ทุกครั้งที่หยางเฉินออกไปข้างนอกกับโม่เชี่ยนนี สถานที่ที่เขาไปมักเป็ที่แปลกๆ เสมอ
ครั้งแรกเป็บริษัทของพวกนักเลงครั้งที่สองเป็ร้านขายอาหารรสจัดจ้านริมแม่น้ำถึงแม้หยางเฉินจะเตรียมตัวมาก่อนแล้ว แต่ทันทีที่ไปถึงสิ่งที่เห็นนั้นทำให้หยางเฉินถึงกับพูดไม่ออก
เบื้องหน้าพวกเขาคือบริษัทรับเหมาก่อสร้างจงหนานแต่จุดที่พวกเขามานั่นเป็สถานที่ที่บริษัทนี้กำลังก่อสร้างอยู่นั่นเอง ทั้งคานเหล็กปูนซีเมนต์ และเศษหินดินทรายต่างๆ ฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มไปทั่วคล้ายหมอกในตอนกลางวัน
สภาพแวดล้อมที่นี่เต็มไปด้วยคนงานก่อสร้างสวมหมวกกันน็อคสีเหลืองบางคนเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีบรอนซ์เงางามเหงื่อไหลอาบกายที่ชุ่มเปียกไปถึงกางเกงในใบหน้าของพวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยเศษดินและฝุ่นแน่นอนคุณอาจจะคิดว่าพวกเขากำลังร้องไห้เมื่อพวกเขายิ้มให้คุณ
ผู้คนมักจะบอกว่าบ้านเมืองนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากหยาดเหงื่อของชาวบ้านแต่ทำไมไม่มีใครบอกเลยว่าตึกระฟ้านั่นก็ถูกสร้างขึ้นจากหยาดเหงื่อของคนงานก่อสร้างเหมือนกัน?
"เอ่อคุณโม่ครับ แน่ใจนะครับว่าเรามาถูกที่" หยางเฉินมองโม่เชี่ยนนีที่อยู่ในชุดสวยเขาสงสัยว่ารองเท้าบู๊ทส้นสูงของเธอจะทนได้สักกี่น้ำ
โม่เชี่ยนนีเช็ดเหงื่อบนหน้าผากออก กล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า
"ฉันบอกให้นายตามมาไม่ได้บอกให้นายพูดจาไร้สาระ!"
หยางเฉินยิ้มแย้มเขาไม่สนใจคำพูดของโม่เชี่ยนนีเลยแม้แต่น้อย
โม่เชี่ยนนีไม่สนใจหยางเฉิน เธอยังคงเดินไปข้างหน้าเดินเข้าไปหาหัวหน้าคนงานวัยกลางในชุดเครื่องแบบจงหนานคอร์ปอเรชั่นสีฟ้าซึ่งเป็ผู้ดูแลคนงานส่งปูนซีเมนต์
"สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าสำนักงานของไซต์ก่อสร้างนี้อยู่ที่ไหนเหรอคะ?"โม่เชี่ยนนีถามอย่างสุภาพ
หัวหน้าคนงานจ้องมองโม่เชี่ยนนีด้วยความประหลาดใจเขางุนงงว่าทำไมสาวสวยเช่นนี้ถึงมาในสถานที่ก่อสร้างอันสกปรกเช่นนี้ เขาเดาว่าเธออาจเป็พนักงานในหน่วยงานของรัฐบาลดังนั้นเขาจึงต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มและบอกที่ตั้งของสำนักงานไปอย่างถี่ถ้วน
สถานที่ที่เรียกว่า''สำนักงาน''นั้นเป็ที่พักพิงชั่วคราวของบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่โดยปกติมันค่อนข้างเป็สถานที่ที่สะดวกสบายอยู่ไม่น้อย มีทั้งแอร์ทั้งโทรทัศน์อยู่ภายใน
ภายในสำนักงานมีเพียงโต๊ะไม้ขนาดใหญ่มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนสวมชุดสูทสีเทานั่งอยู่ เขากำลังคุยโทรศัพท์แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นโม่เชี่ยนนีและหยางเฉินมันก็ต้องตกตะลึงในความงามของเธอ มันมองไปที่ทั้งสองและด้วยสายตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
มันรีบวางโทรศัพท์ส่งยิ้มให้โม่เชี่ยนนี พร้อมยื่นมือออกมากล่าวว่า "ให้ช่วยอะไรมั้ยครับคุณผู้หญิง?"
โม่เชี่ยนนีเมินมือของชายอ้วนอย่างเป็ธรรมชาติพลางกล่าวว่า "จางฟู่กุ้ยอยู่ที่ไหนเหรอคะฉันมาที่นี่เพื่อรับเขาค่ะ"
แม้ว่าชายอ้วนจะไม่ได้จับมือมันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แต่เมื่อมันได้ยินชื่อ ''จางฟู่กุ้ย'' ดวงตาของมันก็แทบถลนออกมานอกเบ้า
"คุณคือลูกสาวจางฟู้กุ้ยเหรอครับ?"
โม่เชี่ยนนีขมวดคิ้วแต่เธอก็พยักหน้าตอบไป
"ใช่ค่ะ"
หยางเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยความสนใจเขาไม่เคยคิดว่าพ่อของโม่เชี่ยนนีจะอยู่ที่นี่เขาจำได้ว่าโม่เชี่ยนนีเคยบอกว่าพ่อของเธอตายไปนานแล้วซึ่งหมายความว่านี้จางฟู่กุ้ยคนนี้ย่อมเป็พ่อเลี้ยงของเธอ
"คุณนำเงินมาหรือเปล่า?"สิ้นเสียงชายอ้วนกล่าวดังนั้นก็เปลี่ยนไปเป็คนละคนมันมองมาที่โม่เชี่ยนนีด้วยท่าทีเหนือกว่าทันที
โม่เชี่ยนนีล้วงมือไปหยิบปึกเงินสีแดงในกระเป๋าดูเหมือนมันจะเป็เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
"นี่เป็เงินจำนวนห้าพันหยวน ปล่อยเขาได้แล้ว"
"ห้าพัน?"ชายอ้วนหัวเราะออกมาดังๆ
"ห้าพันมันหนี้ก่อนหน้านี้ตอนนี้มันมากกว่านั้นแล้ว"
"อะไรนะ!?"ใบหน้าของโม่เชี่ยนนีเปลี่ยนเป็ปั้นยากทันทีเธอพยายามระงับความโกรธของเธอก่อนกล่าวไปว่า "เขาเล่นเสียอีกแล้ว!?"
ชายอ้วนจุดบุหรี่ในปากก่อนชี้ไปที่ห้องถัดไปพร้อมกล่าวว่า
"คุณไปดูด้วยตาตัวเองจะดีกว่า"
โม่เชี่ยนนีได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากสำนักงานอย่างรวดเร็วพร้อมตรงไปที่ห้องข้างเคียง เปิดประตูเข้าไปอย่างฉับพลัน
ทันทีที่ประตูถูกเปิดกลิ่นฉุนของควันบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็โชยออกมาจากภายในห้องพักโม่เชี่ยนนีถึงกับสำลักและไอทันที
ภายในห้องมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้อยู่หลายตัว บนโต๊ะเต็มไปด้วยไพ่ป๊อกและไพ่นกกระจอก บนพื้นซีเมนต์ยังเต็มไปด้วยก้นบุหรี่และขวดเบียร์เปล่าอีกทั้งหลอดไฟสองดวงภายในห้องยังทำให้เกิดแสงไฟสลัว
ในขณะนี้มีชายแปดคนกำลังยืมล้อมวงอยู่ที่โต๊ะใหญ่สุดตรงกลางห้องและมีชายสองคนอยู่ภายในวงล้อมกำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่
ชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมีทรงผมที่หวีขึ้น และคาบบุหรี่ในปาก ขาข้างหนึ่งวางอยู่บนเก้าอี้มีลักษณะท่าทางผ่อนคลาย
อีกคนหนึ่งสวมเสื้อสีเหลืองแขนสั้นสีหน้าดูหดหู่ ขอบตาและหน้าผากมีริ้วรอยแห่งวัย ใบหน้าซูบตอบคล้ายคนอมโรค
เมื่อคนในห้องสังเกตเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามาเป็หญิงสาวสวยน่ารักดวงตาของพวกมันก็ส่องประกายเจิดจ้าเหมือนฝูงไฮยีน่าจ้องมองเหยื่อทันที
มีเพียงชายวัยกลางคนใบหน้าตอบเผยร่องรอยแห่งความสุขออกมาทางใบหน้ามันรีบวิ่งเข้าไปคว้าไหล่โม่เชี่ยนนีอย่างสุดพลัง
"เชี่ยนนีเร็วเข้าเอาเงินมาให้ฉันหน่อย ฉันจะแก้มือ เร็วเข้า!!!"
โม่เชี่ยนนีรู้สึกเ็ปที่ไหล่ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อต้าน เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มเสียใจว่า
"คุณ้าเท่าไร"
"ทั้งหมดที่เธอมีเลยคราวนี้ล่ะ ฉันจะเอากลับมาให้หมดเลย!!!" ชายคนนั้นะโออกมาอย่างบ้าคลั่งราวพบเจออะไรที่ท้าทายอย่างมาก
ในตอนนี้คนอื่นๆต่างเข้าใจเื่ราวทั้งหมดแล้ว และชายผมเสยเองก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายทันที
"สาวน้อยคนนี้คงจะเป็ลูกสาวของจางฟู่กุ้ยคุณพ่อของเธอติดหนี้ฉันต้าจุนผู้นี้อยู่สองหมื่นเธอต้องจ่ายก่อนฉันถึงจะให้เขาเล่นต่อได้"
ใบหน้าจางฟู่กุ้ยบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธเขาหันกลับมากะโกนว่า
"อย่าชะล่าใจไปต้าจุน!ฉันจะเล่นกับแกอีกครั้ง!และเมื่อถึงเวลาแกนั่นแหละจะเป็คนติดหนี้ฉัน!"
"สองหมื่น..."โม่เชี่ยนนีหน้าซีด เธอมองจางฟู่กุ้ยจากทางด้านหลังกล่าวว่า "คุณพ่อเล่นเสียจากห้าพันกลายเป็สองหมื่นภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่!?"
"ฉัน..."จางฟู่กุ้ยหันกลับมาและเห็นโม่เชี่ยนนีน้ำตาคลอสุดท้ายมันก็พูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า"ก่อนหน้านี้ฉันแค่พลาดไปหน่อยเดียวเอง ไม่ต้องกังวลนะนีซี่ พ่อจะเอาคืนมันทั้งหมดเอง!"
"พลาด?กี่ปีแล้วที่คุณพลาด? คุณรู้หรือไม่ว่าเงินทั้งหมดที่เสียไปมันสามารถซื้อคอนโดในเมืองจงไห่ได้เลย!?"โม่เชี่ยนนีไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
จางฟู่กุ้ยได้ยินดังนั้นก็อยากจะบันดาลโทสะแต่เมื่อคิดว่าเขาไม่มีเงินแล้วและยังคงต้องพึ่งพาลูกสาว เขาก็เผยท่าทางอ่อนโยนและยอมจำนนด้วยรอยยิ้ม
"นีซี่อย่าพูดอย่างนั้นสิ คนเรามักมี่เวลาที่เลวร้ายของชีวิตถึงเธอจะร้องไห้ไปเงินมันก็ไม่อาจกลับมาทางเดียวที่เราจะนำมันกลับมาได้คือต้องชนะเท่านั้น!"
"คุณบอกว่าคุณมาจงไห่เพื่อทำงาน คุณบอกฉันว่าคุณอยู่ที่นี่เพื่อแบกปูนซีเมนต์!แต่แค่วันเดียวคุณก็มาเล่นพนันเสียแล้ว!!"
จางฟู่กุ้ยถูกบีบคั้นจนไม่อาจทำอย่างไรได้มันะโออกมาเสียงอันดังว่า
"หุบปาก!เอาเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!"
"ฉันไม่ให้!คุณเล่นเสียเอง คุณก็ต้องจ่ายเองได้!" โม่เชี่ยนนีเตรียมตัวจากไปในทันที
แต่ทันใดนั้นเองจางฟู่กุ้ยก็เปลี่ยนเป็บ้าคลั่งมันเข้าไปคว้ากระเป๋าโม่เชี่ยนนีอย่างรุนแรง
"เร็วเข้าเอาเงินมาให้ข้า!"
"ปล่อยฉันนะ!!"
โม่เชี่ยนนีเป็แค่ผู้หญิงธรรมดาย่อมไม่สามารถสู้แรงของผู้ชายได้เธอพยายามยื้อแย่งกระเป๋าคืนจนเกือบจะไม่สามารถรั้งมันไว้ได้
คนภายในห้องพักต่างหัวเราะอย่างสนุกสนานในความโชคร้ายของผู้อื่น
"จางฟู่กุ้ย แกนี่มันไร้ค่าจริงๆแม้แต่ลูกสาวยังไม่ฟัง!"
"แม้แต่ลูกสาวของแกก็ยังไม่ช่วยเหลือสมแล้วที่เป็หมาแก่ ฮ่าๆๆ..."
จางฟู่กุ้ยทั้งเสียเงินทั้งเสียหน้าอารมณ์กลับกลายเป็โกรธเคืองพร้อมเงื้อมือเตรียมตบโม่เชี่ยนนี
โม่เชี่ยนนีเห็นมือของจางฟู่กุ้ยง้างขึ้นมาแล้วแต่เธอก็ยังไม่ปล่อยมือจากกระเป๋า กลับกันเธอหลับตาหันหน้าไปอีกทางสีหน้าเต็มไปด้วยความเ็ปและทรมาน
ในขณะนั้นเองมือที่ควรตบกลับค้างอยู่กลางอากาศและจางฟู่กุ้ยก็พบว่ามันไม่สามารถขยับมือข้างนั้นได้
"เฮ้ยดูเหมือนลูกสาวของคุณจะไม่ได้เอาเงินของคุณไป คุณทำร้ายเธอไปทำไมกัน?"หยางเฉินยืนอยู่ข้างๆ โม่เชี่ยนนีไม่มีใครทราบว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ั้แ่เมื่อไร
จางฟู่กุ้ยเปลี่ยนเป็ตะลึงงัน "แกเป็ใคร?"
"ฉันเป็ใครไม่สำคัญที่สำคัญคือคุณจะตีเธอไม่ได้เด็ดขาด แล้วก็เอาเงินของเธอไปไม่ได้ด้วย"หยางเฉินตอบ
"นี่เป็เื่ภายในครอบครัวฉัน้าที่จะใช้เงินของลูกสาวของฉัน แกจะทำไม!?ฉันจะตีลูกสาวของฉันแล้วแกจะทำไม ฮะ!?" จางฟู่กุ้ยะโอย่างท้าทาย
"ถ้าคุณแข็งแกร่งจริงๆทำไมคุณไม่ไปต่อสู้กับพวกนั้นล่ะ ตามที่ฉันรู้โม่เชี่ยนนีไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของคุณอย่าจองหองให้มันมากเกินไปนัก" หยางเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเขาปล่อยมือจางฟู่กุ้ยออกทำให้มันถึงกับเซไปด้านหลัง
โม่เชี่ยนนีที่เตรียมพร้อมรับแรงตบนั้นเมื่อเห็นหยางเฉินยืนอยู่ด้านหน้า เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในแต่เมื่อคิดถึงพ่อเลี้ยงที่ติดพนัน ทั้งยัง้าจะทำร้ายเธอนั่นทำให้เธอรู้สึกเศร้าโศกจนถึงขีดสุดและไม่สามารถอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงเช็ดน้ำตาให้เธอและในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเธอต้องพาเขามาที่นี่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะกล้าต่อกรเพียงลำพัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้