หลินมู่ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “ข้าน้อยสืบได้ความมาว่า สกุลหนิงมีความดีความชอบยิ่งใหญ่เหนือฮ่องเต้ ดังนั้น…”
ไม่ต้องเอ่ยให้จบ หนิงมู่ฉือพอจะรู้ความหมาย มิได้หมายความว่า ฮ่องเต้รู้สึกว่าการที่สกุลหนิงมีกองทัพอยู่ในมือเป็ภัยต่อตนเอง และกลัวสกุลหนิงจะสถาปนาตัวเองเป็ฮ่องเต้แทนหรอกหรือ
คิดแล้วนางรู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน สกุลหนิงทั้งสกุลจงรักภักดี ท่านพ่อของนางมีจิตใจที่ซื่อสัตย์เสียยิ่งกว่าผู้ใด เทิดทูนฮ่องเต้เพียงผู้เดียว ทว่าสุดท้ายกลับต้องมาถูกฆ่าล้างสกุล
“คุณหนูใหญ่ ก่อนสกุลหนิงจะถูกฆ่าล้างสกุล มิได้มีสัญญาณใดๆ กล่าวเตือนแม้แต่น้อย แต่เหมือนท่านแม่ทัพจะมีลางสังหรณ์ เดิมคิดจะขอลาออกจากตำแหน่ง คิดไม่ถึงว่า…”
กล่าวไม่ทันจบ นางก็หลับตาด้วยความทุกข์ตรม
“เ้าห้ามอยู่ที่ตำหนักอ๋อง”
“ไม่ขอรับ ข้าน้อยคือผู้คุ้มกันของคุณหนูใหญ่ ในเมื่อข้าน้อยตามหาคุณหนูใหญ่พบแล้ว ข้าน้อยก็ต้องทำหน้าที่คุ้มครองคุณหนูใหญ่ต่อขอรับ”
หลินมู่กับนางเติบโตมาด้วยกัน เขาคือคนที่ไว้ใจได้ เพียงแต่ตอนนี้ในตำหนักอ๋องแห่งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเอาตัวไม่รอด ถ้าให้หลินมู่อยู่ในตำหนักอ๋องต่อ…
“เช่นนั้นเอาเยี่ยงนี้ เ้าห้ามพูดคุยกับข้า ทำเสมือนว่าพวกเราไม่รู้จักกัน”
“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ”
ออกจากห้องเก็บฟืน ในใจหนิงมู่ฉือรู้สึกหนักหน่วงเหลือเกิน หากนางรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะมาเศร้าเสียใจ นางต้องคิดหาวิธีแก้แค้นให้คนในสกุล
ในสมองของนางปรากฏหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็วิธีการทำอาหารเลิศรสทั้งสิ้น
อาหาร...ใช้บำรุงร่างกายได้ ก็ทำร้ายคนได้เช่นกัน
ภายแววตาอันมืดมนของนาง ลึกๆ ปรากฎแววว่ามีแผนการ
เ้าแม่อาหารบูชาให้โอกาสนี้แก่นาง เพื่อให้นางแก้แค้นใช่หรือไม่
นางตรงไปยังห้องครัว เริ่มปรุงอาหารให้จ้าวซีเหอก่อนเป็อันดับแรก จากนั้นถึงคิดหาวิธีใช้อาหารทำให้นางบรรลุเป้าหมาย
ก่อนหน้านี้นางไม่อยากเขาวัง ทว่าตอนนี้เมื่อได้รู้ว่า การที่สกุลนางถูกฆ่าล้างสกุลเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ”จ้าวเจี้ยนเจิน” เช่นนั้นนางต้องคิดหาวิธีแก้แค้น
นางเป็เพียงสตรีอ่อนแอไร้อำนาจ การจะเข้าไปใกล้ชิดฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินจึงเป็เื่ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสังหารอีกฝ่ายเลย เช่นนั้นการจะสังหารอีกฝ่ายโดยไร้ร่องรอยหรือไม่ให้ผู้ใดรู้คือต้องใช้อาหาร วิธีนี้มีโอกาสอย่างมากที่สำเร็จ
ทุกสรรพสิ่งมีทั้งส่งเสริมและขัดแย้งกัน ทุกคนรู้ว่าอาหารบางชนิดเมื่อทานเข้าไปแล้วจะมีฤทธิ์ขัดแย้งกัน แต่คนที่รู้เื่เหล่านี้ดีมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
อาหารที่ทานคู่กันแล้วก่อให้เกิดผลร้ายที่ทุกคนรู้กันไปทั่ว นางมิอาจใช้ได้ เช่นนั้นต้องคิดหาวิธีอื่น โชคดีที่นางได้รับการช่วยเหลือจากเ้าแม่อาหารบูชา ในสมองของนางตอนนี้เต็มไปด้วยข้อมูลอาหารทุกชนิด อาหารแต่ละชนิดมีสรรพคุณเช่นไรนางก็รู้ดีอีกเช่นกัน อาหารที่ลองทำออกมาต้องไม่ทำให้เข็มเงินตรวจสอบเจอว่ามีพิษ ปัญหานี้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“ซื่อจื่อ เชิญรับประทานเ้าค่ะ”
แม่บ้านสั่งหญิงรับใช้ให้นำอาหารไปวางบนโต๊ะ
จ้าวซีเหอทรุดนั่งบนเก้าอี้ ทานได้แค่สองคำก็เอ่ยถามออกมา “หนิงมู่ฉืออยู่ที่ใด ทำอาหารให้ข้าเสร็จก็หลบหน้าข้าเลยหรือ ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
แม่บ้านรีบตอบ “หนิงมู่ฉือ นาง…นางรู้สึกว่าตัวของนางสกปรก จึงไม่ได้มาที่นี่ด้วยเ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอได้ฟังดังนั้นก็ไม่ถามอันใดอีก ก้มหน้าทานอาหารต่อ
ทานเสร็จ เขาคิดจะออกไปข้างนอก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดกลับเดินมาที่ลานครัวโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เดินมาถึง ถึงได้รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่ถึงอย่างไรก็มาแล้ว เขาจึงเดินหน้าต่อ
ตลอดทางมีคนหันมาแสดงความเคารพเขา ทว่าเขากลับไม่เจอหนิงมู่ฉือเลย
“เ้า มานี่สิ หนิงมู่ฉืออยู่ที่ใด”
“แม่ครัวหนิงอยู่ในห้องครัวขอรับ” คนรับใช้รีบเอ่ยตอบ
เขาโบกมือไล่คนรับใช้ที่มีท่าทางตระหนกใอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องครัว
นับแต่โบราณกาลบุรุษไม่เหยียบย่างเข้าไปในห้องครัว ด้วยฐานะของจ้าวซีเหอ ยิ่งไม่สมควรมาที่แห่งนี้ หากแต่ในใจเขาตอนนี้คิดอยู่เพียงอย่างเดียว คืออยากพบหนิงมู่ฉือ
ในห้องครัวไม่มีคนแม้แต่คนเดียว ไม่มีแม้แต่เงาหนิงมู่ฉือ มีเพียงกลิ่นหอมของอาหาร
แม้เขาอิ่มแล้ว ก็ไม่อาจทนต่อกลิ่นหอมยั่วยวนนี้ได้ ความอยากอาหารถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครา
เขาเดินไปด้านหน้าเตา พบว่ามีอาหารสี่ห้าอย่างหน้าตาน่ารับประทานวางอยู่ แค่มองก็ชวนให้น้ำลายสอ
แม้เขาจะทานอาหารมาแล้ว ยังอดลอบกลืนน้ำลายไม่ได้
“ให้ข้ากินอาหารหน้าตาธรรมดา แต่ตัวเองกลับทำมาอาหารหน้าตาน่าทานลับหลัง ตั้งใจไม่สนใจข้าเชียวหรือ ได้ เช่นนั้นข้าจะกินให้หมดเลย”
เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารหนึ่งอย่างขึ้นมาแล้วนำเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ ปลาน้ำขิงจานนี้ เนื้อปลาสดใหม่หวานอร่อย น้ำแกงสีขาวนุ่มละมุนประหนึ่งนมวัว
เขาทานอาหารทั้งห้าอย่างที่วางอยู่เข้าไปหลายคำ เมื่อพึงพอใจแล้วคิดจะจากไป
เดินไม่ถึงสองก้าว เขารู้สึกเืลมในร่างกายตีขึ้นมา จนต้องคุกเข่าลงกับพื้น
หนิงมู่ฉือถือปิ่นเงินเดินเข้ามา นางเป็แม่ครัว บนตัวจึงไม่ได้สวมเครื่องประดับที่ทำจากเงิน ก่อนหน้านี้หลังจากนางทำอาหารเสร็จ ก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อจะไปนำปิ่นเงินมาทดสอบพิษในอาหาร ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อมาถึงห้องครัวจะพบจ้าวซีเหอที่กำลังจะเป็ลม
“ซื่อจื่อเ้าคะ!”
นางรีบตรงเข้าไปพยุงตัวเขา และเมื่อหันไปเห็นว่าอาหารที่นางทำถูกทานจนเหลือแค่ไม่เท่าไหร่ นางออกอาการตระหนกร้อนใจทันที
หันกลับมามองจ้าวซีเหอ ใบหน้าของเขาเริ่มกลายเป็สีดำคล้ำ นี่คืออาการของคนถูกพิษ!
หนิงมู่ฉือใทำอันใดไม่ถูก ก่อนหน้านี้นางสั่งทุกคนไว้แล้วว่าห้ามเข้ามาใกล้ห้องครัว จึงคิดว่าไม่น่ามีเหตุอันใดเกิดขึ้น
ไหนเลยจะรู้ว่า ซื่อจื่อผู้ไม่รู้เื่ราวอันใดจะมาที่นี่แล้วทานอาหารที่มีพิษเหล่านี้เข้าไป!
“ซื่อจื่อ ท่านอดทนสักหน่อยนะเ้าคะ ข้าจะไปตามหมอประเดี๋ยวนี้!” ต่อให้ต้องถูกลงโทษ นางก็มิอาจมองคนกำลังจะตายโดยไม่ช่วยได้ มิเช่นนั้นนางคงได้เดือดร้อนยิ่งกว่าเดิมแน่
แม้จ้าวซีเหอจะรู้สึกทรมาน หากในสมองยังคงมีสติแจ่มชัด
เขาคว้ามือหนิงมู่ฉือเอาไว้ อาจเป็เพราะมือสั่นหรืออาจเป็เพราะเขารีบเกินไป มือที่คว้าแขนนางจึงคว้าได้อย่างไม่มั่นคง ทำให้นางล้มลงมาในอ้อมกอดเขา
ร่างกายที่ผิดปกติทำให้เขาล้มลงไปบนพื้น โดยมีหนิงมู่ฉือทับอยู่้า ริมฝีปากของทั้งคู่ัักันโดยบังเอิญ
เพียงครู่เดียว ทว่าก็ทำให้หนิงมู่ฉือต้องรีบร้อนดันตัวขึ้นมา กลับเป็จ้าวซีเหอที่ไม่อาจขยับได้ แขนขาอ่อนแรง “ไม่ต้องไปตามหมอ นอกเสียจากเ้าจะอยากตาย”
ประโยคนี้ทำให้หนิงมู่ฉือที่กำลังจะวิ่งออกจากห้องครัวชะงักฝีเท้า นางหันกลับไปมองจ้าวซีเหอ ในใจนึกแปลกใจ
หรือเขาจะรู้แล้ว?
จ้าวซีเหอเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ยังไม่รีบมาพยุงข้าขึ้นอีก อยากให้คนอื่นเข้ามาเห็นแล้วหัวเราะเยาะข้าหรือไร”
ท่ามกลางการเร่งของเขา นางรีบเข้าไปพยุงเขาขึ้นมา โชคดีที่หลังจากมาทำงานในห้องครัว นางได้ทำงานใช้แรงมาบ้าง มือไม้จึงพอมีเรี่ยวแรง มิเช่นนั้นนางคงไม่สามารถพยุงบุรุษคนหนึ่งขึ้นมาได้
รอจนนางพยุงจ้าวซีเหอไปนั่งที่เก้าอี้ เขาเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง
“ในเมื่อเป็คนวางยาพิษ เช่นนั้นมีวิธีถอนพิษหรือไม่”
หนิงมู่ฉือราวกับเพิ่งได้สติกลับคืนมา “มันต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย เพียงแต่…”
“เพียงแต่อันใด ภายในเสื้อตัวในของข้ามีขวดกระเบื้องเคลือบอยู่ขวดหนึ่ง หยิบมันออกมา”
หนิงมู่ฉือไม่คิดอันใดมาก เตรียมยื่นมือไปที่คอเสื้อของเขา ทว่าทันทีที่มือนางแตะโดนเสื้อ นางคิดขึ้นมาได้ว่า การทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม
นางเป็สตรีที่ยังมิได้ออกเรือนจะไปแตะเนื้อต้องตัวบุรุษได้อย่างไร ถ้าเื่นี้เผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของนางคงจบสิ้น!