แน่นอนว่าวิธีการดังกล่าวคิดขึ้นหลังจากทราบว่าหวงฝู่จินไม่มีทางเกลี้ยกล่อมให้เ้าของโรงทอผ้าทำผ้าห่มที่ชาวต้าเว่ยชอบได้
“คุณชาย หากท่านอยากทำกิจการนี้ ข้ามีวิธีการอยู่ ท่านอยากลองฟังหรือไม่เ้าคะ?” หลินฟู่อินกระตือรือร้นเื่ผ้าห่มขนแกะนี้มากจริงๆ จึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ถึงแม้เงินที่ได้จะไม่ใช่ของนางก็ตาม
แค่หวงฝู่จินทำเงินได้นางก็อารมณ์ดีแล้ว
“เล่ามาสิ” หวงฝู่จินเห็นสายตามั่นอกมั่นใจบนใบหน้าเล็ก แม้ในใจจะรู้สึกว่าเื่กิจการผ้าห่มอะไรนี่ไม่ได้สำคัญกับเขาสักนิดก็ยังตั้งใจฟังอยู่ดี
เด็กสาวเอนกายเข้าหาเขา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย กลายเป็รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า “ที่จริงเรียบง่ายมาก แค่หาคนที่เหมาะๆ ส่งไปแย่งตัวช่างทอผ้ามาก็พอแล้ว”
แย่งตัวช่างทอผ้า?
หวงฝู่จินที่ดูนิ่งเฉยมาตลอดถึงกับผงะกับความคิดนาง การแย่งคนในเป่ยหรงถือเป็วิธีการที่ไร้ยางอายยิ่งนัก
เห็นหวงฝู่จินไม่ส่งเสียงอยู่ครู่หนึ่ง หลินฟู่อินก็ค่อยๆ คิดอย่างระมัดระวัง ก่อนใบหน้าจะทอสีแดงระเรื่อเมื่อนึกได้ว่าวิธีการแย่งตัวคนเช่นนี้ที่จริงสำหรับคนโบราณถือว่าเลวร้ายที่สุด
“คิดว่าแย่งตัวคนไม่ดีหรือ? เช่นนั้นก็หาคนไปฝึกแทน” หลินฟู่อินเห็นว่าการแย่งตัวคนไม่ดีก็หาหนทางอื่นแทน
จะว่าอย่างไรดีล่ะ ที่จริงในยุคปัจจุบันก็มีสิ่งที่เรียกว่าสิทธิบัตรเหมือนกัน การที่นางให้หวงฝู่จินส่งคนไปขโมยความรู้ ดูจากสีหน้าเขาก็รู้แล้วว่าไม่อยากทำ
ช่างเถอะ สุภาพบุรุษมีสิ่งที่ควรและไม่ควรทำ
“ข้าคิดว่าท่านส่งคนไปเรียนวิธีการทอผ้าห่มจากปรมาจารย์ช่างได้ วิธีนี้ยังเรียกได้ว่าการสืบทอดวิชา ขอเพียงคนที่ท่านส่งไปไม่ทอผ้าห่มที่เป็ลายของผู้อื่นเช่นนี้ย่อมไม่กระทบเขา เช่นนี้ก็ไม่เป็ไรไม่ใช่หรือ?” หลินฟู่อินไม่อยากทำให้อีกฝ่ายลำบากใจนัก
เห็นคนระดับเขายังมีใจถามรายละเอียดเื่การค้าขาย ทำให้นางแอบคิดว่าเขากำลัง้าเงิน เป็เงินจำนวนมหาศาลเสียด้วย
หลินฟู่อินซาบซึ้งใจในทุกสิ่งที่ชายหนุ่มทำเพื่อนาง และตราบใดที่นางทำได้ นางย่อมแบ่งปันสิ่งที่นางทราบให้เขาได้ฟังสักหน่อย
ดวงตาของหวงฝู่จินจับจ้องเด็กสาวอยู่ตลอด เห็นนางวางแผนเพื่อเขาอย่างจริงใจ ในใจก็อบอุ่นตั้งนานแล้ว
อีกอย่างวิธีการของนางก็ค่อนข้างถูกต้อง ให้หาคนไปฝึกวิชาแล้วกลับมาทำผ้าห่มในลวดลายและสีสันที่ชาวต้าเว่ยชอบ หากเขาหาวิธีการขายผ้าห่มขนแกะเ่าั้ให้คนรวยในต้าเว่ยได้ ต่อให้ไม่ต้องคิดคำนวณเลขเป็ก็เห็นได้ชัดว่าทำเงินได้มากแน่นอน
“คุณชายเห็นว่าน่าสนใจหรือไม่?” เห็นเขาเงียบไปอีกครั้ง หลินฟู่อินก็เลิกคิ้วน้อยๆ เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
ฟังน้ำเสียงสงสัยของนาง หวงฝู่จินก็ใจอ่อน “ข้าจะส่งจดหมายให้ตวนมู่เฉิงโดยเร็ว ให้เขารับผิดชอบเื่นี้ให้เหมาะสม”
ถือเป็การยอมรับคำแนะนำของหลินฟู่อิน พอนางดีใจ คิ้วนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่าได้ช่วยหวงฝู่จินหาเงินเช่นนี้ก็ถือเป็การตอบแทนบุญคุณเขาส่วนหนึ่งแล้ว
เห็นนางอารมณ์ดี ดวงตาหงส์สีดำสนิทของหวงฝู่จินก็เผยยิ้ม แล้วจึงตั้งใจบอก “ชาดหิมะหลอมขาดตลาดในเป่ยหรงแล้ว ตอนนี้ตวนมู่เฉิงเริ่มเตรียมการเข้าต้าเว่ยเพื่อซื้อไขมันสัตว์กับวัตถุดิบอื่น”
พอได้ยินข่าวดี เด็กสาวก็ยิ่งมีความสุข แต่ให้ตวนมู่เฉิงต้องเดินทางมาต้าเว่ยเช่นนี้ดูจะไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก ต้องเสียทั้งเงินและเวลาแท้ๆ
“ที่จริงวัตถุดิบส่วนใหญ่ของชาดหิมะหลอมสามารถหาได้จากการทำสบู่ บางสิ่งก็เป็วัตถุดิบทำสบู่ คุณชายสั่งให้ท่านตวนมู่เปิดโรงงานทำสบู่ขนาดใหญ่ในเป่ยหรงจะดีกว่า เช่นนี้ไม่เพียงได้วัตถุดิบทำชาดหิมะหลอม ทว่ายังได้ทำสบู่ขายด้วย” หลินฟู่อินยักคิ้ว
เมื่อได้ยินคำพูดนาง หวงฝู่จินก็ดวงตาวาววับ
เป่ยหรงมีทรายมาก ทั้งเสื้อผ้าและร่างกายเละเทอะได้ง่าย ในเป่ยหรงจึงขาดแคลนสบู่และเครื่องใช้ในบ้านอื่นๆ หลายชนิด
แต่ชาวเป่ยหรงส่วนใหญ่คุ้นชินกับการอยู่บนหลังม้า ไม่อยากจะหมกตัวอยู่ในโรงงานทำของใช้ในชีวิตประจำวันเหมือนชาวต้าเว่ย ดังนั้นในเป่ยหรงจึงมีโรงงานทำสบู่ไม่มาก ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากฝั่งต้าเว่ย
แต่ราคาสบู่จากต้าเว่ยนี้ราคาสูงกว่าต้นทางสองเท่า ส่งผลให้ชาวเป่ยหรงส่วนมากไม่้าสบู่เพื่อนำมาใช้ซักผ้าแม้แต่น้อย
หวงฝู่จินลองคำนวณดู หากสั่งให้ตวนมู่เฉิงเปิดโรงงานทำสบู่ขนาดใหญ่ในเป่ยหรง ขอเพียงราคาสบู่ที่ทำออกมาถูกกว่าของต้าเว่ยครึ่งหนึ่งก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้
“ดีมาก ข้าจะส่งจดหมายไปสั่งให้ตวนมู่เฉิงเปิดโรงงานทำสบู่ด้วยเลย” หวงฝู่จินยิ้มรับ
แต่พอนึกถึงสถานการณ์ในเป่ยหรง เขาก็ยิ้มต่อไม่ออกอีกแล้ว
หากมิใช่ว่าที่นั่นสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นทุกทีจนต้องเตรียมการหลายอย่างเอาไว้ล่วงหน้า กิจการเหล่านี้คงไม่มีอะไรให้เขาใส่ใจ
เพราะกิจการหลายแห่งในมือตวนมู่เฉิงก็ทำเงินได้มากพอสำหรับค่าใช้จ่ายของเขาแล้ว เขาจึงสนใจเื่ค้าขายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โชคดีเหลือเกินที่เขาได้พบหลินฟู่อิน ชายหนุ่มถอนหายใจ
เด็กสาวเห็นสายตาอ้างว้างของเขาก็หลุบตาลง คิดว่าอีกฝ่ายคงมีเื่ไม่พอใจอะไรอยู่
ทั้งสองคุยกันเื่กิจการอยู่นาน กระทั่งในที่สุดรถม้าก็ค่อยๆ หยุดลง
“นายท่าน คุณหนู ถึงแล้วขอรับ” เสียงของเหล่าลิ่วลอยเข้ามา
“ข้าประคองเ้าลงเอง” หวงฝู่จินก้มหัวลงเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นจับมือน้อยๆ ของหลินฟู่อินที่รอให้เขาลงก่อน
เด็กสาวกะพริบตามองฝ่ามือเรียวงามได้รูปของเขาก่อนจะเม้มปาก แอบคิดว่านี่คือการกระทำของสุภาพบุรุษที่แท้จริง…
เมื่อลงจากรถม้าแล้วนางก็เงยหน้ามองทิวทัศน์ที่รายล้อม ไม่ใช่ว่าที่นี่คือทะเลสาบที่หลิวฉินกับฉางหนิงเพื่อนสนิทมาเล่นกันหรือ?
เหตุใดหวงฝู่จินถึงพานางมาที่นี่ได้? หรือจะพานางมาเล่นน้ำ?
หลินฟู่อินมองเขาอย่างสงสัย เห็นอีกฝ่ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หลินฟู่อินก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
พอนึกถึงหลิวฉินนางก็รู้สึกผิดขึ้นมา ตลอดหลายวันมานี้นางไม่ได้ส่งจดหมายให้หลิวฉินเลย คงทำให้เขากังวลแทบแย่แล้วกระมัง?
“จะว่าไป ข้าลืมไปว่าตอนส่งจดหมายให้นายท่านผู้เฒ่าหลี่ ข้าขอให้คุณชายใหญ่หลิวภัตตาคารหลิวจี้ของเมืองชิงหยางช่วยเหลือ ตอนนี้ข้าสบายดีแล้วแต่กลับลืมบอกเขา คงต้องหาคนส่งจดหมายไปบอกไม่ให้เขาเป็ห่วง”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?” หวงฝู่จินขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลินฟู่อินตอบ “น่าจะอยู่ที่ภัตตาคารอิ๋งเค่อไหลในเมืองชิงเหลียน เขาเป็สหายกับคุณชายของร้านนั้น”
ได้ยินคำพูดนาง เขาก็หันไปพยักหน้าให้เหล่าลิ่ว
เหล่าลิ่วเดินเข้าไปในฝูงชน มองไปจนเจอขอทานเร่ร่อนคนหนึ่งก็หยิบเหรียญสองเหรียญออกมาส่งให้อีกฝ่าย ก่อนจะพูดอะไรด้วยหลายคำ ขอทานคนนั้นพยักหน้าด้วยท่าทางยินดีแล้วรับเงินไป
“คุณหนู ข้าสั่งให้ขอทานคนนั้นไปส่งจดหมายที่ภัตตาคารอิ๋งเค่อไหลแล้วขอรับ ไม่ต้องห่วง” เหล่าลิ่วเดินกลับมายิ้มแจ้งหลินฟู่อิน
เด็กหญิงพยักหน้าขอบคุณเขา
ยามนี้ท้องฟ้ามืด ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าลงไปทางตะวันตกนานแล้ว สายลมเย็นพัดมาก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อมไหวบนผิวน้ำ
ต้นหลิวต้นใหญ่ที่ทอดกิ่งไปยังทะเลสาบแกว่งไกวน้อยๆ ดูแตกต่างออกไป
“คุณหนู ทิวทัศน์ที่ขึ้นชื่อที่สุดของชิงเหลียนคือทะเลสาบชิงเหลียน ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากแม่น้ำหลานิ แม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของเป่ยหรงที่ไหลมากับแม่น้ำของต้าเว่ย ทะเลสาบแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวาง น้ำไม่เชี่ยว เหมาะกับการว่ายน้ำเล่นยิ่งนัก” เหล่าลิ่วยิ้มอธิบาย
ที่จริงชื่อเมืองชิงเหลียนก็เปลี่ยนมาตั้งตามชื่อทะเลสาบแห่งนี้นี่เอง
“ชิงเหลียนแห่งนี้มีแม่น้ำสิบสายไหลมารวมกัน หนึ่งในนั้นไหลผ่านหลังูเาของหมู่บ้านหูลู่ที่เ้าอยู่” หวงฝู่จินเสริม
ในใจหลินฟู่อินสั่นสะท้าน แปลว่าแม่น้ำลึกที่ท่านพ่อหลินตกลงไปเป็หนึ่งในสายน้ำที่ไหลมารวมเป็ทะเลสาบชิงเหลียน!
ดังนั้น จะเป็ไปได้หรือไม่ว่าเรือทางการที่ช่วยท่านพ่อเอาไว้จะมาจากเมืองชิงเหลียน?
แต่ความเป็ไปได้นี้มีไม่มาก ถึงอย่างไรแม่น้ำลึกที่อยู่หลังูเาหมู่บ้านหูลู่ก็เชี่ยวกรากยิ่งนัก เรือทางการไม่น่าจะแล่นไปจนถึงที่นั่นได้
เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลบฝังความคิดนั้นแล้วฟังเหล่าลิ่วต่อ “คุณชาย เรือสำราญที่เช่าเอาไว้มาถึงท่าแล้วขอรับ ขึ้นเรือเถอะขอรับ”
“ไปเถอะ” หวงฝู่จินหันมาพูดกับนาง
หลินฟู่อินพยักหน้าเดินตามเขาไปยังท่าเรือ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปจับมือของชายหนุ่มที่ยื่นมาให้แล้วก้าวขึ้นไปบนเรือสำราญลำดังกล่าว
“นี่หลิวฉิน เ้าว่าเด็กคนนั้นใช่แม่นางหลินหรือไม่?” ในเวลานี้เอง ฉางหนิงที่พาหลิวฉินมาเดินเล่นอยู่แถวท่าเรือพอดีเช่นกันก็ถามขึ้น
หลิวฉินหงุดหงิดใจมาหลายวันที่ไม่ได้รับข่าวของหลินฟู่อิน ฉางหนิงจึงพามาว่ายน้ำที่ทะเลสาบแห่งนี้อีกครั้งเพื่อขจัดความหงุดหงิดใจ
หลิวฉินได้ยินคำถามของสหายก็คิดว่าอีกฝ่ายแค่หยอกล้อเท่านั้น จึงตอบด้วยท่าทางไร้ชีวิตชีวา “อย่าล้อเล่น แม่นางหลินตอนนี้น่าจะยังติดอยู่ในจวนสกุลโจว”
ฉางหนิงยิ้ม “ทุกคนจากสกุลหลี่มาถึงที่นี่แล้ว เป็บุรุษขึงขังหลายสิบคน จะยังทำให้แม่นางหลินที่เป็วีรสตรีต้องเจอเื่เสียน้ำใจได้อย่างไร?”
คนผู้นี้ไม่เป็กังวลแม้แต่น้อย
ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขาเป็เพียงผู้ดูเท่านั้น
หลิวฉินมองฉางหนิงด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่ ก่อนจะแค่นเสียง “ถึงสกุลหลี่จะมาแล้ว ฟู่อินอาจจะไม่าเ็ก็จริง แต่คนพวกนั้นจะออกมาเที่ยวเล่นที่ทะเลสาบชิงเหลียนได้อย่างไร?”
“อาจจะไม่จริงก็ได้นี่” ฉางหนิงโคลงหัวไปมา ชี้ไปยังหลินฟู่อินกับหวงฝู่จิน “ดูสิ เด็กคนนั้นคือแม่นางหลินจริงๆ ไม่ใช่หรือ?”
หลิวฉินหันไปมองตามปลายนิ้วอีกฝ่ายจริงๆ
พอเห็นเข้าก็ชะงักตัวแข็งทื่อ เขาเบิกตากว้างก่อนจะยกมือขยี้ตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “เป็นางจริงด้วย!”
คราวนี้ฉางหนิงกลับเป็ฝ่ายประหลาดใจ เขามองหน้าสหาย “เ้าเห็นชัดจริงๆ หรือไม่ว่าเป็แม่นางหลินจริงๆ? นางขึ้นเรือกับบุรุษท่าทางไม่ธรรมดา และยังเป็เรือสำราญชั้นหนึ่งในทะเลสาบชิงเหลียนอีก!”
แต่เดิมฉางหนิงคิดว่าเด็กคนนั้นแค่คล้ายหลินฟู่อินเฉยๆ จึงตั้งใจจะแกล้งหลิวฉินเท่านั้นเอง
“เห็นชัดเจน เป็นางจริงๆ” สีหน้าหลิวฉินพลันย่ำแย่ขึ้นมา ไม่มีท่าทียินดีที่เห็นหลินฟู่อินยังปลอดภัยดีแม้แต่น้อย
ในใจสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยคำถามว่าเหตุใดหลินฟู่อินจึงมาอยู่กับบุรุษแปลกหน้าท่าทางโอหังผู้นั้นได้
“ฟู่อิน ฟู่อิน!” เขารู้สึกว่าเื่นี้ต้องสืบรู้ให้ได้ ทันใดนั้นจึงทิ้งฉางหนิงเอาไว้ รีบวิ่งไปยังเรือสำราญของหวงฝู่จินทันที
เพราะลมทะเลสาบพัดแรงมาก หลินฟู่อินจึงไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่เมื่อหวงฝู่จินได้ยิน ดวงตาก็ทอประกายวาบขึ้น
หลิวฉินวิ่งเข้ามาจนใกล้เรือ หลินฟู่อินจึงเพิ่งได้ยินเสียงเขาเรียกตน นางหันขวับไปมองก็เห็นอีกฝ่ายกำลังวิ่งถลาเข้ามาถึงท่าเรือที่เรือของพวกนางอยู่ เชือกมัดผมสีน้ำเงินพลิ้วไหวไปตามลมเป็ภาพที่งามจับตา
หลินฟู่อินโบกมือยิ้มให้เขาทันที “หลิวฉิน ข้าอยู่นี่ ข้าให้คนไปส่งจดหมายให้เ้าที่ภัตตาคารอิ๋งเค่อไหล เหตุใดเ้าถึงมาที่นี่ได้…”
หลิวฉินไม่ทันได้ยินคำถัดไป เพราะเรือสำราญพุ่งออกจากท่าไปยังกลางทะเลสาบด้วยความรวดเร็วราวกับลูกธนู
ลมทะเลสาบยิ่งพัดแรงกว่าเดิม หลินฟู่อินไม่ได้ยินเสียงะโของเขาแม้แต่น้อย ทำได้แต่มองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย นางจึงโบกมือให้หลิวฉิน เป็สัญญาณว่าไม่ต้องกังวล
“คุณชายใหญ่สกุลหลิวนั่นดูใส่ใจเ้ายิ่งนัก” หวงฝู่จินเดินมาข้างหลังนาง น้ำเสียงสงบทว่าดวงตากลับดำมืด
หลินฟู่อินเอ่ย “เขาเป็สหายข้า โชคดีจริงๆ ที่ครั้งนี้เขาอยู่ชิงเหลียนพอดี หาไม่ข้าคงคิดสถานการณ์ไม่ออก”
“จริงหรือ?” หวงฝู่จินมองนาง
เหล่าลิ่วเห็นผู้เป็นายเจอฤทธิ์ไหน้ำส้มอีกแล้ว แต่เหมือนแม่นางหลินจะไม่รู้ตัว เกรงว่าเด็กสาวจะพูดอะไรล่วงเกินนายท่านเข้าจึงได้หัวเราะ “นายท่าน งานเลี้ยงอาหารเย็นเสร็จแล้วขอรับ ข้าน้อยเห็นว่านายท่านกับคุณหนูน่าจะหิวแล้ว กินข้าวก่อนเป็อย่างไรขอรับ?”
“จริงหรือ? พอดีเลย ข้าหิวแล้ว” หลินฟู่อินให้ความร่วมมือเป็อย่างดี เพราะนางหิวแล้วจริงๆ
พอหวงฝู่จินได้ยินก็พยักหน้าให้ลูกน้องของตนด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
หลินฟู่อินรู้สึกว่าสิ่งที่นางเคยคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้าน่าจะถูกต้องแล้ว หวงฝู่จินน่าจะพานางมาว่ายน้ำเล่นที่ทะเลสาบจริงๆ
นางเดินตามเหล่าลิ่วเข้าไปในเรือสำราญ การตกแต่งของเรือลำนี้หรูหรามีระดับ แค่มองก็ััได้แล้วว่าจะเช่าเหมาเรือสำราญเช่นนี้คงต้องใช้เงินไม่น้อยเลยใช่ไหมเล่า?
“คุณหนู หลายวันมานี้ท่านน่าจะหวาดกลัวคนสกุลโจวไม่น้อย ข้าจึงถือโอกาสระหว่างที่สกุลหลี่สกุลโจวสองบ้านกำลังตกลงกันพาท่านออกมาผ่อนคลายเสียหน่อย รับประทานปลาที่ตกสดๆ จากทะเลสาบชิงเหลียน ดื่มด่ำบรรยากาศทิวทัศน์ทะเลสาบ สนุกให้มากๆ นะขอรับ” เหล่าลิ่วพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้บรรยากาศมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
เขากังวลจริงๆ แม้จะเป็คนโง่แต่ก็เห็นอยู่ว่านายท่านมองคุณหนูด้วยสายตาไม่ปกติ เขามองเห็นได้ นายท่านเองก็น่าจะรู้ตัว เกรงว่านายท่านคงจะหึงหวงเข้าให้แล้ว แต่คุณหนูหลินยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น หากทั้งสองทะเลาะกันจะยุ่งยากเอาได้
พอได้ยินเหล่าลิ่วพูด หลินฟู่อินก็รู้สึกขอบคุณหวงฝู่จิน จึงได้ทำตัวดีกว่าเดิม หันไปมองเขาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
ในตอนที่มีรอยยิ้มจริงใจเช่นนี้เอง นางจึงดูเหมือนกับเด็กอายุสิบสามสิบสี่ปีทั่วๆ ไป เมื่อได้เห็นรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของนาง หวงฝู่จินก็สะดุ้งอย่างรุนแรง
พอคิดดูเขาจึงเป็คนพานางไปยังโต๊ะอาหาร ดึงเก้าอี้ให้นาง ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
“เ้าคิดอย่างไรกับหลิวฉิน?” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าสงบ
หลินฟู่อินรู้สึกว่าคำถามออกจะประหลาด แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงไหน ครุ่นคิดสักหน่อยก็ตอบ “ข้าวางแผนจะทำกิจการกับเขามานานแล้ว พอกิจการของข้าเข้าที่ก็จะให้เขาเป็คนดูแลเ้าค่ะ” นางชะงักไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสริม “เขาเป็คนมีความสามารถ อย่ามองว่าไม่เอาถ่าน ที่แท้ก็มีฝีมืออยู่มาก โดยเฉพาะเื่การเข้าสังคม คิดว่าตราบใดที่ให้ผลประโยชน์กับเขามากพอ ในอนาคตย่อมเป็ผู้ช่วยที่ดีเ้าค่ะ”
ต่อหน้าผู้อื่นหรือแม้กระทั่งหลิวฉินเอง หลินฟู่อินไม่เคยเปิดเผยเื่ที่นางวางแผนใช้งานหลิวฉินเอาไว้อย่างไรออกมาแม้แต่น้อย แต่ต่อหน้าหวงฝู่จิน นางบอกเล่าทุกสิ่งด้วยความเชื่อใจ
นางไม่เคยคิดว่าเหตุใดจึงเป็เช่นนี้ เพียงแต่ทำลงไปตามธรรมชาติ
หวงฝู่จินเคยฟังนางเปิดเผยเื่ต่างๆ มาก่อนแล้ว แต่คราวนี้เมื่อได้ยินนางบอกเล่าลงรายละเอียดอีกครั้ง ความรู้สึกเปรี้ยวในใจก็จางลงเล็กน้อย
เขาเองก็ััได้ว่าหลินฟู่อินเชื่อมันในตัวเขา สิ่งสำคัญที่สุดคือเขามองเห็นดวงตากระจ่างใสประหนึ่งมองทะลุใจผู้คนคู่นั้น สายตาของนางบอกกับเขาว่าเด็กคนนี้เห็นหลิวฉินเป็สหายจริงๆ
ทว่าเมื่อคิดว่าอีกหน่อยนางจะต้องพบสหายคู่ค้าเช่นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อากาศสดใสในใจชายหนุ่มก็กลายเป็ฟ้ามืดครึ้มอีกครั้ง
หลินฟู่อินไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเขาคิดอะไรอยู่ นางเพียงรอคอยอาหารอร่อยๆ จากทะเลสาบชิงเหลียนเท่านั้น…
“เ้า…” หวงฝู่จินครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่เมื่อเงยหน้ามองเห็นเด็กสาวที่มีท่าทีคาดหวัง เขาก็ไม่อาจถามคำถามที่คิดในใจออกไปได้
ในตอนนี้หลินฟู่อินก็แสดงสีหน้าที่นานครั้งจะปรากฏ เป็สีหน้าเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ทั่วไป นางดูบอบบาง นุ่มนิ่ม เหมือนเด็กคนหนึ่งเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง หวงฝู่จินจึงได้รู้ตัวว่าในใจของเขามีถ้อยคำอยู่นับหมื่น
ไม่ใช่หลินฟู่อินไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ และไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจความหงุดหงิดของเขา แต่จะให้นางพูดอะไรเล่า?
นางใช้สองมือประคองแก้มตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตารออาหารอร่อยๆ ทว่าในใจมีความคิดมากมายนับไม่ถ้วน เพียงแต่นางปิดบังเอาไว้ได้ดี กระทั่งหวงฝู่จินก็ยังไม่เห็น
ในชาติก่อนนางเป็คนเงียบๆ และใจเย็น การจะปิดบังอารมณ์ที่แท้จริงสำหรับนางไม่ยากเลย
ใช่แล้ว หลินฟู่อินก็เกิดอาการขี้ขลาดเหมือนกัน เื่บางเื่ก็ต้องใช้เวลาตัดสินใจ
นางยังไม่พร้อม เขาเองก็ยังไม่พร้อมเช่นกัน
ที่จวนสกุลโจว
หลังจากที่หลี่ฮูหยินได้ยินว่านายท่านผู้เฒ่าหลี่กับสกุลโจวตกลงกันได้ด้วยดีแล้วนางก็โกรธมาก แม้จะทราบว่าอีกฝ่ายเพิ่งยอมรับนางเป็สะใภ้สกุลหลี่ แต่เื่นี้หากไม่ได้พูดออกไปนางย่อมไม่พอใจ
“ท่านพ่อ ฟู่อินกับข้าช่วยกันปกป้องน้องสาวเอาไว้หาใช่เพื่อปล่อยสกุลโจวออกไปง่ายๆ เช่นนี้ แล้วเหตุใดสุดท้ายสกุลโจวยังจะไปกอดตักของบ้านเล็กกับเด็กสองคนนั้นอีก?” หลี่ซื่อขมวดคิ้วแน่น ถามด้วยเสียงแหลมสูง
ครั้งนี้นายท่านผู้เฒ่าหลี่ไม่มีทีท่าหมดความอดทนแม้แต่น้อย
เขาทราบแล้วว่าสะใภ้เล็กกับเด็กที่ชื่อหลินฟู่อินทำเพื่อบุตรสาวคนเล็กของตน ทำเพื่อสกุลหลี่มากมายเพียงใด จึงนึกขอบคุณทั้งสองจากก้นบึ้งหัวใจ
“สะใภ้เล็ก ข้าผู้ชรารู้ว่าเ้าคิดอย่างไร เพียงแต่…” นายท่านผู้เฒ่าหลี่มองหน้าหลี่ฮูหยิน ก่อนจะถอนหายใจยาว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้