ใบหน้าของจ้านอู๋มิ่งหนายิ่งกว่ากายเนื้อของเขาเสียอีก บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ยอมรับว่าตนเองสู้ไม่ได้ แต่ว่าพวกเขาจะสามารถออกจากเกาะแห่งนี้ได้หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าจ้านอู๋มิ่งจะสามารถช่วยปลาเปลวเพลิงแกนปฐีปลดผนึก ปล่อยมัจฉาเฒ่าตัวนั้นออกมาได้หรือไม่แล้ว
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นแล้ว หวังว่ามัจฉาเฒ่าสองตัวนั้นจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา มิฉะนั้นพรุ่งนี้พวกเราก็ไม่แน่ว่าจะออกไปได้เช่นกัน” จ้านอู๋มิ่งถอนหายใจคำหนึ่ง พูดอย่างอับจนปัญญา
“ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยอะไรมากมิได้อยู่ดี เ้าคอยจัดการเอาเองก็แล้วกัน ถ้าพวกปลาเ่าั้ต้องตาต้องใจเ้าขึ้นมาจริงๆ ตอนที่รั้งเ้าเอาไว้ ช่วยขอร้องพวกเขาให้ข้าหน่อย ให้พวกเขาจิตใจกว้างขวาง ปล่อยข้าออกไป ข้าจะขอบคุณน้ำใจพี่น้องอย่างไม่สิ้นสุดเลยทีเดียว” สีหน้าบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“เ้าอวดดีไปเถอะ ถ้า้าจะรั้งข้าไว้ ข้าก็จะให้พวกเขารั้งเ้าไว้ด้วยเช่นกัน จะได้อยู่เป็เพื่อนข้า ไม่มีเ้าอยู่ ข้า้าจะหาคนมากลั่นแกล้งสักครั้งก็ยังหาไม่ได้ ข้าจะต้องโดดเดี่ยวเงียบเหงามากมายเพียงใด ดังนั้นเ้าก็อย่าได้คิดออกไปคนเดียวเช่นกัน” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างเหยียดหยาม
“นับว่าเ้าโหดร้ายก็แล้วกัน!” บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์พูดไม่ออก เจอกับคนพาลผู้นี้ เขามักจะเสียเปรียบตลอดเวลา
“คุณชายจ้าน ท่านจักรพรรดิให้ข้ามาเชิญท่านเข้าไป ใกล้จะถึงเวลาที่เปลวเพลิงแกนปฐีจะะเิออกมาแล้ว พวกเราจำต้องรีบเตรียมการให้พร้อมแต่เนิ่นๆ วัตถุจำเป็ทั้งหมดที่ท่าน้า พวกเราได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านจักรพรรดิ้าให้ท่านดูก่อนสักรอบ สิ่งของเ่าั้ใช่สิ่งที่ท่าน้าหรือไม่” ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีที่ตัวเป็คนหางเป็ปลา ครึ่งคนครึ่งปลาตัวหนึ่งะโไปรอบๆ มาถึงที่นี่ พูดกับจ้านอู๋มิ่งด้วยความเคารพนับถืออย่างยิ่ง
“ประเสริฐ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” จ้านอู๋มิ่งกัดผลไม้อัคคีิญญาครึ่งผลในคำเดียว ะโออกจากเตียงแสนสบายลงมาบนชายหาด
มองูเาไฟสูงตระหง่านตรงกลางเกาะที่อยู่ไกลๆ แล้ว สูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อยู่ที่ปฏิบัติการครั้งเดียวนี้ ก่อนที่จะไป เขาจำต้องจัดเตรียมทางถอยของตนเองให้ดีก่อน เขาคิดหาวิธีหลอกปลาเปลวเพลิงแกนปฐีออกแล้วชุดหนึ่ง อย่างไรก็ต้องได้รับสมบัติวิเศษเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเป็ค่าตอบแทน
ถึงแม้บนเกาะจะมีผลไม้อัคคีิญญาเป็อาหารเพียงชนิดเดียวเท่านั้น แต่มีหินอัคคีิญญาอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก สำหรับการเป็เศรษฐีแล้ว จ้านอู๋มิ่งไม่เคยรู้สึกว่ามากเกินไปมาก่อน
จ้านอู๋มิ่งในเวลานี้ หินจิติญญาระดับต่ำไม่ได้อยู่ในสายตามาเนิ่นนานแล้ว ความสนใจมุ่งไปที่หินจิติญญาระดับสูงเท่านั้น ถ้าหากสามารถเกลี้ยกล่อมมัจฉาเฒ่าที่ถูกผนึกตรงตาเปลวเพลิงมาเนิ่นนานปี ยาวนานเสียจนนับไม่ถ้วนให้เชื่อฟังได้ นั่นก็นับว่าประเสริฐที่สุดแล้ว มัจฉาเฒ่าตัวนั้นถูกปิดผนึกมานานเกินไป สมองและความคิดไม่ค่อยปราดเปรียวอีกแล้ว สมควรจะเกลี้ยกล่อมได้ง่ายขึ้น
นึกถึงตรงนี้ จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าเส้นทางข้างหน้าของตนเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง ยิ้มให้กับบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์แล้วพูดว่า “รอฟังข่าวดีจากพี่ชายเถิด”
พูดจบ จ้านอู๋มิ่งปลอบใจหญิงสาวทั้งสามคราหนึ่ง ติดตามปลาเปลวเพลิงแกนปฐีครึ่งคนครึ่งปลาตัวนั้นมุ่งตรงไปใจกลางของเกาะเพียงคนเดียว
……
ชั้นใต้ดินของเกาะเปลวเพลิงยังมีอีกโลกหนึ่ง โชคดีที่จ้านอู๋มิ่งสามารถทนสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายรุนแรงเช่นนี้ได้ พลังธาตุอัคคีท่ามกลางท้องฟ้าแห่งนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก ทำให้พลังธาตุอัคคีในธาตุแห่งชีวิตของเขาได้รับการเสริมเติมเต็มอย่างมากมายยิ่ง ด้วยเหตุนี้ สำหรับความร้อนที่แสนระอุโหดร้าย เขาจึงไม่เหมือนกับเหยียนชิงชิงและบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงมากเช่นนั้น
โลกใต้ดินของเกาะเปลวเพลิงสามารถเข้าจากทางูเาไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ เหมือนเช่นถ้ำขนาดใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง บริเวณด้านล่างของถ้ำ ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ สำหรับปลาที่ชื่นชอบเปลวเพลิงร้อนๆ ประเภทนี้ ไม่มีสภาพแวดล้อมใดที่น่าพึงพอใจสำหรับพวกมันมากยิ่งไปกว่าสถานที่นี้อีกแล้ว น่าเสียดายที่ถึงแม้เกาะแห่งนี้ขนาดไม่เล็กนัก แต่หลังจากการขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็เวลาหลายหมื่นปี จำนวนปลาเปลวเพลิงแกนปฐีก็ถึงขีดจำกัดที่เกาะแห่งนี้จะสามารถรองรับไว้ได้แล้ว
ถ้าไม่สามารถปลดผนึกแล้วออกจากเกาะนี้ไป คงจะเกิดโศกนาฏกรรมที่ปลาต้องกินกันเองอย่างแน่นอน อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีไม่้าที่จะจากไปก็คือ บรรพบุรุษเฒ่าผู้ก่อตั้งถูกผนึกไว้ตรงตาเปลวเพลิงใจกลางปฐี หากวันใดทั้งเผ่าพันธุ์เดินทางออกจากเกาะแห่งนี้ไป จะต้องตกเป็เป้าหมายหลักในการโจมตีของชนเผ่าสมุทรอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีผู้ใดคอยปกป้อง ทั้งเผ่าพันธุ์จะอยู่รอดปลอดภัยยากยิ่งนักในมหาสมุทรแห่งนี้
เดิมร่างกายของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีก็มีพลังของธาตุอัคคีอยู่แล้ว สำหรับสิ่งมีชีวิตบนแผ่นดินใหญ่ เป็สิ่งที่มีความยั่วยวนใจอย่างยิ่ง จะต้องถูกตามไล่ล่าสังหารโดยกลุ่มต่างๆ มากมายอย่างแน่นอน นี่คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไฉนค่ายกลมหาเบญจธาตุถูกทำลายจนเกิดรอยแตกแห่งหนึ่งแล้ว จักรพรรดิมัจฉาจึงไม่ได้ส่งปลาระดับต่ำเ่าั้ออกไป
การช่วยชีวิตบรรพบุรุษเฒ่ามีเพียงสองวิธี หนึ่งก็คือการแย่งชิงคว้าแผ่นป้ายศิลาที่คุนเผิงสร้างขึ้นในปีนั้น แผ่นป้ายที่สามารถทำให้ประตูสู่ดินแดนปฐมภูมิเกิดความเสถียรมั่นคงมากเพียงพอ นั่นสามารถทำให้ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีสงบลงได้ อีกวิถีหนึ่งก็คือ การหาคนที่ได้รับการยอมรับจากคุนเผิง และมีความสามารถในการควบคุมพลังเปลวเพลิงที่ยอดเยี่ยม ขัดเกลาผันแปรตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีสำเร็จ ก็สามารถแก้ผนึกของบรรพบุรุษผู้เฒ่าออกได้เช่นกัน
ตอนที่สถานพำนักคุนเผิงเปิด ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีโชคดีแย่งชิงแผ่นป้ายศิลามาได้สองแผ่น หลังจากนำกลับมาที่เกาะจึงได้พบว่า แผ่นป้ายศิลาสองแผ่นมีพลังยับยั้งความกดดันจำกัดอย่างยิ่ง ไม่สามารถยับยั้งความกดดันของตาเปลวเพลิงได้ รอจนพวกมัน้าออกสู่มหาสมุทรอีกครั้งเพื่อแย่งชิงแผ่นป้ายศิลาที่เหลือ จึงได้พบว่าค่ายกลมหาเบญจธาตุการเกิดและดับสูญเปิดผนึกใหม่อีกครั้งแล้ว ไม่สามารถออกไปได้อีกแล้ว
การปรากฏตัวขึ้นของจ้านอู๋มิ่งและคนอื่นๆ อย่างคาดคิดไม่ถึง ทำให้จักรพรรดิมัจฉามองเห็นความหวังอีกครั้ง เขารู้สึกถึงกลิ่นอายของคุนเผิงในตัวจ้านอู๋มิ่ง ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าไฉนจึงเกิดสภาพการณ์เช่นนี้ขึ้น ตอนที่เขาเห็นจ้านอู๋มิ่งไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อความร้อนระอุอันโหดร้ายบนเกาะแห่งนี้ ตลอดจนสามารถดูดซับพลังจิติญญาอัคคีบนเกาะได้ เขาจึงบรรลุข้อตกลงกับจ้านอู๋มิ่ง
……
ูเาลูกใหญ่ใจกลางเกาะเปลวเพลิงเหมือนเช่นั์ปักหลั่นค้ำท้องฟ้า แต่เป็มนุษย์ั์ที่มีควันลอยอยู่เหนือศีรษะผู้หนึ่ง จ้านอู๋มิ่งติดตามอยู่ด้านหลังครึ่งคนครึ่งปลา ไปถึงยอดเขามหาบรรพตอย่างรวดเร็ว บนสถานที่นี้ ความร้อนเพียงพอที่จะทำให้เหล็กอ่อนลงได้ ถ้าไม่ใช่เพราะจ้านอู๋มิ่งมีสภาพร่างกายที่พิเศษยิ่ง เกรงว่าเวลานี้คงจะสุกจนถ้วนทั่ว กลายเป็อาหารปลาไปแล้ว
จ้านอู๋มิ่งมองดูปากปล่องูเาไฟที่เหมือนเหวลึก ส่วนใต้ดินลึกเป็สีแดงคล้ำอยู่บ้าง มองจากข้างบนลงไปข้างล่าง ชะง่อนหินที่ยื่นออกมาล้วนเป็สีดำทั้งหมด บนชะง่อนหินเป็ถนนไม้กระดานและหน้าผาสูงชันมาก ด้านล่างค้ำยันกับผนังหน้าผาที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝูงปลาเปลวเพลิงแกนปฐี
จ้านอู๋มิ่งะโขึ้นไปอย่างชำนาญ มุ่งหน้าลงไปพร้อมกลิ่นฉุนของกำมะถันที่ค่อยๆ เข้มข้นขึ้น
หลังจากล่วงลึกลงร้อยวา ทางเดินกว้างขวางสายหนึ่งเอียงลาดมุ่งลงไปเบื้องล่าง จวบจนบรรลุใจกลางโลก
เส้นทางสายนี้แท้จริงแล้วเป็รอยร้าวสายหนึ่งของูเา เหมือนดั่งเช่นถ้ำของงูหลามประหลาด เลี้ยวลดคดเคี้ยวไปมาและยาวไกล ผนังด้านในของเส้นทางราบเรียบเป็มันวาว ครึ่งคนครึ่งปลาไม่ะโอีกต่อไป แต่ลื่นไถลลงไปตามผนังด้านในราบเรียบเป็มันนั้น จ้านอู๋มิ่งไม่้าเดินสัญจรบนพื้นร้อนลวกระอุเช่นนี้แต่อย่างใด เนื่องเพราะสาเหตุนี้ รองเท้าหนังของเขาถูกแผดเผาจนเสียหายไปหลายคู่แล้ว สิ่งนี้ทำให้เขาขุ่นข้องหงุดหงิดยิ่งนัก
เขาคิดจะขอรองเท้าทำจากหนังปลาเปลวเพลิงแกนปฐีสักคู่จากจักรพรรดิมัจฉา เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องกลัวพื้นผิวร้อนลวกแผดเผาจนรองเท้าเสียหายแล้ว แต่ว่าจักรพรรดิมัจฉาตัวนั้นเ้าอารมณ์และขี้ใจน้อยยิ่ง จากสาเหตุนี้แทบจะเกิดความขัดแย้งขึ้น จ้านอู๋มิ่งก็ละอายใจที่จะไปที่หลุมฝังศพของปลาเปลวเพลิงแกนปฐี ย่อมไม่สามารถหาหนังปลาตกถึงมือแล้ว
“เ้ามาแล้ว วันนี้เป็วันสุดท้าย หวังว่าวิธีการที่เ้าพูดจะใช้ได้ผล” จักรพรรดิมัจฉาสวมชุดเกราะอ่อนเกล็ดสีแดงทั้งตัว หน้าตาหล่อเหลาสมบูรณ์แบบยิ่ง แต่ไม่ทราบว่าไฉนเขาถึงมีรสนิยมหยาบคายเช่นนี้ กลับไว้หนวดเคราเรียวยาวสองสามเส้นตรงข้างปาก ทั้งยังกล่าวว่าสวยงามอีก การดำรงอยู่ของพระมัสสุนี้ พิสูจน์ว่าเขามีสายเืของั เพราะนี่คือหนวดของันั่นเอง
จ้านอู๋มิ่งดูแคลนวิธีการของเขาอย่างยิ่ง จักรพรรดิมัจฉาผู้มีเสน่ห์ ไฉนไม่เอาสองเขาติดไว้บนศีรษะไปเลยเล่า ให้ดีที่สุดคือทำอุ้งเท้าอีกสักหลายอันหน่อย แสดงออกตรงๆ ไปว่าตนเองนั้นเป็บุตรหลานของัจะไม่ดีกว่าหรือ
“จักรพรรดิมัจฉาโปรดวางใจ การปิดผนึกตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีแห่งนี้ ก็เพื่อให้พวกเราสามารถออกจากเกาะแห่งนี้ไปอย่างราบรื่นเช่นกัน เป้าหมายของเราเป็หนึ่งเดียวกัน พวกท่านชื่นชอบสถานที่ร้อนระอุเป็ธรรมชาติ แต่สถานที่เช่นนี้สำหรับมนุษย์แล้วแทบมิอาจทนรอคอยแม้แต่อีกวันเดียว ดังนั้น ข้านับว่ากระตือรือร้นมากกว่าพวกท่านเสียอีก” จ้านอู๋มิ่งยิ้มน้อยๆ พูดเสียงเรียบ
จักรพรรดิมัจฉายิ้มแล้ว เขาทราบว่าสิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดนั้นเป็ความจริง ผู้ที่สามารถเข้ามาในถ้ำของพวกเขาได้โดยไม่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาจนเป็เถ้าถ่าน ผู้ที่ผิดปกติเป็พิเศษเช่นจ้านอู๋มิ่ง เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดอยากออกจากสถานที่นี้ไปมากไปกว่าจ้านอู๋มิ่งอีกแล้ว
จ้านอู๋มิ่งมองใบหน้ายิ้มแย้มของจักรพรรดิมัจฉาและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง กล่าวว่า “ยังเหลือวันสุดท้ายอีกหนึ่งวัน บรรพบุรุษของพวกท่านก็สามารถตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลแล้ว ถึงเวลานั้น ผนึกจะถูกเปิดออกอีกครั้ง เพื่อวันพรุ่งนี้ที่งดงาม การเสียสละจำเป็จะต้องมีอยู่ ดังนั้นขอให้จักรพรรดิมัจฉาเตรียมวัตถุที่เกี่ยวข้องกับสายเื การเซ่นไหว้บูชาจะต้องไม่มีการขาดตกบกพร่องใดๆ”
“โปรดวางใจ เพื่อการตื่นขึ้นของบรรพบุรุษผู้เฒ่า ต่อให้เสียสละมากกว่านี้ก็ยังคุ้มค่า เืของชนเผ่าหนึ่งหมื่นชั่งล้วนบรรจุอยู่ภายในขวดหยกใบนี้ ศิลากลืนกินิญญาที่เ้า้า ข้าหามาได้แล้วห้าก้อน ล้วนแล้วแต่หาได้จากโบราณวัตถุที่บรรพบุรุษรุ่นก่อนหลงเหลือไว้” จักรพรรดิมัจฉาวางขวดหยกแวววาวและโปร่งแสงใบหนึ่งไว้ในมือจ้านอู๋มิ่ง
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าขวดหยกในมืออบอุ่นยิ่งนัก เปิดจุกขวดออกมา เปลวเพลิงที่แผดเผาอย่างบ้าคลั่งสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า โลหิตสดๆ ของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีมีความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเ้าเป็พิเศษ สามารถสกัดเป็พลังแก่นแท้จิติญญาเพลิง โลหิตสดๆ ของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีหนึ่งหมื่นตัวสามารถสกัดลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาออกมาได้อย่างน้อยร่วมหนึ่งร้อยลูก สำหรับตัวประหลาดเฒ่าของสำนักนิกายจำนวนมาก สิ่งนี้เป็สมบัติวิเศษที่ประมาณค่าไม่ได้เลยทีเดียว
จ้านอู๋มิ่งไม่จำเป็ต้องใช้มันเพื่อสกัดเป็พลังแก่นแท้จิติญญาเพลิง บนเกาะเปลวเพลิงแห่งนี้มีลูกแก้วแก่นแท้จิติญญาเพลิงจำนวนมากมาย เป็สิ่งที่ปลาเปลวเพลิงแกนปฐีสะสมไว้
จ้านอู๋มิ่งไม่ได้หยิบศิลากลืนกินิญญาโดยตรง แต่ใช้หนังสัตว์หนาๆ ผืนหนึ่งห่อหุ้มไว้ก่อน แล้วหยิบขึ้นมา ศิลาหินวิเศษชนิดนี้มีน้อยและหายากยิ่งนัก ได้ยินมาว่าดำรงคงอยู่ั้แ่สมัยาแล้ว ต่อมาภายหลังไม่ทราบเพราะสาเหตุใดพลันหายสาบสูญไป จ้านอู๋มิ่งอาศัยความทรงจำของชาติภพก่อน ทราบว่าเผ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีมีศิลาหินวิเศษชนิดนี้ ดังนั้นเขาจึงใส่ไว้ในรายการสิ่งของสำหรับเซ่นไหว้บูชาด้วย
บนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ คนที่ทราบถึงประโยชน์ของศิลากลืนกินิญญาแทบจะไม่มี ถึงจะมีเศษม้วนตำราอยู่บ้าง แต่ก็บันทึกเฉพาะคุณสมบัติสะกดิญญาของศิลากลืนกินิญญาเท่านั้นเช่นกัน ประโยชน์ที่แท้จริงของศิลากลืนกินิญญานั่นคือบริบาลิญญานั่นเอง!
……
ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีอยู่ในถ้ำจิติญญาแห่งหนึ่งบนเกาะนี้ ไม่รู้ว่าเชื่อมโยงกับส่วนใดของใจกลางโลก แม้ว่าถ้ำจิติญญานี้จะปล่อยพลังอัคคีิญญาออกมาทุกวัน ตลอดจนพร้อมด้วยพลังแก่นแท้จิติญญาเพลิงอันเบาบาง แต่ว่ากลับถูกคนจัดตั้งผนึกต้องห้ามอันแสนร้ายกาจเอาไว้ พลังเหนือธรรมชาติของสถานที่นี้ได้แปรเปลี่ยนเป็เส้นเชือกจิติญญาขนาดใหญ่มากมายเส้นแล้วเส้นเล่า และพันธนาการบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีเอาไว้ ณ สถานที่แห่งนี้
ในปีนั้น คนที่วางแผนติดตั้งกับดักต่อบรรพบุรุษผู้เฒ่าของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีจะต้องเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งค่ายกลที่น่าสะพรึงกลัวคนหนึ่งอย่างแน่นอน การออกแบบแสนชาญฉลาดและช่างแยบยล เขาทราบว่าถ้ำอัคคีิญญาใจกลางปฐีชนิดนี้มีแรงดึงดูดยิ่งกว่าชีวิตสำหรับชนเผ่าอย่างปลาเปลวเพลิงแกนปฐี
เมื่อบรรพบุรุษผู้เฒ่าของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีได้ทราบว่าบนเกาะมีถ้ำจิติญญาเช่นนี้แห่งหนึ่ง ก็เดินทางมาฝึกฌานบ่มเพาะในสถานที่แห่งนี้ โดยไม่ทราบว่านี่คือหลุมพรางที่ผู้อื่นวางแผนจัดเตรียมไว้ ในระหว่างการฝึกฌานบ่มเพาะพลัง บรรพบุรุษผู้เฒ่าของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีก็ดูดซับพลังจิติญญาและพลังธาตุอย่างต่อเนื่อง ผลสุดท้ายส่งผลให้จิติญญาถูกจองจำกักขังอยู่ที่นี่ ไม่สามารถออกไปได้อีก
ผ่านมานานหลายหมื่นปีหรืออาจจะมากกว่านั้น บรรพบุรุษผู้เฒ่าของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีถึงแม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าจิติญญาของเขากลับเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เพียงแต่พึ่งพาสัญชาตญาณ ดูดซับพลังของธาตุและพลังเหนือธรรมชาติของฟ้าดินที่แผ่ขยายออกมาจากใจกลางปฐีอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำรงรักษาชีวิตไว้มิให้ดับสูญ
อายุขัยของสัตว์อสูรนั้นยืนยาวกว่ามนุษย์มากมายนัก เช่นการเข้าสู่ห้วงนิทราของบรรพบุรุษผู้เฒ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีดุจดั่งจำศีล เสมือนหนึ่งการหยุดกาลเวลาไว้ชั่วขณะหนึ่ง
สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งต้องทำคือการชักนำพลังจิติญญาภายในตาเปลวเพลิงใจกลางปฐี เพื่อลดทอนพลังจิติญญาที่พันธนาการบรรพบุรุษผู้เฒ่าของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีลง และทำให้จิติญญาที่หลับใหลฟื้นคืนกลับมา
