มุมปากสวยขบเม้มกลั้นรอยยิ้ม มองกองผ้าที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะดั่งเป็ของร้อน ด้วยน้ำมือของผู้เป็เ้าของ มือเรียวขาวจึงเลือกหยิบชายอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์บนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งชิ้น ยื่นไปด้านหน้าอีกครั้ง
"ฟางฟาง ทุกครั้งเ้าเคยเป็เด็กดี ข้าให้สิ่งของใดล้วนขอบคุณด้วยใบหน้าเปี่ยมยินดี เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ใยดีชุดที่ข้าสั่งตัดให้เช่นนี้เล่า"
"นายท่านหากเป็ทุกครั้งข้าย่อมดีใจ แต่นี่..." ฟางซินมองผ้าโปร่งสีขาวด้านหน้าที่เ้านายยื่นส่งให้ ไม่ว่ามองอย่างไรนางก็ไม่อาจมองเ้าเศษผ้าพวกนี้เป็อาภรณ์ที่สวมใส่ได้
คราแรกหลังจากหลงจู๊ร้านตัดเย็บนำชุดมาส่ง นางล้วนยินดีรีบออกไปรับมาอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อนางเปิดหีบห่อนั้นออก เพื่อนำมาวัดเทียบลองเหมือนเช่นทุกครั้ง กลับพบเพียงผ้าโปร่งบางหลากสีหลายชิ้นถูกเย็บเป็กระโปรงเกาะอก พร้อมผ้าสามเหลี่ยมมีเชือกทุกสามมุมสีเข้าคู่กัน พอนางจับยกขึ้นมาถึงพบว่าไม่เพียงเนื้อผ้าจะโปร่งบางจนเห็นภายใน ด้านหน้ายังทำเป็แหวกยาวไม่ต่างจากม่านมุ้ง ทำให้นางสลัดทิ้งด้วยความตื่นตระหนก
อาภรณ์หญิงคณิกาในหอตันเตี๋ยที่ว่าวาบหวิว ยังถือว่ามิดชิดกว่าเศษผ้าที่นายท่านเรียกว่าชุดอีก
"เอาเถิด ข้ามิได้เรียกร้องให้เ้าใส่หากไม่เต็มใจ"
ท่าทีของเ้านายทำให้หัวใจฟางซินกระตุกวูบ มือสวยที่ยื่นผ้ามาให้นางวางทิ้งอย่างอ่อนแรง ใบหน้าหล่อเหลาค่อนไปทางสวยเริ่มงอง้ำ แสดงให้เห็นชัดว่ากำลังรู้สึกผิดหวัง ทำให้นางเริ่มทำตัวไม่ถูกว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
"นายท่าน ถ้าหากข้าเต็มใจใส่เศษ..ชุดนี้ แล้วจะให้ข้าใส่ไปที่ใดได้เ้าคะ"
"มิใช่เมื่อวานข้าบอกแล้วหรือ"
ภายในหัวสมองน้อย ๆ ของฟางซินเริ่มจำคำของเ้านายได้ เมื่อวานเขาบอกว่าให้นางสวมใส่ชุดนี้ให้เขาเห็นเท่านั้น ในตอนนั้นนางยังนึกสงสัยว่าเพราะเหตุใด มาตอนนี้นางเข้าใจถ่องแท้แล้ว
"แต่นายท่าน..." พลันความคิดอีกสายในหัวสมองน้อย ๆ ผุดขึ้นอย่างกระดากอาย
ใส่ให้นายท่านเห็น แล้วจะให้นางใส่เศษผ้านี้ต่อหน้านายท่านได้อย่างไร
"ช่างเถิด ข้าบอกแล้ว หากเ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องใส่ ชุดพวกนี้เ้าก็เอาไปทิ้งเสีย ไม่ใส่เก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์"
"ใส่ ข้าจะใส่เ้าค่ะ"
มุมปากสวยยกยิ้มเ้าเล่ห์หลังยกจอกชาปิดบังไว้อย่างแเี ั์ตาสีดำคมกริบจ้องมองใบหน้าสาวใช้ที่ขึ้นสีแดงก่ำก้มมุดเขินอาย
ไม่เสียแรงที่เขาแสร้งตีสีหน้าเศร้า ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เด็กคนนี้ก็ไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมเขาได้ทัน
เมื่อถึงยามเซิน (15:00-16:59 น.) ฟางซินก็จัดเตรียมพลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้เ้านายหนุ่ม วันนี้นางเลือกอาภรณ์ชั้นในสีเขียวอ่อนไล่ปลายสีเขียวเข้ม รับกลับชุดคลุมสีเขียวเข้มด้านนอก ก่อนจะคาดรัดเอวบางด้วยสายเชือกที่ทอจากเส้นไหมนุ่ม ห้อยปลายด้วยหยกน้ำงามสีขาวนวล เข้าคู่กับเส้นเชือกที่นางนำมารัดเส้นผมสีดำขลับไว้ครึ่งศีรษะ
หญิงสาวมองสำรวจเรือนกายเ้านายตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะคลี่รอยยิ้มพึงพอใจในผลงานของตนเอง
"วันนี้นายท่านก็งามยิ่งนักเ้าค่ะ" หลังจากนางกล่าวชมจบจึงเตรียมสวมใส่รองเท้าให้เขาเป็ขั้นตอนสุดท้าย ทว่าร่างสูงโปร่งกลับไม่ไหวติงยืนนิ่งดุจหน้าผาแกร่ง ไม่ยอมยกเท้าขึ้นสวมใส่
"ข้าเคยบอกเ้าว่าอย่างไร"
"ไม่เ้าค่ะ งามในที่นี้หมายถึงรูปงาม นายท่านเป็บุรุษที่รูปงามมากเ้าค่ะ" ฟางซินจำต้องรีบเปลี่ยนคำพูด อธิบายความหมายเป็พัลวัน เมื่อใบหน้าเ้านายออกแสดงว่ากำลังมีโทสะอย่างชัดเจน
เพราะความงามบนใบหน้า ทำให้นางหลงลืมไปเสียสนิทว่าเขาไม่ชอบให้นางเอ่ยชมเช่นนั้น
"ข้าละเลยการทำโทษเ้ามานาน เลยได้ใจใช่หรือไม่"
"ไม่เ้าค่ะ ๆ ข้าจำได้ดี เป็ข้าเองที่คิดน้อยปากไม่ดี นายท่านผู้หล่อเหลายกเท้าขึ้นหน่อยเถิดเ้าค่ะ ข้าน้อยผู้นี้จะใส่รองเท้าให้เ้าค่ะ"
เห็นสาวใช้พลิกลิ้นไปมาเช่นนี้ ไป๋ชิงนึกอยากหยิกแก้มกลมให้ขึ้นรอยเขียวช้ำ แต่ต้องจำเก็บซ้อนมือไหว ยอมยกเท้าขึ้นสวมรองเท้าที่นางเตรียมไว้ให้แทน
"วันนี้เ้าอย่าแอบไปเที่ยวเล่นอีก หากก่อนปิดห้องข้ามิได้เห็นหน้าเ้า อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงโทษ"
"เ้าค่ะ ข้าจะคอยยื่นหน้าให้นายท่านเห็นก่อนแน่นอน" หากไม่มีเื่ที่น่าสนใจขึ้นมาเสียก่อน
แน่นอนว่าฟางซินรับปากแข็งขันแค่เพียงประโยคแรก ส่วนประโยคหลังนั้นนางเก็บซ่อนไว้ในใจไม่ให้เขาได้ล่วงรู้
สองร่างนายบ่าวพากันเดินไปทางด้านหลังเรือน แทนที่จะออกทางด้านหน้าเรือน ก่อนจะหายเข้าไปในทางลับเพื่อโพล่ปลายทางของอีกฝั่ง มือเล็กคอยจุดคบไฟตามหลังไว้ ระหว่างทางกลับพวกนางจะได้มีแสงนำทาง
เดินเพียงครึ่งเค่อ (1เค่อ:15นาที) ก็ได้ยินเสียงครื้นเครงอยู่อีกด้านหนึ่งของฝั่ง ผิดกับความเงียบสงบภายในเรือนที่พวกเขาจากมา
ฟางซินก้าวเดินขึ้นนำหน้า ใช้มือเล็กดันกำแพงสีน้ำตาลเข้มไม่ต่างจากพื้นดินให้เปิดออกพบความสว่าง จนได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงแจ่มชัดขึ้นในประสาทหู
"คุณชายอวี้วันนี้ท่านก็มาเร็วเช่นเคย"
ไป๋ชิงเพียงยิ้มรับคนงานชายที่ยืนเฝ้าหน้าประตูอย่างเป็มิตร ก่อนจะเปลี่ยนเป็เดินนำหน้าร่างเล็กเหมือนเดิม ก้าวออกหน้าประตูขึ้นสู่ห้องประจำของตน้า
"วันนี้พี่โจวรุ่ยขึ้นรำสินะเ้าคะ ช่างงดงามยิ่งนัก" ขณะก้าวขึ้นบันไดสายตาฟางซินก็สอดส่องทั่วอาคาร เรือนร่างผอมบางที่กำลังขยับโยกย้ายพริ้วไหวดุจสายน้ำเบื้องล่างเวที จึงกลายเป็จุดสนใจให้หญิงสาวในทันที
ยามดนตรีบรรเลงเนิบช้าเรือนร่างนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนไหวนุ่มนวล ก่อนจะเร่งเร้าขึ้นตามเสียงดนตรี ช่างเป็การแสดงที่งดงามยิ่งนักแม้จะเป็เพียงแค่การซ้อมก็ตาม
"เ้านี่ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนงามไปเสียหมด ไม่ลองขยับเข้าไปเอ่ยชมเขาใกล้ ๆ เล่า เพื่อโจวรุ่ยจะตบรางวัลให้อย่างงาม"
"ไม่ดีกว่าเ้าค่ะ แหะ ๆ" มือเล็กอดไม่ได้ที่จะยกลูบวนตำแหน่งเดิมที่เคยถูกตบ ฝ่ามือโจวรุ่ยแม้จะเรียวบาง แต่กลับมีแรงตบมหาศาล เล่นเอานางหัวนูนไปหลายวัน
สาเหตุที่นางโดนนั้นย่อมไม่ต่างจากนายท่าน แม้ภายนอกจะดูอ่อนหวานงดงาม ทว่าโจวรุ่ยกลับเป็บุรุษไม่ต่างจากนายท่านของนาง เขาย่อมไม่ชอบคำชมเยี่ยงเอ่ยชมอิสตรีเช่นนั้น
"ว่าไงอาฟางมาแล้วหรือ"
"มาแล้วเ้าค่ะ ท่านเ้าหอ"
"เป็อย่างไร ชุดที่เสี่ยวไป๋สั่งตัดให้รอบนี้มาส่งหรือยัง"
"มะ มาแล้วเ้าค่ะ"
"เช่นนั้นรึ เป็อย่างไร สวมใส่ได้พอดีหรือไม่ มีโอกาสก็ใส่มาให้ข้าเชยชมบ้างเล่า" ไห่เกอยกยิ้มแพรวพราวเมื่อเห็นใบหน้าสาวใช้ตัวน้อยขึ้นสีแดงก่ำ รีบงุดกายใช้ร่างสหายเป็กำบังให้พ้นจากสายตาเขา
"หลีกทาง ข้าจะเข้าห้อง" ไป๋ชิงไม่พูดเปล่า ยกเท้าเขี่ยร่างหนาเบื้องหน้าที่ขว้างทางเกะกะ ก่อนจะจับจูงมือเล็กสาวใช้เข้าห้องด้านใน ไม่สนเสียงแร้งเสียงกาที่คอยรังควานอยู่ด้านนอก
"จำไว้นะ เสี่ยวไป๋ขี้งก ข้าขอดูบ้างทำเป็หวง กระต่ายน้อยตื่นกลัวขึ้นมาข้าไม่ช่วยด้วย"
ฟางซินมองความสัมพันธ์ของเ้านายกับท่านเ้าหอด้วยความคุ้นชิน ไม่ว่ากี่ครั้งท่านเ้าหอก็ชอบหยอกล้อให้นายท่านหงุดหงิดอยู่ร่ำไป ทว่าแท้จริงนางทราบดี ว่าทั้งคู่ต่างเป็ทั้งเ้านายและสหายที่คอยพึ่งพากันตลอดมา
ว่าแต่นายท่านเลี้ยงกระต่ายั้แ่เมื่อใด ท่านเ้าหอถึงกล่าวเช่นนั้นออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้