บทที่ 198 หัวใจที่กรุ่นโกรธ!
“ฟุ่บ!”
ผนึกหงส์สีเืเปล่งแสงสะพรั่ง ปกคลุมท้องฟ้า ผืนดิน และดวงอาทิตย์ ดูสง่างดงาม
“ย๊า--!”
ในที่สุด ฉู่อวิ๋นก็เผยสีหน้าเหี้ยมโหด คำรามออกมา และ้าสู้จนตัวตาย ยกกระบี่ขึ้นมาเตรียมโจมตี!
“อวิ๋นเอ๋อร์—!”
ทันใดนั้นเอง ฉู่ซินเหยาก็ะโอยู่ในใจ มวลอารมณ์ของนางใกล้จะพังทลาย ทันใดนั้น ดวงเนตรคู่งามของนางก็ว่างเปล่า ปรากฏห่วงวงแหวนที่รอบคอ ส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางความพร่ามัว
นั่นคือคำสาปผนึกิญญา
ในเวลาเดียวกัน ระหว่างคิ้วของนางก็เปล่งแสง มีสัญลักษณ์ลึกลับปรากฏขึ้น ทำให้ห่วงวงแหวนสีเข้มหายไปครู่หนึ่ง!
“ฟุ่บ—”
ทันใดนั้น ดวงตาของฉู่ซินเหยาก็เบิกกว้าง ั์ตาเปลี่ยนเป็สีขาว ผมสีดำสามพันเส้นลุกชัน ลมพัดมงกุฎเฟิ่งหวงและผ้าโปร่งให้เผยอขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าไร้ที่ติและผ้าคลุมไหล่ยาวของนาง
“อวิ๋นเอ๋อร์!”
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ระหว่างคิ้วของนางยังคงเรืองแสง และด้วยเสียง “ฟุ่บ” รัศมีอันทรงพลังก็ะเิออกมาจากร่างกายของนาง ดัง “ปัง” ทำให้สาวใช้ที่อยู่รอบตัวนางถูกซัดออกไปทันที
และสาวใช้ที่ควบคุมด้ายพลังปราณก็กระเด็นไปชนประตูศาลเ้าจนเืไหลจากทวารทั้งเจ็ด เกือบตายคาที่
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นกำลังจะถูกฆ่าตาย ฉู่ซินเหยาก็ทรุดตัวลงอย่างขมขื่น นางปล่อยพลังที่ไม่รู้จักออกมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้!
“เกิดอะไรขึ้น?!” ฉู่เจิ้นหนานและคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงก็สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของฉู่ซินเหยา พวกเขาใทันที แต่ไม่อาจโต้ตอบได้
เพราะพวกเขาตามฉู่ซินเหยาไม่ทัน นางเร็วเกินไป ราวกับเซียนที่โบยบินมาจาก์!
“ควับ!”
มองเห็นร่างของฉู่ซินเหยาบานสะพรั่งไปด้วยแสงสว่าง ราวกับเทพเซียนศักดิ์สิทธิ์ ที่มีหมอกหนาห้อมล้อม ผมยาวสลวยปลิวไสว เดินอยู่กลางอากาศราวกับเงา และนางกำลังเดินอยู่กลางอากาศจริงๆ!
คนงามในชุดคลุมสีแดง เสื้อผ้าของนางพลิ้วไหว ทั่วร่างก็เปล่งประกายด้วยแสงหลากสีสัน ชวนฝันราวกับเทพธิดา
นางรวดเร็วยิ่งนัก ไม่สนใจทุกสิ่ง ราวกับเดินทางผ่านกาลเวลา ในดวงตามีเพียงชายหนุ่มคนนั้น
ชั่วพริบตา นางก็ยืนอยู่เหนือฉู่อวิ๋น
“อวิ๋นเอ๋อร์ พี่จะไม่มองดูเ้าตาย…”
“ขอโทษที่ลากเ้ามาลำบากด้วย...”
“บางที ในอนาคตพี่คงไม่อาจอยู่ดูแลเ้าได้ เ้าต้องใช้ชีวิตให้ดี…”
“ลาก่อน…”
ทันใดนั้น ฉู่ซินเหยาก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างกายของนางผ่อนคลาย ดวงตาคู่งามหลั่งน้ำตา
กลางอากาศ จู่ๆ นางก็หันกลับมามองใบหน้าของฉู่อวิ๋น ราวกับสามารถถ่ายทอดคำพูดให้เขาได้นับพันคำ มุมปากปรากฏรอยยิ้มเศร้า
ฉับพลัน นางหลับตา ขนตาโค้งงอ เผยให้เห็นความงามอันอ่อนเยาว์ ราวบทกวี หรือภาพวาด
จากนั้น นางก็ยืดกายของตนให้มากที่สุด กางแขนออกกว้าง ปิดคลุมฉู่อวิ๋น และต้อนรับหงส์สีเืที่โฉบเฉื่อย
“พี่หญิง?”
“ซินเหยา...พี่หญิง?!”
ในขณะเดียวกัน ฉู่อวิ๋นก็เงยหน้าขึ้นได้ทันเห็นฉากนี้ เขาตะลึงงันทันที ม่านตาของเขาหดตัว ดวงตาสั่นไหว พูดอะไรไม่ออก
“ติ๋ง ติ๋ง--"
เขารู้สึกว่ามีน้ำหยดลงบนแก้มของเขา มันอุ่นมาก
นั่นคือน้ำตาของฉู่ซินเหยายามที่นางมองลงมา
ด้วยร่างกายที่สั่นเทา ฉู่อวิ๋นถือกระบี่ไม่อยู่ ร่างกายทรุดล้ม งุนงงไปหมด เืทั่วร่างกายของเขาดูเหมือนจะหยุดไหล
ในขณะนี้ สิ่งที่ฉู่อวิ๋นเห็นอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ผนึกหงส์สีเืแต่อย่างไร แต่เป็แผ่นหลังบอบบางที่งดงามของฉู่ซินเหยา
เขาอยากขยับ!
เขา้าหยุดมัน!
แต่เขากลับขยับไม่ได้!
เพราะฉู่ซินเหยาใช้ความคิด และใช้พลังที่เขาไม่รู้จักนั้นปรามฉู่อวิ๋นเป็ครั้งแรก นางอ่อนโยนมาก แต่มีความเอาแต่ใจแฝงอยู่ด้วยเล็กน้อย
แต่บางที นี่อาจเป็ครั้งสุดท้าย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตาเท่านั้น
“ไม่---!!!”
“ตูม!”
วินาทีต่อมา เวลาก็เร่งเร็วขึ้น
ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องของชายหนุ่ม ผนึกหงส์สีเืก็พุ่งลงมา กระแทกคนงามในชุดแดง ฉับพลัน คลื่นอากาศก็ลอยขึ้นทุกทิศทาง แสงเรืองรองเปล่งประกาย ดังก้องสู่ท้องฟ้า
“ปัง ปัง ปัง—”
เวทีะเิและแตกกระจาย หินทะลุท้องฟ้า พื้นดินโกลาหล สาดแสงส่องมั่วหมุน
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว—”
คลื่นอากาศที่ปล่อยออกมาจากผนึกหงส์สีเืนั้นน่ากลัวมา และกินเวลานาน มันพุ่งกระจายไปทุกด้าน ทำให้ทุกคนยกมือขึ้นปิดหน้า เสื้อคลุมของพวกเขาตีกันเสียงดัง
ฉับพลัน ผู้ชมทั้งหมดก็เกิดความสับสน สถานการณ์วุ่นวาย ทุกคนเดินโซเซไปรอบๆ และล้มลงเป็ตับๆ
ครู่หนึ่ง คลื่นอากาศสีเืก็ค่อยๆ กระจายหายไป ทั้งลานสงบลงทันที เวทีก้อนกรวดก็กลายเป็หลุมขนาดใหญ่ จนทุกคนหวาดกลัว
“สม... สมแล้วที่เป็ทักษะยุทธ์ระดับราชันย์ ผนึกหงส์สีเื เวทีนี้ทำจากแร่พิเศษ สามารถทนต่อแรงกระแทกอันทรงพลังได้ แต่ตอนนี้มันกลายเป็แบบนี้ไปแล้ว”
“เด็กหนุ่มคนนั้นคงจะกลายเป็ผุยผงแล้ว”
จัตุรัสทั้งสี่ด้านอึกทึกครึกโครม
ทุกคนใมาก จากนั้นทุกคนก็ยืนขึ้น มองดูสถานการณ์ในหลุม
“จบแล้วล่ะ” ฉู่เจียงแค่นเสียงอย่างเ็า ไม่สนใจหลุมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน เขาร่อนลงพื้นทันทีและพูดกับฉู่เจิ้นหนาน “เตรียมตัวเื่งานแต่งงานให้พร้อม สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ยุ่งยากจริงๆ”
แต่สายตาของฉู่เจิ้นหนานกลับหวาดผวา เขาตกตะลึงแทบสิ้นสติ ไม่ตอบสนอง ทำให้ฉู่เจียงขมวดคิ้วทันที
“นี่! นิ่งอยู่ทำไม? รีบไป… หืม? ว่าที่เ้าสาวอยู่ไหน?” ฉู่เจียงสับสนในทันที พบว่าหญิงชุดแดงหน้าศาลเ้าหายตัวไป
“ให้ตายเถอะ--”
แต่ก่อนที่ฉู่เจียงและคนอื่นๆ จะได้สติ ผู้คนที่อยู่ใกล้หลุมมากที่สุดก็ใจนหายใจไม่ออก
“บาปอะไรเช่นนี้! เกิด...เกิดอะไรขึ้นกัน?
“เด็กหนุ่มคนนั้นยังไม่ตาย!”
“ผีหลอกหรือ? นี่ก็ยังฆ่าเขาไม่ได้หรือ?”
หินก้อนหนึ่งก่อคลื่นนับพัน ในทันที ทุกคนรวมทั้งฉู่เจียงและคนอื่นๆ ก็กรีดร้องด้วยความใ เสียงะโทำให้ท้องฟ้าสั่นะเื ทุกคนหายใจถี่เร็วและแสดงท่าทีไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่คนที่ต่อสู้อยู่บนท้องฟ้าก็หยุดปะทะกันชั่วคราว ร่อนลงมาหลังจากได้ยินเสียงด้วย้าเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน
เมื่อฝุ่นควันหายไป ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งคุกเข่าลงบนพื้นที่ด้านข้างของหลุม เขาหลั่งน้ำตาด้วยสีหน้าดุร้าย ตกเข้าสู่อาการบ้าคลั่ง ในอ้อมแขนกอดหญิงสาวคนหนึ่งไว้
“อ๊าก!”
“อ๊าก- อ๊า--!”
“อ๊าก-อ๊ะ--!”
ฉู่อวิ๋นร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก ดวงตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยเืและน้ำตา
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคำราม สีหน้าของเขาดุร้าย เขาโกรธมาก!
“ซินเหยา...”
“ซินเหยา!!!”
หัวใจของฉู่อวิ๋นรู้สึกคล้ายโดนมีดแทง ิญญาของเขาสั่นไหว ความเ็ปนั้นยิ่งกว่าลูกศรนับพันที่แทงทะลุร่างกาย
ฉู่ซินเหยา รับผนึกหงส์สีเืแทนเขา
คนที่เขารักมากที่สุด... กลับเป็คนมาปกป้องเขา!
“อ๊าก อ๊ะ อื้อ”
เวลานี้ ฉู่อวิ๋นพูดอะไรไม่ออก เขาเป็เหมือนเด็กแบเบาะ ดวงตาว่างเปล่า มองซ้าย มองขวา ตื่นตระหนกและสูญสิ้นสติ
เขาสะอื้น จมูกเจ็บแปลบ และน้ำตาก็ไหลออกมาเป็สายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง”
น้ำตาอุ่นร้อนของชายหนุ่ม หยดแล้วหยดเล่า หยดลงบนเสื้อผ้าของหญิงงามในอ้อมแขน
“ทำไมกัน? ไม่--!”
เสียงนั้นสั่นะเืท้องฟ้า ฉู่อวิ๋นทุกข์ระทมอย่างยิ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและคำรามอีกครั้ง และในเวลาเดียวกัน เขาก็กอดฉู่ซินเหยาแน่น ซุกศีรษะของนางไว้แนบอก
แต่มันก็แปลก แม้ว่าฉู่ซินเหยาจะต้านรับผนึกหงส์สีเืแทนฉู่อวิ๋น แต่นางกลับไม่สูญเสียจิติญญาไป นางเพียงอ่อนแอ สีหน้าซีดเซียวมาก แค่มองก็เ็ปหัวใจ
นางในยามนี้ ใบหน้างามแทบจะไร้สีเื แต่ระหว่างคิ้วของนางกลับมีเืไหลออกมา มันสดสว่าง ร้อนรุ่มและน่าตื่นตะลึง
ด้วยเสียง “ฟุ่บ” ห่วงวงแหวนสีดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างริบหรี่ และมันทำให้ฉู่ซินเหยาเ็ปราวกับเป็การลงโทษ นางขมวดคิ้ว นั่นทำให้ฉู่อวิ๋นตื่นตระหนก
“อวิ๋นเอ๋อร์…” ฉู่ซินเหยาพูด เสียงของนางเบามากจนแทบไม่ได้ยิน แลดูน่าสงสารจับใจ
“ข้าอยู่นี่! ข้าอยู่นี่!” ฉู่อวิ๋นกลับมารู้สึกตัวทันทีพร้อมน้ำตาคลอเบ้า เขากอดนางแน่นขึ้น
“เ้า... เป็อะไรหรือไม่?” ฉู่ซินเหยาพยายามอย่างที่สุด จึงส่งเสียงเล็กๆ นั่นออกมาได้
ปฏิกิริยาแรกของนางยามรู้สึกตัว คือห่วงความปลอดภัยของฉู่อวิ๋น
“ข้าไม่เป็ไร ไม่เป็ไร!”
ฉู่อวิ๋นก้มหน้าลง เสียงละล่ำละลักเพราะสะอื้น ไม่ว่าเสียงของฉู่ซินเหยาจะเบาแค่ไหน เขาก็ได้ยิน และหัวใจของนางที่สั่นเหมือนระฆังยามเช้า เขาก็ได้ยินมันเช่นกัน
น้ำตาของฉู่อวิ๋นไหลหลากอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเห็นฉู่ซินเหยาเป็เช่นนี้ หัวใจของเขาก็แทบแตกสลาย
“ไม่เป็ไร... ก็ดีแล้ว…” ริมฝีปากของฉู่ซินเหยาขยับเล็กน้อย มันซีดเซียวราวกับกระดาษ นางพูดประโยคนี้ออกมาอย่างช้าๆ
นางนอนอยู่ในอ้อมแขนของฉู่อวิ๋น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่งามช่างน่ารัก แต่เปลือกตาของนางกลับหย่อนยาน นางอ่อนแอมาก นี่ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกเ็ปหัวใจอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
“อย่าร้อง…” ฉู่ซินเหยากระซิบ เปิดตาที่กำลังพร่ามัวขึ้นมองดู่ฉู่อวิ๋นที่กำลังร่ำไห้ เขาตอบนางพลางสะอื้น “ไม่ร้อง... ข้าจะไม่ร้องไห้! ข้าไม่ได้...ร้องไห้!"
มองดูดวงตาที่บวมแดงของฉู่อวิ๋น ฉู่ซินเหยาก็เจ็บในใจ
นางยกยิ้มเบาๆ ยื่นมือหยกออกไปอย่างสั่นเทา วางทาบลงแก้มข้างหนึ่งของฉู่อวิ๋น และเช็ดน้ำตาให้เขา
จากนั้นก็บีบมันเบา ๆ
“คนโง่ อย่าร้องไห้นะ”
“พี่ ก็ไม่เป็ไร...อั่ก!!”
ขณะที่พูด จู่ๆ ฉู่ซินเหยาก็ขมวดคิ้ว ร่างกายอันบอบบางของนางสั่นกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเืออกมาจากปาก ราวกับบุปผชาติสีแดงเืที่เบ่งบานบนใบหน้าสีขาวอันอ่อนโยนของนาง
นางตัวสั่นระริก กระตุกไม่หยุด กระอักเป็เืไม่จบสิ้น
ภาพตรงหน้าเหมือนกับคมกระบี่ที่แทงทะลุหัวใจของฉู่อวิ๋น ทำให้เขาเศร้า เ็ปจนทำอะไรไม่ถูก!
“ท่านจะไม่เป็ไร... ซินเหยา! ท่าน... ท่านจะไม่เป็ไร!” ฉู่อวิ๋นหลั่งน้ำตา คว้ามือหยกบนแก้มมาบีบเบาๆ ในเวลาเดียวกัน เขาก็กอดฉู่ซินเหยาแน่น จับมือนางไว้ไม่ปล่อย
ฉู่อวิ๋น กลัวที่จะสูญเสียนาง!
แม้จะต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งที่ไม่สามารถเอาชนะได้
แม้จะต้องเผชิญกับวิชายุทธ์ที่ทรงพลัง
แม้จะต้องเผชิญกับสัตว์ปีศาจที่ดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว
ฉู่อวิ๋นก็ไม่เคยเป็เช่นยามนี้ ที่หวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ ที่สับสนไร้หนทาง
ในเวลานี้ ฉู่ซินเหยาตัวสั่นราวกับหนาว จากนั้นนางก็ดึงมือหยกของตนออกมา เอื้อมกอดเอวของฉู่อวิ๋นเบาๆ
“อวิ๋นเอ๋อร์ ในที่สุดพี่ก็ได้กอดเ้าแล้ว...”
“อบอุ่นจังเลย...”
“สบายใจจังเลย...”
ตอนนี้ ฉู่ซินเหยาเป็เหมือนลูกแมวที่ได้รับาเ็ กำลังมองหาความอบอุ่นและความช่วยเหลือ นอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของฉู่อวิ๋น ฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้น รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกาย และรู้สึกอ่อนแออย่างมาก
นางใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดเพื่ออวดรอยยิ้มอันแสนหวานและโน้มตัวเข้าไปในอ้อมกอดของฉู่อวิ๋น ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในใจ จากนั้นนางก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างสมบูรณ์
คนผู้นั้น ที่เร่งรีบมาจากแดนไกล ต้องฝ่าฟันความยากลำบากมามากเพียงใด?
คนผู้นั้น ที่กล้าหาญอย่างยิ่ง ที่น่าอัศจรรย์ใจเป็ที่สุด เขาเสียหยาดเหงื่อไปมากเพียงใด?
คนผู้นั้น ที่ไม่เคยลืมความตั้งใจเดิม ให้สัญญาอย่างลูกผู้ชาย และรักษาคำพูดอย่างชายชาตรี เขามาแล้ว
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร นางก็พอใจ
การได้นอนหลับสนิทในอ้อมแขนของคนที่รักที่สุด แม้เพียงชั่วครู่ ก็ถือว่าเป็ความสุขได้กระมัง? นางคิดเช่นนั้น
ในท้ายที่สุด นางหลับตาลงอย่างเงียบๆ ดวงตาคู่งามมืดสนิท มุมปากที่เปื้อนเืของนางยกขึ้น เ็ปอย่างยิ่ง และมือหยกอันอ่อนนุ่มของนางก็ตกลงอย่างอ่อนแรง
นางร้องไห้และสลบไป
“วางใจ ข้าจะอยู่กับท่านตลอดไป”
“ข้าจะไม่ยอมให้ท่านทิ้งข้าไปอีกแล้ว”
แขนที่แข็งแกร่งเหยียดออกและกอดฉู่ซินเหยาแน่น ฉู่อวิ๋นยังคงเงียบ เขาก้มจูบหน้าผากของนาง ร่างกายแข็งเกร็งอยู่นาน มันสั่นสะท้านด้วยความขมขื่น น้ำตาของเขาเหือดแห้ง
ยามนี้ ผมสีดำของเขาห้อยลงมาปิดตา ทั้งตัวนิ่งค้างราวกับรูปปั้นหิน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็อุ้มฉู่ซินเหยาที่หมดสติไว้ในอ้อมแขน สีหน้าเ็าอย่างยิ่ง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจากหลุมลึก
เมื่อควันหายไป ใบหน้าที่มองด้วยทั้งยินดีและสลดใจของทุกคนก็ฉายสู่ดวงตาของเขาเช่นกัน
“พวกเ้า...ตายกันไปให้หมด!!!”
“ควับ!”
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็ดูโเี้ ะโขึ้นไปบนฟ้า เสียงทุ้มแหบนั้นทำให้ใจสั่น ดวงตาของเขาดำสนิท น่าอัศจรรย์มาก
ทวารรับแสงศักดิ์สิทธิ์ระหว่างคิ้วของเขาเปล่งแสงสีดำออกมา หมอกขมุกขมัวพวยพุ่งไปทุกที่ ทำให้ทุกคนตกตะลึง!