่เหนื่อยจนหายใจหอบ นางดึงเปียน้อยๆ ของตนเอง เงยดวงหน้าเล็กขึ้นถามว่า "จวนของท่านตามีขนมหรือไม่เ้าคะ?"
จุดนี้สำคัญมาก!
ไท่ไท่สามอุ้มบุตรสาวขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนให้คำชี้แนะอย่างใส่ใจ "กุญแจทองไม่จำเป็ต้องพกไป หยกหรูอี้ไม่ต้องพกไป ปิ่นผีเสื้อกับแมลงปอน้อยก็ไม่ต้องเอาไปเหมือนกัน เ้าไปอยู่แค่สองสามวัน บิดาเ้าบอกว่าอย่างมากสุดสามวันก็รับกลับมาได้แล้ว เพียงให้พวกเ้าไปทำความเคยชิน หากพกของติดตัวไปเยอะขนาดนี้ เ้าจะใส่หมดหรือ?"
ใบหน้าของไท่ไท่สามประดับด้วยรอยยิ้ม กล่าวต่อไป "ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าก็ขนไปตั้งสิบกว่าชุด ถึงแม้เ้าจะเป็ลิงน้อยจอมซน แต่ไปจวนของท่านตาครั้งแรก ก็เตรียมจะออกลายแล้วหรือ ไม่จำเป็ต้องเอาไปเยอะขนาดนั้น ส่วนเื่ขนม จวนของพวกเขามีหรือจะขาดแคลน?"
ในที่สุดเฉียวเยว่ก็วางใจ นางทำแก้มป่องถามว่า "ท่านแม่ ข้าไม่อยู่บ้าน หากท่านป้ารองแบกท้องของตนเองมาหาเื่ ท่าน... ช่างมันเถอะ ท่านแม่ไม่กล้าตำหนินางต่อหน้าอยู่แล้ว ข้าไปหาท่านพ่อดีกว่า ให้ท่านพ่อปกป้องท่าน หากภรรยาของตนเองยังปกป้องไม่ได้ ยังจะเป็บุรุษได้อีกหรือ"
ฝากถ้อยคำจบก็ะโลงจากตักของไท่ไท่สาม ผู้เป็มารดาถูกนางดักคอเสียจนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "เ้า..."
"นี่พวกเ้าทำอะไรกัน?"
ซูซานหลางเข้าประตูมาก็แทบจะสะดุดล้ม เขาเป็คนรักความสะอาดและความเป็ระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร แต่ภายในห้องตอนนี้รกจนดูไม่ได้ เสื้อผ้ากองยุ่งเหยิงพาดอยู่บนเตียงบ้างเก้าอี้บ้าง ตู้เสื้อผ้าก็เปิดอยู่ เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปทั่ว
เฉียวเยว่เอ่ยขึ้นทันที "ท่านพ่อ ข้ากำลังจะไปหาท่านอยู่พอดี"
ไท่ไท่สามไม่ให้กระต่ายอ้วนตัวน้อยพูดส่งเดช จึงตัดบททันควัน "เ้าอย่าพูดเหลวไหล เตรียมของไปดีๆ เดี๋ยวก็ออกเดินทางแล้ว"
ซูซานหลางเลิกคิ้ว มองสองแม่ลูกอย่างพินิจ "มีเื่อันใดบอกข้าไม่ได้?"
ฉีอันพูดเสียงดัง "เฉียวเฉียวเป็ห่วงว่าป้าสะใภ้รองจะรังแกท่านแม่ บอกว่าจะไปกำชับกับท่านพ่อขอรับ"
ไท่ไท่สามกุมหน้าผาก บ้านของพวกเขามองไปทางไหนก็มีแต่เด็กช่างฟ้อง
นางอมยิ้ม "มีปัญหาเสียที่ไหนกัน อย่าไปฟังพวกเขาพูดซี้ซั้ว ่นี้พี่สะใภ้รองคงไม่ออกจากเรือนหรอก"
ซูซานหลางลูบศีรษะของเฉียวเยว่ หลังจากนั้นก็ให้คำมั่นอย่างจริงจัง "เฉียวเฉียววางใจได้ พ่อมิให้มารดาเ้าได้รับความไม่เป็ธรรมอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่เชื่อมั่นในตัวซูซานหลางมาก ดวงหน้าเล็กขาวอมชมพูมีรอยยิ้มประดับ "ท่านพ่อของข้าเป็แบบอย่างของบุรุษทั่วแผ่นดินต้าฉี ทั้งหล่อเหลาสง่างามองอาจน่ายำเกรง!"
นางป่าวประกาศเสียงดัง
ซูซานหลางพยักหน้ารับอย่างภาคภูมิใจ "ย่อมเป็เช่นนั้นอยู่แล้ว"
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย เขาก็จูงบุตรชายบุตรสาวออกจากห้อง
ฉีจือโจวในชุดสีครามทั้งตัวยืนเอามือไพล่หลังอยู่กลางลาน
เฉียวเยว่ร้องทักพลางวิ่งเข้าไป "ท่านลุง ท่านมาถึงั้แ่เมื่อไรเ้าคะ?"
ฉีจือโจวมักวางมาดเ็าอยู่เสมอ แต่ไรมาก็ไม่ค่อยมีใครชอบเขา ไม่รู้เพราะเหตุใดเด็กหญิงตัวน้อยถึงได้ชอบเขานัก
"ข้ามาพร้อมกับบิดาของเ้า"
มิน่าเล่าหลายปีมานี้ซานหลางถึงดูโง่งมลงไปเรื่อยๆ ถูกเ้าตัวน้อยน่ารักเยี่ยงนี้พะเน้าพะนอทุกวัน หากไม่หลงตัวเอง สมองก็คงเลอะเลือนแล้ว
เฉียวเยว่รีบหันกลับไปจูงฉีอัน "ไปกัน พวกเราไปจวนของท่านลุง"
ยามนี้แม้แต่บิดามารดาของตนเองก็ลืมสิ้นแล้ว เ้าเด็กน้อยใจร้าย
แต่ไรมาฝาแฝดคู่นี้ไม่เคยห่างจากกายนางมาก่อน ไท่ไท่สามจึงรู้สึกอาวรณ์อยู่บ้าง ขอบตาเริ่มแดง "พวกเ้าออกจากบ้านต้องเชื่อฟังคำพูดของท่านลุงกับท่านตา หากแปลกที่อยู่ไม่ไหวก็ให้ท่านลุงส่งพวกเ้ากลับมา"
เฉียวเยว่กางแขนออก ไท่ไท่สามเดินเข้ามากอดนาง เด็กหญิงตัวน้อยจุ๊บแก้มของมารดาทีหนึ่ง ก่อนยิ้มร่าจนเห็นฟันขาวซี่เล็กๆ "โอ๋...ไม่ร้อง ไม่ร้อง ท่านแม่คนดี วางใจเถอะเ้าค่ะ ข้าจะดูแลน้องชายอย่างดี หากท่านแม่คิดถึงพวกเรา ก็มาเยี่ยมพวกเราได้"
ไท่ไท่สามพยักหน้า
เฉียวเยว่เข้าไปจุมพิตซูซานหลางด้วย ซูซานหลางไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว นางแอ่นพุงน้อยๆ ทำสีหน้าจริงจัง พูดเสียงดังฟังชัด "ต้องปกป้องท่านแม่ด้วยนะเ้าคะ"
ซูซานหลางเช็ดน้ำลายบนใบหน้าก่อนรับคำ
ขณะเตรียมจะลุกขึ้นยืน ฉีอันก็วิ่งเข้ามาจุมพิตอีกคน เขาเช็ดน้ำลายอีกรอบ ก่อนเอ่ยคำสั่งสอนอย่างจริงจัง "พวกเ้าสองคนออกจากบ้าน อย่าไปจุมพิตใครส่งเดช เข้าใจหรือไม่"
เฉียวเยว่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมาทันที
"อาอิ่ง ซานหลางไม่ต้องเป็ห่วง ข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดี"
ฉีจือโจวอุ้มซาลาเปาน้อยสองคนขึ้นมาเอ่ยว่า "โบกมืออำลาท่านพ่อท่านแม่ของเ้าเสีย"
ซาลาเปาน้อยทั้งสองทำตามทันที เด็กน้อยน่ารักราวกับตุ๊กตาหยกแกะสลักเห็นแล้วช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก
ฉีจือโจวอุ้มเด็กสองคนออกจากจวน เฉียวเยว่เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูใหญ่ ในความเรียบง่ายยังแฝงไปด้วยความหรูหราอยู่หลายส่วน สองพี่น้องถูกส่งเข้าไปในรถ ฉีจือโจวก็ขึ้นไปนั่งด้วย
ข้ามภพมาห้าปี นี่เป็ครั้งแรกที่เฉียวเยว่ได้ออกจากบ้านไปค้างคืนข้างนอก แท้จริงแล้วนางเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง เพราะเป็คนที่ไม่เคยมีความรู้สึกปลอดภัยมาแต่ไหนแต่ไร
อาจเป็เพราะสังเกตได้ถึงความตึงเครียดของเฉียวเยว่ ฉีจือโจวจึงนำกล่องขนมที่เตรียมไว้ล่วงหน้าส่งให้สองฝาแฝด
"นี่คือขนมที่ลุงซื้อมาจากร้านหรงเป่าเซวียน ไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า พวกเ้าลองชิมดูสิ" เขาพยายามอ่อนโยนอย่างสุดความสามารถ
ดวงตาของเฉียวเยว่สุกใสขึ้นทันควัน "ของร้านหรงเป่าเซวียนไม่มีที่ไม่อร่อย ข้าชอบขนมจากร้านของพวกเขามาก แต่ท่านพ่อมักบอกว่าอย่ากินเยอะเกินไป จะทำให้อ้วน มีเด็กบ้านไหนไม่อ้วนกันบ้าง"
เด็กน้อยเปิดกล่องออก เห็นขนมรูปดอกไม้สีม่วงชิ้นเล็ก ก็หยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้ฉีจือโจว "ท่านลุงลองกินเ้าค่ะ อันนี้อร่อยมาก ไม่หวานจัด ข้าชอบที่สุด"
ฉีจือโจวไม่ค่อยชอบของหวาน แต่เห็นดวงตาระยิบระยับของเด็กหญิงตัวน้อย ราวกับมอบของที่ตนเองชอบที่สุดให้แก่เขา หัวใจก็ละลายไปแล้ว
เขาอ้าปากกินลงไป แล้วพยักหน้า "ของที่เฉียวเฉียวชอบย่อมดีที่สุด"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าภาคภูมิใจทันที "ถูกต้องเ้าค่ะ ข้ามีรสนิยมที่สูงมาก"
ฉีจือโจวผลิยิ้มน้อยๆ
"ท่านลุง ต่อไปท่านไม่ต้องกลับไปอีกแล้วใช่หรือไม่?" ดวงตาคู่โตของเฉียวเยว่กะพริบปริบๆ เริ่มชวนคุยพร่ำเพรื่อ
ฉีจือโจวพยักหน้า "ใช่ ไม่ไปแล้ว เ้าไม่อยากให้ลุงไปหรือ?"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ข้าไม่อยาก มีท่านลุงอยู่ ข้าจะได้มีที่พึ่งพิงเพิ่มขึ้นอีกคน จากนี้ไปข้าจะเป็สุ่ยปิงเยว่ [1] ผู้ไร้เทียมทาน!"
ฉีจือโจว "..."
เด็กเดี๋ยวนี้พูดแต่เื่อะไรกัน?
เขาทำสีหน้างุนงงไม่เข้าใจ
ฉีอันสะกิดถามเฉียวเยว่ "เช่นนั้นท่านลุงก็เป็เทพ์ด้วยสิ?"
เฉียวเยว่เชิดหน้าแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ "แน่นอน!"
ฉีจือโจวยิ่งฟังยิ่งไม่รู้เื่ เทพ์อันใด?
"เพราะเหตุใดลุงจึงเป็เทพ์เล่า?"
"ท่านลุงเคยฟังเื่บันทึกการเดินทางสู่ชมพูทวีปหรือไม่เ้าคะ?" เฉียวเยว่กระซิบถาม
นางใช้นำเสียงราวกับถามว่า คุณรู้จักแอมเวย์ [2] ไหม?
ฉีจือโจวส่ายหน้า นี่คือสิ่งใดอีกแล้วล่ะ?
เฉียวเยว่กล่าวขึ้นทันที "มา มา มา ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง"
"ข้าเล่าด้วย ข้าเล่าด้วย"
จนกระทั่งกลับไปถึงจวนฉี ฉีจือโจวก็รู้สึกว่าสมองของตนเองเต็มไปด้วยเ้าลิงซุน พระยูไล แล้วก็มารปิศาจ
ทว่าเมื่อขบคิดอย่างพิถีพิถัน ก็รู้สึกว่านิทานเื่นี้มีข้อคิดที่ลึกซึ้งอยู่หลายส่วน
"นิทานเื่นี้ใครเป็คนเล่า?"
ฉีอันชี้ไปที่เฉียวเยว่ "พี่สาวข้า"
ฉีจือโจวไม่คิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะแต่งนิทานเื่นี้ขึ้นมาเอง จึงถามต่ออย่างอดทน "เช่นนั้นเฉียวเยว่บอกลุงได้หรือไม่ ผู้ใดเป็คนเล่าให้เ้าฟัง?
"ใครๆ เขาก็เล่ากันอย่างนี้ นิทานเด็กมีที่มาที่ไหนกัน?" เฉียวเยว่ตอบ
นางบอกไม่ได้ว่า ข้าข้ามภพมา นี่เป็นิทานจากความทรงจำในชาติภพก่อน
เคราะห์ดีที่นางอายุยังน้อย สามารถอ้างว่าเป็นิทานสำหรับเด็กได้อย่างสมบูรณ์แบบ เ้าเล่าทีข้าเล่าที ราวกับว่ามันกลายเป็นิทานที่สามารถหาพบได้ทั่วไป แต่ใครเล่าจะรู้ที่มาของนิทานเื่นี้ ว่ามาจากซาลาเปาน้อยแห่งจวนซู่เฉิงโหว
"ท่านลุงอยู่ข้างนอกไม่เคยได้ยินเลยหรือเ้าคะ?" เฉียวเยว่ย้อนถาม
ฉีจือโจวส่ายหน้า "ไม่เคย นิทานเื่นี้ดีจริงๆ"
เฉียวเยว่แปะมืออวบน้อยๆ กับน้องชาย แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "แท้จริงแล้วข้ารู้สึกว่าหากมีเป็หนังสือภาพก็ยิ่งดี สามารถอ่านเองได้"
ฉีจือโจวยิ้ม "เอาไว้เ้าเล่ารายละเอียดให้ลุงฟัง ลุงจะหาคนวาดให้"
"ท่านลุงจงเจริญหมื่นปี!" เฉียวเยว่ร้องะโด้วยความดีใจ
ฉีจือโจวตะลึงงัน หลังจากนั้นก็หยิกแก้มของนาง "อย่าพูดส่งเดช ถ้อยคำเหล่านี้พูดออกไปไม่ได้"
เฉียวเยว่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
ฉีจือโจวพาซาลาเปาน้อยทั้งสองลงจากรถม้า เฉียวเยว่วิ่งโร่ไปที่สิงโตหินหน้าประตู พลางยื่นนิ้วไปจิ้มที่หน้าของมัน ก่อนเอี้ยวศีรษะกลับมา "สิงโตตัวนี้หน้าตาดุ๊ดุ"
ตุ๊กตาน้อยราวกับหยกแกะสลักงามวิจิตรในชุดกระโปรงสีชมพูแลดูขาวกระจ่างสดใสภายใต้แสงตะวัน ฉีจือโจวกลัวว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะถูกแดดเผา จึงเอ่ยว่า "ไป ลุงจะพาพวกเ้าเข้าไปชมรอบๆ"
"หลานที่น่ารักของข้า..." เสียงะโปานฟ้าจะถล่มดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงช่างกระแทกแก้วหูดีเหลือเกิน
แค่นึกดูก็รู้ว่าต้องเป็ท่านตาของนางอย่างแน่นอน
อาจารย์ฉีรูปร่างผอมบางมาก แต่กลับชื่นชอบการสวมอาภรณ์ตัวใหญ่หลวมกว้างเป็พิเศษ เขาวิ่งออกมาจากด้านใน
ฉีอันถูกอุ้มขึ้นมา
พูดตามตรง เขาสามารถอุ้มฉีอันได้อย่างสบายๆ แสดงว่าเฉียวเยว่อ้วนกว่าฉีอันไม่น้อยเลย
"ข้ารอพวกเ้านานแล้ว ในที่สุดก็กลับมากันเสียที"
เฉียวเยว่มองไปพิจารณาไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั่วลานสวนเป็ระเบียบเรียบร้อย ดูเหมือนทุกอย่างล้วนได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด
ด้วยเกรงว่าเด็กสองคนจะร้องไห้ตอนกลางคืนเนื่องจากออกจากบ้านเป็ครั้งแรก ฉีจือโจวจึงจัดห้องให้ตุ๊กตาน้อยทั้งสองอยู่ห้องเดียวกัน พวกเขาอายุยังน้อย แต่ถ้าโตกว่านี้ก็ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
"พวกเ้าอยู่ห้องนี้ดีหรือไม่ เข้าไปดูว่าชอบหรือไม่ชอบ"
แม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ไม่ได้นอนด้วยกัน มีการแบ่งเป็เตียงเล็กสองเตียงอยู่คนละฝั่ง มีม่านแพรโปร่งกั้นอยู่ตรงกลาง ฝั่งของเด็กหญิงเป็สีชมพู ส่วนฝั่งของเด็กชายเป็สีฟ้าอ่อน เห็นความสดใสอย่างชัดเจน
ส่วนด้านข้างทั้งสองด้านมีโต๊ะหนังสือตัวเล็กแบบเดียวกันตั้งอยู่ ฝั่งของเด็กหญิงมีผ้าห่มลายดอกไม้กระจิริดสีชมพูเข้าชุด ฝั่งของเด็กชายก็เช่นเดียวกัน
เฉียวเยว่มองการตกแต่งของทางนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็การตกแต่งเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ท่านตากับท่านลุงล้วนตกพุ่มม่าย ท่านยายกับป้าสะใภ้ของนางเสียชีวิตไปก่อนที่นางจะเกิด พ่อม่ายสองคนสามารถตกแต่งห้องให้ดูสดใสน่ารักได้ถึงเพียงนี้ ก็ยากยิ่งแล้ว
เฉียวเยว่บีบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน "ท่านตา นี่ท่านตกแต่งให้พวกเราเองเลยหรือ?"
อาจารย์ฉีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ "ถูกต้อง ชอบหรือไม่?"
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยีตอบเสียงดัง "ชอบเ้าค่ะ"
"ข้ากับลุงของเ้าปรึกษากันอยู่นาน รู้สึกว่าการตกแต่งให้พวกเ้าเยี่ยงนี้ทั้งดูนุ่มนวลและน่ารัก ใช่หรือไม่? ฮ่าๆๆ บิดาจอมทึ่มของพวกเ้าคิดตกแต่งอะไรอย่างนี้ไม่เป็หรอก"
มีแอบค่อนขอดบุตรเขยเล็กน้อย
เฉียวเยว่ปีนขึ้นไปบนเตียง แล้วตบๆ ด้านข้าง "ท่านตาเชิญนั่ง พวกเรามาคุยเื่ชีวิตมนุษย์กันเถอะเ้าค่ะ"
"พรืด" สองพ่อลูกสกุลฉีต่างสำลัก
...
[1] สุ่ยปิงเยว่ หรือ เซเลอร์มูนเป็การ์ตูนญี่ปุ่นที่ผลักดันให้ตัวละครผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็ผู้นำและผู้กอบกู้โลก
[2] แอมเวย์เป็บริษัทขายตรงเก่าแก่สัญชาติอเมริกัน จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ มีเครือข่ายไปทั่วโลก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้