บทที่ 152 จินซานพ่าง
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ที่เย่จื่อเฉินเอาแต่อยู่ในอาการิญญาหลุดลอยหายไป
และยังคงต้องไปเข้าเรียนภาควิชาบังคับเหมือนเดิม แต่เวลาที่เข้าเรียนจิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่เลิกเรียนก็กลับไปนอนที่หอ ไม่สนใจใคร
ใน่นี้ ไม่ว่าจะเป็ซูเหยียน เซี่ยเขอเข่อ หรือแม้แต่เทพเซียนพวกนั้นในแชทกลุ่ม เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น
เขา้าเวลาทำใจ ในการยอมรับเื่ทั้งหมดนี้
“เย่จื่อจะเป็แบบนี้ทุกวันไม่ได้นะ พาเขาไปหาจิตแพทย์หน่อยดีไหม ฉันว่าแบบนี้น่าจะเป็อาการทางจิตนะ”
คังเผิงเลิกคิ้วมองเย่จื่อเฉินที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งไม่ขยับ
ซึ่งอาการของเย่จื่อเฉินก็ทำให้กลุ่มรูมเมทในห้องรู้สึกเป็ห่วง ทันทีที่คังเผิงพูดออกไปแบบนั้น ทุกคนในห้องต่างก็เห็นด้วยทันที
“ฉันว่าก็ดีเหมือนกัน เ้าห้าเป็แบบนี้ มันน่ากลัวเกินไปแล้ว”
จูอิ๋นไป๋ฉีกยิ้ม จางรุ่ยดันแว่นตาเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
“ฉันก็ว่างั้น ยังไงก็พาไปหาหมอดูหน่อยเถอะ”
“แล้วพวกเราควรจะพาเย่จื่อเฉินไปยังไงดี?” ไป๋อี่ขมวดคิ้วมุ่นอยู่ข้างๆ
“เอ่อ…”
ทันใดนั้น ก็ได้มีชายอ้วนเหมือนกับลูกบอลปรากฏขึ้นที่หน้าประตูห้อง
ส่วนสูงของชายอ้วนอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเิเ สวมเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนกับกางเกงทรงฮาวาย
ดูแล้วไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อย แต่มันอดที่จะแขวะไม่ได้
สามสี่คนที่อยู่หน้าประตูห้องก็หันหน้าไป
“อะไร?”
คังเผิงที่เป็นักกีฬา รูปร่างนั้นมองดูกำยำผิดจากปกติ ชายอ้วนก้าวถอยหลังไปด้วยความกลัวเล็กน้อย รักษาระยะห่างที่พอดีเอาไว้ แล้วพูดขึ้น
“ฉันมาหาเย่จื่อเฉิน เขาอยู่หอนี้ใช่ไหม”
“มาหาเย่จื่อ?”
ไป๋อี่ไล่สายตามองชายอ้วนขึ้นลง เขากับเย่จื่อเรียนห้องเดียวกันมาั้แ่เด็ก คนที่เย่จื่อเฉินรู้จัก ส่วนมากตัวเขาเองก็รู้จักทั้งนั้น
แต่ชายอ้วนคนนี้เขาจำไม่ได้จริงๆ
“ใช่ ฉันมาหาเย่จื่อเฉิน เขาอยู่หอนี้ใช่ไหม”
ชายอ้วนพยักหน้ารับด้วยอาการขลาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด จางรุ่ยกับจูอิ๋นไป่ก็ใช้สายตาตรวจสอบไล่มองเขาเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้น ดวงตาทั้งสองข้างของชายอ้วนก็เปลี่ยนเป็แข็งกร้าว รอยยิ้มที่ไร้พิษภัยนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
“แม่เ้า ฉันถามว่าเย่จื่อเฉินอยู่ที่นี่ใช่ไหม พวกนายจะมามองฉันหาอะไร ไม่เคยเห็นคนอ้วนที่หล่อขนาดนี้มาก่อนหรือไง? หลบไป ฉันมีธุระด่วนต้องคุยกับเย่จื่อเฉิน”
ชายร่างอ้วนคนนี้เนื้อตัวอวบเผละ แต่การเคลื่อนไหวกลับว่องไวมาก
คังเผิงและคนอื่นๆ ยังไม่ทันตอบรับอะไร ชายคนนี้ก็เข้ามาในห้องแล้ว
มือล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา มองดูรูปในโทรศัพท์ แล้วจึงปรายตามองเย่จื่อเฉินที่นอนเหม่ออยู่บนเตียงอีกครั้ง
“เ้าหนู นายคือเย่จื่อเฉินใช่ไหม”
ไม่มีการตอบรับ
“ฉันพูดกับนายอยู่นะ นายใช่เย่จื่อเฉินหรือเปล่า!”
ก็ยังไม่มีการตอบรับ
“ฉันคือคนที่จักรพรรดิชิงิส่งมาหานาย!”
พรึบ!
เย่จื่อเฉินที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วคว้าคอเสื้อของชายอ้วนไว้
คังเผิงกับคนอื่นๆ ก็เข้ามาทันได้เห็นฉากนี้พอดี…
“พวกเรา จัดการมัน”
รูมเมทสามสี่คนพากันคว้าเอาเก้าอี้เล็กและคีย์บอร์ดขึ้นมาได้ ก็พากันกรูเข้าไป
เย่จื่อเฉินรีบยกมือขึ้นห้าม
“อย่า คนนี้ฉันรู้จัก”
สิ้นเสียง เขาก็ปรายตามองชายอ้วน แล้วจึงคลายมือออก
“ฉันรอนายนานแล้ว ไปกันเถอะ ออกไปคุยกันข้างนอก”
ชายอ้วนที่เมื่อครู่นี้ยังมีท่าทางอวดดีอยู่ เหมือนจะใกับท่าทางเคร่งขรึมของเย่จื่อเฉิน
มองเขาอย่างเงียบๆ เล็กน้อย ก่อนจะกลับมามีท่าทางขลาดกลัวอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินตามหลังเย่จื่อเฉินออกไป
ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิง
เย่จื่อเฉินเลือกห้องวีไอพีห้องหนึ่งพร้อมกับสั่งอาหารมา แต่คนสองคนที่นั่งอยู่ในห้องวีไอพีต่างก็ไม่มีใครจับตะเกียบแม้แต่คนเดียว
“จักรพรรดิชิงิคือใคร?”
“จักรพรรดิชิงิคือเทพเ้าหนึ่งในสามของเทพเ้าซานเซียน เป็ปรมาจารย์แห่งเทพ”
“อ๋อ”
เย่จื่อเฉินตอบรับโดยไม่ได้ขยับเปลือกตา
ใครจะไปรู้ว่าปรมาจารย์แห่งเทพเ้ามันคืออะไร เขาไม่มีความเห็นอะไรด้วย
“อ๋อ!” เห็นได้ชัดว่าชายอ้วนเป็แฟนคลับตัวยงของจักรพรรดิชิงิ เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่นิ่งสงบของเย่จื่อเฉินก็อดที่จะตบโต๊ะต่อว่าไม่ได้ “นายทำแบบนี้หมายความว่าไงเ้าหนู ปรมาจารย์แห่งเทพนั้นแข็งแกร่งพอๆ กับพวกซุนหงอคง และยี่หนึงจินกุนบน์เลยนะ…”
“นายพูดแบบนี้ั้แ่แรกก็จบแล้ว แบบนั้นเขาก็ต้องเก่งน่าดูเลยน่ะสิ”
เมื่อมีการอ้างอิงบุคคล เย่จื่อเฉินถึงได้รู้ว่าปรมาจารย์แห่งเทพเ้านั้นเก่งกาจมากแค่ไหน จักรพรรดิชิงิสามารถขึ้นเทียบกับยี่หนึงจินกุนพี่น้องร่วมสาบานของเขาได้ ก็แสดงว่าต้องเก่งมากแน่นอน
“แม่เ้า! ทำไมเด็กอย่างนายถึงได้ถือตัวอวดดีขนาดนี้นะ”
ชายอ้วนต่อว่า เย่จื่อเฉินหันไปไหวไหล่ยักคิ้วใส่เขา แล้วพูดขึ้น
“แล้วนายจะเอายังไง หรือต้องให้ฉันพูดว่า ว้าว! เป็ปรมาจารย์แห่งเทพเ้าเลยเหรอ โคตรเจ๋งเลย ไอดอล ผมจะมีลูกลิงตัวน้อยให้คุณ แบบนี้เหรอ?”
“ฉัน…” ชายอ้วนกลับมานั่งลงตามเดิม แล้วบ่นพึมพำ “ทำไมฉันต้องมาเจอเ้าเด็กสมองกลวงแบบนี้ด้วยนะ”
อันนี้ก็ต้องโทษตัวเองแล้วแหละ
ชายอ้วนเดิมมีชื่อว่าจินซานพ่าง เป็ศิษย์ของจักรพรรดิชิงิ มีพร์เป็เลิศ แต่ด้วยความที่ปกติค่อนข้างที่จะี้เี และมักจะไม่ค่อยฝึกบำเพ็ญเพียร จึงเป็คนที่มีความรู้น้อยที่สุดในบรรดาลูกศิษย์ของจักรพรรดิชิงิ
จักรพรรดิชิงิหมดหวังกับเขาแล้ว จึงได้ส่งเขาลงมาที่นี่
“นายช่วยเล่าเื่จักรพรรดิชิงิให้ฉันฟังหน่อยสิ เขามีแผนการอะไรกันแน่ ทำไมจู่ๆ วันนั้นฉันถึงได้ยินเขาพูดกับฉัน ทำไมฉันถึงติดต่อกับผู้คนบน์ได้ เขาเป็คนทำหรือเปล่า”
เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปากเล็กน้อย ในเวลาหนึ่งอาทิตย์มานี้ เขาแทบจะทรมานตายกับความสงสัยพวกนี้อยู่แล้ว
“นายถามฉัน แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
จินซานพ่างกลอกตาอย่างหมดคำพูด เย่จื่อเฉินเบิกตาโต แล้วถึงกับหลุดขำกับความโมโหของเขา
“แล้วนายมาหาฉันทำไม?”
“ท่านอาจารย์ให้ฉันมาบอกนาย!” จินซานพ่างพูดเสียงห้วนด้วยใบหน้าไม่พอใจ “ท่านอาจารย์บอกว่าให้นายปล่อยตี้เทียนซะ ปล่อยให้เขากลับตระกูลตี้ ท่านบอกว่าท่านไม่อยากให้นายติดต่อกับเทพกลุ่มซานเซียนเร็วเกินไป”
ตี้เทียน?
เย่จื่อเฉินอึ้งไปนิด
เ้านั่นโดนซุนหงอคงเสกให้กลายเป็หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ไปแล้ว
“เื่นี้ดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้”
“ทำไมนายถึงทำไม่ได้” จินซานพ่างเลิกคิ้วถาม “หรือว่านายฆ่าเ้าคนที่ชื่อว่าตี้เทียนอะไรนั่นไปแล้ว? ฉันว่า…นายไม่มีแม้กระทั่งกายทิพย์ แล้วจะเป็คู่ต่อสู้ของตี้เทียนไปได้ยังไง”
“เขาโดนคนของฉันเสกให้เป็ของเล่นไปแล้ว”
...
จินซานพ่างตกตะลึง ดวงตาเท่าเมล็ดถั่วเขียวคู่นั้นจ้องเย่จื่อเฉินเขม็ง
“เสกเป็ของเล่นไปแล้ว!”
“ใช่ กลายเป็หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ไปแล้ว ตอนที่นายไปหาฉัน หุ่นยนต์ทรานฟอร์เมอร์ที่วางอยู่ข้างหมอนฉัน นั่นแหละคือตี้เทียน”
“ฉัน…”
จินซานพ่างโมโหจนพูดไม่ออกอยู่นาน ยกมือขึ้นชี้หน้าเย่จื่อเฉิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดโทรออก
“ท่านอาจารย์ ตี้เทียนโดยเย่จื่อเฉินเสกให้กลายเป็ของเล่นไปแล้ว”
“กลายเป็ของเล่นไปแล้ว?” เสียงหัวเราะขำขันดังอยู่ในสาย “ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปจัดการเก็บกวาดที่บ้านตระกูลตี้เอง”
“ท่านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นศิษย์กลับไปได้แล้วใช่ไหมขอรับ?”
“ใครบอกว่าให้เ้ากลับมาได้?”
“งั้นศิษย์…”
“เ้าก็อยู่เป็ผู้ช่วยเย่จื่อเฉินที่โลกมนุษย์นั่นแหละ เขาสามารถเปิดช่องทางระหว่างโลกมนุษย์กับโลกนี้ได้เมื่อไร เ้าก็ค่อยกลับมา แต่เ้าห้ามปากโป้งบอกเขาเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ศิษย์เข้าใจขอรับ”
“เอาล่ะ ต่อไปก็ติดต่อกันให้น้อยที่สุด”
ติ๊ด!
วางสายไปแล้ว จินซานพ่างปรายตามองเย่จื่อเฉินด้วยสีหน้าอมทุกข์
“นี่นาย ฉันจะฆ่านาย!”