หลังจากออกจากซีจิ่นย่วน มู่อวิ๋นจิ่นที่นั่งอยู่ในรถม้ากำลังเล่นกับแส้หางหงส์ และนางก็ไม่ท่าทีจะวางมันลง
“คุณหนูสาม ถึงจวนเสนาบดีมู่แล้วขอรับ”
รถม้าหยุดลงอย่างรวดเร็วก่อนจะได้ยินเสียงของติงเสี่ยนที่ดังมาจากข้างนอก
มู่อวิ๋นจิ่นตอบรับ “อืม” แล้วเปิดผ้าม่านออกดูด้านนอก ก่อนจะเห็นรถม้ามาหยุดลงหน้าจวนของนางพอดี
หลังจากนั้นนางก็หันไปมองที่ฉู่ลี่ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใกล้จะมืดแล้ว องค์ชายหกควรกลับไปพักผ่อนเสียแต่เนิ่นๆ”
เมื่อได้ยินเสียงมู่อวิ๋นจิ่น ฉู่ลี่กวาดสายตาไปที่นาง นี่คงเป็ครั้งแรกที่นางพูดจาไม่เสียดสี เห็นทีแส้หางหงส์จะเป็ของที่ถูกใจนางจริงๆ
…
หลังจากอำลาฉู่ลี่แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินเข้าไปในประตูจวน
ทันทีที่มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเข้ามายังประตูจวนอัครเสนาบดี ลุงหวังก็เข้ามาต้อนรับ และมอบของขวัญให้มู่อวิ๋นจิ่น ใบหน้าของบ่าวผู้นี้เปี่ยมไปด้วยความสุข “ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ คุณหนูสาม”
มู่อวิ๋นจิ่นหยุดชั่วคราวก่อนจะเลิกคิ้ว และััแส้หางหงส์ที่พันรอบข้อมือของตนโดยไม่รู้ตัว
นางยิ้มให้ก่อนเอ่ยตอบ “ขอบคุณมาก ลุงหวัง”
หลังจากนั้น มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า ทันทีที่นางเข้าไปในห้องโถงก็ต้องตกตะลึงกับกล่องของกำนัลที่ห่อด้วยผ้าไหมสีแดงกระจายอยู่ทั่วห้อง
กล่องของกำนัลเต็มไปทั้งห้อง กีดขวางทางเดินกลับไปที่เรือนมวลบุปผาตลอดเส้นทาง
ดูไหมสีแดงที่พันอยู่บนนั้น อาจจะเป็…
มู่อวิ๋นจิ่นหยุดชั่วขณะ ชำเลืองมอง และตระหนักว่าโถงด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คน แม้แต่คนป่วยอย่างสองแม่ลูกคู่นั้น
เมื่อทุกคนเห็นมู่อวิ๋นจิ่น ก็พลันมีสีหน้าต่างออกไป
“อวิ๋นจิ่นกลับมาแล้ว” อัครเสนาบดีมู่พูดก่อนมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่หายากบนใบหน้าของผู้เป็พ่อ
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ของเหล่านี้คืออะไร” จากนั้นดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่กล่องเ่าั้ที่วางระเกะระกะอยู่
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อัครเสนาบดีมู่ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้ได้ ก่อนจะตอบคำถามของมู่อวิ๋นจิ่นว่า “นี่คือของหมั้นที่ส่งมาจากโดยองค์ชายหก ผู้มีอุบายมากมายร้อยแปด ซึ่งเป็ของหมั้นที่มากกว่าธรรมเนียมหลายเท่าตัว แสดงถึงความจริงใจที่องค์ชายต่อเ้าจริง ๆ ”
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย นางอยู่กับฉู่ลี่ตลอดบ่าย และไม่ได้ยินองค์ชายหกพูดถึงการเตรียมของหมั้นเลยแม้เพียงสักครั้ง
ดูเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้ มู่อวิ๋นจิ่นหยิบหยกขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากกล่องของกำนัลมาถือไว้ในมือครู่หนึ่งแล้วลอบถอนหายใจ มันเป็ของมีค่าจริง ๆ
ฉู่ลี่เ้าเด็กน้อยนี่แอบสะสมของล้ำค่าไว้มากน้อยขนาดไหนกัน ไม่เพียงสามารถควักเงินสามหมื่นตำลึงทองซื้อหยกประจำตัวของนางอย่างสบายๆ เท่านั้น นี่ยังนำเงินทองและเครื่องประดับมากมายมาเป็ของหมั้นหมาย นับเป็เื่ที่น่าแปลกมิน้อย!
น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของอัครเสนาบดีมู่เสียแล้ว
“ตอนแรกข้ากังวลว่าองค์ชายหกจะพอใจหรือไม่เพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีของมู่อวิ๋นจิ่นในอดีต ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าข้ากังวลมากเกินไป”
เมื่อซูปี้ชิงมองไปที่ของกำนัลหมั้นหมายที่เกือบเต็มห้อง นางรู้สึกได้ถึงความโกรธที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในใจของนาง
เมื่อซูปี้ชิงเริ่มแขวะนางอีกครั้ง มู่อวิ๋นจิ่นก็แอบยิ้มมุมปาก เรียวคิ้วขมวดมุ่นก่อนมองไปยังอัครเสนาบดีมู่ “ท่านพ่อ วันนั้นท่านแม่กล่าวว่าอวิ๋นจิ่นยังมีน้องสาวอีกสองคน ประเดี๋ยวถึงวัยที่พวกนางแต่งงานออกเรือนจะได้มีเงินทองติดตัวไปตระกูลฝ่ายชาย ครั้งนี้องค์ชายหกมอบของหมั้นหมายให้มากมาย หากจะพูดจาอะไรก็ควรรู้จักประมาณเสียหน่อยใช่ไหมเ้าคะ?”
อัครเสนาบดีมู่ชะงักไปชั่วครู่ เมื่อได้ยินคำพูดของมู่อวิ๋นจิ่นดังนั้น เขาก็เหลือบมองซูปี้ชิงด้วยความไม่พอใจ จากนั้นจึงหันไปมองมู่อวิ๋นจิ่น “อย่ากังวลไป เ้าเป็ลูกสาวคนแรกของตระกูลมู่ของเราที่ได้แต่งงานออกเรือน ที่สำคัญยังแต่งเข้าราชวงศ์ ในฐานะคนเป็บิดาเช่นข้าก็ย่อมมิยอมให้ใครหัวเราะเยาะดูแคลนลูกได้”
“ด้วยคำพูดของพ่อ อวิ๋นจิ่นจึงสบายใจได้” หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นพูดจบ นางก็มองซูปี้ชิงด้วยความพอใจ
มู่หลิงจูที่เงียบมาตลอด ตอนนี้ยังคงรู้สึกอ่อนแอจากอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ครั้นเมื่อเห็นห้องที่เต็มไปด้วยของหมั้น นางก็รู้สึกเจ็บใจอีกครั้ง
ฉากนี้ที่เพ้อฝันมานับครั้งไม่ถ้วนได้กลายเป็จริงแล้วในตอนนี้ แต่มันเกิดขึ้นกับมู่อวิ๋นจิ่น ผู้เป็พี่สาวของนาง
นิสัยใจคอของฉู่ลี่ผู้นี้ นางพอจะเข้าใจอยู่บ้าง หากชอบก็คือชอบ หากไม่ชอบใครก็มิอาจบังคับได้ บัดนี้ของหมั้นหมายวางเรียงรายอยู่เต็มห้อง เพียงเท่านี้ก็แสดงถึงความจริงใจที่เขามีต่อมู่อวิ๋นจิ่นแล้ว
มู่อวิ๋นจิ่น…
มู่หลิงจูกัดฟันกรอดมองใบหน้ายิ้มแย้มที่อยู่ตรงหน้าตน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นะเื นางรอบรู้ทั้งเื่บทกวีและหนังสือมากมาย ได้รับชื่อเสียงในฐานะสตรีผู้มีความสามารถอันดับหนึ่ง แต่ยังไม่เท่ากับการมีรูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างนั้นหรือ?
ข้าจะพอใจกับสิ่งนี้ได้อย่างไร!
ในเวลานี้มู่เซี่ยโหรวผู้เฝ้าดูความตื่นเต้นเป็เวลานานจู่ ๆ ก็เปล่งเสียง ก่อนจะวิ่งไปที่ด้านข้างของมู่อวิ๋นจิ่น แล้วจับแขนของนางอย่างเสน่หา “ขอแสดงความยินดีกับท่านพี่สาม ดูเหมือนว่าหลังจากแต่งงานแล้ว องค์ชายหกย่อมรักใคร่พี่สาวเป็อย่างมากแน่นอน”
ริมฝีปากของมู่อวิ๋นจิ่นกระตุกอยู่หลายครั้ง นางคิดในใจแค่ว่า... ความรักใคร่ที่เขาจะมีให้นั้น นางไม่อยากได้หรอก!
“ใช่แล้ว ๆ หน้าตาของอวิ๋นจิ่นดูก็รู้ว่ามีวาสนา ซานเหนียงขอแสดงความยินดีด้วย” ลัวหนิงอวี่เลือกใช้โอกาสนี้ออกปากชมมู่อวิ๋นจิ่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เสียงของลั่วหนิงอวี่ดังขึ้นดึงความสนใจจากมู่อวิ๋นจิ่นได้ชั่วขณะ
ฮูหยินสามผู้นี้ปกติแล้วจะอ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยอ่อนหวาน สามารถสอนบุตรสาวมู่เซี่ยโหรวให้มีความคิดความอ่าน เพียงแต่ยังไม่รู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของฮูหยินสาม ว่าต่อหน้าและลับหลังนั้นจะเป็เหมือนกันหรือเปล่า
…
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นกลับมาที่เรือนมวลบุปผา จื่อเซียงรีบออกจากห้องด้านหลังทันที และพูดเสียงดังกับมู่อวิ๋นจิ่นว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูด้วยเ้าค่ะ”
“หยุดนะ! อย่าพูดถึงเื่นี้กับข้าอีก ข้าปวดหัวเต็มที!” มู่อวิ๋นจิ่นหันไปยกมือสั่งห้ามให้จื่อเซียงหยุดพูด แล้วยืดเส้นยืดสาย ยืดคอขึ้นลง
จื่อเซียงเม้มปากอมยิ้ม ่ที่ผ่านมานางได้คลุกคลีเรียนรู้นิสัยใจคอมู่อวิ๋นจิ่นมามิน้อย ดังนั้นนางเลยไม่ค่อยหวาดกลัวมู่อวิ๋นจิ่น “ของกำนัลหมั้นหมายจากองค์ชายหกกองอยู่เต็มห้อง ครานี้ฮูหยินใหญ่และคุณหนูสี่จะต้องโกรธเป็ไฟแน่!”
“อีกอย่างคนที่รังแกคุณหนูใน่ที่ผ่านมา คราวนี้แหละคนพวกนั้นย่อมมิมีใครกล้ามารังแกอีกต่อไปแล้ว” จื่อเซียงพูดไปด้วย เชิดหน้าไปด้วย
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นได้ยินเช่นนี้ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเอามือจิ้มหน้าผากของจื่อเซียง “เ้าบ่าวตัวดี เ้าพูดเสียงดังเช่นนี้ ด้วยกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยินเ้าหรือ?”
“ระวังตอนที่ข้าไม่อยู่ไว้เถอะ เ้าอาจจะถูกถลกหนังก็ได้!” มู่อวิ๋นจิ่นจงใจขู่จื่อเซียง
เมื่อจื่อเซียงได้ยินสิ่งนี้นางใมากจนรีบเอามือปิดปาก และไม่กล้าพูดอะไรอีก “คุณหนูหยุดพูดเถอะเ้าค่ะ อย่างนั้นบ่าวจะไปเตรียมน้ำร้อนให้คุณหนูอาบนะเ้าคะ”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ด้านหลังฉากกั้นห้องนอน มู่อวิ๋นจิ่นเอนกายพิงอ่างอาบน้ำอย่างเฉื่อยชา แส้หางหงส์ยังคงพันรอบข้อมือของนาง และไม่ว่าวันนี้นางจะใช้เวลาอยู่กับมันมากเพียงใด ก็ไม่สามารถวางมันให้ไกลห่างจากตัวได้เลย
จื่อเซียงยืนอยู่ข้าง ๆ โปรยกลีบดอกไม้ลงในอ่างอาบน้ำเป็ครั้งคราว และเมื่อนางเห็นแส้หางหงส์ในมือของมู่อวิ๋นจิ่น จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “คุณหนู สร้อยข้อมือนี้คุณหนูได้มาจากไหนกัน? มันดูมีเอกลักษณ์และสวยงามมากเ้าค่ะ”
สร้อยข้อมือ?
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นมองแส้หางหงส์ด้วยแววตาครุ่นคิด แส้หางหงส์เส้นนี้จะเยี่ยมยอดเหมือนที่ชายชราคุยโวไว้ว่ามีพลังวิเศษจริงหรือ
“ฉู่ลี่ให้ข้า” มู่อวิ๋นจิ่นแตะที่ข้อมือของตนแล้วพูดเบา ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จื่อเซียงก็ปิดปากอมยิ้ม “องค์ชายหกใจดีกับคุณหนูมาก บ่าวอยากรู้จริง ๆ ว่าคุณหนูและองค์ชายหกก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน!”
“ปากมากนัก เ้านี่ช่างอยากรู้อยากเห็นเสียจริงนะ!” มู่อวิ๋นจิ่นบ่นเมื่อได้ยินคำพูดของจื่อเซียง
“
…
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่อวิ๋นจิ่นถูกเรียกปลุกเสียงเบา ให้ตื่นจากการหลับใหล
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นลืมตาก็เห็นจื่อเซียงยืนอยู่ข้างเตียงและพูดเสียงค่อยว่า “คุณหนูลุกขึ้นเร็วเ้าค่ะ แม่นมชวีอยู่ที่นี่”
มู่อวิ๋นจิ่นผงะเล็กน้อย และหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางจำได้ว่าแม่นมชวีคือคนที่อยู่ถัดจากฉินไท่เฟย นางจึงลุกขึ้นนั่งแล้วหาวก่อนจะเอ่ยถามกับจื่อเซียงว่า “แม่นมชวีเป็อย่างไรบ้าง”
“วันนี้ฉินไท่เฟยและเจิ้งไทเฮาจะไปที่วัด สุ่ยอวิ๋น เพื่อถวายเครื่องหอม ฉินไท่เฟย ได้เชิญคุณหนูเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้ โดยที่แม่นมชวีเดินทางมาบอก” จื่อเซียงบอกเล่า
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า และเมื่อเ้าพูดถึงวัดชุ่ยอวิ๋น ต้นไม้อายุพันปีที่จื่อเซียงพูดถึงในวันนั้นก็เข้ามาในความคิด
ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีโอกาสได้ดูหรือไม่?
เมื่อนึกถึงต้นไม้อายุพันปี หัวใจของมู่อวิ๋นจิ่นก็เต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้ และพลังลึกลับก็ปรากฏขึ้นดึงนางไว้แน่นอีกครั้ง
…
ในห้องโถงด้านหน้า เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นก้าวเข้ามา ทุกสายตาก็ล้วนจับจ้องมาที่นาง
มู่อวิ๋นจิ่นสวมชุดสีเขียวน้ำทะเลอ่อน ๆ ผมของนางถูกเกล้าเป็มวยเล็ก ๆ เสียบด้วยปิ่นหยกมรกต เครื่องแต่งกายที่เรียบง่ายทำให้นางดูสง่างามและกระฉับกระเฉง
“แม่นมชวีรอนานเลย” มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าประตูมาก็รีบทักทายแม่นมชวี โดยไม่สนใจปล่อยให้ซูปี้ชิงนั่งอยู่เก้าอี้กลางห้องในฐานะเ้าบ้าน
แม่นมชวีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นางลุกขึ้นย่อตัวทำความเคารพมู่อวิ๋นจิ่น “ “คุณหนูสามอย่าได้เกรงใจเลยเ้าค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้ม จากนั้นนางก็สังเกตเห็นว่ามีหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แม่นมชวี ด้วยใบหน้าที่จริงจังและไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้ามาทักทายนางแต่อย่างใด
มู่อวิ๋นจิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกได้ว่าคนผู้นี้คือแม่นมหยางที่อยู่ฝั่งของเจิ้งไทเฮา
เป็ไปได้ไหมที่แม่นมหยางมาเชิญมู่หลิงจู?
หลังจากคิดเกี่ยวกับเื่นี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็เห็นมู่หลิงจูเดินเข้ามาจากสวนด้านหลังสวมกระโปรงสีชมพูอ่อนที่มีผ้าปักลายและขลิบทอง นอกจากนี้ยังมีลายดอกบัวขนาดใหญ่ปักอยู่บนกระโปรง อีกทั้งผมของนางยังอยู่ในทรงมวยพร้อมปิ่นปักผมลายผีเสื้อหลากสี ทั้งตัวพร่างพราวไปด้วยความสวยงาม
หลังจากดูกระโปรงปักลายของมู่หลิงจู่แล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็ก้มศีรษะลงมองชุดของตนซึ่งทำจากวัสดุเก่า ๆ แล้วถอนหายใจอีกครั้ง นี่เป็เพราะการปฏิบัติที่แตกต่างกันชัดๆ!
ซูปี้ชิงนั่งอยู่ในที่นั่งหลักและมองไปที่มู่หลิงจู หลังจากได้เห็นชุดของนางในวันนี้แล้วความชื่นชมก็แวบเข้ามาในดวงตาของซูปี้ชิง
“จูเอ๋อร์ อวิ๋นจิ่น วันนี้เ้าสองคนจะไปวัดชุ่ยอวิ๋น กับพระราชินีและพระสนมเพื่อถวายเครื่องหอม เ้าต้องสงบเสงี่ยมและอย่าสร้างปัญหาให้กับฉินไท่เฟยและเจิ้งไทเฮาเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”ซูปี้ชิงกล่าว
มู่หลิงจูพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้นก่อนจะแย้มยิ้ม “เ้าค่ะ ท่านแม่อย่ากังวลไปเลย จูเอ๋อร์จะไม่สร้างปัญหาให้ท่านทั้งสองอย่างแน่นอน”
“ฮูหยินวางใจได้ ทั้งเมืองเตี๋ยฮวา ทุกคนต่างรับรู้ว่าคุณหนูสี่สกุลมู่มีนิสัยอ่อนโยนที่สุด ครั้งก่อนที่ไทเฮาพบหน้าคุณหนูสี่ได้ตรัสชมมิขาดปาก ทั้งยังนึกถึงอยู่เสมอเ้าค่ะ” แม่นมหยางหันไปพูดด้วยรอยยิ้มกับซูปี้ชิง
ซูปี้ชิงพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
ด้านข้าง แม่นมชวียิ้มจาง ๆ มองดูเวลา แล้วพูดกับมู่อวิ๋นจิ่นว่า “เรียนคุณหนูสาม รถม้าพร้อมแล้วที่ด้านนอกที่พัก ทำไมเราไม่ออกเดินทางกันั้แ่ตอนนี้เลยเล่า”