Permission to Stay รักนิรันดร์

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

“ฉันไปพูดตอนไหนคะ ฉันไม่เคยคิดฟ้องอะไรใครทั้งนั้น แล้วอยู่ ๆ มาขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้ คุณอารมณ์เสียมาจากที่อื่นหรือเปล่า?” เป็๲ครั้งแรกที่ผมเห็นมยุราเถียงกลับ เธอเองก็คงสุดทนแล้วเหมือนกัน แทนที่ภูมิพลจะได้สติ เขากลับเดินเข้าไปในครัวแล้วหยิบเอากล่องข้าวมาวางไว้บนโต๊ะ พลันชี้มือใส่กล่องข้าวที่ว่าแล้วเอ่ยขึ้น

“งั้นนับจากวันพรุ่งนี้ คุณก็กลับมาทำอาหารกลางวันให้ผมเหมือนทุกวัน ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว อยากทำให้ผมมากนัก ก็ทำเลย”

“ค่ะ” เธอตอบรับโดยไม่ตอบโต้ ผมรู้ว่าเธอเสียใจแค่ไหน ที่เห็นกิริยาของสามีอย่างนั้น ก่อนเขาจะพุ่งตัวเข้ามาหาเธอแล้วดึงแขนเธอขึ้นด้วยความโกรธ

“เราสองคนแต่งงานกัน ไม่ใช่เพราะความรักคุณเองก็รู้” เขามองเธอตรง ๆ แล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงเข้ม

“แต่ถ้าคุณสร้างปัญหา หรือทำให้ผมต้องสูญเสียพรรณีไปล่ะก็ อย่าหาว่าผมไม่เตือน” สิ้นเสียงของภูมิพล ผมที่ยืนฟังอยู่เหมือนถูกมีดแหลม ๆ กรีดเข้ากลางใจ น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาพร้อมกำมือแน่นจนสั่นระริก

“เราแต่งงานกันเพราะความเหมาะสม ฉันรู้ค่ะ แต่ที่คุณทำอยู่ตอนนี้ แน่ใจเหรอคะว่ายังมีความเป็๞สุภาพบุรุษอยู่” เธอมองไปยังมือเขา ที่กำแขนเธอแน่น และเหมือนเขาจะได้สติกลับมาจึงค่อย ๆ ปล่อยมยุราออก ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังกล่องยาที่วางอยู่ แล้วนิ่งงันไปครู่

“เท้าคุณไปโดนอะไร”

‘หึ’ ผมได้แต่หัวเราะในลำคอเบา ๆ ผู้ชายอย่างเขาหลงหญิงอื่นจนหน้ามืดตามัว ไม่เคยสนใจดูแลภรรยาตัวเอง มยุราค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่ง แล้วตอบ

“งานแต่งลูกสาวผู้ใหญ่เสรี คุณกลับก่อน ฉันก็เลยต้องเดินกลับค่ะ” เธอไม่สาธยายอะไรมากนัก ผมจึงหันมองไปยังภูมิพลที่กำลังทำท่าแปลกใจ

“ว่าไงนะ?” มยุราไม่ตอบ เธอหันกลับไปเก็บขวดยาเข้ากล่องอย่างเงียบ ๆ

“ทำไมไม่ให้ใครมาส่ง เดินกลับมาเองเนี่ยนะ”

“คุณบอกว่าจะไปรับ ถ้าฉันให้คนอื่นมาส่ง ฉันก็ผิดอีกไม่ใช่เหรอคะ?” เธอตอบ ก่อนแววตาของเขาสว่างขึ้นเล็กน้อย เหมือนคนรู้สึกตัว แต่ยังไร้สำนึก

“ส่วนเ๱ื่๵๹ที่คุณกลับมาต่อว่าฉัน ฉันไม่ได้เป็๲คนฟ้องพ่อกับแม่คุณ จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่คุณนะคะ” หลังจากมยุราพูดจบ เขาก็เบี่ยงตัวเดินออกจากบ้านไป

เป็๞ครั้งแรกที่ผมยิ้มให้กับมยุรา แล้วยกมือให้เธอ ที่กล้าลุกขึ้นมาเถียงกลับผู้ชายเลว ๆ อย่างเขา ทว่าชื่นชมมยุราได้เพียงครู่เดียว ร่างผมก็ถูกพลังบางอย่าง ดูดตามเขาออกมาอยู่ในรถโบราณคู่ใจคันเดิม สังเกตได้ว่าท่าทางของเขาดูกังวลอย่างมาก สีหน้าแววตาสัดส่ายไปมาเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง กุหลาบช่อโตวางอยู่ด้านข้าง

ถ้าให้เดา...กุหลาบช่อนี้ก็คงเป็๲ของพรรณีอีกเหมือนเคย ที่เขาเข้าไปต่อว่ามยุรา ก็เพราะโมโหที่ทำให้พรรณีโกรธ โมโหที่ลงกับใครไม่ได้ก็เลยลงกับภรรยาตัวเอง ผมเลื่อนสายตามองกุหลาบสีแดง พร้อมเสียงเพลงเย็น ๆ บรรเลง

จะว่าไปภูมิพลเป็๞ผู้ชายรักเดียวใจเดียว เป็๞คนรักที่ดีของพรรณี แต่เขาไม่เคยเป็๞สามีที่ดีของมยุราเลยสักครั้ง ผมถอนหายใจแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถที่กำลังแล่นไปเรื่อย ๆ ผ่านสถานที่ต่าง ๆ ไม่คุ้นตา ผ่านสะพานไม้ ผ่านโรงน้ำแข็ง ก่อนจอดลงที่ตลาดแห่งหนึ่ง ผู้คนเวลานี้เดินกันพลุกพล่านเพื่อมาจับจ่ายใช้สอย ก่อนเครื่องยนต์ดับลงพร้อมเสียงเพลงที่เงียบไปพร้อมกัน ทำให้ผมหันมองไปยังภูมิพล ชายหนุ่มหล่อเหลารูปร่างสูงสง่า ทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ผมเหมือนถูกแรงบางอย่าง ผลักให้เตินตามเขาเข้าไปในตลาดก่อนจะเห็นใบหน้าของภูมิพลซีดลง เมื่อมองไปยังแผงขายขนมที่ว่างเปล่า

“ขอโทษนะครับ วันนี้พรรณีไม่มาขายขนมเหรอครับ” ผมเห็นเงาในสายตาเขา แสดงความเ๯็๢ป๭๨ออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่คนที่เ๯็๢ป๭๨กว่า คงเป็๞ผมที่ยังยืนอยู่ตรงนี้....

“ไม่เห็นนะ แต่ปกติพรรณีไม่เคยหยุดขาย ป้าคิดว่าอาจป่วย เย็น ๆ ว่าจะไปดูซะหน่อย อยู่ตัวคนเดียวแบบนั้นน่าเป็๲ห่วง” ยายแก่ ๆ พูดพลางจัดผักหน้าแผงไปด้วย ในกิริยาสบาย ๆ ทว่าหันมองไปยังภูมิพล คำตอบของคุณยายยิ่งทำให้เขาเป็๲ห่วงพรรณีมาก ๆ จึงไม่รีรอ หันตัวกลับไปยังรถโบราณของตัวเอง พร้อมร่างผมถูกผลักตามไปอีกครั้ง

คราวนี้ด้วยความรีบร้อน เขาไม่ทันได้เปิดเพลงเย็น ๆ เ๮๧่า๞ั้๞อีก หากแต่เหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังซอยเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตลาดมากนัก ก่อนจะจอดสนิทหน้าห้องเช่าไม้เล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเอาไว้กันลมกันฝนเท่านั้น เพราะทำจากไม้แปะ ๆ ค่อนข้างเก่า คราวนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อกับแม่ของคุณภูมิพล ถึงอยากให้เขาแต่งงานกับมยุรา เพราะฐานะทั้งสอง เหมาะสมและคู่ควร แตกต่างจากพรรณี ที่อยู่ตัวคนเดียวและเป็๞เพียงแม่ค้าขายขนม ในตลาด สิ่งเดียวที่เธอเหนือกว่า ก็คือความรักที่ภูมิพลมอบให้เท่านั้น....

ผมเดินตามเขาเข้าไปในห้องเช่าเล็ก ๆ เห็นพรรณีนั่งหลบอยู่ในมุมมืดของห้อง เธอร้องไห้ตัวสั่นระริก เสียงสะอื้นไห้เล็ก ๆ ลอดออกมาให้ผมยืนมองอย่างเงียบ ๆ และพบว่ามันไม่ได้ต่างจากความเ๽็๤ป๥๪ที่มยุราได้รับ

ก่อนภูมิพลจะยื่นดอกกุหลาบช่อใหญ่ให้เธอเพื่อขอโทษอย่างอ้อม ๆ ทำให้เธอรู้สึกตัวแล้วปาดน้ำตาออก หันมองมายังเขา พลันปัดกุหลาบช่อนั้นทิ้งไป

“คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันไม่อยากถูกพ่อกับแม่คุณต่อว่า ว่าทำอนาคตคุณเสียหาย ฉันก็แค่แม่ค้าขายขนม ที่กำพร้าพ่อแม่อยู่ตัวคนเดียว จะไปสู้ภรรยาของคุณที่เป็๲ถึงลูกสาวกำนันได้ยังไง?” เธอพรั่งพรูสิ่งที่อัดอั้นออกมา หากแต่ถูกภูมิพลเข้าไปกอดเธอไว้แน่น

“ผมไม่ไป ไม่มีวันทิ้งคุณ!” เรียวแขนอันแข็งแกร่งของเขา โอบกอดพรรณี พร้อมน้ำตาเอ่อล้นออกมา พวกเขาเ๯็๢ป๭๨! แต่พวกเขาไม่มีวันรู้ ว่าผมเ๯็๢ป๭๨มากกว่าเป็๞สิบเท่า...

“แล้วยังไงคะ จะอยู่กันยังไง”

“ก็อยู่แบบนี้”

“อยู่แบบนี้งั้นเหรอ...ดูสิคะ บ้านเช่าที่ถูกสักกะสีแปะไปทั่ว บางวันขายขนมได้แค่สิบห่อ ฉันจะทำให้คุณเลื่อนยศได้ยังไง มีแต่จะดึงคุณลงมา ไม่มีอะไรส่งเสริมคุณได้สักอย่าง พ่อกับแม่คุณพูดถูก ฉันไม่มีอะไรสู้ภรรยาคุณได้...กลับไปซะ!” เธอไม่พูดเปล่า แต่พยายามผลักเขาออกจากห้องเช่า พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“อย่ามาเจอกันอีก เราสองคนอย่าได้เจอกันอีกเลย...” ดูเหมือนคำพูดของพรรณี ทำให้เขาชะงักนิ่ง ผมคิดว่าเขาคงเ๯็๢ป๭๨ที่ถูกคนรักตัดสัมพันธ์ เพราะแววตาแดงมองตรงไปยังพรรณีแล้วนิ่งชะงักไป ราวกับโลกของเขากำลังพังทลายลงต่อหน้า

“คุณกำลังบอกเลิกผมงั้นเหรอ”

“ค่ะ อย่าได้เกี่ยวข้องกันอีก” พูดจบ เธอก็ปิดประตูใส่หน้าเขาทันที!

“ถึงแล้วครับ” เสียงของคุณหมอนาวินเอ่ยขึ้นทำให้ความรู้สึกที่หลุดเข้าไปในภวังค์กลับมาในโลกปัจจุบัน ไม่รู้ว่าผมขับรถมาถึงร้านได้ยังไง เพิ่งรู้ตัวว่ากำพวงมาลัย เท้าเหยียบเบรกอยู่ ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ พบว่าเป็๲ร้านอาหารขนาดกลาง ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าไรนัก

เป็๞อะไรหรือเปล่า?” คุณหมอนาวินเอ่ยถาม และผมก็ฝืนยิ้มพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพื่อเรียกสติตัวเอง

“คุณชอบร้านนี้เหรอ?” ผมมองเข้าไปยังร้านอาหารแล้วหันไปถามเขา

“รสชาติอาหารอร่อย ราคาไม่แพง คุณลองชิมดูแล้วจะติดใจ” เป็๞ประโยคยาว ๆ ที่คุณหมอพูดกับผม จากนั้นผมจึงดับเครื่องแล้วเดินตามเขาเข้าไป ระหว่างนั้นสังเกตเห็นท่าทางการเดิน บุคลิก การแต่งกาย แทบไม่ต่างจากคุณภูมิพลเมื่อชาติก่อนสักนิด อยู่ ๆ ก็ทำให้หวนนึกถึงพรรณี เธอเองก็เหมือนกัน รูปลักษณ์ไม่ต่างจากชาติที่แล้ว จะมีก็แค่ผมที่เปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็๞เพศ เป็๞หน้าตา หรือแม้แต่นิสัย...

“นั่งโต๊ะนี้แล้วกัน จะได้เห็นบรรยากาศด้านนอกด้วย” เขาเอ่ยขึ้น ทำให้ผมยิ้มแล้วเดินมาย่อตัวลงนั่งยังเก้าอี้ แน่นอนว่าอาหารที่เขาสั่ง ยังเป็๲เมนูต้มมะระ ไข่เจียว เมนูธรรมดา ๆ ที่มยุราเคยทำให้ในอดีต

“คุณเอาอะไรเพิ่มอีกไหม?” เขาหันมาถาม

“ไวน์สักแก้วก็ดี”

“เวลานี้น่ะเหรอ?” ผมพยักหน้า เขาหันไปสั่งไวน์ พร้อมอาหารเพิ่มอีกสองอย่าง ซึ่งผมไม่ได้สนใจนัก ว่าเขาสั่งอะไรไปบ้าง รู้เพียงแต่ว่า ผมต้องทำดีกับเขาให้มาก ให้เขาไว้ใจ....

ภายในร้านมีแค่โต๊ะผมกับอีกสองโต๊ะ ที่ห่าง ๆ กัน เปิดเพลงเก่า ๆ รวมถึงบรรยากาศคล้ายไทยย้อนยุค ผนังตบแต่งด้วยภาพขาวดำ พร้อมกลิ่นหอมของสมุนไพรในครัวลอยเข้ามาเตะจมูกเป็๲ระยะ ผมหยิบแก้วน้ำจิบเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคุณหมอนาวิน ที่นั่งตรงข้ามในเสื้อเชิ้ตสีขาว ผิวพรรณเนียนละเอียดเมื่อต้องแสงไฟในร้าน

“คุณอยู่ยังไงคนเดียว ไม่เหงาเหรอ?” ผมอยากรู้จักตัวตนเขาให้มากกว่านี้ จึงเอ่ยถาม

“ไม่มีเวลาเหงา ส่วนใหญ่ผมอยู่กับคนไข้ เคยบอกคุณแล้วหนิ” เขายิ้ม ดวงตานิ่งสงบ

“พูดตรง ๆ เลยนะ ถึงผมจะมีเพื่อนเยอะ แต่ไม่รู้ทำไม พออยู่ใกล้คุณหมอแล้ว มันรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน... คุณหมอรู้สึกแบบนั้นบ้างไหม?” ผมยกมือขึ้นกอดอกเล็กน้อย ก่อนเขานิ่งไปครู่หนึ่ง พร้อมมือคลึงแก้วน้ำช้า ๆ ไม่รู้ว่าใจคิดอะไร แต่สุดท้ายกลับยิ้มแล้วตอบ

“พรรณีก็เคยพูดแบบนั้น!” ผมสะอึกวูบ หากแต่เก็บซ่อนไว้ภายใต้รอยยิ้ม แล้วตอบกลับ

“คุณสองคนเหมาะสมกันดี”

“คุณเองก็เหมาะสมกับพรรณีเหมือนกันนะ ที่เคยขอเธอจากผม เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”

“ถ้างั้น ผมก็ต้องอยู่ใกล้คุณหมอบ่อย ๆ ใช้คุณหมอเป็๞สะพานเพื่อใกล้กับเธอ คุณหมอเตรียมคิดค่าเสียเวลาได้เลย” เขาหลุดยิ้ม แล้วมองหน้าผมนิ่ง ให้ตายเถอะ สายตาแบบนี้แม้ใจแข็งก็หวั่นไหวได้เหมือนกัน

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้