หินบนพื้นถนนถึงแม้จะไม่ใช่หินที่แข็งแรงอะไรมากนัก แต่คมมีดจะปักลงไปนั้น จะต้องเป็คนที่มีฝีมือไม่น้อยเช่นกัน มีคนไม่น้อยที่เห็นมีดเล่มนี้ลอยผ่านหน้าผ่านตาไป มันอดไม่ได้ที่จะมองตาม มองเห็นคนที่ยืนอยู่บนถนนที่ค่อยๆ หลีกทางออก และมีคนสองสามคนเดินออกมาท่ามกลางผู้คน และเดินออกมาอย่างช้าๆ
เป็ชายคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะสีดำ อายุราวสี่สิบปี เดินราวกับพยัคฆ์ั ท่าทางองอาจ ด้านหลังของเขา มีทหารองครักษ์สวมชุดเกราะมาด้วยสองคน พกดาบมาเป็อาวุธด้วย
หยางหนิงเห็นชายคนที่เดินนำหน้ามา ก็ใ เขาจำได้ เขาคือเสวียหลิงเฟิงผู้บัญชาการค่ายหู่เสิน วันที่แห่ศพของฉีจิ่ง หยางหนิงเคยพบเขาแล้ว
เสวียหลิงเฟิงสีหน้าดุดัน ค่อยๆ เดินมา ท่านซีเหมินขมวดคิ้ว ซื่อจื่อชุดเหลืองตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆ ม้า ยังไม่ได้ขึ้นม้า ในตอนแรกใมีดที่อยู่ตรงหน้า จนกระทั่งเสวียหลิงเฟิงเดินมาถึงหน้ามีดเล่มนั้น ถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย
เสวียหลิงเฟิงยื่นมือไปจับดาบ แล้วค่อยๆ ดึงมันขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าข้าพอจะขวางพวกเ้าได้หรือไม่?”
ซื่อจื่อชุดเหลืองรีบแสดงท่าทีโกรธออกมา ชี้ไปที่เสวียหลิงเฟิง พูดด้วยความโกรธว่า “เ้าเป็ใคร?”
เสวียหลิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เมืองหลวงประกาศใช้กฎอัยการศึก ห้ามรวมกลุ่มต่อสู้ นี่คือคำสั่งจากราชสำนัก ไม่ว่าใครก็ตาม ต้องปฏิบัติตามกฎของราชสำนัก” สายตาทั้งสองของเขามองไปแล้วพูดว่า “รักษากฎหมายของราชสำนัก ถือเป็ประชาชนของแคว้น ไม่อย่างนั้น...ถือว่าท้าทายอำนาจของบ้านเมือง ในสายตาของข้า ถือว่าเป็คนที่ละเมิดกฎหมาย”
ท่านซีเหมินเห็นท่าไม่ดี รู้ว่าอีกฝ่ายมาอย่างไม่เป็มิตร ก็รีบยกมือคำนับแล้วพูดว่า “เรามาจากซีชวนดินแดนสู่ ไม่ได้มีเจตนาขัดคำสั่งของราชสำนัก”
“เจตนาหรือไม่ข้าไม่สนใจ” เสวียหลิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ข้าไม่ได้มีเวลามานั่งจับหิ่งห้อย ข้าเชื่อเพียงสิ่งที่ข้าเห็นเท่านั้น”
“อ๋อ?” ท่านซีเหมินยิ้มแล้วพูดด้วยท่าทางเรียบเฉยว่า “ไม่ทราบว่าท่านเห็นอะไรบ้างล่ะ?”
“มีคนรวมตัวกันต่อสู้กันบนถนน” เสวียหลิงเฟิงกล่าวว่า “ก่อนที่เื่นี้จะกระจ่าง ใครก็ไปจากที่นี่ไม่ได้ทั้งนั้น”
ท่านซีเหมินพูดว่า “หรือว่าเ้าจะยุ่งเื่นี้หรือ?”
เสวียหลิงเฟิงพูดว่า “เมืองหลวงประกาศใช้กฎอัยการศึก ค่ายหู่เสินช่วยจวนผู้ว่าในการรักษาความเรียบร้อยของเมืองหลวง ข้าจำเป็ต้องยุ่งเื่นี้”
“ดูท่าแล้วท่านคงจะเป็คนของค่ายหู่เสินสินะ”
“ท่านนี้คือผู้บัญชาการค่ายหู่เสินของเรา” ผู้ที่อยู่ด้านหลังของเสวียหลิงเฟิงท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “ความเรียบร้อยของเมืองหลวง อยู่ภายใต้การดูแลของผู้บัญชาการเสวีย”
หางตาของท่านซีเหมินเริ่มกระตุก เสวียหลิงเฟิงมองไปที่ซื่อจื่อชุดเหลือง แล้วพูดอย่างเ็าว่า “เท่าที่ข้าเห็น เ้าคือคนที่ขี่ม้าเข้ามาในถนน ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ทำให้เกิดเื่ขึ้น หากถามหาสาเหตุแล้ว เ้าคือคนผิด ไม่ทราบว่าข้าพูดถูกหรือเปล่า?”
ซื่อจื่อชุดเหลืองหัวเราะแล้วพูดว่า “ใช่แล้วจะทำไม?”
“ในเมื่อเ้ายอมรับแล้ว อย่างนั้นก็จัดการง่าย” เสวียหลิงเฟิงมองไปที่หยางหนิง กวักมือเรียกให้เข้ามาหา หยางหนิงเห็นท่าทางของเสวียหลิงเฟิงถึงแม้จะดูเ็า แต่คำพูดคล้ายจะเข้าข้างเขา เขาก้าวเข้าไป ยกมือขึ้นคำนับแล้วพูดว่า “ท่าน... ท่านผู้บัญชาการเสวีย”
“เ้าเป็พยานในเื่นี้ใช่ไหม?”
หยางหนิงยืดอก พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ เ้าหนุ่มนี่ขี่ม้าบุกฝ่าฝูงชนเข้ามากลางถนน เกือบ เหยียบคนตาย ข้าไม่ใช่พยานเพียงคนเดียว คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดต่างก็เห็นเช่นเดียวกับข้า”
“อย่างนั้นเ้าคิดว่าจะจัดการเื่นี้อย่างไร?”
ท่านซีเหมินเริ่มขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “ในเมื่อท่านเป็ถึงผู้บัญชาการค่ายหู่เสิน ยื่นมือเข้ามายุ่งกับเื่นี้ จริงๆ ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร แต่ว่าจะจัดการเื่นี้อย่างไร ทำไมถึงต้องยืมมือผู้อื่นเข้ามาด้วยเล่า?” เขาขมวดคิ้วสองข้าง “การจงรักภักดีเป็หน้าที่ หากทำเื่อะไรโอนเอียงไม่ยุติธรรม เกรงว่าผู้คนจะครหาเอาได้”
หยางหนิงเข้าใจความหมายของท่านซีเหมิน ท่านซีเหมินกำลังจะคัดค้านการถามความคิดเห็นจากเขาของเสวียหลิงเฟิง
แต่ว่าท่านซีเหมินแสดงท่าทางที่เ็า ในเวลานี้เหมือนเขาเริ่มมีอคติ ตัดสินว่าเสวียหลิงเฟิงมีความไม่ยุติธรรม สิ่งนี้ทำให้หยางหนิงสงสัย แอบคิดว่า คนๆ นี้ คงไม่ได้แค่เพราะคำพูดของเสวียหลิงเฟิงก็เลยทนไม่ได้หรอกกระมัง ยิ่งไม่น่าจะแสดงท่าทางเตือนเสวียหลิงเฟิงแบบโจ่งแจ้งแบบนี้
ท่าทางของเสวียหลิงเฟิงยังคงเ็า แล้วพูดว่า “โอนเอียงหรือไม่ ไม่ใช่เื่ที่เ้าจะมาตัดสิน ทุกคนอยู่ตรงนี้ หากมีชาวบ้านสักคนบอกว่าข้าตัดสินไม่ยุติธรรม ข้าก็จะถอดชุดเกราะออกตรงนี้” เขาก็ไม่สนใจอะไรมากมาย แล้วถามหยางหนิงต่อว่า “เ้าคิดว่าจะจัดการอย่างไรตอนแรก?”
“กฎหมายบ้านเมืองจัดการอย่างไร ข้าไม่รู้” หยางหนิงกล่าว “แต่ว่าทำให้ชาวบ้านต้องแตกตื่น มิหนำซ้ำยังทำร้ายผู้อื่นด้วย ตามหลักทั่วไปแล้ว ก็ต้องชดใช้ด้วยการขอโทษ”
“ชดใช้ด้วยการขอโทษอย่างนั้นหรือ?” เสวียหลิงเฟิงยิ้มเบาๆ “หากเขาผิดจริง ก็ถือว่าสมควร” สายตาของเขาเหมือนคมดาบ จ้องไปที่ซื่อจื่อชุดเหลือง “เมื่อกี้เ้าเองก็ยอมรับแล้ว คนที่ก่อเื่ขึ้นมาคือเ้า ดังนั้นชดใช้ด้วยการขอโทษ เ้าก็ต้องเป็คนรับผิดชอบ คิดว่าเ้าก็คงไม่มีอะไรจะพูด”
ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ต่างก็จ้องมองซื่อจื่อชุดเหลืองด้วยความขัดหูขัดตา ตอนนี้เมื่อผู้บัญชาการค่ายหู่เสินพูดมาแบบนี้ ก็มีคนไม่น้อยที่ะโขึ้นมาว่า “ชดใช้ด้วยการขอโทษ ชดใช้ด้วยการขอโทษ”
หน้าของซื่อจื่อชุดเหลืองเริ่มสั่น พูดด้วยความโกรธว่า “เ้า... เ้ารู้ไหมว่าข้าเป็ใคร?” เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเื่เล็กๆ ตอนนี้จะกลายเป็เื่ใหญ่แบบนี้ ตอนนี้ชาวบ้านรอบๆ ต่างพากันตำหนิชี้โทษมาที่ตัวเขา ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว คิดได้แต่ว่าจะใช้ฐานะของตัวเองมากดดันอีกฝ่าย
เสวียหลิงเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้”
ท่านซีเหมินกำลังจะพูด ซื่อจื่อชุดเหลืองก็หัวเราะขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าคือสู่อ๋องซื่อจื่อ สู่อ๋องแห่งซีชวนคือพ่อของข้า พวกเ้ากล้าทำอะไรข้าหรือ?”
แต่เดิมท่านซีเหมินคิดจะห้าม แต่ก็ไม่ทัน เห็นซื่อจื่อชุดเหลืองเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนไปแล้ว ก็ขมวดคิ้ว
“อย่างนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็ใคร?” เสวียหลิงเฟิงชี้ไปที่หยางหนิง
ซื่อจื่อชุดเหลืองใ เสวียหลิงเฟิงพูดอย่างเ็าว่า “ท่านนี้คือทายาทองครักษ์เสื้อแพร ท่านสู่อ๋องมีคุณความดีมากมาย องครักษ์เสื้อแพรเองก็มีผลงานมากมาย ไม่น้อยไปกว่าท่านสู่อ๋องเลย” แล้วพูดต่อว่า “ท่านซื่อจื่อยกเอาสู่อ๋องออกมาพูด ไม่ทราบด้วยสาเหตุอันใด?”
สู่อ๋องซื่อจื่อพอรู้ฐานะของหยางหนิงแล้ว ก็ตะลึงไป สีหน้าของท่านซีเหมินเองก็ใไม่น้อยเหมือนกัน คิ้วทั้งสองขมวดกันจนแทบจะติดกัน
“เขาโกหก” หยางหนิงคิดแผนอะไรออก เขาชี้ไปที่สู่อ๋องซื่อจื่อ “เขาไม่ใช่สู่อ๋องซื่อจื่อหรอก”
คนรอบๆ ต่างพากันตะลึง
“ท่านสู่อ๋องมีคุณงานความดีต่อบ้านเมืองมากมายนัก กฎหมายบ้านเมืองน่าจะต้องเข้มงวดมากเป็แน่ คิดว่าคงไม่น่าจะสั่งสอนให้ลูกตนเองไม่รู้จักกฎหมายหรอก ยิ่งไม่มีทางสอนให้ลูกเห็นชีวิตคนเป็ผักปลาแบบนี้แน่ๆ” หยางหนิงพูดเสียงดัง “คนๆ นี้ทำการอุกอาจกลางเมืองหลวง กำเริบเสิบสานไม่เกรงกลัวผู้ใด สู่อ๋องจะมีซื่อจื่อแบบนี้ไปทำไมกัน? คนๆ นี้จะต้องแอบอ้างตนเองว่าเป็สู่อ๋องซื่อจื่ออย่างแน่นอน ขอให้ท่านผู้บัญชาการเสวียตรวจสอบด้วย”
แต่เดิมเสวียหลิงเฟิงสีหน้าเ็า ได้ยินหยางหนิงพูดแบบนี้แล้ว สายตาก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เหลือบไปมองสู่อ๋องซื่อจื่อ แล้วพูดว่า “คำพูดของทายาทองครักษ์เสื้อแพร ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เ้าเป็ซื่อจื่อของท่านสู่อ๋องจริงๆ หรือ?”
สู่อ๋องซื่อจื่อถูกสงสัยฐานะที่แท้จริงของตน ก็ร้อนใจ คิดที่จะอธิบาย ท่านซีเหมินจึงรีบเดินมาขวางสู่อ๋องซื่อจื่อ แล้วพูดว่า “ท่านผู้บัญชาการเสวีย ไม่ว่าใครจะมีฐานะอันใด ก็ไม่สำคัญ ในเมื่อท่านบอกว่าเมืองหลวงประกาศใช้กฎอัยการศึก ตอนนี้ชาวบ้านมารวมตัวกันแบบนี้ คิดว่าคงไม่ใช่เื่ดี ตามความเห็นของข้า เรารีบจบเื่นี้กันเสียจะดีกว่า”
หยางหนิงหัวเราะแล้วพูดว่า “วิธีจัดการนั้นง่ายมาก ข้าบอกไปแล้ว เพียงแค่เ้าหมอนี่ขอโทษ เื่นี้ก็จะจบ เราไม่ได้เป็คนเ้าคิดเ้าแค้นขนาดนั้น” เขาชี้ไปที่สู่อ๋องซื่อจื่อแล้วพูดว่า “เ้าจะขอโทษหรือไม่?”
“ทำไมจะต้องให้ซื่อจื่อเป็คนขอโทษด้วยล่ะ?” ซีเหมินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้าก็ขอโทษแทนซื่อจื่อไปแล้ว”
หยางหนิงพูดว่า “เหตุผลง่ายๆ คำขอโทษของท่านกับคำขอโทษของเขานั้นมันต่างกัน ท่านก็แค่องครักษ์ของเขาเพียงเท่านั้น หากท่านขอโทษแทนเขาได้ ต่อไปขอแค่เป็คนที่มีอำนาจก็จะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ พอเกิดเื่ขึ้นมา ก็ให้องครักษ์ของตนเองรับผิดแทน แล้วตัวเองก็รอดไปอย่างนั้นหรือ?” เขาพูดเสียงดังขึ้นว่า “มีเพียงให้เขาขอโทษด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบความผิดนั้นด้วยตัวเอง จะมาใช้ฐานะของตัวเองแล้วหลบเลี่ยงไปง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้” แล้วพูดอีกว่า “ฮ่องเต้ทำผิด โทษเท่าสามัญ”
เมื่อพูดแบบนี้ออกมา มันเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางเมือง ในเมืองหลวงแห่งนี้ เป็พื้นที่ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ขุนนางชนชั้นสูง ทุกคนต่างใช้อำนาจบารมีของตนกดขี่ข่มเหง หยางหนิงมีฐานะเป็ถึงทายาทองครักษ์เสื้อแพร แต่กลับพูดคำนี้ออกมา ทำให้ซื้อใจคนได้ทั้งหมด คนรอบๆ ต่างชื่นชมในตัวเขา มีคนะโออกมาว่า “ทายาทองครักษ์เสื้อแพรกับสู่อ๋องซื่อจื่อต่างก็เป็ซื่อจื่อ แต่ทำไมทั้งคู่ถึงต่างกันนัก”
ถึงแม้สู่อ๋องจะมีอำนาจและยิ่งใหญ่ที่ซีชวน แต่คนในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่มีผู้ใดรับรู้ จึงไม่มีความเกรงกลัวสู่อ๋อง ในทางกลับกันในเมืองหลวงแห่งนี้ต่างรู้ถึงบารมีขององครักษ์เสื้อแพร ที่ได้ใจชาวบ้านอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้หยางหนิงช่วยชีวิตคนโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเอง ผู้คนเห็นต่างเห็น ก็ชื่นชมกันมากอยู่แล้ว ตอนนี้มารู้อีกว่าหนุ่มคนนี้เป็ถึงทายาทองครักษ์เสื้อแพร ยิ่งเคารพและนับถือมากขึ้นไปอีก พริบตาเดียวหยางหนิงก็ได้รับการชื่นชมอย่างไม่ขาดปาก
ท่านซีเหมินรู้ดีว่าท่ามกลางการสรรเสริญเยินยอของชาวบ้าน เื่นี้คงไม่เป็เื่ดีแน่ ตอนนี้ด้านหน้ามีเสวียหลิงเฟิงขวางอยู่ ด้านหลังก็มีกลุ่มของเหล่ยหยงหู่กับเ้าหน้าที่ทางการ ด้านข้างก็เต็มไปด้วยชาวบ้าน สู่อ๋องซื่อจื่อตอนนี้ก็เหมือนกับหนูข้างถนนตัวหนึ่ง
ท่านซีเหมินไตร่ตรองครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของสู่อ๋องซื่อจื่อ พูดสองประโยค สู่อ๋องซื่อจื่อดูท่าทางดูโกรธแค้นมาก แต่ว่าตอนนี้สายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่ตัวเขา เขายกมือของเขาขึ้นมา กัดฟัน สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจ้องไปที่หยางหนิง หากสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้หยางหนิงคงตายไปแล้วหลายหน
“ข้า...ข้าต้อง...ข้าต้องขอโทษเ้า...!” สู่อ๋องซื่อจื่อก้มหน้าลง “เป็ความผิดของข้าเอง ข้า...!”
เสียงของเขาเบามาก เสียงของชาวบ้านดังมาก หยางหนิงฟังไม่ค่อยถนัด ก็เลยยกมือขึ้นมา ทำสัญลักษณ์ให้ผู้คนหยุดคุยกันเสียก่อน ผู้คนเห็นดังนั้น จึงหยุดพูด รอบๆ เงียบสงัด หยางหนิงพูดว่า “เมื่อกี้เ้าว่าอะไรนะ? เราไม่ได้ยินเลย”
สู่อ๋องซื่อจื่อรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนเหมือนไฟเผา ทั้งอายและโกรธยิ่งนัก ลังเลครู่หนึ่ง แล้วกัดฟันพูดออกไปว่า “เป็ความผิดของข้าเอง ข้า...ข้าต้องขอโทษพวกท่านด้วย”
หยางหนิงมองไปรอบๆ เห็นหญิงคนนั้นอุ้มเด็กอยู่ ก็กวักมือเรียกนางมา หญิงคนนั้นจึงอุ้มเด็กเดินเข้ามา หยางหนิงก็พูดว่า “คนที่เ้าควรจะขอโทษมากที่สุดคือ เด็กคนนี้เกือบถูกเ้าขี่ม้าทับตาย”
“เ้าอย่ามาได้คืบแล้วจะเอาศอกให้มันมากนัก” สู่อ๋องซื่อจื่อพูดด้วยความโกรธแค้น “ข้าขอโทษไปแล้ว”
“เ้าว่าไงนะ?” หยางหนิงเอียงหูไปฟัง “เราไม่ได้ยินเลย”
สู่อ๋องซื่อจื่อกำหมัดแน่นเอ็นแทบแตก ตอนนี้เขาอยากจะออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก็เลยรีบเดินไปตรงหน้าของเด็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอโทษ ข้าไม่ควร...ข้าไม่ควรควบม้าเร็วขนาดนั้น...!”
ทุกคนต่างได้ยินชัดเจน ต่างยิ้มหัวเราะ และปรบมือ
สู่อ๋องซื่อจื่อเสียหน้าจนไม่เหลือชิ้นดี เขารีบขึ้นม้า มองไปที่เสวียหลิงเฟิงที่ยืนขวางอยู่ พูดด้วยความโกรธว่า “หลีกไป!”
เสวียหลิงเฟิงก็ไม่ได้อยากบีบคั้นอะไรมากมาย ก็เลยหลบไปข้างๆ สู่อ๋องซื่อจื่อนั่งอยู่บนหลังม้า จ้องมาที่หยางหนิง หัวเราะแล้วพูดว่า “ทายาทองครักษ์เสื้อแพร...ดี วันนี้ข้ารู้จักเ้าแล้ว เ้าวางใจได้ เรามีเวลาทำความรู้จักกันอีกนาน”
“เ้าวางใจได้ ไม่ว่าเ้าจะอยากมาทำความรู้จักเมื่อไหร่ หากรู้ผิดแล้วแก้ไขก็ไม่ใช่เื่เลวร้ายอะไร” หยางหนิงยิ้มแล้วพูด
สายตาของสู่อ๋องซื่อจื่อเหมือนกับคมดาบ เขากระตุกบังเหียนม้า บังคับม้าให้เดินไป ท่านซีเหมิน มองไปที่หยางหนิง ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าท่านองครักษ์เสื้อแพรสิ้นแล้ว ซื่อจื่อเองก็รักษาตัวให้ดี” เขาไม่พูดอะไรมาก นำคนตามสู่อ๋องซื่อจื่อจากไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้