สายตาของเซียวเฉินจับนิ่งไปยังเฟิงอวิ๋นเสียงที่อยู่ด้านข้าง ดวงตามีประกายเย็นเยียบ คมกริบดุจกระบี่ ทำให้สีหน้าของเฟิงอวิ๋นเสียงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ทำไม หรือว่าเ้าจะกลับคำ อย่าลืมนะว่าเื้ัของข้ามีคนที่พวกเ้าล่วงเกินไม่ได้ ถ้าสำนึกตัวแล้วก็ทำตามสัญญาก่อนหน้านี้เสีย จากนั้นส่งข้ากลับสถานศึกษาชางหวง ไม่เช่นนั้นพวกเ้าทุกคนต้องตายอย่างอนาถ”
เซียวเฉินเพิ่งเข้าสถานศึกษาจึงไม่รู้จักคนหนุนหลังเฟิงอวิ๋นเสียง ทว่าสีหน้าของสือเทียนและหลินคุนสองพี่น้องแปรเปลี่ยนในพริบตา มองเฟิงอวิ๋นเสียงด้วยสายตาโกรธเคือง
“ต่ำช้า!”
เฟิงอวิ๋นเสียงหัวเราะอย่างเหิมเกริม “กลัวแล้วสินะ ฮ่าๆ”
เซียวเฉินหันหน้ามามองหลินคุน “พี่ใหญ่หลิน เฟิงอวิ๋นเสียงคนนี้เป็ใคร?”
หลินคุนสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นเอ่ยว่า “คนที่อยู่เื้ัเฟิงอวิ๋นเสียงคือพี่ชายของเขา ศิษย์สำนักในของสถานศึกษาชางหวง ความสามารถแข็งแกร่งมาก จัดอยู่ลำดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวงของสำนักใน มีความสามารถขั้นตานฟ้า”
เซียวเฉินมุ่นคิ้ว
เฟิงอวิ๋นเสียงเห็นสีหน้าของพวกเซียวเฉินสี่คนก็ยิ่งกระหยิ่มใจแล้วตวาดใส่พวกเขาว่า “ยังไม่รีบนำผลึกสัตว์ของข้าออกมาอีก สือเทียนเ้ามาพยุงข้า”
สีหน้าท่าทางเหมือนนายท่าน
แม้สือเทียนจะมีโทสะ แต่เมื่อคิดถึงพี่ชายของเฟิงอวิ๋นเสียงก็จำต้องอดกลั้นไว้ สือเทียนกำลังจะเดินมาพยุงเขา แต่กลับถูกเซียวเฉินยกมือขวางไว้
เฟิงอวิ๋นเสียงขมวดคิ้ว
“เซียวเฉิน อย่าทำเหมือนว่าเ้าไม่รู้จักดีชั่ว เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้พี่ชายกำจัดเ้า” เฟิงอวิ๋นเสียงส่งเสียงข่มขู่ หลินคุนกับสือเทียนต่างส่งสายตาให้เซียวเฉิน แต่เซียวเฉินกลับทำเป็มองไม่เห็น สองมือเปี่ยมพลังเสวียนอย่างเป็ธรรมชาติ
เฟิงอวิ๋นเสียงมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าแตกตื่น ไม่รู้ว่าเหตุใดน้ำเสียงจึงสั่น “เซียวเฉิน เ้า...เ้าจะทำอะไร?”
“เซียวเฉิน อย่าหุนหัน”
หลินหนิงเรียกเซียวเฉินเอาไว้ นางดูออกว่าเซียวเฉินคิดจะลงมือกับเฟิงอวิ๋นเสียง แต่พี่ชายของเฟิงอวิ๋นเสียงเป็ถึงศิษย์สำนักใน ยิ่งกว่านั้นยังเป็ผู้มีพร์ที่มีชื่อบนผังชางหวงด้วย แม้เซียวเฉินจะมีความสามารถอันโดดเด่น แต่ถึงศิษย์สำนักนอกจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าศิษย์สำนักใน
นี่คือเื่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น พี่ชายของเฟิงอวิ๋นเสียงยังเป็ผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้า
ยิ่งไม่ใช่คนที่เซียวเฉินสามารถเทียบได้
แค่ความแตกต่างของระดับขั้นก็เพียงพอที่จะกดทับเขาได้แล้ว
แม้เซียวเฉินสามารถสังหารสัตว์ปิศาจระดับหกที่เทียบได้กับขั้นตานฟ้า แต่สัตว์ปิศาจกลับเทียบกับผู้ฝึกยุทธเผ่ามนุษย์ไม่ได้ ดังนั้น หากเซียวเฉินสังหารเฟิงอวิ๋นเสียง เขาก็จะตอแยความยุ่งยากไม่จบไม่สิ้น
“เซียวเฉิน เ้ากล้าสังหารข้าหรือ?” เฟิงอวิ๋นเสียงถลึงตาใส่เซียวเฉิน
เซียวเฉินยิ้ม “มีอันใดไม่กล้า”
เห็นแววตาเ็าเป็น้ำแข็งของเซียวเฉิน เฟิงอวิ๋นเสียงก็แตกตื่นสุดขีด สีหน้าเหิมเกริมปลาสนาการไปสิ้น เอ่ยเสียงสั่นเทาว่า “เซียวเฉิน ขอแค่เ้าพาข้ากลับสถานศึกษาชางหวง ข้าไม่เอาผลึกสัตว์แล้วก็ได้ ว่าอย่างไร?”
“เซียวเฉิน ฆ่าเขาแล้วเกรงว่าจะตอแยความยุ่งยาก”
สือเทียนส่งเสียง หลินคุนและหลินหนิงที่อยู่ด้านข้างก็ผงกศีรษะในเวลาเดียวกัน
“พวกเ้านึกว่าพาเขากลับสถานศึกษาชางหวงแล้ว เขาจะปล่อยพวกเราไปหรือ ออกไปล่าสัตว์ปิศาจ พวกเราปลอดภัยกลับมา ส่วนเขากลับได้รับาเ็สาหัส เ้านึกว่าพี่ชายเขาจะปล่อยพวกเราไปหรือ?” เซียวเฉินถามกลับ พวกหลินคุนเงียบ
จำต้องบอกว่า เซียวเฉินมองได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าพวกเขา พวกเขามองเฟิงอวิ๋นเสียงแวบหนึ่ง ด้วยนิสัยของเขา ต้องแก้แค้นแน่นอน ถ้าพาเขากลับไปจริง เกรงว่าจะเป็คราวเคราะห์ของพวกเขาแล้ว
แต่สิ่งที่เซียวเฉินกล่าวไยพวกเขาจะไม่รู้? พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินศิษย์สำนักในและล่วงเกินไม่ได้ด้วย!
มองความลังเลในดวงตาของพวกเขาออก เซียวเฉินจิ้มนิ้ว ยิงแสงสีทองออก แปรสภาพเป็กระบี่แสงเสวียนเล่มหนึ่ง คมกระบี่ในมือของเซียวเฉินสะบัด รังสีกระบี่ตรงเข้าหาเฟิงอวิ๋นเสียง เฟิงอวิ๋นเสียงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“อย่าฆ่าข้า ข้าสาบาน ข้าจะไม่...อ๊า...”
เฟิงอวิ๋นเสียงะโลั่นอย่างใกลัว แต่เซียวเฉินกลับเฉยเมย เจตนาสังหารในดวงตากระเพื่อมไหว
“คำพูดของเ้าเชื่อถือไม่ได้ แม้แต่ชีวิตของสหายร่วมทางก็ทิ้งได้เหมือนรองเท้า เ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่อเ้าหรือ? คนต่ำช้าเช่นเ้า สมควรถูกสังหารทิ้งเสียในกระบี่เดียว”
ฉับ!
รังสีกระบี่วาบผ่าน ศีรษะของเฟิงอวิ๋นเสียงหลุดลอย
โลหิตสดพุ่งเป็สาย!
คนทั้งสามตะลึง เซียวเฉินฆ่าเฟิงอวิ๋นเสียงแล้ว
จากนั้นกระบี่แสงเสวียนในมือก็กลายเป็จุดแสงและสลายไป เซียวเฉินหันมามองพวกหลินคุนสามคน แล้วเอ่ยช้าๆ “พี่ใหญ่หลิน ข้ารู้ว่าพวกเ้าไม่คิดจะล่วงเกินพี่ชายของเฟิงอวิ๋นเสียง ดังนั้น หากพี่ชายเขามาหา ให้บอกไปได้เลยว่าข้าเป็คนลงมือฆ่าเขาเอง”
มองซากศพของเฟิงอวิ๋นเสียงแวบหนึ่ง เซียวเฉินยิ้มชืดชา มีพี่ชายขั้นตานฟ้าคนหนึ่งแล้วจะทำอะไรได้ กระบี่ของข้ายังสามารถสังหารเ้าได้ดังเดิม!
หลินคุนมองเซียวเฉินแล้วยิ้ม
นิสัยของเซียวเฉินค่อนข้างถูกใจเขา ดังนั้น เขาจึงตบบ่าของเซียวเฉินแล้วยิ้มเอ่ย “เดิมทียังกริ่งเกรงพี่ชายของเขามาหาเื่ ในเมื่อฆ่าแล้วก็ฆ่าไป ยังมีอันใดต้องเกรงกลัวอีก หากพี่ชายของเขามาหาจริงๆ พวกเราจะแบกรับด้วย”
สือเทียนที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ย “ใช่ พวกเราก็ไม่ใช่คนรักตัวกลัวตาย”
หลินหนิงก็แสดงท่าทีเช่นกัน “คนเช่นนี้สมควรตายไปตั้งนานแล้ว”
เซียวเฉินมองคนทั้งสามแล้วเผยรอยยิ้มเจิดจ้า มองสามคนตรงเบื้องหน้า เขารู้สึกอบอุ่นใจเช่นก่อนหน้านี้ สหายสามคนนี้คู่ควรให้เขาคบหาด้วยใจจริง
จากนั้นเซียวเฉินเดินไปข้างกายเฟิงอวิ๋นเสียงแล้วนำแหวนเก็บของของเขาออกมาลบรอยประทับการรับรู้ของเขาทิ้ง จากนั้นเก็บใส่แหวนเก็บของของตนเอง คนชอบข่มเหงผู้อื่นอย่างเฟิงอวิ๋นเสียงต้องเก็บสิ่งล้ำค่าไว้มากมายเป็แน่ ครั้งนี้ตนเองเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย
เซียวเฉินเดินมาถึงเบื้องหน้าของคนทั้งสาม จากนั้นเอ่ย “พี่ใหญ่หลิน พวกเราออกมาระยะหนึ่งแล้ว ได้เวลากลับสถานศึกษาชางหวงเสียที”
เมื่อกลับถึงสถานศึกษาชางหวง หลินคุนนำผลึกสัตว์ที่ล่าได้ในหลายวันนี้ออกมา มีทั้งหมดห้าสิบกว่าเม็ด
เห็นผลึกสัตว์เต็มถุงหลายคนนั้นก็ยิ้ม สุดท้ายได้คนละสิบสองก้อน ส่วนสิ่งที่เซียวเฉินได้รับยังรวมผลึกสัตว์ปิศาจระดับห้าและและผลึกสัตว์ของพยัคฆ์มารหน้าผีสัตว์ปิศาจระดับหกที่ตนเองสังหารด้วย พวกเขาไม่ได้ไปแลกรางวัลของสถานศึกษา แต่เก็บไว้ใช้ฝึกบำเพ็ญเองทั้งหมด
ก่อนไป เซียวเฉินบอกสือเทียนและหลินคุนสองพี่น้องว่า “พี่ใหญ่หลิน ศิษย์พี่หลินหนิง พี่ใหญ่สือเทียน หากมีธุระก็แวะมาหาข้าได้”
หลังแยกกัน เซียวเฉินตรงกลับที่พักของเขา แต่เมื่อมาถึงประตูกลับพบว่าประตูห้องของตนเองเปิดอยู่ เซียวเฉินใ มีคนมาที่นี่!
หัวขโมย?
เซียวเฉินเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วกลับอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
เพราะ “หัวขโมย” คนนั้นคือมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
“ศิษย์พี่มู่หรง เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” เซียวเฉินมองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้มขื่น เมื่อครู่ตนเองยังนึกว่าเจอโจรเสียแล้ว แต่ตอนนี้มานึกดู ห้องของตนเองไม่มีอะไรให้ขโมยจริงๆ เพราะข้าวของทั้งหมดของตนเองอยู่ในแหวนเก็บของ ส่วนสิ่งที่เหลือคือสิ่งของของคนอื่นๆ ในสถานศึกษาชางหวง...
“ทำไม ข้ามาไม่ได้หรือ?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มพลางเอ่ย นางซึ่งเดิมเกิดมางามพิลาสอยู่แล้ว เดี๋ยวยิ้มแย้มเดี๋ยวมุ่นคิ้วยิ่งสวยจับใจมากขึ้น
“ได้ ได้แน่นอน” เซียวเฉินกล่าว
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองพินิจเซียวเฉิน แล้วจุปากเอ่ย “เพิ่งเข้าสถานศึกษาชางหวงได้ไม่นานก็แล่นไปทั่ว สารภาพข้ามาตามตรง ไปเกี้ยวพาแม่นางน้อยที่ใดมา”
ว่าแล้ว ดวงตาโตก็จ้องอย่างมีมาดอยู่หลายส่วน ทว่าไม่มีโทสะ สองมือเท้าสะเอว กลับเหมือนภรรยาซักไซ้บุรุษของตนว่าไปนอกใจที่ใดมา
เซียวเฉินส่งเสียงหัวเราะ “จะเป็ไปได้อย่างไร ข้ามีธุระจึงออกไปหลายวัน”
“ยังไม่สารภาพมาตามตรงอีก”
“ล่าสัตว์ปิศาจ” เซียวเฉินกล่าว “ผลึกสัตว์มีประโยชน์มากต่อการฝึกบำเพ็ญ ดังนั้น ข้าจึงออกไปล่าสัตว์ปิศาจที่ลำธารกลางหุบเขาฮว่าหลงกับสหายหลายคน เก็บเกี่ยวได้ไม่เลวเลย”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็นำผลึกสัตว์ออกมา พริบตา มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็สงบนิ่ง เนื่องจากมีผลึกสัตว์ปิศาจระดับหกหนึ่งก้อนและผลึกสัตว์ปิศาจระดับห้าหนึ่งก้อนนอนอยู่บนโต๊ะของเซียวเฉิน!
“สหายของเ้าร้ายกาจขนาดนั้นเลยหรือ ฆ่ากระทั่งสัตว์ปิศาจระดับหกได้?” ดวงตาของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีแววตื่นตะลึง
เซียวเฉินหมดวาจา
“เหตุใดข้าจึงเป็คนฆ่าไม่ได้?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปรายตามองเขาแล้วเอ่ย “จะเป็ไปได้อย่างไร? เ้ามีความสามารถแค่ไหนพี่สาวจะไม่รู้เชียวหรือ”
เซียวเฉิน “...”