“คุณวิน ครั้งนี้คุณทำเกินไปมากแล้วนะคะ กะจะเอาให้ตายกันไปข้างเลยหรือไง” ป้าสายต่อว่าชายหนุ่มเสียงดังลั่นบ้าน เมื่อภาพตรงหน้านั้นเลวร้ายเกินจะรับไหว
“คุณเป็พี่น้องกันนะคะ พ่อคุณก็เคยสั่งเสียเอาไว้ ว่าให้คุณดูแลหนูพิชญ์ คุณไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง ป้าก็ไม่เคยว่า แต่ไม่ใช่ว่าป้าจะยอมให้คุณทำร้ายหนูพิชญ์นะคะ”
“ป้าสายพูดผิดพูดใหม่ได้นะครับ ใครเป็พี่น้องกับยัยตัวประหลาดนี่ ยัยนี่ไม่มีเืพ่อเืแม่ผมอยู่ในตัวเลยด้วยซ้ำ ทำไมผมต้องนับญาติกับหล่อนด้วย ที่สำคัญเธอทำให้พี่วาต้องตาย”
“ต้นเหตุคืออะไร ขนาดตำรวจยังหาคำตอบไม่ได้เลย ป้าไม่เห็นด้วยที่คุณวินจะคิดเองเออเองเช่นนี้”
“โธ่โว้ย!” ธาวินหันไปปัดแจกันที่อยู่ใกล้มือจนร่วงกระจาย ก่อนจะหันไปจับจ้องพิชญาแล้วชี้หน้าเธอ
“จบสิ้นทุกอย่างแล้ว คุณควรออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว จะอยู่เพื่ออะไร”
“ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นแหละค่ะ คุณธาวิน” ป้าสายเดินเข้ามาประจันหน้ากับคนนิสัยเสียริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าแสดงถึงวุฒิภาวะมากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย
“คุณวินอย่าลืมสิคะ บ้านหลังนี้เป็ของหนูพิชญ์เธอครึ่งหนึ่ง ตามที่พ่อคุณเคยสั่งเสียเอาไว้ ถึงป้าจะแก่แล้วแต่ป้าก็จำได้ว่า ทุกอย่างที่เป็ทรัพย์สินของบ้านปัญญาพิพัฒน์ หนูพิชญ์เธอมีสิทธิ์เท่ากับเป็ลูกคนหนึ่งของพ่อคุณ ป้าเป็พยานและจำได้ทุกคำในตอนที่พ่อคุณสั่งเสียเอาไว้ คุณวินเองก็คงไม่ลืมใช่ไหมคะ”
“หึ โง่ชะมัด” ธาวินสบถถึงบิดาตัวเองอย่างไม่พอใจ พลางนึกย้อนในวันที่สองแม่ลูกย้ายเข้ามาเป็ส่วนเกินแล้วยิ่งคับแค้นใจ
“พ่อคุณไม่ได้โง่หรอก เพราะเขารู้ไง ว่าสักวันคุณวินก็ต้องหาทางไล่หนูพิชญ์ออกจากบ้านหลังนี้จนได้”
“ใครว่าพ่อไม่โง่ โง่ั้แ่พาสองแม่ลูกเข้ามาบ้านแล้ว” ป้าสายส่ายศีรษะไปมากับความไร้ซึ่งเหตุผลของชายหนุ่ม พิญชารู้สึกเจ็บแป๊บเข้ากลางใจหลังจากเห็นสายตาธาวินที่มองเขม็งตรงมา
“ได้ ทนอยู่ได้ก็อยู่ไป” ชายหนุ่มร่างสูงสะบัดตัวเดินออกอย่างไม่สบอารมณ์
หลังจากพายุลูกใหญ่สงบลง หญิงร่างบางค่อยๆ ขยับเท้าเดินเข้าไปสวมกอดป้าสาย พยายามเม้มปากแน่นไม่ให้มีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา ดวงตาแดงก่ำบ่งบอกความปวดร้าวในใจได้เป็อย่างดี
“อดทนหน่อยนะหนูพิชญ์ ที่จริงแล้วคุณวินเธอเป็คนจิตใจดี แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ตั้งแง่ใส่หนูพิชญ์นัก”
“พิชญ์ไม่รู้จะทนได้นานแค่ไหน” หญิงชรายกมือขึ้นมาลูกศีรษะด้วยความเห็นใจ ก่อนจะนั่งอยู่เป็เพื่อนพิชญาสักระยะ เมื่อเห็นว่าคนอารมณ์ร้อนอย่างธาวินไม่ลงมาหาเื่พิชญาอีก จึงลากลับบ้านไป
หลังจากการเสียชีวิตของทิวา บริษัทจึงมีการแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่ ซึ่งธาวินต้องเข้ารับตำแหน่งทันทีในเช้าวันจันทร์ รถหรูเปิดประทุนเลี้ยวเข้ามาในโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์ที่ใหญ่ติดหนึ่งในสิบของไทย ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำเดินดุ่มๆ มุ่งตรงไปยังห้องประชุมด้วยท่าทางสุขุม พนักงานในออฟฟิศต่างพากันยกมือไหว้เคารพ เมื่อเลขาหน้าห้องเห็นเขา จึงกุลีกุจอหยิบเอกสารแล้วพากันเข้าห้องประชุมไป
“หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยเธอว่าไหม” พนักงานหญิง หันไปกระซิบเพื่อนชายที่ออกจะตุ้งติ้งเสียหน่อย
“คนพี่ไม่อยู่ ยังก็มีคนน้องมาให้เชยชม โรงงานนี้มัน์ฉันชัดๆ” หญิงสาวยังคงทำหน้าเพ้อฝัน จนเพื่อนชายส่ายศีรษะไปมา
“หล่อนแยกความแตกต่าง ระหว่างพี่น้องสองคนไม่ออกจริงๆ หรือ ถึงได้ทำหน้าฟินขนาดนั้น ยังไงซะ คุณวินก็สู้คุณวาไม่ได้หรอกในเื่ความใจดี หล่อนไม่เห็นหรือว่า คนวินเคยยิ้มแบบคุณวาที่ไหน เห็นแต่ละครั้งมีแต่ทำหน้าตาบูดบึ้ง ถ้าเป็ไปได้ ฉันอยากได้คุณวากลับมามากว่า” เพื่อนชายเบะปากพลางพับเก็บเครื่องสำอางลงกล่อง
“เื่นั้นฉันรู้อยู่แล้วย่ะ ที่ฉันพูดหมายถึงรูปร่างหน้าตา คุณวินก็วินสมชื่อจริ๊งจริง คนอะไรหล่อปานพระเอกหนัง” พนักงานสองคนซุบซิบนินทาเ้าของโรงงานอย่างเมามัน
ก่อนที่บุคคลปริศนา จะเปิดประตูเข้ามา ทุกสายตาของพนักงานในห้องนั้นจับจ้องไปยังหญิงสาวที่สวยหยาดเยิ้ม ในชุดลูกไม้สีหวาน มีเพียงเสียงรองเท้าส้นสูงดังลอดฝ่าความเงียบ เธอมองซ้ายมองขวาเพราะไม่คุ้นชิน ก่อนจะตรงเข้ามายังพนักงานทั้งสอง พลางยิ้มหวานให้หนึ่งครั้ง
“ฉันมาพบคุณธาวินค่ะ ไม่ทราบว่าไปทางไหนคะ” พนักงานสาวกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะตั้งสติได้
“ตอนนี้คุณธาวินพึ่งเข้าประชุมไปเมื่อครู่ค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงจะรอ เชิญด้านนั้นได้เลยค่ะ” พนักงานผายมือไปยังโซฟารับแขกเล็กๆ ในมุมหนึ่งของห้อง ก่อนที่หญิงสาวปริศนาจะส่ายศีรษะ แล้วยิ้มหวานให้อีกหนึ่งครั้ง
“ดิฉันจะรอคุณวินค่ะ แต่ไม่ใช่ที่โซฟานั้น ดิฉัน้าไปรอในห้องทำงานของเขาค่ะ” พนักงานดวงตาเบิกโพลง ครู่หนึ่งจึงปั้นหน้ายิ้มเช่นเดียวกัน
“ประทานโทษนะคะ ห้องของท่านประธานเป็สถานที่ส่วนตัว ฉันอนุญาตให้คุณเข้าไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“ฉันเป็แฟนคุณวินค่ะ คุณวินเคยบอกว่า ฉันสามารถมาหาเขาได้ตลอดเวลา แค่ให้บอกพนักงานของเขาว่าฉันเป็ใคร เท่านั้นก็พอค่ะ” พนักงานชายตุ้งติ้ง รีบกระตุกชายเสื้อพนักงานสาว แล้วกระซิบเบาๆ
“ปล่อยนางไป ถ้าคุณวินไม่พอใจขึ้นมา หล่อนโดนไล่ออกแน่ ฉันเตือนหล่อนแล้วนะ ว่าคุณวินไม่ได้ใจดีเหมือนคุณวา” พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมา ยังคงปั้นหน้ายิ้มเช่นเคย
“เอ่อ...ถ้าเป็เช่นนั้น เชิญคุณเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย ตรงไปแล้วเลี้ยวขวา ห้องท่านประธานอยู่ด้านริมค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวปริศนาแสนสวย ส่งรอยยิ้มหวานสุดท้ายให้ทั้งสอง ก่อนจะเดินลับไป
“ฉันอนุญาตไปแบบนั้น ถ้านางเป็มิจฉาชีพจะทำอย่างไร” พนักงานสาวกัดฟันหันไปพูดกับเพื่อนร่วมงาน
“นังโง่ ทางออกมีแค่ทางเดียว หล่อนก็นั่งเฝ้าไปสิยะ ถ้านางออกมาพร้อมกับเครื่องถ่ายเอกสารค่อยเรียกตำรวจ”
